29 Jan 2019
Review

รีวิว Klipsch S1 หูฟัง True Wireless เสียงดุดันหนักแน่น แต่ราคาสุดเป็นมิตร!!! | LCDTVTHAILAND


  • tormoo

หลังจากที่ผู้ผลิตลำโพงชื่อดังอย่าง Klipsch ได้เปิดตัวหูฟังแบบ True Wireless แบบพรีเมี่ยมรุ่นแรกของแบรนด์ไปอย่าง Klipsch T5 กันไปเมื่อปีที่แล้วพร้อมด้วยเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ที่รักในเสียงเพลงทั่วโลก 

ซึ่ง Klipsch ก็ไม่รอช้าที่จะสานต่อความสำเร็จของหูฟังรุ่นพี่อย่าง T5 ด้วยการเปิดตัว Klipsch S1 ซึ่งเป็นหูฟังแบบ True Wireless ในเรนจ์ราคาระดับกลางที่มาพร้อมกับเสียงอันเป็นเอกลักษณ์และฟีเจอร์อัดแน่นไม่น้อยหน้าใครมาเสริมช่องว่างในไลน์อัพหูฟังที่ Klipsch ยังคงขาดไปอยู่

และแน่นอนครับเกริ่นกันมาขนาดนี้แล้วในครั้งนี้ทีมงาน LCDTVTHAILAND ก็จะพาทุกท่านมารู้จักกับ Klipsch S1 True Wirelss Earphone หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดของ Klipsch กันแบบเจาะลึกทุกรายละเอียดกันเลยว่าหูฟังรุ่นนี้มีอะไรที่น่าสนใจและมีความคุ้มค่ามากแค่ไหนเดี๋ยวมาติดตามกันในรีวิวนี้ได้เลยครับ!!

หูฟังแบบ True-Wireless 

ส่งสัญญาณผ่าน Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 

รองรับการถอดรหัสสัญญาณทั้ง AAC, SBC

ตัวหูฟังใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 5 ชั่วโมง

เคสชาร์จสามารถชาร์จหูฟังได้ทั้งหมด 16 ชั่วโมง (รองรับการชาร์จไร้สาย)

– ราคาเปิดตัว 4,990 บาท

ดีไซน์

มาแกะกล่องของเจ้า Klipsch S1 กันเลยดีกว่า สำหรับของที่อยู่ภายในแพ็คเกจจะประกอบไปด้วย หูฟัง, เคสชาร์จ, สาย Micro USB 2 เส้น (มีทั้งแบบยาวและสั้น) , จุกหูฟังสำหรับเปลี่ยน 1 คู่ และแท่นชาร์จไร้สายที่ทาง Klipsch แถมมาให้ใช้งานกันแบบฟรีๆ!! (คุ้มมาก)

แท่นชาร์จไร้สายที่แถมมาให้ในแพ็คเกจ (รองรับมาตรฐาน Qi สามารชาร์จสมาร์ทโฟนได้ด้วย)
ตอนชาร์จไฟจะมีไฟแสดงสว่างสีน้ำเงินสวยงามมาก

เคสชาร์จหูฟังของ Klipsch S1 นั้นจะมาในรูปทรงกระทัดรัดเคสมีขนาดเล็กกว่าฝ่ามือโดยตัวเคสชาร์จนั้นจะใช้วัสดุที่เป็นพลาสติกสีดำ Matte Black ดูมีความแข็งแรงทนทานและดุดันตามสไตล์ของแบรนด์ Klipsch ด้านฝาปิดเคสจะเป็นแบบพลาสติกแบบใสพร้อมสกรีนโลโก้ให้เห็นกันแบบชัดเจน 

เคสชาร์จดีไซน์ดุดัน!!

