Extra – เพิ่มเติม
การรองรับการเล่นไฟล์ต่างๆ ก็ถือว่าครอบคลุมไฟล์ยอดนิยมทั่วไปได้เป็นอย่างดี ได้แก่ไฟล์เสียงอย่าง MP3, WMA, M4A, AAC, OGG, WAV, FLAC, DSD, AIFF, ALAC ไฟล์ภาพอย่าง JPEG, MPO, PNG, GIF รวมถึงไฟล์วีดีโออย่าง MP4, WMV, AVI, 3GP, FLV และ MKV ก็สามารถเล่นได้ครับ



สิ่งหนึ่งที่จะว่าเป็นลูกเล่นก็ได้ ที่ได้กล่าวไปข้างต้น คือ Pioneer UDP-LX500 เครื่องนี้ มีภาคการแปลงสัญญาณเสียงจาก ดิจิตอล ให้เป็นอนาล็อก โดยภายในตัวเครื่องได้มีการแบ่งแยก Solid state ภายในออกมาแบบเฉพาะเป็นช่องต่อแบบ RCA 2CH สำหรับใครที่ชื่นชอบการฟังเพลงก็ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
การเชื่อมต่อกับระบบ Internet ของตัวเครื่องนั้นไม่มีรองรับการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อได้ผ่านทางสาย LAN เท่านั้น โดยการเชื่อม Internet มีไว้เพื่อการอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้เข้าตัวเครื่องเท่านั้น ไม่ได้มีฟีเจอร์การเล่น Internet อื่นๆ อีกครับ
Picture – ภาพ
Pioneer UDP-LX500 เครื่องนี้ครอบคลุมการเล่นแผ่นชนิดต่างๆ ที่เป็นมาตรฐานในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแผ่น 4K UHD Blu-ray, 3D Blu-ray, Blu-ray, DVD ก็สามารถเล่นได้หมด


มาทดสอบการรับชมภาพยนตร์ผ่านแผ่น 4K UHD Blu-ray กันครับ Pioneer UDP-LX500 เครื่องนี้มาพร้อมชิพประมวลผลด้านภาพคุณภาพสูง สามารถส่งสัญญาณภาพในรูปแบบ 4K HDR ทั้งแบบ HDR 10 และ Dolby Vision ให้คุณภาพของภาพได้แบบยอดเยี่ยม สีสัน ความคมชัด คอนทราสต์ของภาพเรียกว่าสอบผ่านเลยทีเดียว



ในส่วนของการ Up Scale สัญญาณภาพจาก Blu-ray ธรรมดาให้เป็น 4K เครื่องเล่นเครื่องนี้ก็สามารถทำออกมาได้ดี สามารถเพิ่มความคมชัดของภาพ สีสันต่างๆ ได้ออกมาดูดีสูสีกับการเล่นจากแผ่นแบบ 4K เลยทีเดียว เรียกว่าไม่ว่าจะเปิดจากแผ่นอะไรภาพที่ได้นั้นออกมาดีอย่างแน่นอน

(แถม)อีกหนึ่งการทดสอบ ผมลองนำไปต่อกับ Projector ความละเอียดแบบ Full HD ที่รองรับการเล่นสัญญาณภาพแบบ 3 มิติ Pioneer UDP-LX500 เครื่องนี้ก็สามารถ Down Scale ภาพจาก 4K HDR มาเป็นสัญญาณภาพแบบ 1080p SDR ได้อย่างไม่มีปัญหา รวมถึงการเล่นแผ่น 3 มิติก็ทำได้อย่างราบรื่นดีเยี่ยมอีกเช่นกัน และเนื่องจากเครื่องนี้ให้คุณภาพของภาพที่ดี ใสสะอาด ทำให้ภาพ 3 มิติ นั้นดูดีมีมิติมากกว่าเครื่องเล่นทั่วไปพอสมควรเลยครับ
Sound – เสียง
มาในส่วนของการชมภาพยนตร์กันก่อน แน่นอนว่ายุคระบบเสียงแบบ Immersive Sound แบบนี้ จะต้องใช้การส่งสัญญาณเสียงผ่าน HDMI อย่างแน่นอน ซึ่ง Pioneer UDP-LX500 เครื่องนี้นั้นมี HDMI Output ให้ทั้งหมด 2 ช่องโดยเมื่อเสียบ HDMI ทั้ง 2 เส้นระบบจะทำการส่งสัญญาณภาพและเสียงแยกกันแบบอัตโนมัติ โดย HDMI Out 1 จะเป็นในส่วนของภาพ และ HDMI Out 2 จะเป็นในส่วนของเสียงนั่นเองครับ


