Picture – ภาพ
จุดเด่นของ Video Processor (หรือที่เรียกกันว่า วิดีโอสเกลเลอร์) ที่ติดตั้งอยู่ภายในบลูเรยเพลเยอร์เครื่องนี้ สามารถใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางขึ้นมาก นอกเหนือจากปรับปรุงภาพจากคอนเทนต์ SD จำพวกหนังแผ่นดีวีดี ไฟล์วิดีโอ หรือสตรีมมิ่งวิดีโอแล้ว ผมเพิ่มเติมการเชื่อมต่อสัญญาณวิดีโอผ่านสาย HDMI จากกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม มายัง HDMI In ของ 103 ดูด้วย
ผลลัพธ์นั้น สร้างความประทับใจให้ได้ไม่น้อย โดยเฉพาะการปรับปรุงคุณภาพการรับชมรายการช่องปกติ (ไม่ใช่ HD) จากประเด็นการลดทอนสัญญาณรบกวน หรือ artifacts ที่แฝงมากับคอนเทนต์ลักษณะนี้ แต่มิได้หมายความว่า แค่เชื่อมต่อสัญญาณเข้ามา มีภาพออกทีวีแล้วจะได้ภาพที่ดีขึ้นเลยนะครับ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดพารามิเตอร์ชดเชยตามลักษณะปัญหาของคอนเทนต์ อันเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับวิดีโอสเกลเลอร์ที่ดี
การชดเชยตัวเลือกปรับภาพของ Oppo 103/105 จะอยู่ในหมวด Video Setup → Picture Adjustment (หรือจะกดปุ่ม Setup ที่รีโมตค้างไว้ก็ได้) ในส่วนของพารามิเตอร์ Noise Reduction จะใช้วิธีการอ้างอิงที่แปลกกว่าสเกลเลอร์ทั่วไปสักหน่อย กล่าวคือ ถึงแม้มิได้แยกหมวดแก้ไขปัญหาละเอียดอย่าง Random Noise, Block Noise และ Mosquito Noise แต่การแก้ไขปัญหาสัญญาณรบกวนทั้ง 3 ลักษณะข้างต้น จะอิงตามการให้น้ำหนักมาก-น้อย
โดยทั่วไปค่าประมาณ +1 ถึง +3 สำหรับคอนเทนต์ DVD และ +2 ถึง +4 สำหรับ Cable/Satellite TV (SD Channels) น่าจะช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพในประเด็นลดทอนสัญญาณรบกวนดังกล่าวได้แล้ว แต่ถ้าคอนเทนต์มีคุณภาพต่ำมากๆ ก็อาจให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ แต่อะไรก็ตาม ถ้ามากเกินไปก็ไม่ส่งผลดี ในส่วนของพารามิเตอร์ Noise Reduction ก็เช่นกัน เพราะจะส่งผลกระทบกับรายละเอียด ทำให้ภาพเบลอ ลดทอนความคมชัดลง
ปกติสัญญาณภาพความละเอียดต่ำ เมื่อขยายชมบนจอใหญ่ภาพก็ย่อมจะเบลอ ตัวเลือก Sharpness จะเพิ่มผลลัพธ์ให้ภาพดูคมขึ้นมาได้บ้าง แต่ผลที่ตามมา คือ หากมีน้อยส์แฝงอยู่ จะถูกเร่งให้เห็นชัดมากยิ่งขึ้น จึงอาจจะเหมาะกับคอนเทนต์ที่มี Resolution กลางๆ ไม่ต่ำมากนัก และมีอัตราบีบอัดข้อมูลน้อย ส่วน Contrast Enhancement ช่วยปรับระดับคอนทราสต์ของภาพให้ชัดเจนขึ้นได้ แต่เพิ่มมากไปสีจะเพี้ยน และดำจะจม หากต้องการคงสีสัน โทนภาพ “ความเป็นต้นฉบับ” ก็ไม่ควรปรับครับ เช่นเดียวกับตัวเลือกอื่นๆ นอกจากนี้
หมายเหตุ:
