04 Oct 2019
Review

รีวิวหนัง Joker – โจ๊กเกอร์ เศร้า หดหู่ คุณภาพระดับออสการ์


  • lcdtvthailand

ถ้าจะมีตัวร้ายในหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นที่น่าจดจำ หนึ่งในนั้นก็คงไม่พ้นโจ๊กเกอร์ ตัวตลกโหดจากแบทแมนแน่ๆ แต่คงไม่มีใครคิดหมือนกันว่าวันหนึ่งโจ๊กเกอร์จะมีหนังเป็นของตัวเอง กับการดำดิ่งลงสู่ความบ้าคลั่งของอาเธอร์ เฟล็กซ์ (Joaquin Phoenix) นักแสดงตลกที่อยู่ในนครก็อทแธมที่กำลังประสบภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและเกิดจลาจลไม่เว้นวัน

ต้องบอกไว้ก่อนว่าหนังเดี่ยวโจ๊กเกอร์ไม่ได้เป็นหนังแอ็คชั่นหรือหนังที่ดูไว้เสพความบันเทิงแต่อย่างใด แต่กลับเป็นหนังดราม่าระทึกขวัญที่มืดหม่น รุนแรงโหดเหี้ยมที่นำเสนอการก้าวเข้าสู่ความบ้าคลั่งของจิตใจของอาเธอร์ทีละนิด หนังไม่ได้มองอาเธอร์ว่าเป็นฮีโร่ หรือตัวร้าย แต่เหมือนเป็นเหยื่อคนหนึ่งของสังคม ที่ถูกกีดกันและละเลยจากสังคมและผู้มีอำนาจที่ควรเอาใจใส่คนอย่างเขา เราจะเห็นอาเธอร์ค่อยๆกลายเป็นโจ๊กเกอร์ทีละนิดผ่านความเจ็บปวดทีละขั้น ซึ่งหนังก็นำเสนอออกมาได้อย่างชวนอึดอัดและน่าขนลุกมากทีเดียว

หนังประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างบรรยากาศอึดอัดทั้งเรื่อง ทั้งจากดนตรีที่หม่นเศร้า และตัวของอาเธอร์เองที่แสดงกิริยาแปลกผิดคนปกติจนชวนขนลุกแต่ก็น่าสงสารอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตัวของอาเธอร์เองนั้น Joaquin Phoenix ก็ถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมาได้ดี ทั้งน่ากลัวและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน หลายฉากที่อาเธอร์ต้องแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนมากๆอย่างการห้ามไม่ให้ตัวเองหัวเราะ (อาเธอร์มีอาการทางจิตที่จะหัวเราะเวลาเครียดอย่างควบคุมไม่ได้) หรือแม้กระทั่งการระเบิดเสียงหัวเราะมาแบบคุมไม่ได้เหมือนเขื่อนแตก เขาก็ถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างน่าหดหู่และชวนสยองในเวลาเดียวกัน จึงไม่แปลกใจที่หลายๆเสียงจะเชียร์ให้เขาชิงออสการ์ เพราะเขาทำได้ดีจริงๆ

โทนของหนังเองก็ดิบและมืดมนจนเราแทบจะลืมไปเลยว่ามันเป็นหนังจากหนังสือการ์ตูน(หากไม่มีชื่อโธมัส เวย์นหรือก็อทแธมแล้วเราอาจลืมไปโดยสนิทเลยก็ได้) มันถ่ายทอดสภาพสังคมที่บิดเบี้ยวและทรุดโทรมได้อย่างสมจริงและน่ากลัว การถ่ายภาพเองก็ออกมาอึดอัดและสวยงามในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงที่อาเธอร์ค่อยๆกลายเป็นโจ๊กเกอร์ช้าๆที่มันให้อารมณ์ของความน่ากลัวผสมกับความงดงามได้ลงตัวอย่างประหลาด

ถึงอย่างนั้นJokerก็ไม่ใช่หนังที่เหมาะสำหรับทุกคน โทนเรื่องที่ชวนหดหู่อาจทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจได้เหมือนกัน แม้ว่ามันจะดูเหมือนหนังแมสแต่โทนของมันนั้นค่อนข้างไปทางหนังอิสระที่เล่นกับอารมณ์ของมันอย่างสุดขั้ว แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นหนังสำรวจจิตจที่แตกสลายของคนๆหนึ่งที่ทำออกมาได้ดีมากทีเดียว และถือว่าแปลกใหม่อยู่เหมือนกันสำหรับหนังจากแฟรนไซส์ซูเปอร์ฮีโร่ดังๆเรื่องหนึ่ง

คะแนน 8.5/10