10 Sep 2020
Review

รีวิว LG 55UN7300 4K HDR TV ตัวสุดคุ้ม ปรับภาพได้แบบรุ่นใหญ่ พร้อม webOS 5.0 แถม Magic Remote!!


  • Dear_Sir

LG UN7300 เป็น 4K UHD TV ซีรีส์เริ่มต้นค่อนกลางของ LG ที่มีราคาขายจริงอยู่ที่ราวหนึ่งหมื่นบาทต้นๆ ขนาดที่เราได้รับมารีวิวในคราวนี้คือ 55” เป็นขนาดมาตรฐานสำหรับห้องนั่งเล่น ตัวจอใช้พาเนลแบบ ADS (Advanced Dimension Switching) มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพาเนล IPS คือมุมมองดี สีไม่เพี้ยนไม่ว่าจะหน้าตรง หรือด้านข้าง ส่วนความสว่างถ้าไม่ได้รับชมที่จุดกึ่งกลางก็จะดรอปลงเล็กน้อย โหมดภาพสำหรับการรับชมคอนเทนท์ประเภท SDR ขอแนะนำโหมด Cinema หรือ ISF Expert Dark / Bright สาเหตุที่แนะนำทั้งสองโหมดนี้ก็เพราะว่าค่าอุณหภูมิสีใกล้เคียงกับ 6500K ที่สุด

ภาพตัวอย่างจากเรื่อง Casino Royale จากแผ่น Blu-ray Disc

ต้องยอมรับว่า 4K TV ทุกตัวที่เป็นซีรีส์เริ่มต้นในตลาดการจะหารุ่นที่สามารถปรับภาพได้อย่างเชิงลึกนั้นน้อยมาก แต่ LG UN7300 เครื่องนี้สามารถปรับได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะ 2/10/20 – point White Balance หรือ CMS ได้ และจากที่วัดค่าตัวเครื่องสามารถแสดงขอบเขตสีตามมาตรฐาน Rec.709/sRGB ได้ราว 96% ซึ่งถือว่าดีเกินค่ามาตรฐานใน 4K TV ตัวเริ่มต้น

หลังปรับภาพค่าความผิดเพี้ยนของสีอยู่ที่ Avg dE 3.1

ส่วนการรับชมภาพแบบ HDR ขอแนะนำให้ใช้โหมดภาพ Cinema Home เพราะโหมดนี้ให้ขอบเขตสีกว้างที่สุด และอย่าลืมปรับอุณหภูมิสีเป็น Warm 1 เพราะถึงภาพจะติดโทนเย็นไปบ้างแต่ว่าสมดุลสีก็ดีกว่า Warm 2 อีกทั้งในโหมดนี้เรายังสามารถปรับ White Balance และ CMS ได้แตกต่างจากโหมดอื่นๆ ที่จะปรับได้แค่บางค่า จากที่ลองวัดมาตัวเครื่องสามารถแสดงสีสันตามมาตรฐาน DCI-P3 XY : 81.11% – UV : 84.06% และตามมาตรฐาน Rec. 2020 XY : 58.18% – UV 68.12% ความสว่างสูงสุดอยู่ราว 380 nits ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอหากใครคิดจะเอาทีวีรุ่นนี้ไปวางไว้ที่ห้องนั่งเล่น

เปิด HDR ดูสีสันกันสักหน่อย
ค่าก่อนปรับภาพในโหมด Cinema เลือก White Balance เป็น Warm1
ตัวเครื่องสามารถปรับภาพได้ในเชิงลึก
จึงทำให้ขุดศักยภาพของทีวีออกมาได้มากขึ้น

โหมดภาพอัตโนมัติของ LG ในปีนี้ ยังมีอีกโหมดที่ชื่อว่า “Filmmaker Mode” ใส่มาให้ด้วย โดยโหมดนี้ตามหลักการแล้วจะทำปรับอุณหภูมสีของทีวี รวมไปถึงยังตัดฟีเจอร์ช่วยเรื่องภาพทุกด้านออกไป เพื่อให้ทีวีถ่ายทอดภาพให้ตรงกับที่ผู้กำกับต้องการที่สุด สามารถใช้กับคอนเทนท์ประเภท HDR ได้ (ถ้าเปิดคอนเทนท์ HDR จะไม่มีโหมด ISF) ซึ่งใน LG 55UN7300 ก็ใส่โหมดนี้มาให้ด้วย แต่เมื่อเปิดใช้งานจริงแล้วพบว่าภาพจะติดแดงอมม่วง ซึ่งขอแนะนำว่าถ้าใครต้องการใช้โหมดนี้ให้เปลี่ยนอุณหภูมิสีจากเดิม Warm2 เป็น Warm1 ก็จะดีกว่า เชื่อว่าในอนาคตจะมีการปรับเฟิร์มแวร์ช่วยให้โหมดนี้ปรับอุณหภูมิสีได้เที่ยงตรงมากขึ้น

ตัวเครื่องมี TruMotion ตัวช่วยภาพเคลื่อนไหวอยู่ด้วย โหมดอัตโนมัติที่ให้มาได้แก่ Cinema Clear/ Natural / Smooth และ User ระดับยิ่งสูงขึ้นภาพเคลื่อนไหวยิ่งลื่น แต่ถ้าเลือกระดับสูงไปในบางฉากก็จะเกิด Ghost หรือภาพเคลื่อนไหวติดค้างได้ ดังนั้นโหมดที่แนะนำให้ใช้คือโหมด Natural จากการทดสอบในฉากแพนกล้องช่วงปล้นธนาคารในเรื่อง Justice League ไม่เกิดอาการกระตุก กระชาก ดูลื่นมาก ช่วงฉากต่อสู้ก็ไม่เกิด Ghost แต่บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมันดูลื่นตาเกินไป หากอยากให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น แนะนำให้เลือกเป็น User ปรับ De-Judder สักระดับ 3 ภาพเคลื่อนไหวจะเป็นธรรมชาติมากขึ้น

การปรับภาพเคลื่อนไหวที่แนะนำ

สำหรับคนที่จะเอา LG UN7300 ไปเล่นเกมต่อกับคอนโซลทั้งหลาย ไม่ว่าจะ XBOX หรือ PlayStation ก็วางใจได้ เพราะถ้าเราใช้โหมด Game บวกกับฟีเจอร์ Instant Game Response ค่า Input lag อยู่ที่ 10.1ms เท่านั้น ด้วยค่าที่ต่ำขนาดนี้ทำให้อัตราการตอบสนองคำสั่งกับภาพรวดเร็วขึ้นไม่มีสะดุด คนที่ชอบเล่นเกมประเภท Fighting ไม่ผิดหวัง

Instant Game Response
กดปุ๊บ ภาพมาปั๊บ

ในภาพรวมไม่ว่าจะเปิดภาพ SDR หรือ HDR ภาพของ LG UN7300 ถือว่าเกินคาดกว่า 4K TV ระดับเริ่มต้น มีแค่การแสดงรายละเอียดในที่มืด และการไล่ระดับสีดำที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ซึ่งถ้าใครอยากได้รายละเอียดในที่มืดมากขึ้น ขอแนะนำว่าให้เปิดฟีเจอร์ Black Level เป็นระดับ High ก็จะช่วยได้มาก เพียงแค่สีดำจะโพลนไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับรายละเอียดที่เพิ่มเข้ามาแล้วเปิดไว้จะส่งผลดีมากกว่ากันเยอะ

หากอยากได้รายละเอียดในที่มืดมากขึ้นให้ปรับที่ Black Level