ภาพ
Predator Z650 มี Native Resolution อยู่ที่ 1080p หรือก็คือ Full HD ซึ่งด้วยลักษณะทางโครงสร้างภายนอก และภายในที่คล้ายคลึงกับ H7550ST จึงทำให้รุ่นนี้สามารถฉายภาพในระยะใกล้ (Short Throw) ได้ ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งมากนัก โดยระยะฉายประมาณ 1.5 เมตร ก็สามารถให้ภาพได้ใหญ่ถึง 100นิ้ว นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างแรกที่ทีวีและมอนิเตอร์ให้ไม่ได้ อีกทั้งตำแหน่งที่ติดตั้งเครื่องค่อนข้างยืดหยุ่น รองรับการติดตั้งแบบปกติ บนฝ้าเพดาน หรือแบบฉายกลับหลังได้ และเพื่อให้ได้ภาพที่ดีไปอีกขั้น ผู้ใช้ยังสามารถระบุได้ด้วยว่าจอฉายที่ใช้อยู่นั้นเป็นสีอะไร
ข้อประโยชน์ของการได้เล่นเกม หรือการดูหนังจอใหญ่ๆ นั้น ได้อรรถรสในการเข้าถึงความสนุก ความเข้าใจในเนื้อหาได้มากกว่าจอเล็กๆ เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นตามบูธแสดงสินค้า หรืองานเกมต่างๆ ที่มักจะเอาจอมอนิเตอร์หลายๆ จอ มาแสดงผลเป็นภาพเดียวกัน แล้วเกมที่ใช้เปิดก็มักเป็นเกมประเภท Racing ซึ่งสาเหตุที่ว่าทำไมต้องต่อมอนิเตอร์หลายเครื่องให้กลายเป็นภาพใหญ่ๆ ก็เพราะต้องการให้ผู้เล่นที่อยู่หลังจอยบังคับควบคุมได้รู้สึกราวกับว่าได้ไปอยู่ในเกม อยู่บนหลังพวงมาลัยจริงๆ แน่นอนว่าเหตุผลดังกล่าว ไม่ได้จำกัดเฉพาะเกมประเภท Racing เท่านั้น ยังมีเกมประเภท FPS, Fighting, RPG เมื่อเล่นผ่านจอใหญ่ก็จะได้อรรถรสไปอีกแบบ ยิ่งเกมประเภท FPS ยิ่งได้รับอานิสงส์เยอะ เพราะการเล็งเป้า หรือค้นหาศัตรู ทำได้ง่ายกว่าเดิมมาก เพราะภาพใหญ่ขึ้น
เมื่อเครื่องนี้ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์ ย่อมต้องมีโหมดภาพสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยถ้านับจากโหมดภาพทั้งหมด 10 โหมด มีโหมดสำหรับการเล่นเกมถึง 3 โหมด ด้วยกัน แบ่งเป็น Game Auto, Dark FPS, Bright FPS ทั้งสามโหมดมีความแตกต่างกันในเรื่อง Response Time ไม่มาก ทว่าจะให้ระดับความสว่างและสีสันแตกต่างกันเล็กน้อย กลับกันถ้าผู้ใช้เปลี่ยนเป็นมาดูหนัง ก็ขอแนะนำโหมดภาพ Movie ที่จะให้สีโทนอุ่น (อมเหลือง) เหมาะกับการรับชม ส่วนอาการของ Rainbow Effect ที่มักจะได้พบกับ DLP Projector ก็ถือว่าพบเห็นได้น้อยครั้งมากๆ จากการนั่งชมประมาณ 4 ชั่วโมง พบเห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ไม่ใช่แค่เพียงภาพ 2D แต่ Predator Z650 สามารถฉายภาพแบบ 3D ได้ด้วย ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นที่ทีวีในปัจจุบันให้ไม่ได้ เพราะถ้าใครติดตามข่าว คงจะทราบกันดีว่าทีวีทุกแบรนด์ในซีรีส์ปี 2017 ต่างก็ตัดฟีเจอร์เรื่อง 3D ทิ้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าใครที่มีแผ่น 3D Blu-ray อยู่กับบ้านคงจะต้องนอนเป็นหมันไป ซึ่งต่างกับ Predator Z650 เพราะแผ่นเก่าก็ใช้ได้ แผ่นใหม่ก็ใช้ดี ส่วนเทคโนโลยี 3D ที่เครื่องนี้ใช้นั้นเป็นแบบ Active 3D ซึ่งภาพจะมีความคมชัดมากกว่าแบบ Passive 3D มีข้อแนะนำเล็กน้อยในการดูภาพ 3D คือห้องควรจะมืดสนิท เนื่องจากพอสวมแว่นเข้าไปแล้วความสว่างของภาพจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เสียง
มีคนมักพูดกันว่าลำโพงที่อยู่ในเครื่องโปรเจคเตอร์มักจะเป็นไม้ประดับ คือแค่พอให้รู้ว่ามี แต่สำหรับ Predator Z650 ลำโพงสามารถใช้ได้จริง มีกำลังขับ 2 x 10 Watts รองรับเสียงแบบสเตอริโอ ถึงแม้ว่ากำลังขับจะไม่มาก แต่หากเป็นห้องที่ปิดสนิท ก็จะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน แม้เสียงที่ออกมาจะขาดความหนักแน่น แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth ทำให้เวลาเล่นเกม หรือดูหนัง ก็เพิ่มความสนุกไปอีกขั้น