07 Jan 2022
Review

รีวิว BenQ MOBIUZ EX3415R จอโค้งสุดใจ เห็นอะไรได้เยอะขึ้น


  • Dear_Sir

Picture – ภาพ

MOBIUZ EX3415R มีขนาด 34” ความละเอียด 3440 x 1440 รองรับ HDR ใช้พาเนลแบบ IPS มีจุดเด่นในเรื่องของมุมมองกว้าง ถือว่า BenQ เลือกใช้พาเนลได้เหมาะมากเมื่อมาใช้กับจอกว้างพิเศษอัตราส่วน 21:9 แบบนี้ เพราะหากเป็นพาเนลชนิดอื่นพอเราหันไปมองพื้นที่จอด้านข้างอาจพบว่าสีดรอปลงไปได้

อย่างที่เคยเกริ่นไปแล้ว ความพิเศษของจอที่กว้างกว่าปกติแบบนี้อยู่ที่เรามีพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้น ในแง่ของการทำงานเราสามารถที่จะเปิดหน้าต่างหลายๆ อย่างได้พร้อมกัน (Multi Tasking) ช่วยให้การทำงานมันง่ายขึ้น ยกตัวอย่างกรณีผมเอง ที่จะต้องเขียนรีวิว ตกแต่งภาพ เราสามารถที่จะเปิดหนังหรือซีรีส์ไว้ฝั่งซ้าย อีกด้านก็เปิดโปรแกรมทำงานที่ด้านขวา ทำให้การทำงานไม่เครียด ทำงานได้เพลินๆ ไอเดียมากระฉูด หรือถ้าเป็นการทำงานด้านกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ ก็สามารถแบ่งจอฝั่งหนึ่งไว้พรีวิว ฝั่งหนึ่งเป็นไทม์ไลน์เวลาได้เลย ทำงานได้ง่ายขึ้นมาก เพราะเห็นเอาต์พุตได้ชัดเจนขึ้น

เพื่อเพิ่มประโยชน์ในการใช้งานจอกว้างพิเศษแบบนี้ให้มากขึ้น ในรุ่นนี้ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ Multiple-Input เข้ามาด้วย ทำให้เราสามารถที่จะดึงภาพจากแหล่งอินพุตสองแห่งได้พร้อมๆ กัน โดยฝั่งหนึ่งเราก็เปิดจากอินพุต HDMI ส่วนอีกฝั่งก็เปิดจาก Display Port เป็นต้น แถมยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ด้วย จะเอาจอไหนเล็ก จอไหนใหญ่ เลือกตามใจได้เลย

แล้วการเล่นเกมบน MOBIUZ EX3415R นั้นเป็นยังไง ? ผมคงต้องบอกแบบนี้ครับว่า จอแต่ละจอ เกมแต่ละประเภท ต่างก็จะมีเนื้อคู่ที่เหมาะสมกัน ในมุมมองของผมแล้วจอแบบนี้ เหมาะมากที่จะเอามาเล่นเกมประเภท Racing, MOBA และ Strategy อย่างในตอนทดสอบก็ได้หยิบเอาเกมใหม่ที่เพิ่งจะออกอย่าง Forza Horizon 5 มาเล่น พบว่าเราได้เห็นภาพในเกมกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้ความรู้สึกกว้างขวาง โดยเฉพาะถ้าใครถนัดปรับมุมมองแบบบุคคลที่ 1 จะให้อารมณ์เหมือนเราได้ขับรถจริงๆ เลย ส่วนความลื่นไหลของภาพก็ไม่ต้องกังวลเพราะตัวจอรองรับอัตรารีเฟรชเรต 144Hz*

*หากต้องการอัตรารีเฟรชเรต 144Hz ต้องต่อผ่าน Display Port

ไม่เพียงแค่เกมแข่งรถ แต่เกมแนว FPS ก็เล่นบนจอกว้างแบบนี้ได้อย่างดี เพียงแต่ต้องปรับตัวกันสักนิดหนึ่ง เพราะพวกค่าสถานะ มุมมองจะเปลี่ยนไป ต้องอาศัยการกวาดสายตามองศัตรูให้มากกว่าเดิมหน่อย แต่ก็มีข้อดีคือเราเห็นพื้นที่ในแมปมากขึ้น มองตามศัตรูได้ง่ายขึ้น กวาดเมาส์ไวๆ ก็ไม่เจอภาพขาดเพราะมีฟีเจอร์ AMD FreeSync Premium จับคู่กับฟีเจอร์ Black eQualizer* ที่จะช่วยเพิ่มความสว่างในมืดขึ้นมาโดยไม่กระทับกับส่วนไฮไลท์ของภาพก็ยิ่งทำให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น ทั้งยังตอบสนองคำสั่งได้ไวเพราะค่าอินพุตแลคต่ำ ราว 9ms

*Black eQualizer ใช้งานได้เฉพาะโหมดภาพ FPS

อีกจุดที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากคือแม้ว่าสเปกของตัวจอจะเป็น 3440 x 1440 พิกเซล แต่ก็ยังรองรับสัญญาณอินพุตแบบ 4K ด้วย ถือเป็นเรื่องที่จะต้องปรบมือให้เลย ค่าอุณหภูมิสีเบื้องต้นจากโรงงานก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ อย่างตอนรับชมคอนเทนต์ SDR จะอยู่ที่ 7123K หากใช้โหมดภาพ SDR ส่วนคอนเทนต์แบบ HDR ขอแนะนำให้ใช้โหมด Display HDR ครับ เพราะอุณหภูมิสีเที่ยงตรงที่สุด สามารถแสดงสีสันได้มากถึง 98% ตามมาตรฐาน DCI-P3 (มาตรฐานที่ใช้ในโรงภาพยนตร์) ซึ่งถือว่าสูงเลยทีเดียว ความสว่างวัดจริงก็ทำได้ราว 410nits ตรงตามที่เคลมไว้

*กรณีเปิดใช้โหมดภาพ HDR เช่น Game HDRi, Cinema HDRi, Display HDR จะไม่สามารถปรับแต่งค่าภาพได้

พูดถึงเรื่อง HDR แล้วรุ่นนี้สามารถจำลองภาพ SDR ให้เป็น HDR ได้ด้วยผ่านโหมดภาพที่อยู่ใน HDR Mode ทั้ง Game HDRi, Cinema HDRi และ Display HDR เพียงแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่านี่คือการแปลงภาพแบบจำลอง จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เหมือนกับเราเปิดคอนเทนต์ HDR จริงๆ เช่นเรื่องมิติภาพ การไล่เฉดสี เป็นต้น และอีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือฟีเจอร์ Brightness Intelligent+ ที่ทำงานร่วมกับโหมด Game HDRi และ Cinema HDRi หากเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ตัวจอจะปรับระดับความสว่างแบบอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมกับแสงแวดล้อมที่ผู้ใช้ ใช้งานอยู่ในขณะนั้น เช่น ถ้าหากห้องมืด จอก็จะปรับความสว่างลง ผู้ใช้ก็จะได้ใช้งานได้อย่างสบายตา ถือว่าสะดวกสบายมาก เพราะเราไม่ต้องมาคอยปรับความสว่างของจอเอง

โหมดภาพ HDR แบบจำลอง
ฟีเจอร์ Brightness Intelligent+ ปรับความสว่างจออัตโนมัติ