Picture – ภาพ
MOBIUZ EX3210R เป็นมอนิเตอร์จอโค้งระดับ 1000R ความละเอียด 2K (2560 x 1440) ขนาด 32″ อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 165Hz รองรับ HDR ใช้พาเนลแบบ VA ตามปกติแล้วการใช้งานจอขนาด 32″ ควรจะทิ้งระยะห่างสัก 2 เมตร แต่พอเป็นจอโค้งก็สามารถย่นระยะลงมาให้เหลือประมาณ 1.5 เมตรได้
สไตล์ภาพของรุ่นนี้จะค่อนข้างเปิดสว่าง ระดับสีดำก็ทำได้ดูมีมิติดี ผิวจอเคลือบด้านมาแล้วทำให้สามารถลดแสงสะท้อนจากจอได้ในระดับหนึ่ง จุดเด่นที่สุดที่ผมสัมผัสได้เลยหลังจากเปิดภาพบนจอออกมาดูก็คือ “ภาพมันโอบสายตา” ครับ โดยเฉพาะตอนที่เจอเส้นสายเรียงรายกันอย่างตอนเลือกหนังในแอปฯ Netflix ที่มีปกหนังวางเรียงกันเยอะๆ ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่ามีหนังมากมายรายล้อมอยู่
ในการดูคอนเทนต์ หรือดูหนังทั่วไปแบบ SDR สามารถใช้โหมดภาพ sRGB ในการดูได้ เพราะโหมดนี้ให้อุณหภูมิสีที่ค่อนข้างเที่ยงตรง อยู่ที่ประมาณ 6366K ทำให้โทนสีดูสบายตา นอกจากนี้ในการรับชมคอนเทนต์แบบปกติ ตัวจอก็ยังมีโหมดภาพจำลอง HDR มาให้ด้วย เพียงแต่การจำลองนี้จะใช้ซอฟต์แวร์ซึ่งตัวจอยังทำได้ไม่ค่อยดีนักส่วนเปรียบต่างของแสงดูมากเกินไป ดังนั้นขอแนะนำว่าหากอยากดูภาพแบบ HDR จริงๆ ควรหาคอนเทนต์แบบ HDR มาดูจะดีกว่า ซึ่งในการชมภาพแบบ HDR ก็สามารถใช้โหมด Display HDR ได้ เพราะอุณหภูมิสีเฉลี่ยใกล้เคียงกับ sRGB ครับ
จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าในโหมด sRGB ให้สมดุลสีถือว่าใช้ได้เลยสำหรับจอเกมมิ่ง และหลังปรับมาแล้วก็ทำได้ดีขึ้นได้ค่าเฉลี่ย Grayscale Avg. dE ลดลงเหลือ 4.6 ในส่วนของขอบเขตสีของรุ่นนี้ หากอยากจะวัดกันให้เต็มศักยภาพแน่นอนว่าต้องดูที่โหมด HDR ซึ่ง MOBIUZ EX3210R ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถให้สีสันตามมาตรฐาน DCI-P3 ของโรงหนังได้มากถึง 94% ความสว่างราวๆ 400 nits ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าที่ทาง BenQ เคลมเอาไว้ที่หน้าเว็บไซต์เสียอีก ถือว่าดีมาก
ตัวจอมีฟีเจอร์ B.I.+ (Brightness Intelligent plus) มาให้ด้วย ฟีเจอร์นี้จะเป็นการใช้เซ็นเซอร์ของตัวจอ ในการตรวจับ “แสงแวดล้อม” ของผู้ใช้ในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร หากเซ็นเซอร์จับได้ว่าแสงแวดล้อมของห้องมีความสว่างมาก ก็จะทำการเพิ่มระดับความสว่างของจอให้สูงขึ้น ขณะเดียวกันหากแสงแวดล้อมไม่ค่อยสว่าง หรือว่าง่ายๆ ห้องมืดลง ตัวจอก็จะปรับระดับความสว่างลงมาให้เองโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานในโหมด Game HDRi, Cinema HDRi และ Custom ซึ่งโทนสีภาพก็จะปรับเปลี่ยนไปด้วยขณะที่ความสว่างเพิ่มขึ้น หรือลดลง และผมมีเทคนิคมาแนะนำเล็กน้อยว่าหากอยากจะให้ตัวจอปรับความสว่างให้แบบไม่กระชากมากไป ค่อยๆ ไล่ระดับ แนะนำควรตั้งค่า Sensor Sensitivity ให้เป็นระดับ10 – 20 ครับ
*Eye care > B.I.+ > Sensor Sensitivity
ในการเล่นเกมรุ่นนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้การดูหนัง เพราะตัวจอให้ฟีเจอร์อย่าง Black eQualizer ที่ช่วยเปิดรายละเอียดในที่มืดให้สว่างขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อฉากที่สว่างน้อยที่สุด และ AMD FreeSync Premium Pro ที่ทำให้ภาพไม่ขาดเวลาผู้ใช้กวาดเมาส์ไวๆ
*ฟีเจอร์ Black eQualizer มีให้ใช้เฉพาะโหมดภาพ FPS
ซึ่งในการใช้งานจริง แล้วไม่เพียงแค่สาย FPS เท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากฟีเจอร์ AMD FreeSync Premium Pro แต่สาย MOBA, RTS ก็ได้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้เช่นกัน เพราะคนที่เล่นเกมประเภทนี้จะมีการคลิกดูแผนที่ หรือจุดที่ต้องการค่อนข้างบ่อย ในขั้นตอนนี้ภาพจะเคลื่อนที่ค่อนข้างเร็ว ก็ทำให้ได้ใช้งานฟีเจอร์นี้เช่นกัน
ความรู้สึกในตอนใช้งานจอโค้งเล่นเกม แตกต่างจากจอแบนพอสมควร เพราะจอโค้งนั้นให้ความรู้สึก “ร่วม” กับตัวเกมได้มากกว่า ปัจจัยสำคัญมาจากที่ตัวจอใหญ่ 32″ + ความโค้งของจอระดับ 1000R จึงสามารถพาให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกร่วมกับตัวเกมได้มาก แถมค่า Input lag ก็ต่ำเพียง 8.6 ms มีข้อแนะนำในการใช้งานเล็กน้อยคือ ถ้าหากเราอยากจะเห็นภาพลื่นๆ เต็ม 165Hz จะต้องต่อผ่านช่องต่อ DisplayPort นะครับ
*ถึงตัวจอจะเป็นความละเอียด 2K (2560 x 1440) แต่ก็รองรับสัญญาณ 4K (3840×2160) ด้วย