29 Jan 2019
Review

รีวิว Klipsch S1 หูฟัง True Wireless เสียงดุดันหนักแน่น แต่ราคาสุดเป็นมิตร!!! | LCDTVTHAILAND


  • tormoo

เสียง

มาถึงกันการทดสอบเสียงกันแล้ว สำหรับเสียงของ Klipsch S1 ในครั้งแรกที่ฟังบอกเลยว่านี่หูฟังรุ่นนี้เป็นผลผลิตจากแบรนด์ Klipsch อย่างแน่นอนด้วยแนวเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความชัดเจนแต่ยังคงรายละเอียดของเพลงได้อย่างครบถ้วน เสียงย่านต่างๆ ไดนามิกเรนจ์ความดังเบาถือว่าตอบสนองได้เป็นอย่างดีน่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองฟังเลยแหละครับ

สำหรับการสวมใส่ต้องบอกเลยว่าสบายมากๆ ตัวหูฟังเมื่อใส่แล้วมีการปิดเสียงที่ค่อนข้างดีมากแม้ว่าตัวหูฟังเองจะไม่มีระบบ Active Noise Cancelling มาให้แต่การออกแบบหูฟังของทาง Klipsch นั้นมีการปิดซีลรูหูได้เป็นอย่างดีในลักษณะที่เกือบๆ จะเป็น In Ear Monitor เลยก็ว่าได้อันนี้ก็เป็นจุดที่ผู้เขียนค่อนข้างชื่นชอบครับ

หลังจากที่ลองฟังครั้งแรกไปแล้ว ทางทีมงานก็ขอทำการเบิร์นหูฟังอีกสักระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้หูฟังสามารถแสดงศักยภาพของเสียงได้อย่างเต็มที่นั่นเอง ซึ่งเมื่อ Klipsch S1 ผ่านขั้นตอนการเบิร์นเป็นที่เรียบร้อยแล้วสุ้มเสียงก็ดูจะเข้าที่เข้าทางขึ้นไปอีกจากตอนแรกที่น่าประทับใจอยู่แล้ว

เสียงย่านสูงถือว่ามีรายละเอียดที่ครบถ้วน ย่านกลางได้ยินชัดเจนมากยิ่งขึ้นสามารถแยกชิ้นของเครื่องดนตรีและเสียงประกอบได้ดีมาก รวมไปถึงเสียงย่านต่ำที่มีมวลน้ำหนักกำลังดี เรียกได้ว่าถ้าให้เปรียบคาแร็คเตอร์ของเสียงตัว Klipsch S1 น่าจะเรียกได้ว่า “ฟังสนุก แต่ยังคงความชัดเจนหนักแน่นตามแบบบฉบับ Kliplsch” ไว้ได้แบบนั้นเลย

Klipsch S1 ถือว่าเป็นหูฟังที่น่าประทับใจในตลอดช่วงการทดสอบจริงๆ ด้วยเสียงที่มีคาแรคเตอร์แบบชัดเจนเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่ได้มีจำกัดแนวเสียงว่าจะเหมาะกับเพลงบางแนวเท่านั้นแต่อย่างไร เราสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหลากหลายแนวบน Klipsch S1 ได้ไม่ว่าจะเป็น Jazz, Rock, Metal, Hip-Hop, Pop หรือแม้กระทั่ง Classic ซึ่งเจ้า Klipsch S1 สามารถรับมือได้หมดไม่มีปัญหา 

จะฟังเพลงแนวไหนก็ตอบโจทย์

ยกตัวอย่างกับเพลงที่เลือกมาทดสอบกับเพลง bury a friend ของศิลปินสาวน้อยหน้าใหม่ที่เพิ่งเขย่าวงการเพลงทั่วโลกอย่าง Billie Eilish ที่ตัวศิลปินเพิ่งจะคว้ารางวัล Grammy ครั้งที่  61 ไปสดๆ ร้อนๆ จากอัลบั้ม WHEN WE ALL FALL ASLEEP, WHERE DO WE GO? ซ้ำยังพ่วงด้วยรางวัล Best Engineer Album ไปอีกด้วย ซึ่งหูฟัง Klipsch S1 ก็สามารถถ่ายทอดรายละเอียดทั้งเสียงร้องเสียงเครื่องดนตรีและเสียงประกอบภายในเพลงได้อย่างดีเลยครับน่าประทับใจจริงๆ ครับ 

