22 Jan 2020
Review

รีวิว Polk Audio Signa S2 ซาวด์บาร์ภาคต่อ ขวัญใจสายสตรีมมิ่งเช่นเดิม


  • boom

Sound – เสียง

Polk Audio Signa S2 ยังคงมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านเสียงที่ถ่ายทอดมาจากรุ่น S1 ไม่ว่าจะเป็นระบบถอดรหัสเสียงจาก Dolby Digital 5.1 รวมถึงฟีเจอร์ VoiceAdjust™ ที่ช่วยปรับระดับเสียงพูดของตัวละครให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าโหมด EQ สามโหมด Movie, Music และ Night Effect ก็ยังคงมีมาให้สามารถเลือกใช้งานผ่านทางปุ่มบนรีโมท

สำหรับการติดตั้งใช้งานซาวด์บาร์ก็คงจะไม่มีอะไรมากมายนัก เพียงแค่วางตัวลำโพงหลักให้อยู่ในจุดที่ใกล้กับจอภาพมากที่สุด เพื่อที่เราจะได้รู้สึกเหมือนเสียงพุ่งออกมาจากตัวจอจริง ๆ ส่วนซับวูฟเฟอร์นั้นเราไม่จำเป็นที่จะต้องกดปุ่มเชื่อมต่ออะไรเพิ่มเติม เพราะทางผู้ผลิตได้ทำการจับคู่มาให้เรียบร้อยแล้วจากโรงงาน ก็คือสามารถแกะกล่องเสียบไฟใช้งานได้เลย แต่ถ้าเกิดว่าอยู่ดี ๆ เสียงจากซับวูฟเฟอร์หายไป เราก็สามารถรีเซ็ตให้ตัวเครื่องค้นหากันใหม่ได้เช่นกัน ตามวิธีการในคู่มือที่แถมมา

รูปแบบการจัดวางคร่าว ๆ ที่ระบุไว้ในคู่มือ Quick Start
ซึ่งตำแหน่งซับวูฟเฟอร์สามารถปรับเปลี่ยนได้บ้างตามความเหมาะสม

ท้าวความกันถึงเรื่องคาแร็คเตอร์เสียงจากรุ่น Signa S1 กันเล็กน้อย แนวเสียงเท่าที่จำได้คือตัวลำโพงจะค่อนข้างติดทุ้มเสียหน่อย ซึ่งเมื่อพอผสานกับความดังจากซับวูฟเฟอร์แล้ว อาจจะต้องมีการปรับลดเสียงต่ำลง เพื่อคงไว้ซึ่งบาลานซ์ของมวลเสียงโดยรวมของซิสเต็ม

พอมาในรุ่น S2 นี้ ถ้าเราอ่านสเปคจะเห็นว่าทั้งขนาดไดร์เวอร์และการจัดวางจะยังคงอ้างอิงจากรุ่น S1 ทั้งหมด ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก กระนั้นแล้วทางเราก็อยากจะขอทดสอบฟังดูด้วยหูอีกครั้ง ว่าถ้าสเปคเหมือนกัน จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญหรือเปล่า โดยคอนเทนต์ที่ใช้ทดสอบก็จะเป็น ภาพยนตร์ที่มีฟอร์แมตเสียงแบบ Dolby Surround บน Netflix ประกอบกับเล่นเกมเล็กน้อยผ่านทางเครื่อง PS4 และปิดท้ายด้วยการฟังเพลงทั้งแบบไร้สายและมีสาย

ความหมายของไฟแสดงสถานะในโหมดต่าง ๆ
ด้วยความที่ไม่มีหน้าจอแสดงอะไรเลย การเปลี่ยนโหมดเลยต้องออกมาในรูปแบบนี้แทน

