กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะครัชคุณผู้อ่านและมิตรรักแฟนเพลง HOMETHEATERTHAILAND.COM มาในครั้งนี้มีใครพอจะทราบใหม่เอ่ยว่าครั้งนี้กระผมจะหอบหิ้วอะไรมาให้ได้รับชมกันนะ ก่อนอื่นต้องขอบอกใบ้กันสักเล็กน้อยว่ารีวิวนี้จะเป็นวัตถุที่มีลักษณะรูปทรงเป็นตู้สี่เหลี่ยมลูกบาศก์เล็กๆ ขนาดกำลังดี… เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลากระผมต้องขอบอกว่ามันคือ “ลำโพงแบบตั้งโต๊ะระดับมืออาชีพ” นั่นเอง ซึ่งหลังๆ ก็มีหลายท่านถามไถ่กันมากันเยอะว่าอยากให้เราได้รีวิวลำโพงที่เหมาะแก่การนำไปใช้งานคู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวโปรดกันบ้าง ทำให้ครั้งนี้กระผมจึงจัดให้ตามคำขอเลยจ้า
สำหรับลำโพงจำพวกนี้มักจะพบเห็นได้ตาม Studio ตัดต่อทางด้านเสียงที่ต้องการรายละเอียดเสียงที่ชัดเจนและครบถ้วนทุกย่านเสียง ซึ่งบางท่านอาจจะมักเรียกสั้นๆ ว่าลำโพง Monitor หรือไม่ก็เรียกว่าลำโพง Desktop ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความเคยชินของแต่ละท่าน จะว่าไปครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ทางเว็บไซต์ของเราได้เคยนำเอาลำโพงชนิดนี้มารีวิวให้ได้รับชมกันบ้างแล้ว
โดยตัวลำโพงแบบตั้งโต๊ะที่กระผมได้นำมารีวิวในครั้งนี้จะเป็นลำโพงระดับ Digital Hi-Fi ที่ส่งตรงมาจากเมืองผู้ดีหรือที่เรามักเรียกกันว่าประเทศอังกฤษ ถ้าเห็นโลโก้จากภาพด้านบนหลายท่านคงจะพอทราบกันแล้วว่าแบรนด์ที่กระผมกำลังจะพูดถึงในวันนี้ก็คือ KEF นั่นเอง สำหรับลำโพงตัวขาวๆ ที่อยู่ในภาพด้านบนนั้นจะเป็นรุ่น X300A Wireless จุดเด่นของมันนนั้นจะเป็นลำโพงที่เน้นการใช้งานในระยะใกล้หู (Near Field) ของผู้ใช้งาน จึงทำให้วัตถุประสงค์การใช้งานหลักคือการใช้เป็นลำโพงคอมพิวเตอร์ ด้วยการเชื่อมต่อผ่านทาง USB DAC 96kHz/24-bit ที่อยู่บนตัวของลำโพงได้ทันที
อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญสำหรับเจ้า KEF X300A คือรุ่นที่กระผมจะได้รีวิวให้คุณผู้อ่านได้รับชมกันในครั้งนี้จะลงท้ายชื่อรุ่นด้วยคำว่า “Wireless” นั่นก็หมายความว่ารุ่นนี้จะรองรับการเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์พกพาจำโพง iOS device และ Android device ด้วย ทั้งนี้บนตัวของลำโพงเองยังรองรับการเชื่อมต่อเข้ากับระบบเน็ตเวิร์คภายในบ้านผ่านทางสาย LAN ด้วยเช่นกัน ถ้าหากจะให้พูดถึงสเปคทั้งหมดวันนี้คงไม่จบแน่ๆ กระผมจึงได้ใส่ตารางสเปคแบบคร่าวๆ มาให้ได้รับชมกันที่ด้านล่างนี้อีกด้วย
KEF X300A Wireless | |
System type | Two-way bass reflex |
Drive units | Uni-Q driver array: HF: 25mm (1in.) vented aluminium dome LF/MF: 130mm (5.25in.) magnesium/ aluminium alloy |
Frequency response (+/- 3dB) | 58Hz – 28kHz |
Frequency range (- 6dB) | 49Hz – 45kHz |
Max peak SPL | 104dB |
Amplifier type | Twin Class -AB |
Amplifier power | LF: 50W, HF: 20W |
Analogue input | AUX: 3.5mm stereo jack |
Digital input Resolution Sampling rate | USB: Mini USB Type B connector Up to 24-bit Up to 96kHz, depending on source resolution |
