07 Jul 2017
Review

ภาพใหญ่ ถูกใจ!! รีวิว Predator Z650 โปรเจคเตอร์สำหรับชาวเกมเมอร์


  • Dear_Sir

ภาพ

Predator Z650 มี Native Resolution อยู่ที่ 1080p หรือก็คือ Full HD ซึ่งด้วยลักษณะทางโครงสร้างภายนอก และภายในที่คล้ายคลึงกับ H7550ST จึงทำให้รุ่นนี้สามารถฉายภาพในระยะใกล้ (Short Throw) ได้ ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งมากนัก โดยระยะฉายประมาณ 1.5 เมตร ก็สามารถให้ภาพได้ใหญ่ถึง 100นิ้ว นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างแรกที่ทีวีและมอนิเตอร์ให้ไม่ได้ อีกทั้งตำแหน่งที่ติดตั้งเครื่องค่อนข้างยืดหยุ่น รองรับการติดตั้งแบบปกติ บนฝ้าเพดาน หรือแบบฉายกลับหลังได้ และเพื่อให้ได้ภาพที่ดีไปอีกขั้น ผู้ใช้ยังสามารถระบุได้ด้วยว่าจอฉายที่ใช้อยู่นั้นเป็นสีอะไร

รองรับการติดตั้งหลากหลายรูปแบบ
ปรับจูนภาพ พร้อมเลือกสีของจอฉายที่ใช้ได้

ข้อประโยชน์ของการได้เล่นเกม หรือการดูหนังจอใหญ่ๆ นั้น ได้อรรถรสในการเข้าถึงความสนุก ความเข้าใจในเนื้อหาได้มากกว่าจอเล็กๆ เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นตามบูธแสดงสินค้า หรืองานเกมต่างๆ ที่มักจะเอาจอมอนิเตอร์หลายๆ จอ มาแสดงผลเป็นภาพเดียวกัน แล้วเกมที่ใช้เปิดก็มักเป็นเกมประเภท Racing ซึ่งสาเหตุที่ว่าทำไมต้องต่อมอนิเตอร์หลายเครื่องให้กลายเป็นภาพใหญ่ๆ ก็เพราะต้องการให้ผู้เล่นที่อยู่หลังจอยบังคับควบคุมได้รู้สึกราวกับว่าได้ไปอยู่ในเกม อยู่บนหลังพวงมาลัยจริงๆ แน่นอนว่าเหตุผลดังกล่าว ไม่ได้จำกัดเฉพาะเกมประเภท Racing เท่านั้น ยังมีเกมประเภท FPS, Fighting, RPG เมื่อเล่นผ่านจอใหญ่ก็จะได้อรรถรสไปอีกแบบ ยิ่งเกมประเภท FPS ยิ่งได้รับอานิสงส์เยอะ เพราะการเล็งเป้า หรือค้นหาศัตรู ทำได้ง่ายกว่าเดิมมาก เพราะภาพใหญ่ขึ้น 

เกมแบบ FPS แบบนี้ เล่นบนจอใหญ่ๆ ยิงได้แม่นกว่าเดิม
โหมดภาพอัตโนมัติของตัวเครื่อง
เล่นเกมต่อสู้ ตัวละครดูใหญ่ สมจริง

เมื่อเครื่องนี้ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์ ย่อมต้องมีโหมดภาพสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยถ้านับจากโหมดภาพทั้งหมด 10 โหมด มีโหมดสำหรับการเล่นเกมถึง 3 โหมด ด้วยกัน แบ่งเป็น Game Auto, Dark FPS, Bright FPS ทั้งสามโหมดมีความแตกต่างกันในเรื่อง Response Time ไม่มาก ทว่าจะให้ระดับความสว่างและสีสันแตกต่างกันเล็กน้อย กลับกันถ้าผู้ใช้เปลี่ยนเป็นมาดูหนัง ก็ขอแนะนำโหมดภาพ Movie ที่จะให้สีโทนอุ่น (อมเหลือง) เหมาะกับการรับชม ส่วนอาการของ Rainbow Effect ที่มักจะได้พบกับ DLP Projector ก็ถือว่าพบเห็นได้น้อยครั้งมากๆ จากการนั่งชมประมาณ 4 ชั่วโมง พบเห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

อารมณ์เหมือนกับยกโรงภาพยนตร์มาไว้ในบ้าน

ไม่ใช่แค่เพียงภาพ 2D แต่ Predator Z650 สามารถฉายภาพแบบ 3D ได้ด้วย ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นที่ทีวีในปัจจุบันให้ไม่ได้ เพราะถ้าใครติดตามข่าว คงจะทราบกันดีว่าทีวีทุกแบรนด์ในซีรีส์ปี 2017 ต่างก็ตัดฟีเจอร์เรื่อง 3D ทิ้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าใครที่มีแผ่น 3D Blu-ray อยู่กับบ้านคงจะต้องนอนเป็นหมันไป ซึ่งต่างกับ Predator Z650 เพราะแผ่นเก่าก็ใช้ได้ แผ่นใหม่ก็ใช้ดี ส่วนเทคโนโลยี 3D ที่เครื่องนี้ใช้นั้นเป็นแบบ Active 3D ซึ่งภาพจะมีความคมชัดมากกว่าแบบ Passive 3D มีข้อแนะนำเล็กน้อยในการดูภาพ 3D คือห้องควรจะมืดสนิท เนื่องจากพอสวมแว่นเข้าไปแล้วความสว่างของภาพจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด

รองรับ 3D
แว่น 3D ที่ส่งมาทดสอบร่วมกับ Predator Z650

เสียง

มีคนมักพูดกันว่าลำโพงที่อยู่ในเครื่องโปรเจคเตอร์มักจะเป็นไม้ประดับ คือแค่พอให้รู้ว่ามี แต่สำหรับ Predator Z650 ลำโพงสามารถใช้ได้จริง มีกำลังขับ 2 x 10 Watts รองรับเสียงแบบสเตอริโอ ถึงแม้ว่ากำลังขับจะไม่มาก แต่หากเป็นห้องที่ปิดสนิท ก็จะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน แม้เสียงที่ออกมาจะขาดความหนักแน่น แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth ทำให้เวลาเล่นเกม หรือดูหนัง ก็เพิ่มความสนุกไปอีกขั้น

ลำโพงติดตั้งทางด้านข้างซ้าย-ขวา ของตัวเครื่อง
ต่อหูฟัง Bluetooth ดูการ์ตูนได้อารมณ์ไปอีกแบบ