25 Jul 2017
Review

รีวิว KEF LS50 Wireless คู่เดียวจบทั้งระบบ เชื่อมต่อครบครัน ให้เสียงสมจริงระดับ Studio Monitor


  • lcdtvthailand

Features – ลูกเล่น

ฟีเจอร์ที่เป็นหัวใจหลักของ KEF LS50 Wireless คือการหลอมรวมซิสเต็มการฟังเพลงขนาดใหญ่ ขจัดความยุ่งยากในเรื่องการทำระบบ Hi-Fi ที่ต้องประกอบด้วยเครื่องเล่น แอมป์ รวมถึงสายสัญญาณต่างๆ มากมาย ให้เหลือเพียงแค่ลำโพงคู่เดียวชนิด All in One เล่นเพลงผ่านสมาร์ทโฟน เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่เน้นความไร้สาย โดยไม่ทิ้งคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi

เพราะลำโพงทั้ง 2 ฝั่ง ได้บิลต์อิน DAC, ปรีแอมป์ และเพาเวอร์แอมป์มาในตัว โดยหลักการทำงานของ LS50 Wireless ก็ไม่ธรรมดา ทุกสัญญาณเสียงไม่ว่าจากอินพุตไหนก็ตาม จะถูกแปลงสัญญาณเป็นดิจิตอล ส่งต่อไปยังปรีแอมป์ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลของการใช้สาย CAT6 แทนสายลำโพงแบบปกติ เพื่อให้สามารถถ่ายทอดสัญญาณดิจิตอลจากลำโพงฝั่งขวา มายังฝั่งซ้ายได้อย่างรวดเร็วสมบูรณ์

มัดรวมภาคขยายทั้งหมด เอาไว้ที่ลำโพง!

การทำงานของลำโพงทั้ง 2 ฝั่ง จะแยกออกจากกันโดนอิสระ สัญญาณเสียงดิจิตอลนี้จะถูกส่งมาที่ปรีแอมป์ของแต่ละฝั่ง ประมวลสัญญาณตามการตั้งค่าของผู้ใช้งาน แยกสัญญาณเสียง Crossover ออกจากกันเป็น 2 ทาง ระหว่างเสียงย่านสูงและกลาง/ต่ำ ส่งผ่านไปยัง DAC เปรียบเสมือนประตูกล แปลงสัญญาณดิจิตอลมาเป็นอะนาล็อก รองรับสัญญาณเสียงได้สูงถึง 24-bit/192kHz ยกเว้น Optical เท่านั้นที่ถูกจำกัดเพียง 96kHz

จากนั้นสัญญาณเสียงทั้ง 2 อย่างที่ผ่าน DAC มาแล้ว จะไปสู่กระบวนการสุดท้ายคือแอมป์ของแต่ละย่าน ในย่านสูงจะเป็นคลาส A/B กำลังขับ 30W ขยายเสียงมายังทวีตเตอร์ ส่วนย่านกลาง/ต่ำ จะเป็นคลาส D กำลังขับ 200W ถ่ายทอดเสียงมาที่วูฟเฟอร์นั่นเอง ผสานกับการออกแบบ Heat Sink ด้านหลังลำโพงให้มีขนาดค่อนข้างหนา หมดปัญหาเรื่องความร้อนจากกำลังขับที่สูงขนาดนี้

ออกแบบอย่างปราณีต ให้ความสวยงามควบคู่กับความคงทน

ความน่าสนใจยังไม่หมด ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเล่น แต่ก็เหมือนได้เครื่องเล่นคุณภาพสูงมาแล้ว LS50 Wireless รองรับการสตรีมมิ่ง ฟังเพลงไร้สายผ่านการใช้งานบนสมาร์ทโฟน ด้วย Bluetooth และ Wi-Fi ซึ่งการสตรีมมิ่งผ่าน Wi-Fi จำต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “LS50 Wireless” ชื่อเดียวกับรุ่นเลย ลงในสมาร์ทโฟนเสียก่อน ได้ทั้ง iOS และ Android

*** อัพเดท 27/10/2017 : LS50 Wireless เพิ่มการรองรับสตรีมมิ่ง Spotify  อ้างอิง

วิธีการใช้งานนั้น เมื่อเข้าแอพฯ ตัวแอพฯ จะถามหาลำโพงเพื่อเชื่อมต่อ ให้เลือกอินพุตของลำโพงมาที่ Wi-Fi หากสัญลักษณ์แจ้งเตือนที่จอลำโพง ขึ้นกระพริบเป็นสีแดงสลับขาว หมายถึงสามารถเชื่อมต่อได้ แต่ถ้ากระพริบเป็นสีขาวให้ไปทำการรีเซ็ต (ที่ปุ่ม Reset ด้านหลังลำโพง จิ้มค้างไว้ประมาณ 3 วินาที) รอสักครู่แอพฯ จะขึ้นชื่อลำโพงที่มองเห็น กดเชื่อมต่อได้เลย แล้วเลือกเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในบ้านของผู้ใช้งาน

เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อย แอพฯ จะพามาสู่หน้าแรก สามารถเลือกปรับแต่งตั้งค่าของลำโพงได้ตามใจผู้ใช้งาน ไม่ต้องกลัวว่ามือใหม่จะงง เข้าใจง่าย ปรับเลือกตามการใช้งานจริง ตัวลำโพงจะปรับแต่งไฟน์จูนให้ตามความเหมาะสม จากนั้นก็ท่องโลกแห่งเพลงกันเลย ผ่านคลังเพลงเซิฟเวอร์NAS, ไฟล์เพลงจากสมาร์ทโฟน หรือบริการสตรีมมิ่ง Tidal สำหรับใครที่อยากฟัง Tidal อย่าลืมปรับคุณภาพเสียงให้เป็นระดับ Hi-Fi

เลือกปรับแต่งได้ค่อนข้างลึกและทั่วถึง ใช้งานได้ไม่ยากเย็น

Sound – เสียง

มาถึงเรื่องของเสียงกันแล้ว อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบจะใช้สายสัญญาณ CAT6 ที่ให้มาในชุด ยกเว้นสายไฟที่เป็นของ Velocita รุ่น Siena V เพื่อช่วยขจัดสากเสี้ยนจากไฟสกปรก สร้างแบ็คกราวน์ที่เงียบสงัด ยิ่งเป็นลำโพงแอคทีฟ ยิ่งต้องการไฟที่เสถียร นับว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องชมของลำโพงรุ่นนี้ ที่รองรับสายไฟ IEC เอื้อต่อการอัพเกรด

เริ่มต้นทำการทดสอบด้วยการสตรีมมิ่ง Tidal ก่อนเลย ด้วยคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi ทันทีที่สตรีมก็พบกับความประทับใจแรก อยู่ที่ความรวดเร็วในการสตรีมของแอพฯ ให้ความรวดเร็วทันใจไม่ต่างกับการใช้งานผ่าน Bluetooth ให้ความต่อเนื่องในการฟัง (อินเทอร์เน็ตเองก็ต้องมีความเร็วระดับหนึ่งด้วย) ไม่มีอาการดีเลย์หรือค้างให้เห็น

เพลงที่ใช้ทดสอบนั้นมีหลากหลายแนวเลย ขอยกตัวอย่างที่เห็นชัดเจนเลยคือเพลง That”s Was i Like ของศิลปิน Bruno Mars เป็นเพลงที่มีความไฮบริด ผสมผสานกันระหว่าง Jazz และ R&B ขึ้นต้นเพลงด้วยเบสที่สดเด้งกับเสียงคีย์บอร์ดนุ่มๆ แค่อินโทรก็ต้องยิ้มแล้ว เพราะ LS50 Wireless ตอบสนองได้อย่างคมชัดเป็นลูกๆ

ไม่ใช่แค่แนวนี้ แนวเพลงอื่นๆ อย่างร็อก เมทัล หรือแม้แต่เพลงลูกทุ่ง LS50 Wireless ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาได้เสนาะหู คมชัดสะอาด ไม่รกรุงรัง หรือสร้างความอึดอัดขุ่นเคืองระคายหูเลยสักนิด

มาขยี้กันต่อด้วยเสียงร้องของ Bruno Mars ที่ปลายเสียงมีความแผดเล็กน้อยเวลาเน้นอารมณ์เพลง เป็นเอกลักษณ์ของเขาเลย ลำโพงรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มีความเป็นมอนิเตอร์สูงมาก ถ่ายทอดเสียงกลางได้คม ชัดเจน เสียงร้องลอยออกมาแบบเนื้อๆ ไม่ได้กลืนหายไปกับดนตรี ภาคดนตรีก็ไม่ได้บางหรือตีกันมั่ว ให้ไดนามิคได้เยี่ยม รับรู้ถึงทิศทางและเสียงเครื่องดนตรีแต่ละตัว มีความเป็นธรรมชาติสมจริง ให้เสียงที่เป็นกลาง ไม่เทน้ำหนักไปแนวเสียงด้านไหนด้านหนึ่ง ใครที่ชอบสไตล์เสียงแบบสมจริงต้องฟินกันแน่นอน

