07 Jan 2016
Review

Enhanced Audio Plus Visual Entertainment !! รีวิว Oppo BDP-105D 4K 60Hz Ready Universal Player


  • ชานม

Picture – ภาพ

คราวก่อนที่ทดสอบกับ 103D ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีเฟิร์มแวร์อัพเกรดสเกลเลอร์ให้เอาต์พุตสัญญาณ 4K/60Hz พบว่า ประสิทธิภาพการอัพสเกลที่ความละเอียด 4K (24Hz) โดย Oppo ยังย่อหย่อนในประเด็นความต่อเนื่องของภาพเคลื่อนไหวอยู่บ้าง จุดนี้หากเปรียบเทียบกับการบายพาสสเกลเลอร์ในตัว Oppo เพื่อปล่อยสัญญาณไปอัพสเกลโดยสเกลเลอร์ในตัวของจอภาพ 4K (ซึ่งมักจะเป็นรุ่นสูง) จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ทว่าบัดนี้ เมื่อมีเฟิร์มแวร์อัพเกรดให้ Oppo รุ่นที่ลงท้ายด้วย D สามารถอัพสเกลที่ระดับ 4K/60Hz ได้ ผลลัพธ์ด้านความต่อเนื่องของภาพเคลื่อนไหวจึงน่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากช่วงเวลาที่ได้รับ 105D เครื่องนี้มาทดสอบ เป็นช่วงที่ไม่มีจอภาพ 4K/60Hz ส่งเข้ามาให้อ้างอิงร่วมด้วยเลย ครั้นเมื่อได้รับทีวีมา ก็กลายเป็นว่าต้องส่งคืน 105D ไปเสียแล้ว ช่วงเวลาจึงไม่สมพงษ์สักเท่าไหร่ การรายงานในจุดนี้จึงต้องขอยกยอดไปโอกาสหน้าครับ…

ในส่วนของกระบวนการอัพสเกลกับจอภาพ Full HD ทั่วไป (ที่อาศัยประสิทธิภาพจากสเกลเลอร์น้อยกว่า 4K) Oppo รุ่นใหม่ให้ความลงตัวเป็นอย่างดี ซึ่งจุดนี้ด้วยพื้นฐานที่เหมือนกันกับ 103D (เทคโนโลยีเดียวกัน ชิพสเกลเลอร์รุ่นเดียวกันคือ Darbee และ VRS ClearView) ผลลัพธ์การใช้งานวิดีโอสเกลเลอร์ของ 105D จึงเป็นไปในแนวทางเดียวกับ 103D ซึ่งทั้งคู่จะให้ความโดดเด่นด้านศักยภาพที่สูงกว่ารุ่นก่อน (ที่ไม่มี D)

การเพิ่มตัวเลือก De-interlacing Mode ใน HDMI Options ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทดลองเปรียบเทียบผลลัพธ์จากกระบวนการ De-interlacing ได้ แต่กับคอนเทนต์มาตรฐานโดยทั่วไป การกำหนดตัวเลือกไว้ที่ Auto ก็มักจะให้ผลลัพธ์ที่ลงตัวดีอยู่แล้วครับ

กระนั้นหากจะให้อธิบายถึงประสิทธิภาพระหว่างรุ่นใหญ่ราคาสูงกว่า จุดที่ 105D ทำได้เหนือกว่ารุ่นเล็ก 103D คือ พื้นฐานทางด้านฮาร์ดแวร์ (อาทิประสิทธิภาพของภาคจ่ายไฟ) ที่จะส่งผลให้ได้ภาพที่สะอาด และความอิ่มเข้มของเนื้อสีที่ลงตัวยิ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แต่แน่นอนว่าปัจจัยที่ทำให้ 105D น่าสนใจกว่า 103D ย่อมมีมากกว่าแค่เรื่องของคุณภาพของภาพ

Sound – เสียง

ความประทับใจในแง่ของการเป็นเครื่องเล่นครอบจักรวาล ที่เล่นได้หลากหลายฟอร์แม็ต โดยเฉพาะออดิโอฟอร์แม็ตของ 105D ยังคงยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลง คราวนี้หลังจากอัพเดทเฟิร์มแวร์ล่าสุด แล้วทดลองเล่น DSD ในรูปแบบของไฟล์ (.dsf/.dff) พบว่าเล่นได้ไม่มีปัญหาแล้วครับ (DSD64 – DSF/DFF) ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากเล่นแผ่น SACD แต่ปัญหาคือไฟล์ .dsf/.dff ใช่จะหาง่ายเสียเมื่อไหร่

ท่านที่อยากสัมผัสมาตรฐานการบันทึกเสียงแบบ DSD ในรูปแบบไฟล์ (.dsf) สามารถดาวน์โหลดตัวอย่าง มาทดลองฟังกับ Oppo ได้ >>ที่นี่<<

ประโยชน์ของการเล่นผ่านแผ่น SACD โดยตรงร่วมกับ 105D ก็ยังเหนือกว่า ตรงความสะดวกที่รองรับระบบเสียง Stereo และ Multi-channel DSD ในแผ่นเดียว แค่เปลี่ยน layer (ขึ้นอยู่กับการบันทึกเสียงของอัลบั้มนั้นๆ การรับฟังแบบ Multi-channel ต้องทำการเชื่อมต่อสัญญาณทาง HDMI Out หรืออะนาล็อกมัลติแชนเนล)

ดังที่เรียนไปแล้วว่า ฟังก์ชั่นที่ดึงประสิทธิภาพของ ESS SABRE32 ออกมาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า คือ USB DAC กับการเชื่อมต่อแบบ Computer Audiophile ที่มีคอมพิวเตอร์เป็นต้นทาง แล้วเล่นไฟล์ระดับ Studio Master

