30 Nov 2018
Review

รีวิว Polk Audio MagniFi Max-SR ซาวด์บาร์ไร้สาย 5.1 Ch รองรับ Dolby Digital ถูกใจคอหนัง Netflix


  • TopZaKo

Polk Audio MagniFi Max-SR ราคา 19,900 บาท + ลำโพง Surround SR1 คู่ละ 7,900 บาท

หลายคนที่กำลังมองหาเครื่องเสียงสักชุดเพื่อมาอัพเกรดเสียงในการรับชมจาก TV ให้มีความสนุกสนานในการรับชม ภาพยนตร์ ละคร ข่าวสาร กีฬาต่างๆ หรือ เครื่องเสียงที่รองรับการถอดรหัสเสียง Dolby Digital จาก Netflix ได้ดีมากขึ้นกว่าเสียงจาก TV จะซื้อเป็นชุดโฮมเธียร์เตอร์เต็มชุดก็อาจจะดูวุ่นวายเกินไป เพราะมักจะเจอกับปัญหาต่างๆ เช่นห้องมีขนาดเล็กเกินไป ไม่อยากให้ในห้องมีสายระโยงระยาง แต่หากจะเลือกเป็น Sound Bar ทั่วๆ ไปคุณภาพเสียงได้ก็อาจะยังไม่เป็นที่พอใจเท่าที่ควร

จะเป็นอย่างไรถ้าเราสามารถนำชุดโฮมเธียร์เตอร์และ Sound Bar มารวมกันได้ ผมจะพาไปหาคำตอบกันครับกับ Sound Bar จาก Polk Audio ประจำตระกูล MagniFi ที่ทาง HOMETHEATERTHAILAND ได้เคยรีวิวรุ่นเล็กประจำซีรีส์มาก่อนแล้วในรุ่น Polk Magnifi Mag Mini แต่วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Polk Audio MagniFi Max-SR ลำโพง Sound Bar รุ่น Top สุดประจำซีรีส์ที่มาพร้อมลำโพง Surround และ Subwoofer แบบไร้สาย สามารถให้เสียงได้แบบ 5.1 Ch เทียบเท่าชุดโฮมเธียร์เตอร์กันเลยทีเดียว อย่ารอช้าไปดูในรีวิวกันได้เลย…

Design – การออกแบบ

หลังจากที่เราทำการแกะอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาจากกล่องหมดแล้ว เราจะพบกับอุปกรณ์หลักๆ ทั้งหมด 4 ชิ้นด้วยกัน ได้แก่ ตัวลำโพง Sound Bar หลัก 1 ตัว, ลำโพง Surround 2 ตัว และท้ายสุด ลำโพง Subwoofer 1 ตัว ซึ่งหลังจากที่เราทำการเสียบปลั๊กให้กับลำโพงทุกตัวเรียบร้อยแล้ว ลำโพงแต่ละตัวก็จะ Sync กันแบบอัตโนมัติพร้อมใช้งานได้ทันที ถือว่าสร้างความสะดวกสบายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ภาพรวมของตัว Sound Bar Polk Audio MagniFi Max-SR พระเอกของงานนี้

ตัว Sound Bar ใช้วัสดุผ้าคลุมเกือบทั่วทั้งหมดของตัวเครื่อง ส่วนบริเวณตรงกลางด้านบนจะเป็นปุ่มกดต่างๆ ที่จะอธิบายในภายหลัง ต่อมาที่บริเวณตรงกลางด้านหน้าเราจะเห็นเป็นกรอบสีเงินครอบบริเวณตรงกลาง จุดนี้คือส่วนของลำโพง Voice Adjust ที่จะทำหน้าทีในส่วนของ เสียงพูด เสียงร้อง เป็นหลัก โดยใกล้ๆ กันกับกรอบสีเงินนี้ทางด้านซ้ายจะเป็นไฟแสดงสถานะต่างๆ ของตัวเครื่อง และส่วนสุดท้าย บริเวณ ซ้ายสุด/ขวาสุด ของตัว Sound Bar จะเป็นช่องกระจายเสียงออกทางด้านข้างเพื่อเพิ่มความโอบล้อมของเสียงให้ดีมากขึ้นกว่า Sound Bar ทั่วไป