คุณภาพจากการใช้งานแบบภาพและเสียงทั้งหมด ถือว่ายังคงได้มาตรฐานเหมือน Signa S1 คือมีย่านเสียงต่ำที่ดังเด่นมาจากซับวูฟเฟอร์ ผมจึงปรับลดความดังในย่านนี้ลงผ่านปุ่ม Bass บนรีโมท เพื่อไม่ให้มากลบเสียงกลางไปจนถึงย่านเสียงสูงจนเกินไป และปรับให้บาลานซ์รวมของซิสเต็มลงตัว

ในส่วนของประสิทธิภาพในการฟังเพลงก็ต้องยอมรับกันว่าไม่ใช่ทางถนัดแบบ 100% ของซาวด์บาร์รุ่นนี้ แต่ก็ถือว่าพอจะฟังได้ไม่ขี้เหร่นัก โดยโหมด EQ ที่อยากแนะนำให้เลือกใช้ก็คงจะเป็น Music เหมือนเดิม ซึ่งให้ความเป็นธรรมชาติและสมดุลย์ของเสียงมากที่สุดในบรรดาโหมดที่มีให้เลือก แนวเสียงที่เป็นกลางไม่หนักไปทางใดทางหนึ่งก็ทำให้มันสามารถใช้ฟังได้หลากหลายแนว เฉกเช่นลำโพงตั้งโต๊ะที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

Conclusion – สรุป

Polk Audio Signa S2 เป็นซาวด์บาร์รุ่นต่อยอดเสมือนรถยนต์รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ที่ได้นำเอาต้นฉบับจากรุ่น S1 ที่มีความลงตัวทั้งงานดีไซน์และคุณภาพเสียงที่เป็นมาตรฐานไม่น้อยหน้าคู่แข่งไปปรับเพิ่มเอาช่อง HDMI ใส่เข้ามา สำหรับสร้างความยืดหยุ่นในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนั้นแล้วรูปแบบภายนอกหลายอย่างยังคงมี DNA จากรุ่น S1 มาครบทุกประการ ตั้งแต่ตัวลำโพง, ซับวูฟเฟอร์ ไปจนถึงรีโมท

จากข้อสรุปทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ Polk Audio S2 เป็นซาวด์บาร์รุ่นปรับปรุงคุณภาพที่เข้ามาจำหน่ายแทนที่รุ่น S1 อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งมันยังคงตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายในการใช้งานโดยที่ยังให้ประสิทธิภาพเสียงที่เชื่อถือได้ และตอบสนองครบทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นดูหนังผ่านสตรีมมิ่ง หรือใช้ฟังเพลงผ่าน Bluetooth ก็ตาม

ข้อดี
– เล็ก บาง กระทัดรัด ไม่ดึงดูดความสนใจไปจากตัวทีวีมากเกินไป
– พร้อมใช้งานคู่กับการเชื่อมต่อหลายรูปแบบทั้งมีสายและไร้สาย
– มวลรวมเสียงยังคงได้มาตรฐาน สามารถใช้งานได้หลากหลาย
– สามารถถอดรหัสเสียงแบบ Dolby Digital 5.1 ที่มากับสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Netflix ได้ ทำให้เราได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นจากการรับชม

ข้อเสีย
– การออกแบบไฟแสดงสถานะทำได้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้ใช้เท่าไร เนื่องจากคาดเดาความหมายได้ยาก
– แม้เสียงย่านเสียงกลางและเสียงสูงจะรู้สึกได้ว่าดีขึ้นจากรุ่นก่อน แต่ซับวูฟเฟอร์ยังคงดังเกินจำเป็นไปหน่อย ทีมงานยังคงแนะนำให้ปรับลดเสียงต่ำลง เพื่อความสมดุลย์ของเสียงทุก ๆ ย่าน

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
8.00
เสียง (Sound)
8.00
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
8.50
ลูกเล่น (Features)
8.50
ความคุ้มค่า (Value)
8.50
คะแนนตัดสิน (Total)
8.30

คะแนน Polk Audio Signa S2

8.3

หมายเหตุ: มาตรฐานคะแนนปี 2020

Polk Audio Signa S2
ราคาเปิดตัว 9,900 บาท