Conclusion – สรุป
ข้อดีของ Pioneer BDP-X300
1. รองรับการเล่นแผ่นได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแผ่น CD, SACD, DVD และ BD
2. รองรับการเล่นไฟล์คอนเทนท์จาก NAS ผ่านทางเทคโนโลยี DLAN ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย LAN และ WiFi ที่ถูกติดตั้งมาในตัว
3. ภายในตัวเครื่องมาพร้อมกับวงจรภาคขยาย DAC Audio ที่รองความสามารถในการแปลงถอดรหัสเสียงได้ที่ความละเอียดระดับ 192 kHz/24-bit
4. ตัวเครื่องมีฟังก์ชัน HQ Sound ที่ช่วยตัดการแสดงผลภาพวีดีโอขณะใช้เล่นเพลง ช่วยให้ลดการรบกวนของสัญญาณที่ไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี
ข้อเสียของ Pioneer BDP-X300
1. ตัวเครื่องเล่นรองรับ Ultra HD (4K/24p) Upscaling แต่ไม่สามารถเล่นแผ่น 4K ได้
2. มีพอร์ต HDMI Out มาให้พอร์ตเดียว ไม่สามารถแยกสัญญาณภาพ และเสียงออกจากกันได้อย่างตายตัว
Pioneer BDP-X300 เป็นเครื่องเล่น Blu-ray Player ในระดับกลางที่ค่อนไปทางกึ่งๆ ไฮเอ็นด์ มาพร้อมกับความสามารถในการรองรับการเล่นคอนเทนท์ได้อย่างครบครัน ทั้งยังได้รับการติดตั้งวงจรในส่วนของการถอดรหัสเสียงหรือ DAC Audio มาในระดับ Hi-Res แถมยังมีระบบป้องกันการรบกวนของสัญญาณเสียงและภาคจ่ายไฟอีกด้วย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการใช้รับชมภาพยนตร์และฟังเพลงได้เป็นอย่างดี
เครื่องเล่น Blu-ray Player ตัวนี้จะไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก เนื่องจากไม่รองรับฟังก์ชัน Smart และไม่ได้มีแอพพลิเคชันใดๆ ติดมาให้ได้ใช้งานเลยก็ตามถึงแม้ว่าตัวมันเองจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย Network ได้ก็ตาม แต่ว่าทาง Pioneer ยังได้ใจดีใส่ฟังก์ชัน Miracast ที่สามารถเชื่อมต่อตัวเครื่องเล่นเข้ากับ SmartPhone และ Tablet โดยสามารถแชร์ภาพและเสียงผ่านตัวเครื่องเล่นไปออกที่หน้าจอทีวีได้ (ถ้าท่านใดที่ใช้ SmartTV อยู่แล้วก็อาจจะดูไม่ค่อยจำเป็นเท่าใดนัก)
อีกหนึ่งลูกเล่นที่กระผมคิดว่าใช้งานได้จริงนั่นก็คือการคอนโทรลตัวเครื่องเล่นผ่านทางแอพฯ ที่มีชื่อว่า “iControlAV5” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ทั้งอุปกรณ์ Smart Device ที่เป็นระบบปฏิบัติการ iOS และ Android เลยล่ะ เอาเป็นว่าถ้าหากท่านใดกำลังมองหาเครื่องเล่น Blu-ray ที่มาพร้อมกับระบบเสียงระดับไฮเอ็นด์ ลองรับเจ้า Pioneer BDP-X300 ไว้พิจารณาอีกสักเครื่องก็ได้นะรับรองว่าท่านต้องชอบเจ้าตัวนี้แน่ๆ