ภายในตัว Sound Bar นั้นทาง Polk Audio ได้อัดแน่นมาให้แบบจัดเต็ม ประกอบไปด้วยไดรเวอร์ (ดอกลำโพง) กว่า 7 ตัว แบ่งเป็น Mid-Woofer ทรงรี ให้เสียงย่านกลางต่ำขนาด 1×3 นิ้ว จำนวน 4 ดอก, Mid – Range ทรงกลม ให้เสียงย่านกลางขนาด 1 ดอก และ Tweeter ทรงโดม ขนาด 0.75 นิ้ว อีก 2 ดอก อันแน่นรวมกันอยู่ในตัว Sound Bar เพียงเครื่องเดียว

ในส่วนของปุ่มต่างๆ ที่ด้านบนของตัว Sound Bar นั้นประกอบไปด้วย ปุ่มเปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่มเลือกช่องสัญญาณ In Put, ปุ่มเลือกช่องสัญญาณ Bluetooth, ปุ่มเพิ่มความดังเสียงพูด (Voice Adjust), ปุ่ม Mute (ปิด) เสียง และ ปุ่มเพิ่ม/ลด ความดังเสียงโดยรวม

ขนาดของตัว Sound Bar จะอยู่ที่ ความกว้าง 3 นิ้ว, ความยาว 43 นิ้ว และ มีความสูงอยู่ที่ 2 นิ้ว ซึ่งถือว่ามีขนาดความสูงค่อนข้างน้อย นับเป็นข้อดีที่ตัวลำโพงจะได้ไม่ไปบังภาพ หรือ บังสัญญาณรีโมทของ ทีวีเหมือน Sound Bar ส่วนใหญ่ที่จะมีขนาดค่อนข้างสูง

หน้าตาของลำโพง Surround ไร้สายรุ่น SR1 ที่มีมาให้ในชุด 2 ตัว
ด้านจะมีรูสำหรับแขวนผนัง, รูสำหรับยึดน็อตมาให้ด้วย และ ปุ่ม Sync กับตัว Sound Bar มาให้ด้วย

ส่วนลำโพง Surround ที่ให้มาในชุดเป็น แบบ Wireless รุ่น SR1 ทั้งหมด 2 ตัวสำหรับข้างซ้ายและขวา โดยแต่ละข้างจะมีตัวหนังสือกำกับไว้เป็นตัวอักษรL/R ด้วยว่าให้เราวางลำโพงตัวนั้นไว้ที่ข้างไหม ซึ่งตัวมาในขนาดเล็กกำลังดี ใช้วัสดุเป็นพลาสติกผิวด้าน ด้านหน้าจะมีผ้าคลุมดอกลำโพงไว้ ด้านหลังจะมีปุ่ม Sync เพื่อทำการเชื่อมต่อสัญญาณกับตัว Sound Bar ในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้แบบอัตโนมัติ ถัดมาจะเป็นไฟสถานะของตัวเครื่อง ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องเสียบไฟเข้าเป็นอะแดปเตอร์เสียบตรงจากปลั๊กมาได้เลยครับ

หน้าตาของ Subwoofer ขุมพลังเสียงเบสของงานนี้
ตัวตู้ทำลวดลายได้ออกมาดูสวยงาม ดูพรีเมี่ยม
ดอกลำโพง Woofer ขนาด 8 นิ้ว และ ท่อระบายเบสที่อยู่บริเวณใต้ตัวเครื่อง
ด้านหลังเนื่องจากเป็น Subwoofer ไร้สายเลยมีช่องต่อแค่เสียบไฟเข้า และ ปุ่ม Sync เพื่อเชื่อมต่อกับตัว Sound Bar

อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานนี้เลยนั่นก็คือลำโพง Subwoofer ที่มาในดีไซน์สวยงามแหวกแนวจากตู้ Subwoofer ส่วนใหญ่ที่จะดีไซน์แบบตู้สี่เหลี่ยมปกติ ทำให้ดูพรีเมี่ยมในระดับนึง ตัวตู้ทำมาจากวัสดุ”พีวีซี”คุณภาพสูง ขนาดของตัวตู้นั้นถือว่าพอๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่่จนเกินไป มีขนาดความกว้างอยู่ที่ 12 นิ้ว ความยาว 15 นิ้ว และความสูง 15 นิ้ว บริเวณด้านล่างของตัวตู้มาพร้อมดอกลำโพง Woofer ขนาด 8 นิ้ว และ ท่อระบายเบสยิงลงพื้นด้านล่าง ให้เสียงเบสได้แผ่กระจายทั่วห้อง ช่วยเสริมพลังเสียงเบสให้กับตัว Sound Bar ได้อย่างลงตัว

รีโมทที่ให้มานั้นมีขนาดกำลังดี มีดีไซน์สวยงาม ปุ่มคำสั่งต่างๆ สามารถดูและเข้าใจได้ง่าย โดยจุดเด่นๆ ที่น่าสนใจจะเป็นปุ่ม เพิ่ม/ลด ความดังเสียงเบสจาก Subwoofer, ปุ่ม เพิ่ม/ลด ความดัง เสียงพูด, ปุ่มปรับโหมดเสียงต่างๆ และบริเวณด้านล่างจะเป็นส่วน เพิ่ม/ลด ความดัง กับ Balance เสียงซ้าย/ขวา ของลำโพง Surround

สายต่างๆ ที่มีมาให้ในกล่องนั้นถือว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ ของตัว Sound Bar, อะแดปเตอร์ ของ ลำโพง Surround, สายไฟ, สาย HDMI, สาย Optical, คู่มืองาน และ อื่นๆ อีกมากมาย

Connectivity – ช่องต่อ

การเชื่อมต่อของ MagniFi Max-SR สิ่งหนึ่งที่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยนั่นคือ HDMI ARC สามารถส่งเสียงย้อนกลับจากตัว TV มาเข้าที่ Sound Bar ซึ่งรองรับการส่งสัญญาณเสียงแบบ Dolby Digital ได้ด้วย ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียงจากแอปพลิเคชั่นสุดฮิตอย่าง Netflixจากตัว TV มาที่ Sound Bar ได้อย่างผ่านฉลุย

ช่องต่อต่างๆ บริเวณด้านหลังของตัว Sound Bar
ยืนยันว่าสามารถส่งสัญญาณภาพ 4K HDR ไปให้ TV แสดงผลได้อย่างแท้จริง

ช่องต่ออื่นๆ ก็มีมาให้เยอะพอสมควรน้องๆ AVR เลยก็ว่าได้ ประกอบไปด้วยช่อง HDMI In Put 3 ช่องที่รองรับการส่งสัญญาณ Pass Through ภาพแบบ 4K HDR ไปสู่ TV ได้ ส่วนถ้า TV ของคุณเป็นรุ่นเก่าที่ไม่รองรับฟังก์ชั่น HDMI ARC ก็ยังสามารถต่อสัญญาณเสียงผ่านช่อง Optical และ Aux 3.5 มม. ได้ แต่ยังไม่หมดแค่นั้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายก็มีมาเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วยการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth และ Google Chromecast ที่สามารถส่งเพลงจากแอปต่างๆ ที่รองรับเข้าสู่ตัว Sound Bar ได้อย่างสะดวกสบาย

ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อ Internet นั้นก็รองรับทั้งการเชื่อมต่อแบบ สาย LAN และ Wi-Fi ผ่านแอป Google Home ได้ ส่วนช่อง USB นั้นเอาไว้สำหรับ Service เท่านั้นไม่สามารถเล่นไฟล์ใดๆ ได้