LG UN7300 เป็น 4K UHD TV ซีรีส์เริ่มต้นค่อนกลางของ LG ที่มีราคาขายจริงอยู่ที่ราวหนึ่งหมื่นบาทต้นๆ ขนาดที่เราได้รับมารีวิวในคราวนี้คือ 55” เป็นขนาดมาตรฐานสำหรับห้องนั่งเล่น ตัวจอใช้พาเนลแบบ ADS (Advanced Dimension Switching) มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพาเนล IPS คือมุมมองดี สีไม่เพี้ยนไม่ว่าจะหน้าตรง หรือด้านข้าง ส่วนความสว่างถ้าไม่ได้รับชมที่จุดกึ่งกลางก็จะดรอปลงเล็กน้อย โหมดภาพสำหรับการรับชมคอนเทนท์ประเภท SDR ขอแนะนำโหมด Cinema หรือ ISF Expert Dark / Bright สาเหตุที่แนะนำทั้งสองโหมดนี้ก็เพราะว่าค่าอุณหภูมิสีใกล้เคียงกับ 6500K ที่สุด
ต้องยอมรับว่า 4K TV ทุกตัวที่เป็นซีรีส์เริ่มต้นในตลาดการจะหารุ่นที่สามารถปรับภาพได้อย่างเชิงลึกนั้นน้อยมาก แต่ LG UN7300 เครื่องนี้สามารถปรับได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะ 2/10/20 – point White Balance หรือ CMS ได้ และจากที่วัดค่าตัวเครื่องสามารถแสดงขอบเขตสีตามมาตรฐาน Rec.709/sRGB ได้ราว 96% ซึ่งถือว่าดีเกินค่ามาตรฐานใน 4K TV ตัวเริ่มต้น
ส่วนการรับชมภาพแบบ HDR ขอแนะนำให้ใช้โหมดภาพ Cinema Home เพราะโหมดนี้ให้ขอบเขตสีกว้างที่สุด และอย่าลืมปรับอุณหภูมิสีเป็น Warm 1 เพราะถึงภาพจะติดโทนเย็นไปบ้างแต่ว่าสมดุลสีก็ดีกว่า Warm 2 อีกทั้งในโหมดนี้เรายังสามารถปรับ White Balance และ CMS ได้แตกต่างจากโหมดอื่นๆ ที่จะปรับได้แค่บางค่า จากที่ลองวัดมาตัวเครื่องสามารถแสดงสีสันตามมาตรฐาน DCI-P3 XY : 81.11% – UV : 84.06% และตามมาตรฐาน Rec. 2020 XY : 58.18% – UV 68.12% ความสว่างสูงสุดอยู่ราว 380 nits ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอหากใครคิดจะเอาทีวีรุ่นนี้ไปวางไว้ที่ห้องนั่งเล่น
โหมดภาพอัตโนมัติของ LG ในปีนี้ ยังมีอีกโหมดที่ชื่อว่า “Filmmaker Mode” ใส่มาให้ด้วย โดยโหมดนี้ตามหลักการแล้วจะทำปรับอุณหภูมสีของทีวี รวมไปถึงยังตัดฟีเจอร์ช่วยเรื่องภาพทุกด้านออกไป เพื่อให้ทีวีถ่ายทอดภาพให้ตรงกับที่ผู้กำกับต้องการที่สุด สามารถใช้กับคอนเทนท์ประเภท HDR ได้ (ถ้าเปิดคอนเทนท์ HDR จะไม่มีโหมด ISF) ซึ่งใน LG 55UN7300 ก็ใส่โหมดนี้มาให้ด้วย แต่เมื่อเปิดใช้งานจริงแล้วพบว่าภาพจะติดแดงอมม่วง ซึ่งขอแนะนำว่าถ้าใครต้องการใช้โหมดนี้ให้เปลี่ยนอุณหภูมิสีจากเดิม Warm2 เป็น Warm1 ก็จะดีกว่า เชื่อว่าในอนาคตจะมีการปรับเฟิร์มแวร์ช่วยให้โหมดนี้ปรับอุณหภูมิสีได้เที่ยงตรงมากขึ้น
ตัวเครื่องมี TruMotion ตัวช่วยภาพเคลื่อนไหวอยู่ด้วย โหมดอัตโนมัติที่ให้มาได้แก่ Cinema Clear/ Natural / Smooth และ User ระดับยิ่งสูงขึ้นภาพเคลื่อนไหวยิ่งลื่น แต่ถ้าเลือกระดับสูงไปในบางฉากก็จะเกิด Ghost หรือภาพเคลื่อนไหวติดค้างได้ ดังนั้นโหมดที่แนะนำให้ใช้คือโหมด Natural จากการทดสอบในฉากแพนกล้องช่วงปล้นธนาคารในเรื่อง Justice League ไม่เกิดอาการกระตุก กระชาก ดูลื่นมาก ช่วงฉากต่อสู้ก็ไม่เกิด Ghost แต่บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมันดูลื่นตาเกินไป หากอยากให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น แนะนำให้เลือกเป็น User ปรับ De-Judder สักระดับ 3 ภาพเคลื่อนไหวจะเป็นธรรมชาติมากขึ้น
สำหรับคนที่จะเอา LG UN7300 ไปเล่นเกมต่อกับคอนโซลทั้งหลาย ไม่ว่าจะ XBOX หรือ PlayStation ก็วางใจได้ เพราะถ้าเราใช้โหมด Game บวกกับฟีเจอร์ Instant Game Response ค่า Input lag อยู่ที่ 10.1ms เท่านั้น ด้วยค่าที่ต่ำขนาดนี้ทำให้อัตราการตอบสนองคำสั่งกับภาพรวดเร็วขึ้นไม่มีสะดุด คนที่ชอบเล่นเกมประเภท Fighting ไม่ผิดหวัง
ในภาพรวมไม่ว่าจะเปิดภาพ SDR หรือ HDR ภาพของ LG UN7300 ถือว่าเกินคาดกว่า 4K TV ระดับเริ่มต้น มีแค่การแสดงรายละเอียดในที่มืด และการไล่ระดับสีดำที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ซึ่งถ้าใครอยากได้รายละเอียดในที่มืดมากขึ้น ขอแนะนำว่าให้เปิดฟีเจอร์ Black Level เป็นระดับ High ก็จะช่วยได้มาก เพียงแค่สีดำจะโพลนไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับรายละเอียดที่เพิ่มเข้ามาแล้วเปิดไว้จะส่งผลดีมากกว่ากันเยอะ