ภาพ
ก่อนจะมาเริ่มทดสอบเราต้องมาทำการติดตั้งโปรเจ็กเตอร์ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งานกันเสียก่อน โดยทีมงานให้การวางบนขาตั้งโปรเจ็กเตอร์ ซึ่งทาง BenQ W1070+ มาพร้อมกับเมนูช่วยตั้งค่าสำหรับเหล่ามือใหม่ทั้งหลายที่เปิดใช้งานเครื่องโปรเจ็กเตอร์ครั้งแรก ที่ทำมาเข้าใจง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ช่วยให้ทำตามได้ไม่ยาก
อีกหนึ่งความพิเศษของโปรเจ็กเตอร์ตัวนี้คือมันสามารถวางไว้ที่ไหนก็ได้ในห้อง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ, เก้าอี้, ตู้, เตียง หรือจะแขวนไว้ดีๆ อย่างที่ใครเขาทำกันก็ได้ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าทาง BenQ ได้ติดตั้งระบบปรับจูน Key Stone แบบสองแกนมาให้ รวมไปถึงฟีเจอร์การปรับ Lens Shift ขยับขึ้นลงในแนวดิ่งได้อีกด้วย วางได้ทุกที่ตามรูปด้านล่างเลยครับ
เมื่อทำการเซ็ตอัพเรียบร้อยเป็นเวลาอันควรที่จะได้ฉายภาพขึ้นจอวัดประสิทธิภาพแบบก่อนปรับภาพกันเลย ต้องบอกว่าการทดสอบเราจะทำในห้องมืดคุมแสงได้ 100% เพื่อรับชมประสิทธิภาพที่แท้จริงของตัวเครื่องแบบเต็มๆ
เราเริ่มทดสอบกันด้วยภาพจากภาพยนตร์อย่าง Journey 2 เพื่อชมสีสันในป่าดงดิบ ซึ่งทุกอย่างดูเขียวชอุ่มมีชีวิตชีวา โดยโหมดภาพจากโรงงานที่ทาง BenQ ได้เซ็ตมาตั้งแต่ต้นก็คือ Standard ที่มีแนวภาพอิ่มสดใสได้มิติจนแทบจะไม่ต้องปรับจูนอะไรเพิ่มให้วุ่นวายก็ได้ภาพที่ดีน่าดูแล้ว
สลับมาดูสีในวรรณะร้อนกันบ้างครับ ผมหยิบเอา Life of Pi อีกหนึ่งภาพยนตร์เรื่องฮิตที่มักจะถูกหยิบมาทดสอบทีวีอยู่บ่อยๆ ในฉากรุ่งอรุณกลางมหาสมุทร ที่จะเป็นดวงอาทิตย์ค่อยๆ สาดแสงสีส้มเพื่อเปลี่ยนผ่านจากเวลากลางคืนสู่เช้าตรู่ บรรยากาศที่ถูกปลดปล่อยออกมาผ่านเลนส์ฉายของ W1070+ สร้างความอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน เป็นโปรเจ็กเตอร์ที่พาเราเข้าไปอยู่ในสถานกรณ์ในหนังจนอินไปกับเรื่องราวได้ดีสุดๆ
หลังจากได้ชมฉากทดสอบกันจนหนำใจไปแล้วก็ได้เวลามาจริงจังกับการทดสอบสีสันของโหมดภาพสำเร็จรูปซึ่งได้ติดตั้งมาให้จากโรงงานว่าโหมดไหนให้สีเป็นอย่างไร และเหมาะจะใช้งานในเวลาใด
1. Bright : ให้ภาพติดโทนเขียวนิดหน่อย ทุกอย่างดูสดสว่างผิดธรรมชาติ
2. Standard : สีสันสวยใสแบบใกล้เคียงความถูกต้องที่สุด เป็นโหมดแนะนำสำหรับท่านที่ไม่มีเครื่องมือปรับภาพ เพราะสามารถให้สีสันที่ค่อนข้างดี โดยที่ยังไม่ทิ้งรายละเอียด
3. Cinema : ความแม่นของสีใกล้เคียงกับ Standard แต่เป็นการปรับลดระดับความสว่างให้ลดลง สีดูทึมๆ ไม่เหมาะจะนำมาใช้ในห้องนั่งเล่นที่คุมแสงไม่ได้ 100%
4. User 1,2 : เป็นค่าเดิมๆ ที่แทบจะไม่ได้มีการจูนอะไรมาก เพราะให้อิสระกับผู้ใช้เพื่อนำมาลองเล่นเอง ฉะนั้นสีสันของภาพจึงดูใกล้เคียงกับ Standard แต่มืดลงมาหน่อย
จากการนั่งพิจารณาโหมดภาพที่ได้ติดตั้งมาจากโรงงานโดยรวมแล้วถือว่า BenQ W1070+ ทำได้ดีทีเดียวในเรื่องภาพ 2 มิติ สีสันในโหมด Standard นั้นถ้าไม่ซีเรียสก็ไม่ต้องปรับอะไรเพิ่ม เปิดละชมกันไปยาวๆ ได้เลย ถ้าห้องมืดมากๆ ก็อาจจะเปิด ECO Mode ช่วยทอนแสงไม่ให้จ้าจนเกินไป ที่สำคัญยังช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟออกไปอีกหลายพันชั่วโมง เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยก็ว่าได้
หลังจากดูภาพแบบค่าโรงงานมาพอได้ที่ เราก็มาปรับภาพกันดีกว่าครับ ต้องบอกก่อนว่าฟีเจอร์การปรับภาพของโปรเจ็กเตอร์ตัวนี้ไม่ใช่เล่นๆ เพราะถึงกับได้ใบรับรอง ISFccc การันตีความสามารถในการปรับจูนแบบขั้นสูงได้ล้ำลึก แต่สำหรับการทดสอบครั้งนี้หากปรับแบบจัดเต็มคงไม่ทันคืนเครื่องแน่ๆ เลยเอาแค่พอประมาณครับผม ซึ่งถ้าใครอยากได้แบบขั้นสูงก็แนะนำให้ติดต่อตัวแทนในไทยที่ได้ไปเรียนปรับภาพโดยตรงจากสถาบัน ISF ตามรายชื่อนี้ดูครับ รับรองว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกใจแน่นอน