Connectivity – ช่อง
ช่องต่อของ JBL Link bar จะอยู่ที่บริเวณด้านหลังของเครื่อง จำนวนและความหลากหลายพอร์ตก็ถือว่ามีมาให้อย่างครบครันโดยช่องต่อ HDMI นั้นจะมีมาให้ทั้งหมดด้วยกัน 4 ช่อง ทั้งหมดจะรองรับการส่งผ่านสัญญาณภาพระดับ 4K HDR ได้ทั้งหมด โดยจะมีช่อง HDMI 1 ช่องสำหรับการเป็น HDMI Output (ARC) เพื่อใช้งานร่วมกับทีวีและการส่งสัญญาณเสียงจากทีวีย้อนกลับมาที่ซาวด์บาร์
นอกเหนือจากช่อง HDMI แล้วตัวซาวด์บาร์ก็ยังมีช่อง Ethernet LAN, AUX แบบ 3.5 , Optical สำหรับการส่งสัญญาณเสียงไว้ด้วย โดยสิ่งที่ขาดก็คงเป็นเพียงช่องต่อแบบ USB สำหรับการเชื่อมต่อ External HDD, Flashdrive นั่นเอง ทั้งนี้บริเวณด้านหลังยังมีปุ่มสำหรับการจับคู่ซับวูฟเฟอร์แบบไร้สายเอาไว้ด้วย (ซับวูฟเฟอร์มีการวางจำหน่ายแยกต่างหาก)
Extra – เพิ่มเติม
อย่างที่บอกตั้งแต่ในช่วงของการเกริ่นนำแล้วว่า JBL Link Bar นั้นเป็นซาวด์บาร์รุ่นแรกในโลกที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android TV แท้ๆ ที่ส่งตรงมาจาก Google เลย ซึ่งถ้าจะให้พูดตรงๆ เจ้าซาวด์บาร์รุ่นนี้ก็เปรียบได้เหมือนกับกล่อง Andriod TV ที่มีลำโพงมาในตัวนั่นเอง
ซึ่งการใช้งานแอปต่างๆ บน JBL Link Bar ก็ไม่มีข้อแตกต่างจากกล่อง Set-top Box หรือทีวีแบรนด์ที่เลือกใช้ Android TV ทั้งการที่มาพร้อมกับแอปพลิเคชั่นที่มีให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย, การสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ผ่านรีโมทคอนโทรลหรือจะเป็นการสั่งงานด้วยเสียงโดยตรงกับซาวด์บาร์เพียงแค่พูดว่า Hey Google ก็ทำได้ แถมด้วยยังมีการติดตั้ง Chromecast Bulit-in มาให้ในตัวยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ด้านความลื่นไหลในการใช้งานก็ทำได้น่าประทับใจ การเปิด – ปิดแอปพลิเคชั่นต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว การสลับแอปพลิเคชั่น ไป – มา ก็ทำได้ไม่มีสะดุด และถือเป็นจุดที่เป็นข้อดีมากๆ เพราะว่าใครที่ต้องการเลือกซื้อซาวด์บาร์รุ่นนี้ไปจับคู่กับทีวีรุ่นเก่าเพื่อเปลี่ยนให้ทีวีเหล่านั้นกลายเป็นสมาร์ททีวีได้แบบเต็มรูปแบบแถมยังเพิ่มและเติมเต็มด้านเสียงไปได้อีกขั้นถือว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่งครับ