Setup – การติดตั้ง
สำหรับการเปิดเครื่องครั้งแรก ตัว AVR จะพาเราไปยังหน้า Initial Setup ก่อน ซึ่งจะช่วยแนะนำการปรับตั้งค่าต่าง ๆ เบื้องต้นให้ ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างและความดังของลำโพงแต่ละแชนแนล รวมไปถึงเปิดใช้งาน HDMI ARC ในกรณีที่เรามีการเชื่อมต่อในรูปแบบดังกล่าวอยู่ เพื่อให้เสียงจากคอนเทนต์บนทีวีมาออกที่แอมป์แทน
ด้วยความที่ HTP-076 รองรับระบบเสียงแบบสามมิติทั้ง Dolby Atmos และ DTS:X ฉะนั้นมันจึงรองรับรูปแบบการติดตั้งลำโพงแบบ 2.1.2 และ 3.1.2 ได้ แล้วแต่ว่าเราจะอยากได้มิติเสียงจากด้านหลังของแบบ 5.1 หรือจากด้านบนมากกว่ากัน
แต่ถ้าถามความเห็นทีมงาน ทางเราอยากจะแนะนำให้เซ็ตเป็น 5.1 เพราะว่าเราจะได้เรื่องการโอบล้อมพื้นที่ฟังจากลำโพงเซอร์ราวด์ด้านหลังมากกว่าแบบ 2.1.2 หรือ 3.1.2 และถ้าใครเกิดอยากได้มิติเสียงจากด้านบนสักหน่อย ก็สามารถเลื่อนจุดวางลำโพงดังกล่าวให้สูงขึ้นเพื่อจำลองเสียงได้เช่นเดียวกัน
Sound – เสียง
คอนเทนต์แรกที่เลือกมาทดสอบก็จะเป็น John Wick ในฉากขับรถตะลุมบอนกันท้ายเรื่อง ชึ่งเราจะได้ฟังทั้งเสียงรถ เสียงปืน และถ้าลากยาวไปกว่านั้นก็จะเป็นเสียงฝนตกในฉากที่ดวลกันมือเปล่า ที่จะช่วยทดสอบบรรยากาศการโอบล้อมที่แยกจากเสียงพูดของตัวละครได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้ว่าเสียงต้นฉบับจะมาเป็นแบบ DTS-HD MA 7.1 แต่เสียงที่ได้จากการฟังผ่านเซ็ตอัป 5.1 ของ HTP-076 ก็เรียกว่าให้บรรยากาศที่โอบล้อมเหมือนมีฝนตกในห้องเช่นกัน และอย่างที่ได้เกริ่นไปข้างบนช่วงติดตั้งนะครับ ถ้าเราวางลำโพงเซอร์ราวด์สูง ทิศทางของเม็ดฝนก็จะตกจากมุมสูงขึ้น
ลองทดสอบกันอีกเรื่องกับ Mission Impossible : Rogue Nation ในฉากขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่าช่วงกลางเรื่อง ซึ่งเสียงจะมีการแพนไปมาซ้ายขวาตลอด ตัวซิสเต็มก็สามารถตอบสนองต่อทิศทางได้ชัดเจนรวดเร็ว ไล่ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนหน้าจอได้อย่างไม่มีสะดุด
จบจากดูหนังมาลองเล่นเกมกันต่อกับสองเกมฟอร์มยักษ์อย่าง God of War และ Uncharted 4 ซึ่งทั้งสองเกมนั้นมีเสียงประกอบอยู่ในระดับเยี่ยมยอด อย่างเสียงระเบิดกับเสียงปืนจาก Uncharted 4 ก็มีทิศทางกับความสมจริงไม่แพ้ภาพยนตร์แอ็คชั่น
แม้ว่าจะเป็นเซ็ตโฮมเธียเตอร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคงจะถูกนำมาฟังเพลงด้วยในบางโอกาส สำหรับโหมดที่ทีมงานแนะนำและใช้อ้างอิงเพื่อทดสอบ คือการกดที่ Stereo บนรีโมท เพื่อเปิดใช้งานลำโพงแบบ 2.1 แชนแนล เพราะว่าลำโพงคู่หน้าที่แถมมาให้ในเซ็ตมีขนาดที่เล็กจนเกินไป เราจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดจุดตัดความถี่เสียง เพื่อผลักภาระบางส่วนไปยังซับวูฟเฟอร์ให้มาช่วยเติมเต็มมวลของย่านเบสไม่ให้แห้งจนเกินไป