ด้านในของเคสชาร์จจะมีไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรี่ของเคสไว้ด้วย เราสามารถมองเห็นสถานะของแบตเตอรี่ได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดฝาเคสออกมาดูแต่อย่างไร เคสจะมีพอร์ต Micro USB สำหรับการชาร์จ 1 พอร์ต และรองรับการชาร์จแบบไร้สายผ่านแท่นชาร์จที่แถมมาในแพ็คเกจ ตัวเคสสามารถชาร์จหูฟังได้ทั้งหมด 16 ชั่วโมง

เคสหูฟังขนาดไม่ใหญ่มากสามารถเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงได้เลย

มาต่อกันที่ตัวหูฟังบ้างดีกว่าดีไซน์ของหูฟังก็จะมีรูปร่างคล้ายๆ กับถั่วหรือวงรีตัวหูฟังมีขนาดเล็กน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 5 กรัมเท่านั้น บริเวณด้านนอกจะมีการสกรีนโลโก้ของ Klipsch เอาไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัดตัวหูฟังจะไม่มีปุ่มสำหรับกด แต่การสั่งงานบนหูฟังทั้งการควบคุมเพลง, คุยโทรศัพท์จะเป็นการสัมผัสเพื่อเป็นการสั่งงานแทน ตัวหูฟังจะมีการติดตั้งไมโครโฟนไว้สำหรับใช้พูดคุยโทรศัพท์ไว้ด้วย

หูฟังตัวจิ๋วกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Klipsch
จะเห็นได้ว่าดีไซน์ของหูฟังจะมีลักษณะรองรับกับหูได้ดี

เมื่อลองใส่หูฟัง สิ่งแรกที่ขอชมเชยเลยสำหรับ Klipsch S1 นั่นก็คือความเบาของตัวหูฟังนั้นเบามากๆ แม้จะมีน้ำหนักที่เบาแต่การล็อคกับใบหูก็ทำได้อย่างดี แม้ว่าตัวผู้เขียนจะลองทำการสะบัดหัวแรงๆ หรือเดินไปเดินมาก็ตามตัวหูฟังก็ไม่มีอาการเลื่อนหลุดหรือขยับออกจากหูแต่อย่างไร ซึ่งเมื่อใส่หูฟังก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวหูฟังนั้นทำให้เกิดอาการอึดอัดแต่อย่างไร 

ในส่วนจุกของหูฟังนั้นมีความนุ่มนวลกำลังดี จุกที่แถมมาให้จะเป็นซิลิโคนที่มีความอ่อนนุ่มอยู่พอสมควรสวมใส่นานๆ ก็ไม่อึดอัดครับ ซึ่งในแพ็คเกจของหูฟัง Klipsch S1 ก็จะมีจุกหูฟังให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาดทั้งขนาดกลางที่จะติดมากับตัวหูฟังอยู่แล้ว และ ขนาดเล็กที่จะอยู่ซองแยกอีกที 

สำหรับเรื่องระยะเวลาการใช้งานทาง Klipsch บอกไว้ว่าตัวหูฟังนั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมงเมื่อแบตเตอรี่เต็ม และตัวเคสยังสามารถชาร์จหูฟังได้รวมกันกว่า 16 ชั่วโมง ซึ่งจากตัวเลขที่แบรนด์อ้างนั้นก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในแต่ละวัน ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างการใช้งาน 

แถมระยะเวลาการชาร์จก็ถือว่าทำได้อย่างรวดเร็ว การชาร์จหูฟังจาก 0 – 100% ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้นและสำหรับการชาร์จเคสหูฟังจะใช้เวลามากกว่านิดหน่อยที่ประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาทีเท่านั้นเอง

สวมใส่ได้สบายแนบสนิทกับหูได้อย่างพอดี

เพิ่มเติม

มาส่วนเพิ่มเติมกันบ้าง Klipsch S1 เลือกใช้ไดร์เวอร์ขับเสียงขนาดใหญ่ 10 มม. ตอบสนองย่านความถี่ตั้งแต่ 20 – 20,000 KHz ตัวหูฟังจะใช้การส่งสัญญาณผ่าน Bluetooth 5.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Bluetooth เวอร์ชั่นล่าสุดในปัจจุบัน รองรับการถอดรหัสสัญญาณเสียงทั้ง SBC และ ACC ทาง Klipsch ได้เลือกใช้ไดร์เวอร์ที่ใหญ่เพื่อให้หูฟังรุ่นนี้สามารถแสดงพลังเสียงได้อย่างเต็มอิ่มและประทับใจผู้ฟังนั่นเอง 

