การติดตั้ง
ก่อนใช้งาน มีข้อสังเกตนิดหนึ่ง ประการแรก สายไฟท้ายเครื่องที่ติดตั้งมากับ AC-210A E นั้น ใช้หัวปลั๊กมาตรฐานยุโรป ซึ่งหากนำมาเสียบกับปลั๊กไฟตามมาตรฐานบ้านเราแล้ว “สายดิน” จะไม่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับวงจร ถามว่าใช้งานได้ไหม ก็ยังใช้งานได้ครับ แต่ระบบป้องกันความปลอดภัยอาจจะทำงานได้ไม่สมบูรณ์
ดังนั้นเมื่อคำนึงถึงความปลอดภัยในระยะยาวแล้ว สิ่งแรกที่ผมแนะนำให้ทำก่อนใช้งาน คือ เปลี่ยนสายไฟติดท้ายเครื่องให้เป็นสายไฟมาตรฐานที่ใช้งานกับเต้ารับปลั๊กไฟ 3 ขา (มีสายดิน) ของบ้านเราได้
รุ่นนี้การจะถอดสายไฟท้ายเครื่อง จะต้องถอดขาล็อกโลหะที่ยึดด้วยสกรู 2 จุด ออกก่อน จากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้สายไฟออดิโอเกรด หรือสายไฟตามท้องตลาดทั่วไป (ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย) ก็แล้วแต่สะดวกครับ (ถ้าใช้สายไฟทั่วไปก็จะยังใช้ขายึดล็อกได้เหมือนเดิม)
ประการที่ 2 คือ การเสียบต่อสายไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบเครื่องเสียงบ้าน-โฮมเธียเตอร์ อาทิ ทีวี เครื่องเล่นบลูเรย์ แอนดรอยด์บ็อกซ์ ฯลฯ จะไม่สามารถเสียบเข้ากับปลั๊กของ AC-210A E (ที่เป็นแบบ C16) ได้โดยตรง ซึ่งในจุดนี้ทางตัวแทนจำหน่ายแถมสายแปลงมาด้วย 1 เส้น ตามภาพ สามารถใช้เสียบต่อใช้งานได้ ทว่าจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เนื่องจากหัวแปลงที่ให้นี้ จะรองรับปลั๊กไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นแบบขาแบน (มาตรฐาน US/Japan)
คำแนะนำเพิ่มเติม คือ ให้หาซื้อสายไฟที่ปลาย 2 ด้าน เป็นแบบ C14 และ C13 มาใช้อีก 1 เส้น แล้วอาจจะนำไปเสียบกับบล็อกปลั๊กพ่วงตามภาพ ก็จะเพิ่มความหลากหลายในการเสียบต่อปลั๊กไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าร่วมกับ AC-210A E ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
หมายเหตุ: การพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างเพื่อใช้งานพร้อมกัน ควรคำนึงถึงโหลดกระแสรวมจะต้องไม่เกิน 10A และระมัดระวังการรบกวนภายในระบบ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากอุปกรณ์ที่ใช้ภาคจ่ายไฟคุณภาพต่ำ
หรือจะใช้สายแปลงลักษณะนี้ เสียบต่อจาก AC-210A E ตรงเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง Oppo UDP-203/205 4K HDR Blu-ray Player เลยก็ทำได้
ผลการทดสอบ
เมื่อเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับใช้งานแล้ว ถึงเวลาทดลองผลลัพธ์กันครับ…
เริ่มกันด้วย Line EMI Meter พบว่า เมื่อใช้ AC-210A E สัญญาณรบกวนที่ปะปนมากับสัญญาณไฟฟ้าถูกลดทอนลงไปได้จริง ตัวเลขลดลงเหลือ 68mv เทียบกับไม่ใช้ที่ 143mv
เมื่อลองกับ Stetzerizer Microsurge Meter ผลลัพธ์ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ตัวเลขปริมาณสัญญาณรบกวนลดลง เหลือ 55 จาก 79
เมื่อสัญญาณรบกวนต่ำลง ก็จะช่วยให้อุปกรณ์สามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น ทดสอบเชื่อมต่อ Samsung 43LS03A (The Frame 2021) และ Oppo UDP-203 เข้ากับ AC-210A E สีสันบนจอดูจะมีความสดอิ่มขึ้นเล็กน้อย ภาพดูมีมิติมากขึ้น เมื่อสลับไปใช้งานกับ PS5 ก็ให้ผลลัพธ์ไปในแนวทางเดียวกัน
ทดลองเชื่อมต่อ Hisense 55U7G และ Klipsch Cinema 800 Soundbar ผ่าน AC-210A E (ปลั๊กไฟของลำโพงซับวูฟเฟอร์ต่อตรงเข้ากับปลั๊กผนัง) เสียงฟังดูผ่อนคลาย อันเป็นผลจากความหยาบกร้านเล็ก ๆ ที่มาจากการรบกวนทางไฟฟ้าถูกลดทอนให้น้อยลง เมื่อเร่งเสียงให้ดังขึ้นกว่าระดับที่รับฟังปกติพบว่า อาการเสียงบาดหูนิด ๆ ที่แทรกปะปนมากับเสียงดนตรีหรือภาพยนตร์ที่กำลังรับชมลดน้อยลง มีส่วนช่วยให้โฟกัสรายละเอียดเสียงได้ดีขึ้น
สรุป
ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ใหญ่กว่าฝ่ามือไม่มาก แต่มีคุณสมบัติไม่แพ้เครื่องกรองไฟขนาดใหญ่ จุดเด่นคือวงจรป้องกันอิงมาตรฐานเดียวกับ Professional Audio ช่วยปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ละเอียดอ่อน อย่าง ทีวี หรืออุปกรณ์โฮมเธียเตอร์ ให้ปลอดภัยจากอันตรายทางไฟฟ้า ป้องกันไฟกระชาก พร้อมตัดการทำงานเมื่อแรงดันไฟฟ้าสูงเกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ช่วยลดทอนสัญญาณรบกวนที่ปะปนเข้ามาในระบบไฟได้ ส่งผลให้อุปกรณ์แสดงประสิทธิภาพออกมาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
Furman AC-210A E
ราคาโปรโมชั่น 5,990 บาท จากปกติ 9,990 บาท
สายแปลงที่แถม 1 เส้น สามารถซื้อเพิ่มได้ ราคาเส้นละ 290 บาท