เพลงที่ใช้ระหว่างฟังก็จะได้แก่ Bullet In the Head – Rage Against The Machine, Time – Hans Zimmer (OST. Inception), World A Music – Ini Kamoze โดยเสียงที่ได้จะมีความโดดเด่นในย่านเสียงกลางค่อนไปทางเสียงสูง อาจจะขาดความต่อเนื่องในช่วงมิดเบส แล้วมาดังอีกทีบริเวณเบสต้นจากนั้นก็จะหายไป ฉะนั้นเสียงเบสที่ออกมาจึงไม่ค่อยลึกมากนัก แต่ยังสัมผัสได้และยังพอสร้างมิติเสียงให้พอฟังแล้วไม่แบนราบ ซึ่งถ้าหากได้ลำโพงคู่หน้าที่ตอบสนองดีขึ้นก็จะช่วยปรับให้องค์รวมของซิสเต็มดูเหมาะกับการฟังเพลงขึ้น แน่นอนว่ามันจะส่งผลโดยตรงไปถึงการดูหนังหรือเล่นเกมอีกด้วย
Conclusion – สรุป
ข้อดี
– รองรับระบบภาพและเสียงแบบเจอเนอเรชั่นใหม่ครบทุกรูปแบบ
– ขั้วต่อสายลำโพงเอื้อให้กับการอัปเกรดในอนาคตเพื่อเพิ่มความจริงจังให้กับซิสเต็ม
– งานดีไซน์โดยรวมดูดีทันสมัยขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
ข้อเสีย
– แม้ว่าทางด้านซอฟต์แวร์จะรองรับระบบใหม่ แต่ทางด้านฮาร์ดแวร์ตัวแอมป์รองรับลำโพงได้แค่เพียง 6 แชนแนล รวมซับวูฟเฟอร์ ทำให้อาจจะรีดเร้นประสิทธิภาพออกมาจากระบบเสียงได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
ความน่าสนใจหลัก ๆ ของ HTP-076 ไม่ได้อยู่ที่ตัวลำโพงหรือซับวูฟเฟอร์ แต่อยู่ที่ AVR ในเซ็ตซึ่งมีรหัส VSX-326 เพราะมันรองรับการส่งผ่านภาพแบบ 4K HDR, HDCP 2.2 และ Dolby Vision รวมถึงสามารถทำ Upscaling สัญญาณภาพจาก 1080p ไปเป็น 4K ได้ในตัวโดยไม่สนว่าจะรับสัญญาณจากพอร์ต HDMI ช่องไหนหลังเครื่อง ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถถอดรหัสเสียงเจเนอเรชั่นใหม่ทั้งสองค่ายอย่าง DTS:X และ Dolby Atmos ได้ทันที เท่ากับว่ามันคือแอมป์ที่จะมาอยู่กับเราได้อีกนาน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเครื่องเสียงอีกครั้ง
นอกจากฟีเจอร์ภายในแล้ว ถ้าหันมาดูที่ช่องต่อด้านหลัง เราจะพบกับขั้วต่อสายลำโพงแบบไบน์ดิ้งโพสต์ และช่อง pre out สำหรับซับวูฟเฟอร์ ตรงนี้เอื้อให้เราสามารถหาลำโพงมาอัปเกรดได้ หากเราคิดว่าอยากจะได้ความแน่นและเนื้อเสียงที่มีความจริงจังมากยิ่งขึ้นจากลำโพงแซทเทิลไลท์ตัวที่มาในเซ็ต ที่ทำได้ดีและเหมาะกับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเครื่องจะรองรับระบบเสียงแบบใหม่สองค่าย แต่ว่าตัวแอมป์รองรับลำโพงได้เพียงแค่ 5 แชนแนล ทำให้เราต้องเลือกระหว่าง 2.1.2 หรือ 3.1.2 ถ้าอยากได้ระบบเสียงสามมิติ ซึ่งถ้าว่าการตามตรง อาจจะไม่สามารถโอบล้อมได้ครบทุกทิศทางอย่าง 5.1.2 หรือ 7.1.2 ฉะนั้นทีมงานจึงอยากจะแนะนำให้เซ็ตซิสเต็มนี้เป็นแบบ 5.1 แชนแนล และวางเซอร์ราวด์ให้สูงหน่อยจะทำให้ภาพรวมออกมาดีกว่า 2.1.2 หรือ 3.1.2 ครับผม
สุดท้ายถ้าลองชั่งน้ำหนักดูแล้วรู้สึกพึงพอใจกับฟีเจอร์ที่ HTP-076 มอบให้ มันก็นับว่าเป็นเซ็ต Home Theater in the Box ในระดับเริ่มต้นเหมาะกับมือใหม่โฮมเธียเตอร์ที่มองหาสิ่งที่จะมาตอบโจทย์เรื่องบรรยากาศโอบล้อมที่ดีกว่าซาวด์บาร์ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการติดตั้งที่ยุ่งยากมากกว่ากันนิดนึง
คะแนน
คะแนน Pioneer HTP-076
8.2
มาตรฐานคะแนนชุดโฮมเธียเตอร์ปี 2020