แต่ก็ใช่ว่าลำโพงที่ให้ความเป็นกลางสูงเช่นนี้ จะสร้างความฟินได้เสมอไป เมื่อลองสลับมาฟังเพลงความละเอียดตั้งแต่ Lossless ไล่มาจน Lossy ตรงจุดนี้เห็นความแตกต่างของเสียงอย่างเห็นได้ชัด เป็นการเบิกโสตที่แท้จริง! (ใครที่แยกเสียงของไฟล์ที่มีความละเอียดต่างกันไม่ออก แนะนำให้ลำโพงหรือหูฟังมอนิเตอร์ที่ให้ความเป็นกลางสูงมาลองทดสอบกันดู) เพราะเสียงที่ได้จากความละเอียดต่ำนั้น จะเผยความ เละ ของย่านเสียงที่หายไปจากไฟล์เหล่านั้นออกมาอย่างชัดเจน ลำโพงนี้จึงไม่เหมาะที่จะฟังกับความละเอียดต่ำเท่าไรนัก

คลืปทดสอบเสียง KEF LS50 Wireless

ทดสอบกันต่อด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับทีวีบ้าง จากการเล่นแผ่น Blu-ray ต่อเข้าทีวีแล้วบิตสตรีมต่อมายัง LS50 Wireless ใช้แผ่นคอนเสิร์ต “Robbie Williams live at Royal Albert Hall 2001” นอกจากเสียงร้องของ Robbie Williams แล้ว ความโดดเด่นยังอยู่ที่เครื่องเป่าทองเหลือง ซึ่งลำโพงรุ่นนี้ก็ยังรักษาความดีงามเอาไว้อยู่ ไม่อูมหรือแปร๋นจนเกินงาม คงคาแร็กเตอร์ของเครื่องเป่าทองเหลืองเอาไว้ ด้านความสมดุลย์และความกว้างของเวทีเสียงก็ได้อรรถรสยอดเยี่ยม ให้ความกว้างลึกมีมิติ ฟังเพลินกันถ้วนหน้า

ลำพังเสียงเบสที่ได้จาก LS50 Wireless ก็เพียงพอจนถึงเหมาะสมต่อการฟังเพลงอยู่แล้ว แต่หากต้องการดูหนัง อยากได้ความกระแทกกระทั้นมากขึ้น ตัวลำโพงก็มีช่องต่อเอ๊าท์พุตไปซับวูฟเฟอร์ พร้อมปรับจูน เลือกระดับจุดตัดย่านความถี่ได้ด้วยตัวเองผ่านแอพฯ รวมถึงการเลือกปิด/เปิดใช้งานซับวูฟเฟอร์ โดยไม่ต้องถอดสายที่ตัวลำโพงให้ยุ่งยาก

ขจัดปัญหาเรื่องเบสบางที่มักพบในลำโพงแอคทีฟ ด้วยกำลังขับย่านกลาง/ต่ำขนาด 200W ถูกใจชาว Bass Lover ได้สบายๆ

ปิดท้ายการทดสอบเสียงด้วยการฟังแผ่นไวนิล เชื่อมต่อผ่านช่องอะนาล็อก RCA ซึ่งคอนเท็นต์ประเภทไวนิลนั้น มีจุดเด่นที่ความหวานนุ่มกลมกล่อมจากอะนาล็อก เป็นการท้าทาย LS50 Wireless ที่เป็นดิจิตอลเต็มตัว หลังจากได้ฟังอัลบั้มบันทึกการแสดงสดของ Norah Jones ไปเรียบร้อย พบว่าเสียงที่ได้ ให้อารมณ์ใกล้เคียงลำโพง Passive เลยทีเดียว

ระบบ DSP ของลำโพงไม่ทำให้ผิดหวัง ทำการประมวลผลและถ่ายทอดเสียงได้แบบกลมกล่อม ราวกับลำโพง Passive จากที่ก่อนฟังคิดไว้ว่าต้องกระโชกโฮกฮากดุดันตามสไตล์ลำโพงแอคทีฟ รักษามนต์ขลังของแผ่นไวนิลได้อย่างดี แต่จุดสังเกตที่สัมผัสได้คือรายละเอียดในเรื่องของบรรยากาศเสียงและไดนามิค ที่ LS50 Wireless ให้ได้มากกว่ารุ่นเก่า ให้ความชัดเจนเป็นกลาง เข้าถึงได้ง่ายทั้งมือใหม่และสาย Audiophile

เครื่องเล่นไวนิลที่ใช้ทดสอบคือ Thorens รุ่น TD 240-2 และ Phono จาก Thorens เช่นกัน รุ่น MM 005