โดยทั่วไปหากจะหา Stand-alone USB DAC ที่มาพร้อมกับชิพระดับ ES9018 คงต้องใช้งบมิใช่น้อย แต่ Oppo ให้เหมือนซื้อ BD Player แถม DAC เทพมาด้วย กระนั้นฟังก์ชั่น USB DAC ของ 105D ยังจำกัดการรองรับ Sampling Rate สูงสุดที่ 192KHz ในขณะที่ Stand-alone DAC อาจได้ถึง 384KHz** แต่แน่นอนว่าค่าตัวอาจจะสูงกว่า 105D อีกประการ คือ USB DAC ของ 105D ก็ยังไม่รองรับ Native DSD via USB DAC ครับ การเล่น DSD format กับคอมพิวเตอร์จึงต้องอาศัยการถอดรหัสให้อยู่ในรูปของ PCM ก่อน แต่ในเรื่องของคุณภาพเสียง ก็เรียกได้ว่าทำเอา Stand-alone DAC ที่มีราคาใกล้เคียงค่าตัว 105D หนาวๆ ร้อนๆ ได้เหมือนกัน

** รอข้อมูลยืนยันว่า Oppo 105D สามารถรองรับ 24-bit 352.8/384kHz หรือไม่

ความยืดหยุ่นของช่องต่ออะนาล็อกเอาต์พุต 2 แชนเนล ที่ให้มาทั้ง XLR และ RCA ช่วยขยายขอบเขตการใช้งานร่วมกับชุดเครื่องเสียงระดับไฮเอ็นด์ ไปจนถึงเชื่อมต่อตรงเข้ากับลำโพง Studio Active Monitor เป็นสิ่งที่ดำเนินการได้ และ Oppo ก็มีฟังก์ชั่น Digital Volume สำหรับปรับระดับเสียงผ่านสัญญาณเอาต์พุต ด้วยรีโมตคอนโทรลที่เอื้อกับลำโพงมอนิเตอร์เป็นอย่างดี

Conclusion – สรุป

แม้ความแตกต่างของ 105D ที่เหนือกว่า 105 จะมีเพียงแค่การปรับเปลี่ยน Video Scaler chip ทว่าผลลัพธ์การใช้งาน บวกกับคุณสมบัติแวดล้อมที่ Oppo เพิ่มเติมเข้ามาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ใหม่ อาทิ 4K/60Hz output ไปจนถึงออนไลน์คอนเทนต์ใหม่ๆ ก็ตอกย้ำถึงความพยายามเพิ่มคุณค่าของ Universal Player ให้สูงยิ่งขึ้น และโดยพื้นฐานแล้ว ต้องบอกว่า 105D ยังคงเป็น Universal Player ที่ให้คุณภาพของภาพและเสียงอยู่ในอันดับต้นๆ ของวงการเช่นเคย ฟังก์ชั่น USB DAC ไม่ใช่ของแถม แต่ให้ความโดดเด่นเลยทีเดียว

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
8.25
ภาพ 2 มิติ ก่อนปรับภาพ (2D Picture Pre-Calibrated)
9.00
เสียง (Sound)
9.25
ลูกเล่น (Features)
9.50
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
9.50
ความคุ้มค่า (Value)
8.75
คะแนนตัดสิน (Total)
9.00

คะแนน Oppo BDP-105D 4K Ready Universal Player

9.0

หมายเหตุประกอบการให้คะแนน

  • รูปลักษณ์ตัวถังภายนอก คือ BDP-105 ที่ได้รับการอัพเกรด Video Processor คือ Darbee และ VRS ClearView
  • คุณสมบัติอัพสเกลสัญญาณภาพถึงระดับ 4K/60Hz แน่นอนว่าจะต้องใช้งานกับจอภาพ 4K ยุคใหม่ ที่มาพร้อมมาตรฐาน HDMI 2.0 เท่านั้น อย่างไรก็ดีประสิทธิภาพการอัพสเกลที่ 1080P ก็ให้ความโดดเด่น หรือหากต้องการใช้งานสเกลเลอร์ภายนอก ให้เลือก Source Direct
  • คุณสมบัติด้านเสียงไม่มีจุดที่เปลี่ยนแปลงจาก 105 อย่างมีนัยสำคัญ จุดที่เรียกว่าโดดเด่น คือ ฟังก์ชั่น USB DAC สามารถนำไปใช้งานร่วมกับซิสเต็มฟังเพลง (2 แชนเนล) หรือจะรับฟังร่วมกับหูฟัง ก็ให้ผลลัพธ์คุ้มค่ายิ่ง
  • ยังคงการเป็น Universal Media Player ความสามารถครอบคลุมรอบด้านเช่นเคย รองรับอ็อพติคัลดิสก์หลากหลาย รวมถึงดิจิทัลไฟล์ ครอบคลุมไปถึงการสตรีมมิ่งผ่านระบบเน็ตเวิร์ก อ็อพชั่นอุปกรณ์ของแถมอย่างสาย HDMI, Wi-Fi Dongle ยังจัดเต็มเช่นเดิม
  • อรรถประโยชน์จาก HDMI/MHL In และ Dual HDMI Out with ARC และที่พิเศษ คือ USB DAC ให้อรรถประโยชน์ที่กว้างขวางกว่า BD Player ในท้องตลาดทั่วไป
  • สานต่อความสำเร็จจาก 105 โดยอัพเกรดในส่วนของวิดีโอสเกลเลอร์แล้วเพิ่มงบประมาณอีกเล็กน้อย

by ชานม !
2014-06

ราคา Oppo BDP-105D
45,000 บาท
(BDP-105 = 40,000 บาท)