Wireless standard | IEEE 802.11b/g on 2.4GHz |
Network connection | 802.11b/g wireless 100 Base-T, RJ45 Ethernet |
Wireless network streaming | DLNA: V1.5 Digital Media Renderer (DMR) AirPlay: AirPlay works with iPhone, iPad and iPod touch with iOS 4.3.3 or later, Mac with OS X Mountain Lion (10.8.0) or later, and Mac or PC with iTunes 10.2.2 or later |
Finish | Linear White, Gunmetal |
Dimensions (H x W x D) | Without heatsink: 280 x 180 x 215mm (11.0 x 7.1 x 8.5 in.) With heatsink: 280 x 180 x 243mm (11.0 x 7.1 x 9.6 in.) |
Weight | 7.5kg (16.5lbs) per speaker |
Design – การออกแบบ
หลังจากที่ได้พาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักและดูรายละเอียดเบื้องต้นของ KEF X300A Wireless ซึ่งเป็นลำโพงแบบตั้งโต๊ะ (Desktop) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตเป็นหลัก ก่อนที่เราจะได้ไปดูเรื่องของการนำไปใช้งานจริงต้องขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านมาไล่ดูที่งานดีไซน์ และการออกแบบไดร์เวอร์ภายในชุดลำโพงชุดนี้กันสักเล็กน้อย ซึ่งถ้าหากพร้อมแล้วไปไล่ชมเทคโนโลยีและความงามของลำโพงชุดนี้กันได้เลย
สำหรับเจ้า KEF X300A Wireless ที่เราได้รับมารีวิวในครั้งนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ Linear White (เป็นสีขาวที่มีลวดลายเส้นอยู่บนพื้นผิว) และ Gunmetal (ออกโทนสีดำแต่บนพื้นผิวจะออกแนวด้านเล็กน้อย) ส่วนในรุ่น KEF X300A ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายนั้นจะมีให้เลือกเพียงสีเดียว ก็คือ Gunmetal เท่านั้น
โดยที่ด้านหน้าของตู้ลำโพงนั้นจะเป็นไม้ที่ถูกประกบเข้าไปทั้งแผ่นและหากมองเข้าไปใกล้ๆ หรือเอามือเข้าไปแตะสัมผัสจะรู้สึกได้เลยว่าวัสดุที่หุ้มพื้นผิวของตัวบอดี้ที่อยู่ชั้นนอกสุดนั้นจะมีลวดลายเส้นที่มีลักษณะขรุขระขึ้นมาเล็กน้อย จึงทำให้ตัวของเจ้า KEF X300A Wireless มีความหรูหราขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และยังทำให้รู้สึกว่าถ้ามีไว้ตั้งบนโต๊ะทำงานสักชุดคงจะไฮโซมิใช่น้อย
หมายเหตุ ที่บริเวณด้านบนของไดร์เวอร์ข้างซ้ายจะมีไฟล์แสดงสถานะการเชื่อมต่อซ่อนอยู่ จากภาพด้านบนจะเห็นว่ามีลักษณะเป็นรูเล็กๆ
จากภาพด้านบนจะแสดงให้เห็นว่าภายในไดร์เวอร์ที่มีชื่อว่า “Uni-Q driver array” โดยเจ้าไดร์เวอร์ชนิดนี้จะรวมเอาไดร์เวอร์หลายๆ ชนิดรวมเข้าไว้ในตัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นได้เวอร์ที่ให้เสียงกลาง เสียงสูง และเสียงต่ำ ส่วนของโครงสร้างภายในนั้นได้ถูกออกแบบให้เป็นตู้แบบ Two-way bass reflex นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกำลังขับรวมกันที่มากถึงเกือบๆ 200 วัตต์อีกด้วย
โดยตัวของไดร์เวอร์แบบ Uni-Q driver array จะประกอบด้วย
1. HF: 25mm (1in.) vented aluminium dome
2. LF/MF: 130mm (5.25in.) magnesium / aluminium alloy
จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าลำโพงข้างซ้าย (ซ้ายของรูป) และข้างขวานั้นจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เป็นส่วนของการเชื่อมต่อที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับสเปคและกำลังขับทั้งสองข้างต่างเหมือนกันทุกประการ โดยที่ลำโพงข้างซ้ายจะเป็นลำโพงข้างหลักที่รวมเอาส่วนของ Input ต่างๆ มาไว้ที่ข้างนี้สังเกตง่ายๆ คือข้างนี้จะมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อเข้ากับสาย LAN ด้วย
นอกจากนี้ส่วนที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างลำโพงทั้งสองข้างเข้าหากันนั้นจะไม่มีการใช้สายลำโพงแบบทั่วไป สายลำโพงแบบ RCA และสายลำโพงแบบ XLR ในการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงระหว่างกันแต่อย่างใด ซึ่งจะใช้การเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่านทางสาย USB to mini USB แทนเท่านั้น เพราะว่าบนตัวของลำโพงจะมี DAC 96kHz/24-bit และแอมปลิฟายเออร์ Class-AB ติดมาให้ในตัว จึงทำให้มีความสะดวกต่อการใช้งานคู่กับคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบพกพา แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์พกพาชนิดอื่นๆ อย่างแท้จริง
สำหรับการรองรับการเชื่อมต่อและการปรับแต่งการใช้งานต่างๆ บนส่วนที่เป็นลำโพงข้างขวาจะมีดังนี้
1. ช่องต่อสายไฟ Power ขนาด 220-240V / 50Hz
2. พอร์ต USB สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณเสียงไปยังลำโพงข้างขวา
3. ปุ่ม Power สำหรับ เปิด-ปิด ลำโพง และยังใช้ในเป็นปุมสำหรับซิงค์สัญญาณเสียงไร้สายจากอุปกรณ์พกพาต่างๆ อีกด้วย
4. mini USB IN ใช้สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณดิจิตอล (เสียง) จากคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และคอมพิวเตอร์แบบพกพามายังเจ้า KEF X300A Wireless
5. AUX IN ใช้เชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากเครื่องเล่น MP3, สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และอุปกรณ์พกพาชนิดอื่นๆ
6. วอลุ่ม GAIN สำหรับใช้ปรับระดับความดังของลำโพง
7. พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับระบบเน็ตเวิร์คผ่านทางสาย LAN (จะอยู่ทางด้านบนสุดของลำโพง)
8. สวิตซ์ EQ สำหรับปรับรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสมมีให้เลือกทั้งแบบ STAND (วางกับหิ้ง) และ DESK (ใช้งานในลักษณะตั้งโต๊ะ)
การที่ลำโพงทั้ง 2 ข้าง มีฮีทซิงก์เหมือนกัน พร้อมๆ กับมีจุดเชื่อมต่อสายไฟ เนื่องจากติดตั้งวงจรภาคขยาย Class-AB สำหรับลำโพงแต่ละข้าง แยกอิสระของใครของมัน และในส่วนของภาคขยายที่ติดตั้งมาสำหรับลำโพงแต่ละข้างนี้ ยังออกแบบแยกขับตัวขับเสียงสูง (20 วัตต์) และตัวขับเสียงกลาง-ต่ำ (50 วัตต์) หรือที่เรียกว่า Bi-amp นั่นเอง
ส่วนของช่องต่อและปุ่มสำหรับปรับแต่งค่าต่างๆ นั้นจะประกอบด้วย
1. วอลุ่ม BALANCE สำหรับใช้ปรับระดับความสมดุลของลำโพง
2. พอร์ต mini USB ที่ใช้รับสัญญาณเสียงมาจากลำโพงข้างซ้าย
3. ช่องต่อสายไฟ Power ขนาด 220-240V / 50Hz ที่แยกกันอย่างอิสระต่อกันทั้งลำโพงข้างซ้ายและข้างขวา