Picture Mode | CTT | Gamma | Consumption (Watts) | CTT Mode | |||
Normal | Eco | Normal | Eco | Normal | Eco | ||
Bright | 7837 | 2.03 | 279 | Lamp Native | |||
Standard | 6956 | 2.22 | 279 | Normal | |||
Cinema | 7279 | 2.25 | 279 | Normal | |||
User | 7147 | 7500 | 2.23 | 2.25 | 279 | 204 | Normal |
User (Calibrated) | 6950 | 2.23 | 204 | Normal | |||
ตารางด้านบนเป็นค่าอุณหภูมิสีที่เราวัดได้ผ่านทางอุปกรณ์ปรับภาพครับ ซึ่งเป็นไปตามคาดนะครับว่าโหมด Standard ให้อุณหภูมิสี (CTT) ที่ใกล้เคียงค่าเพอร์เฟ็คที่สุดหรือก็คือ 6500K ครับ เช่นเดียวกันกับค่า Gamma ครับผม มาดูอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานในช่อง Consumption บ้างนะครับ จะเห็นว่าทุกโหมดภาพถ้าไม่เปิดใช้งานฟีเจอร์ ECO ก็จะใช้ไฟเท่ากันที่ 279 วัตต์ ถ้านำมาเทียบกับทีวีแอลอีดีที่ขนาดจอ 100 นิ้วเท่ากัน ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียง ไม่ได้เปลืองไฟมากกว่าแต่อย่างใด
* สำหรับการปรับค่า 2-Point White Balance แบบละเอียด จะทำงานเฉพาะ Color Space ที่เป็น RGB เท่านั้น ถ้าตั้งเป็น YCbCr จะไม่มีผลครับ
หลังจากปรับภาพเสร็จผมก็มานั่งใช้งานโปรเจ็กเตอร์ไปอีกสักระยะเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของสีสันและมิติลึกตื้นในช่วงความสว่างต่างๆ ระหว่างก่อนและหลังปรับภาพ ซึ่งได้ผลออกมาตามรูปด้านล่างเลยครับ
สรุป
BenQ ยังคงสรรสร้างโปรเจ็กเตอร์ดูหนังที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง W1070+ ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่ให้ประสบการณ์ความสุดยอดแก่ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ด้วยสีสันของภาพที่อัดแน่นมาเต็ม เปิดเครื่องเปลี่ยนเป็นโหมด Standard ก็ได้สีสันที่ใกล้เคียงกับความเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องปรับภาพเพิ่มเติมอะไรมากมาย นอกจากนี้หากมีเปิดโหมด ECO ช่วยก็จะยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟออกไปได้อีกกว่า 1500 ชั่วโมง
นอกจากคุณภาพของภาพที่ดีแล้ว ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ติดตัวมาก็ถือว่าใช้งานได้จริงตัวอย่างเช่นการปรับจูน Keystone 2 แกน และ Lens Shift ที่ช่วยให้เราวางโปรเจ็กเตอร์ได้ทุกมุมห้อง หรือจะเป็นฟีเจอร์ปรับภาพเชิงลึกจาก ISF ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพของตัวโปรเจ็กเตอร์ออกมาให้ตรงมาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้อีกขั้น สะใจคนชอบความเที่ยงตรงกันไปเลย
ท้ายที่สุดนี้หากใครกำลังวางแผนที่จะอัพเกรดระบบแสดงผลภาพในบ้านให้ใหญ่และอลังการมากยิ่งขึ้น BenQ W1070+ คือคำตอบที่คุณน่าจะกำลังมองหาอยู่ครับผม ด้วยราคาต่อขนาดที่กินขาดทุกช่วงทีวี ขอแค่คุณมีห้องที่คุมแสงได้พอสมควร ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับโรงหนังจอยักษ์นับ 100 นิ้วได้ง่ายๆแล้ว ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า “เปลี่ยนห้องนั่งเล่น….ให้เป็นโรงหนัง”
LIKE
– ประสิทธิการแสดงภาพ 2 มิติ ที่ดีเกินราคา แทบไม่ต้องปรับจูนเพิ่มเติมมากมาย แค่เปิดเครื่องแล้วใช้โหมด Standard คุณก็จะได้ภาพที่สีสันสดใสรายละเอียดดีมีมาตรฐาน เมื่อปรับภาพเพิ่มเติมก็ให้ความแม่นยำของสีสันที่มากขึ้นมาอีก พร้อมกับรายละเอียดและมิติภาพที่ดีขึ้น
– โหมด Fast Shutdown ช่วยให้การปิดเครื่องเร็วมากขึ้น
– ECO Mode ช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟให้ยาวนานยิ่งขึ้น
– ฟีเจอร์การปรับจูน Keystone แบบสองแกน พร้อมกับ Lens Shift ช่วยให้เราสามารถวางโปรเจ็กเตอร์ได้หลายรูปแบบ ไม่เจาะจงว่าต้องวางตรงกลางห้องที่เดียว
– โหมดปรับภาพแบบ ISF สำหรับปรับจูนภาพเชิงลึก ซึ่งอนุญาตให้ใช้งานได้เฉพาะผู้ที่ได้รับการอบรมจากสถาบัน ISF เท่านั้น ช่วยรีดประสิทธิภาพของโปรเจ็กเตอร์หลังจากทำการปรับภาพให้ดีมากขึ้นอีก
DISLIKE AND SUGGESTION
– เมื่อเปิดใช้งานภาพ 3 มิติ ตัวภาพโดยรวมจะมีอาการอมสีแดงให้เห็น เมื่อเชื่อมต่อกับแว่นแล้วอาการก็จะลดลง แต่ก็ส่งผลกับสีสันของภาพอยู่เล็กน้อย
– ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยี DLP จึงทำให้เรามองเห็นรุ้งขึ้นบนจออยู่บ้างในจังหวะที่เรากลอกตาเร็วๆ แต่ไม่ส่งผลต่อการรับชมปกติสักเท่าไร