– การใช้งาน Picture Adjustment นั้น ระบบจะเมมโมรี่ค่าไว้ได้ 3 Mode สำหรับ HDMI Out แต่ละชุด โดยจะอิงการใช้งาน Mode ที่เลือกไว้ล่าสุดเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลงตามคอนเทนต์หรืออินพุต ทั้งนี้ค่าพารามิเตอร์สเกลเลอร์ที่ปรับชดเชยให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ Standard Definition หรือต่ำกว่า (เช่น DVD, Cable/Satellite TV) มักจะส่งผลกระทบลดทอนคุณภาพเมื่อรับชมคอนเทนต์ HD ลง จึงต้องระมัดระวังในจุดนี้ด้วย หากชมคอนเทนต์ HD ก็ควรจะเลือกโหมดอื่นที่เหมาะสม หรือปิดใช้งานไป (Source Direct) แต่ถ้าจะให้ง่าย เลือกคอนเทนต์ที่มีคุณภาพดีหน่อยตั้งแต่แรก (เลือกมาตรฐาน HD ไว้ก่อน) ก็ไม่ต้องวุ่นวายในประเด็นการปรับปรุงอัพสเกลครับ
– เพื่อศักยภาพสูงสุดจากระบบอัพสเกล Qdeo Video Processor แนะนำให้เชื่อมต่อสัญญาณภาพทาง HDMI Out 1
– หากไม่ต้องการใช้งานสเกลเลอร์ภายในตัว 103 หรือหากต้องการเชื่อมต่อกับสเกลเลอร์ภายนอกที่มีคุณสมบัติสูงกว่า ให้กำหนด Resolution เป็น “Source Direct” เพื่อมิให้เกิดผลกระทบจากสเกลเลอร์ที่ซ้ำซ้อน
สำหรับพื้นฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของภาพนั้นยังให้ความโดดเด่นไม่ต่างจากเดิม เช่น ความเที่ยงตรงในการถ่ายทอดความถูกต้องของสัญญาณแหล่งโปรแกรมต้นฉบับ โดยเฉพาะ 1080p/24 จากบลูเรย์ ผ่านตามเกณฑ์ได้ไม่ผิดคาด หากท่านชอบเพลเยอร์ที่ไม่บิดเบือนความเป็นต้นฉบับ (Source Direct) เพลเยอร์เครื่องนี้ก็ให้ได้ไม่ตกหล่น หน้าที่ของสเกลเลอร์อื่นๆ อย่างการทำ 3:2 Pull-down สำหรับคอนเทนต์ 24p ทำได้ดี ในส่วนของ Interlaced Motion ยังไม่ถึงขั้นสเกลเลอร์ระดับเทพ แต่อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ จุดนี้ส่วนสำคัญเกี่ยวเนื่องกับคุณภาพของแหล่งโปรแกรม และจอภาพที่เชื่อมต่อใช้งานด้วย หากว่ากันที่ศักยภาพของการอัพสเกล โดยเฉพาะการปรับปรุงคอนเทนต์คุณภาพต่ำจากหลากหลายอินพุต รุ่นใหม่ทำได้โดดเด่นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย และจุดนี้เป็นสิ่งยืนยันว่า วิดีโอสเกลเลอร์ของ 103 มีศักยภาพสูงกว่าเดิม
Sound – เสียง
ในส่วนของคุณภาพเสียง หากเป็นการเชื่อมต่อผ่านทางรูปแบบ Digital Bitstream รวมถึงการถอดรหัสในรูปแบบ Digital PCM (via HDMI) อาจไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างมีนัยสำคัญก็จริง เพราะพื้นฐานระบบฮาร์ดแวร์มิได้แตกต่างจากเดิมในจุดนี้ ซึ่งแต่เดิมที่ว่า ก็เป็นพื้นฐานเชิงคุณสมบัติที่โดดเด่นในตลาดอยู่ก่อน อย่าง DSD Bitstream และ HDCD Decode to Hi-bit PCM ที่ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงให้สูงขึ้นได้ กับการใช้งานร่วมกับหลายซิสเต็ม
หมายเหตุ: DSD Bitstream จะเอาต์พุตทาง HDMI Out 2 เท่านั้น
แต่ที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คือ เสียงจากอะนาล็อกเอาต์ ถึงแม้จะใช้ DAC Chip ตัวเดิม คือ Cirrus Logic CS4328A แต่ Oppo ปรับปรุงเอาต์พุตในส่วนของ analog buffer และ filter stage ผมทดลองฟังเสียงผ่านช่องอะนาล็อก L R กับซิสเต็ม 2 แชนเนลเทียบกัน ระหว่าง 93 และ 103 พบว่ารุ่นใหม่ให้น้ำเสียงที่มีน้ำมีนวล โฟกัสชิ้นดนตรีชัดเจนขึ้น อย่าได้กังวลว่าจะเจออาการเสียงฟุ้งแบบบลูเรย์เพลเยอร์ถูกๆ เบสเป็นตัวเป็นตนกว่าเดิม หากเน้นฟังเพลง เปิดใช้ Pure Audio Mode ร่วมด้วยจะช่วยให้เสียงสงัดขึ้นอีกเล็กน้อย เช่นเดียวกับรุ่นก่อนครับ
Conclusion – สรุป
คะแนน
คะแนน OPPO BDP-103
8.7
- วัสดุ รูปลักษณ์ตัวถังคล้ายคลึงของเดิม ไม่ได้หรูหราหวือหวา แต่ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในจุดเล็กๆ เพื่อปรับปรุงศักยภาพ
- กับคุณสมบัติอัพสเกลถึงระดับ 4K แม้ว่าคงจะไม่ได้ใช้งานกันแบบจริงจัง เพราะข้อจำกัดของจอภาพในปัจจุบัน แต่ศักยภาพของ Qdeo Video Processor มีส่วนปรับปรุงคุณภาพของคอนเทนต์ที่ใช้งานกันในปัจจุบันให้ดูดีขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อรับชมกับมาตรฐาน SD อย่างการลดทอนน้อยส์ที่ปะปนมากับคอนเทนต์ลักษณะนี้ การถ่ายทอดความเที่ยงตรงอยู่ในเกณฑ์ดี
- พื้นฐานคุณภาพเสียงกับการเชื่อมต่อในแบบดิจิทัลที่โดดเด่นอยู่แล้ว อาจมิได้โดดเด่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนมากอย่างมีนัยสำคัญ แต่การปรับปรุงเล็กน้อยในส่วนของ Analog Output สร้างความแตกต่างแบบรับรู้ได้เมื่อรับฟังเปรียบเทียบกัน
- ลูกเล่นของการเป็น Universal Media Player น่าจะครอบคลุมที่สุดเมื่อเทียบกับ Stand-alone BD Player ด้วยกัน ทั้งรองรับอ็อพติคัลดิสก์หลากหลาย รวมถึงดิจิทัลไฟล์ ครอบคลุมไปถึงการสตรีมมิ่งผ่านระบบเน็ตเวิร์ก อ็อพชั่นอุปกรณ์ของแถมก็ยังจัดเต็มเช่นเดิม
- ไม่ได้เน้นที่ความหลากหลายของชนิดช่องต่อ แต่โฟกัสจุดที่สำคัญกับการใช้งานจริงเป็นหลัก อรรถประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจาก HDMI/MHL In และ Dual HDMI Out with ARC พลิกโฉมแนวทางของ BD Player ให้ครอบคลุมการใช้งานกว้างขวางกว่าเดิม
- คุณสมบัติครอบคลุม ผลลัพธ์การใช้งานกว้างขวางล้ำหน้าบลูเรย์เพลเยอร์ทั่วไป กับราคาค่าตัวที่ไม่แพงจนเกินเอื้อม เป็นจุดหลักของความคุ้มค่าของรุ่นนี้ หรือจะเรียกว่าเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้