WHEN WE ALL FALL ASLEEP, WHERE DO WE GO? อัลบั้มชั้นยอดจาก Billie Eilish

หรือจะมาต่อกันที่เพลงเมทัล Rock อย่างเพลง Medicine จากอัลบั้ม amo ของวง Bring Me The Horizon และเป็นอีกครั้งที่ Klipsch S1 ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลยด้วยเสียงที่มีชัดเจนแต่ยังแฝงด้วยความกระชับและมวลเสียงที่หนักแน่นจากหูฟังทำให้การฟังเพลงนั้นเต็มอิ่มและเพลิดเพลินได้อย่างดีเลยครับ และอย่างที่บอกไปสำหรับเพลงแนวอื่นๆ ก็ทำได้ดีไม่แพ้เพลงที่ยกตัวอย่างมาเหมือนกันเรื่องเสียงนั้นคุ้มค่าคุ้มราคามากเลย

อัลบั้ม amo จากศิลปิน Bring Me The Horizon

จะเป็นที่น่าเสียดายอยู่ส่วนเดียวก็ตรงที่ว่าเจ้า Klipsch S1 รองรับเพียงแค่การถอดรหัสสัญญาณเสียงเฉพาะแบบ AAC และ SBC เท่านั้น ยังไม่รองรับการถอดรหัสสัญญาณเสียงขั้นสูงแบบ AptX ซึ่งถ้าหากอยากได้การถอดรหัสขั้นสูงแบบนั้นก็คงต้องไปเลือกซื้อหูฟังรุ่นพี่ในแบรนด์เดียวกันอย่าง Klipsch T5 แทน แต่เท่านี้ Klipsch S1 ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับน่าพอใจแล้วครับเมื่อเทียบกับราคาที่สบายกระเป๋าเงินกว่ารุ่นพี่อย่าง T5 ไปหนึ่งสเต็ป

ส่วนการใช้งานหูฟังของเราที่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้แค่การฟังเพลงเท่านั้นการชมภาพยนตร์ผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ Klipsch S1 สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีซึ่งเมื่อบวกกับการเป็นแบรนด์ Klipsch ด้วยแล้วการถ่ายทอดเสียงของภาพยนตร์นั้นดูเหมือนจะเป็นของถนัดจากแบรนด์นี้ซะด้วย 

ตัวหูฟังสามารถ่ายทอดเสียงบรรยากาศของหนังได้เป็นอย่างดี เสียงระเบิด เอฟเฟคต่างๆ เสียงพูดคุยของตัวละครนั้นชัดเจนมีมวลและน้ำหนักกำลังดี และที่สำคัญคือเสียงนั้นไม่มีอาการดีเลย์ไม่ตรงกับภาพเสียด้วยนั่นก็เพราะว่าทาง Klipsch เลือกที่จะใช้ Bluetooth 5.0 มาประจำการในหูฟังรุ่นนี้นั่นเอง เรียกได้ว่าถ้าหากจะเอาหูฟังรุ่นนี้ไปดูหนังหรือซีรีส์ก็ใช้ได้ดีเลยครับ

ตอบโจทย์การดูหนังเหมือนกัน!!