ตัวหูฟังยังมีการติดตั้งไมโครโฟนสำหรับไว้ใช้รับสายสนทนาอีกด้วย หูฟังรุ่นนี้จะไม่มีฟีเจอร์ลดเสียงรบกวนแบบ cVc หรือ Noise Cancelling สำหรับเวลาใช้พูดคุยโทรศัพท์แต่ทาง Klipsch ได้ยืนยันว่าเสียงสนทนาผ่านหูฟังจะยังคงชัดเจนและคมชัดแน่นอน

ส่วนฟีเจอร์สำหรับคนที่ชอบการฟังเพลงขณะออกกำลังกายหูฟังรุ่นนี้ก็ผ่านการรับรองมาตรฐาน IPX4 ผู้ใช้งานสามารถนำหูฟังไปใช้ออกกำลังกายได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าละอองน้ำ, เหงื่อ หรือฝุ่นผงจะเข้าไปทำอันตรายต่อหูฟังครับ

วิธีการเชื่อมต่อ Bluetooth กับ Klipsch S1

1.นำตัวหูฟังออกจากเคสชาร์จ

2.เปิด Bluetooth และค้นหาหูฟังบนอุปกรณ์ที่ต้องการจะเชื่อมต่อหูฟัง

3.แตะที่ตัวหูฟังทั้งสองค้างไว้เป็นระเวลา 3 วินาทีจนมีไฟสีฟ้ากระพริบ

4.เลือกเชื่อมต่อกับ Klipsch S1 เมื่อเชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อยจะมีข้อความบอกว่าเชื่อมต่อสำเร็จ หูฟังก็พร้อมใช้งานได้ทันที

การสั่งงานบนตัวหูฟัง Klipsch S1

สำหรับ Klipsch S1 นั้นบนตัวหูฟังจะไม่มีปุ่มสำหรับกดแบบกลไกให้เราใช้งานกัน ทาง Klipsch เลือกที่จะให้ผู้ใช้งานนั้นสามารสั่งงานหูฟังด้วยการสัมผัสบนตัวหูฟังแทน ซึ่งการสั่งงานด้วยยระบบสัมผัสนี้มีข้อดีตรงที่หากผู้ใช้งานสวมใส่หูฟังไว้เพียงแค่แตะเบาๆ ก็สามารถสั่งงานได้แล้ว

แต่มีอีกจุดสังเกตว่าหูฟังรุ่นนี้ไม่สามารถกดคำสั่งเรียกใช้งานผู้ช่วยคำสั่งเสียงอย่าง Siri หรือ Google Assistant ผ่านตัวหูฟังได้แต่เมื่อมองถึงการใช้งานตรงนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักเพราะเราสามารถกดเรียกใช้ผู้ช่วยคำสั่งเสียงผ่านสมาร์ทโฟนโดยตรงได้อยู่ดี

ส่วนคำสั่งบนตัวหูฟังจะมีดังนี้

1. เล่นหรือหยุดเพลง: แตะหูฟังข้างใดก็ได้ 1 ครั้ง

2. เล่นเพลงถัดไป: แตะหูฟังด้านขวา 2 ครั้ง

3. ย้อนเพลงกลับไป: แตะหูฟังด้านซ้าย 2 ครั้ง

4. รับสายโทรศัพท์: แตะหูฟังข้างใดก็ได้ 1 ครั้ง

5. วางสาย: แตะหูฟังข้างใดก็ได้ 2 ครั้ง

6. สลับสายโทรศัพท์: แตะหูฟังข้างใดก็ได้ 1 ครั้งขณะอยู่ในสายสนทนา

7. อ่านข้อความเสียง: แตะที่ตัวหูฟังสองครั้งขณะมีข้อความเข้ามา (รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ)