10 Oct 2021
Review

รีวิว LG 65QNED91 อีกหนึ่ง Mini LED TV พัฒนาการเด่นด้านสีสันและคอนทราสต์ พร้อม HDMI 2.1 2 ช่อง


  • ชานม

ภาพ

QNED ย่อมาจาก Quantum Nanocell Mini LED ซึ่ง LG ใช้เป็นชื่อเรียกทางการตลาดของเทคโนโลยี Quantum Dot + Mini LED Backlight โดยพื้นฐาน Mini LED ก็คือหลอดไฟขนาดเล็กจิ๋ว สามารถติดตั้งชิดกับ LCD Panel ได้แนบสนิทมากขึ้น และจัดวางต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่จอภาพได้ถี่ละเอียดกว่าเดิม การควบคุมจัดการแสงลอดจึงทำได้โดดเด่นยิ่งกว่า หากอ้างอิง 8K QNED TV ตัวท็อป ขนาดจอภาพ 86 นิ้ว จะติดตั้ง Mini LED มากถึง 28,800 หลอด จัดการคุมแสงได้ละเอียดสูงสุดถึง 2400 โซน !

สำหรับ 65QNED91 4K QNED TV จะย่อหย่อนลงมา โดยสามารถแบ่งโซนคุมแสงได้ราว 900 กว่าโซน ซึ่งถ้าเทียบกับ NANO91 (4K NanoCell LED TV ตัวท็อปของ LG ปีก่อน) ที่ทำได้ไม่ถึง 100 โซน ความแตกต่างจะชัดเจนมาก ๆ บวกกับความสว่าง Peak Brightness ที่สูงเกิน 1,000 nits QNED จึงให้ระดับคอนทราสต์โดดเด่นกว่า

อีกจุดหนึ่งที่ 65QNED91 แตกต่างจาก NanoCell รุ่นปีก่อน นอกเหนือจากอัปเกรด Backlight มาเป็น Mini LED แล้ว ยังเปลี่ยน LCD Panel เดิม ที่ LG ยึดมั่นใช้งานมาต่อเนื่อง คือ IPS (In-Plane Switching) มาเป็นแบบ ADS หรือ Advanced Super Dimension Switch ที่มีโครงสร้าง Sub-pixel เปลี่ยนไป แต่ในแง่การแสดงผล อย่างมุมมองรับชมทำได้กว้างไม่ต่างกัน

ADS ให้มุมมองรับชมกว้าง สีไม่ซีดเมื่อมองมุมเฉียง แต่ในซีนสว่างอาจเกิดแสงฟุ้งรบกวนและลดทอนระดับคอนทราสต์ลงบ้าง ทว่าประเด็นนี้ก็ถูกชดเชยด้วยความสามารถควบคุมแสง Backlight ของ QNED ที่ละเอียดขึ้นด้วย Mini LED Technology

<กดที่ Tab ด้านบน เพื่อดูภาพเปรียบเทียบ>

Mini LED (รวมถึง LCD TV ที่ใช้ LED Backlight รูปแบบอื่น ๆ) จะคุมแสงลอดได้ดีที่สุดเมื่อรับชมในมุมตรง ซึ่งนอกจากช่วยให้การถ่ายทอด Balck Level ดูดีขึ้นแล้ว ความสว่างระดับ 1,000 nits ยังขับเน้นแสงเอฟเฟกต์ HDR ได้อย่างโดดเด่น (จะกล่าวถึงอีกครั้งช่วงรายงานคุณภาพของภาพ HDR)

QNED91 สามารถปรับ Mini LED Local Dimming ได้ 3 ระดับ หรือจะ Off เลยก็ได้

การรับชม SDR เมื่อปรับความสว่าง (Panel Brightness) ให้เหมาะกับสภาพแสงในห้องแล้วเลือก LED Local Dimming – Low การเปลี่ยนแปลงระดับแสงจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ความสว่างในแต่ละซีนจะดูคงที่ สบายตากว่า แต่ก็ทดลองที่ระดับ Medium หรือ High ดูได้ การหรี่แสงจะทำได้มืดสนิทกว่า ความเปรียบต่างของแสงชัดเจนขึ้น เหมาะกับการรับชม HDR

– SDR –

มาดูความเที่ยงตรงสีสันของโหมดภาพต่าง ๆ กันบ้าง โหมดภาพของ QNED91 ที่เหมาะกับรับชม SDR Content มี 3 โหมด ต่างกันที่ Cinema เหมาะใช้งานในห้องรับแขกสภาพแสงทั่วไป (ภาพคล้าย ISF Expert Bright แต่เที่ยงตรงกว่า), ISF Expert Dark ความสว่างจะเพลาลงเล็กน้อย ช่วยให้รับชมได้สบายตาขึ้น และ Filmmaker Mode เหมาะกับห้องโฮมเธียเตอร์ที่จัดการกับแสงรบกวนได้ หรือรับชมในเวลากลางคืน

ผล Lab Test ของ Filmmaker Mode (SDR) ในรุ่น 65QNED91 ให้ความเที่ยงตรงดีกว่าโหมดอื่นเล็กน้อย ภาพจะดูนุ่มนวลสบายตา ไม่เร่งความคมชัด ปรุงแต่งสีสัน หรือแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหว จึงให้ความเป็นธรรมชาติสูงเหมาะแก่การรับชมในบ้าน แต่แน่นอนว่าถ้าเทียบกับโหมดอื่น ความสว่างจะต่ำกว่า และสีสันจะดูไม่สดจี๊ดจ๊าดนัก ทั้งนี้ในบางสภาพแวดล้อมหากรู้สึกว่าภาพ Filmmaker Mode ดูสว่างหรือมืดเกินไปเมื่อรับชม SDR content ก็สามารถปรับเพิ่มลดความสว่างที่ตัวเลือก “Panel Brightness”* ได้ตามความเหมาะสม

*หมายเหตุ: LG เปลี่ยนชื่อตัวเลือกที่ใช้สำหรับปรับระดับความสว่าง จาก Backlight เป็น Panel Brightness และเปลี่ยนตัวเลือก Brightness เดิม เป็น Screen Brightness

<กดที่ Tab ด้านบน เพื่อดูผล SDR Calibration Report>

Filmmaker Mode อุณหภูมิสีเฉลี่ยอยู่ที่ราว 6687K ค่าความผิดเพี้ยนสมดุลแสงขาวเฉลี่ย (Grayscale Avg dE) ต่ำเพียง 1.3 ขอบเขตสีก็ทำได้เที่ยงตรงอิงมาตรฐาน Rec.709 ค่าความผิดเพี้ยน (Color Space Avg dE) ดีไม่แพ้กันเพียง 1.3 การใช้งานตามบ้านอาจไม่จำเป็นต้องปรับภาพเพิ่มเติม

การปรับภาพเชิงลึกให้ความเที่ยงตรงดีขึ้นอีกเล็กน้อย (Grayscale Avg dE 1, Color Space Avg dE 1.2) และส่งผลให้ค่าความผิดเพี้ยนสีโดยรวม (Saturation Avg dE) ต่ำลงเหลือ 1.6 (Max dE = 4.7)

– HDR –

การแสดงผล HDR รุ่น 65QNED91 รองรับมาตรฐาน Static HDR ทั้ง HDR10 และ HLG ส่วน Dynamic HDR รองรับมาตรฐาน Dolby Vision โดยสามารถให้ระดับความสว่าง HDR Peak Brightness (10% Window) ที่ 1,116 nits ในโหมด Vivid ขณะที่โหมดความเที่ยงตรงสูงอย่าง Cinema/Filmmaker ความสว่างจะเพลาลงมาอยู่ที่ 1,065 nits (สว่างกว่า NANO91 2 เท่า !)

<กดที่ Tab ด้านบน เพื่อดูผล HDR Calibration Report>

ความเที่ยงตรงของสีสัน HDR ในโหมด Filmmaker ของ 65QNED91 นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี (Grayscale Avg dE 2.6, Colorspace Avg dE 2.3) ส่วนขอบเขตสี HDR Color Space ทำได้ครอบคลุม 94.83/95.87% ของมาตรฐาน DCI-P3 (xy/uv) หรือเทียบเท่า 69.39/73.93% Rec2020 (xy/uv) โดยศักยภาพถือว่าเทียบเท่ามาตรฐาน Ultra HD Premium !

หลังปรับภาพ HDR ในโหมด Cinema/Filmmaker ให้ความเที่ยงตรงที่โดดเด่นชัดเจนกว่าตอนดำเนินการในโหมด SDR โดย Grayscale Avg dE และ Colorspace Avg dE ลดลงเหลือเพียง 1.5 และ 0.3 ตามลำดับ ความสว่าง HDR Peak Brightness จะลดลงเล็กน้อยที่ 1,009 nits

กรณีที่รับชม Dolby Vision HDR จะไม่มี Filmmaker Mode แต่สามารถเลือกใช้โหมดที่ให้สีสันเที่ยงตรงอย่าง DV Cinema หรือ DV Cinema Home ก็ได้ ความต่างคือ DV Cinema Home จะชดเชย Highlight/Shadow Details ให้เหมาะกับห้องที่มีแสงรบกวนมากกว่า

กรณีที่รู้สึกว่าภาพ Dolby Vison จ้าเกินไป ดูแล้วแสบตาในบางสภาพห้อง สามารถใช้คุณสมบัติ “Dolby Vision IQ” ระบบ AI และเซนเซอร์วัดแสงของทีวี จะปรับระดับความสว่างของภาพให้อัตโนมัติอิงตามสภาพแสงแวดล้อม สามารถเปิดใช้งานได้ที่ตัวเลือก General > AI Service > AI Brightness Settings

ตัวเลือก TruMotion ระบบแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหว รุ่นปี 2021 มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยโดยเพิ่มตัวเลือก “Cinematic Movement” เข้ามา (ระดับการแทรกเฟรมต่ำ เน้นความเป็นต้นฉบับ) แต่ยังสามารถปรับระดับการแทรกเฟรมเองได้ผ่านตัวเลือก User Selection