และด้วยความสามารถของ Bluetooth 5.0 ทำให้ระยะการใช้งานของหูฟังถือว่าครอบคลุมได้กว้างไกลพอสมควรสามารถใช้ภายในห้องระยะประมาณ 5 -7 เมตรได้ (ระยะห่างจากตัวอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่) จากการทดสอบก็ไม่เกิดอาการหลุดของสัญญาณแต่อย่างไร หรือจะเป็นการใช้งานในจุดที่มีคนเยอะก็ไม่มีอาการหลุดหรือมีสัญญาณแทรกซ้อนให้เห็น 

การเชื่อมต่อ Bluetooth ระหว่างอุปกรณ์กับตัวหูฟังก็ทำได้อย่างรวดเร็วมากๆ แม้แต่ในการจับคู่ครั้งแรกก็ไม่ต้องรอนานแถมหลังจากที่จับคู่แล้วเพียงแค่ยกหูฟังออกจากเคสชาร์จตัวหูฟังก็จะทำการจับคู่กับอุปกรณ์ให้แบบอัตโนมัติเลยด้วยเรียกได้ว่าหยิบออกมาก็ฟังได้เลยไม่ต้องมานั่งคอยต่อใหม่เรื่อยๆ นับว่าสะดวกมากๆ

ส่วนในเรื่องของการคุยโทรศัพท์นั้นหูฟังรุ่นนี้สามารถทำได้อย่างชัดเจนดีคู่สายสามารถได้ยินเสียงพูดของเราได้อย่างชัดเจน เราไม่จำเป็นต้องเพิ่มความดังของเสียงขณะที่สนทนานับว่าดีมากๆ แม้ว่าตัวหูฟังเองจะไม่มีระบบขจัดเสียงรบกวนในไมโครโฟนก็ตาม 

สำหรับระยะเวลาการใช้งานก็ถือว่าทำได้เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันได้แบบไม่ต้องกังวลมากนัก จากการทดสอบแล้วตัวหูฟังสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดที่เกือบๆ 5 ชั่วโมงถือว่าใกล้เคียงกับที่ Kilpsch ได้เคลมไว้ส่วนเคสชาร์จนั้นก็ถือว่าใช้งานได้ยาวนานเช่นกันทดลองจับเวลาดูกว่าแบตของเคสชาร์จจะหมดก็เกือบ 16 ชั่วโมงเช่นกัน รวมๆ แล้วถือว่าแบตเตอรี่ของตัวหูฟังและเคสถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ครับ

สรุป

สำหรับ Klipsch S1 ถือว่าเป็นหูฟังแบบ True Wireless ระดับกลางที่น่าจับตามองรุ่นหนึ่งในตอนนี้ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ที่ดูสวยงาม แบตเตอรี่ที่สามารถใข้งานได้ยาวนานเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ทาง Klipsch จัดมาให้แบบไม่มีกั๊ก

และที่สำคัญสุ้มเสียงจากตัวหูฟังยังอยู่มีคุณภาพที่น่าฟังโจทย์การใช้งานที่หลากหลายทั้งฟังเพลง – ดูหนังในแบบฉบับที่คงคาแรคเตอร์เสียงของแบรนด์ Klipsch ไว้ได้อย่างชัดเจนดังนั้นถ้าหากใครที่กำลังเลือกซื้อหูฟังแบบ True Wireless ในเรนจ์ราคาไม่แพงเกินไปนัก Klipsch S1 ถือว่าเป็นหนึ่งในหูฟังที่น่าจับจองเป็นเจ้าของมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยแหละครับ

ข้อดี

1. เสียงคุณภาพดีเหมาะสมกับราคา

2. ของแถมในแพ็คเกจคุ้มมาก

3. น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย กระชับ

4. เคสชาร์จรองรับการชาร์จแบบไร้สายได้

ข้อสังเกต

1. ไม่รองรับการถอดรหัสสัญญาณเสียงแบบ AptX แต่คุณภาพเสียงถือว่าดีอยู่แล้ว

2. เคสชาร์จยังคงใช้พอร์ต Micro-USB อยู่ซึ่งผู้ใช้อาจจะต้องพกสายชาร์จไปเพิ่ม แต่ทั้งนี้ตัวเคสก็รองรับฟีเจอร์การชาร์จไร้สายดังนั้นตรงจุดนี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
8
เสียง (Sound)
8
ลูกเล่น (Features)
7.5
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
7.5
ความคุ้มค่า (Value)
8
คะแนนตัดสิน (Total)
7.8

Klipsch S1

7.8

มาตรฐานคะแนนปี 2020