โดยช่อง HDMI นี้ก็รองรับสัญญาณเสียงแบบ Immersive Sound ในยุคนี้ได้แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Dolby Atmos หรือ DTS:X รวมถึงระบบเสียงอื่นๆ อย่าง DTS-HD, Dolby TrueHD, DTS และ Dolby Digital ก็สามารถทำได้ ซึ่งเครื่องเล่นเครื่องนี้ก็สามารถถ่ายทอดเสียงออกมาได้ดี การแยกแยะรายละเอียดเสียง การโยนเสียงจากซ้ายไปขวาหน้ามาหลัง รวมถึงบรรยากาศโอบล้อมของเสียงในการรับชมภาพยนตร์และคอนเสิร์ตต่างๆ นั้นทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

ในส่วนของการฟังเพลง Pioneer UDP-LX500 ก็รองรับการเล่นแผ่นเพลงอย่าง CD Audio หรือจะเป็น SACD สำหรับผู้ที่เน้นเรื่องคุณภาพเสียงในการฟังเพลงแบบ 2CH โดยเฉพาะก็สามารถเล่นได้เช่นเดียวกัน โดยในส่วนนี้จะมาทำการทดสอบในส่วนของภาคสัญญาณเสียงแบบ อนาล็อก กัน ซึ่งในการทดสอบผมได้ทำการฟังเปรียบเทียบกับการฟังผ่านสาย HDMI ผ่าน AVR เครื่องเดียวกัน โดยได้ทำการทดสอบทั้งการฟังผ่าน File แบบ Hi-Res รวมถึง Audio CD ต่างๆ บุคลิกของ การฟังผ่าน HDMI กับการฟังผ่านสายแบบ อนาล็อก นั้นแตกต่างต่างกันแบบสัมผัสได้


โดยในส่วนของการฟังผ่าน HDMI จะให้เสียงที่ออกแนว คม ชัดเจน ให้รายละเอียดเสียงที่ดี ส่วนการฟังผ่าน อนาล็อกนั้นจะให้เสียงที่อิ่มกว่า เสียงร้องมีความหวานกว่า โดยหากจะให้ภาคอนาล็อกทำงานออกมาได้ดีที่สุดจะต้องเปิดโหมด Direct ให้เป็น On ซึ่งตัวเครื่องจะทำการปิดภาคสัญญาณการประมวลผลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องไปทั้งหมด ทำให้เสียงที่ได้จะไม่มีสัญญาณใดๆ มารบกวน

สิ่งหนึ่งที่ Pioneer UDP-LX500 เครื่องนี้มีความพิเศษแตกต่างจากเครื่องเล่น Universal Blu-ray Player ทั่วไปก็คือรองรับการเล่นแผ่น CD แบบ SACD หรือ Super Audio CD ที่ใช้การเข้ารหัสไฟล์เสียงแบบ DSD 1 Bit ที่ 2,822,400 Kbps โดยสามารถกดที่ปุ่ม SACD บนรีโมทเพื่อเลือกให้ตัวเครื่องเล่นแผ่นแบบ SACD แบบ 2CH หรือ 5.1 Ch ได้ โดยจากการทดสอบฟังเสียง Pioneer UDP-LX500 เครื่องนี้ก็สามารถให้รายละเอียดเสียงที่ออกมาได้ดีมาก สามารถทำให้เราเห็นความต่างระหว่าง CD Audio ปกติ กับ SACD ได้อย่างชัดเจนเลยครับ
