ภาพ
มากันที่เรื่องภาพดีกว่า Samsung Odyssey G9 จะมาพร้อมกับหน้าจอโค้ง 1000R ความละเอียดระดับ 5K (5120 x 1440) อัตราส่วน 32:9 ร่วมกับเทคโนโลยีหน้าจอแบบ QLED จาก Samsung ทำให้ภาพที่ได้จะให้ความรู้สึกที่โอบล้อมสมจริงร่วมกับการแสดงผลสีสันที่สดอิ่มเป็นธรรมชาติเหนือจอ LED แบบทั่วไป แถมตัวจอภาพจะได้อัตรา Refresh Rate ระดับ 240Hz ตอบโจทย์การเล่นเกมในระดับที่ลื่นไหลที่สุดในท้องตลาด ณ ตอนนี้
จอรุ่นนี้ยังรองรับการแสดงผล HDR ในขั้นสูงสุดถึง HDR10+ ที่ให้การแสดงผลแสงสีต่างๆ นั้นมีความเปรียบต่างและเจิดจรัสกว่าการแสดงผล HDR10 ทั่วๆ ไป เท่านั้นยังไม่พอตัวจอยังมีฟีเจอร์ป้องกันภาพฉีกขาดจากค่ายกราฟิคชิปสองค่ายดังทั้ง G-Sync จาก Nvidia และ AMD FreeSync Premium Pro จาก AMD เรียกได้ว่าตอบโจทย์เกมเมอร์ได้แบบครบครันเลยทีเดียว
สำหรับสัมผัสแรกจากจอต้องบอกว่าตัวจอมีความกว้างใหญ่มากใครที่ไม่เคยใช้จอใหญ่ขนาดนี้อาจจะต้องปรับสายตาสักเล็กน้อยประมาณ 2 – 3 นาทีก็เริ่มชินแล้วล่ะครับ ตัวจอแม้จะมีความกว้างแต่ก็ใช้งานได้สบายตา เพราะด้วยจอที่เป็นทรงโค้ง ต่างกับจอแบนแบบปกติ จึงไม่ต้องกวาดสายตามาก บวกกับ Refresh Rate แบบ 240Hz ทำให้เวลาการใช้งานกวาดเมาส์หรือเลื่อนหน้าต่างโปรแกรมก็ทำได้ดีลื่นตา
แน่นอนว่ารวมไปถึงการเล่นเกมด้วยเช่นกัน โดยเมื่อเราพูดถึงเกมในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่ก็จะรองรับอัตราส่วนภาพแบบ 32:9 อยู่แล้วทำให้เวลาเล่นเกมเราก็จะได้ประโยชน์จากอัตราส่วนความกว้างระดับนี้ไปด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นเกมแบบ FPS, MOBA หรือแม้แต่เกม Racing หรือ Flight Sim รวมไปถึงเกมฟุตบอลอย่าง FIFA ก็ทำได้เป็นอย่างดี
Samsung Odyssey G9 มีโหมดภาพหลากหลายโหมดภาพโดยโหมดโรงงานที่เราแนะนำให้เลือกใช้ก็คือโหมดภาพ Custom เพราะมีค่าการแสดงผลสีสันที่เที่ยงตรงมากที่สุดโดยจากการวัดค่าการแสดงผลด้วยเครื่องมือของทีมงาน LCDTVTHAILAND พบว่าตัวจอสามารถแสดงผลได้ครอบคลุมมาตรฐานการแสดงผลสีแบบ DCI-P3 ได้มากถึง 87.81% (UV) ในส่วนของมาตรฐาน Rec2020 ก็สามารถทำได้ที่ 68.2% (UV)
โดยค่าความผิดเพี้ยน (Grayscale Avg dE) อยู่ที่ 4.1 เท่านั้นในการแสดงผลแบบ SDR และในโหมดการแสดงผลHDR ก็จะอยู่ที่ 4.1 เท่ากัน (G9 จะใช้การตั้งค่าแบบ SDR และ HDR ร่วมกัน) รวมแล้วการแสดงผลก่อนปรับภาพถือว่าทำน่าพอใจ สำหรับความสว่างสูงสุดของจอรุ่นนี้ในโหมดการแสดงผลแบบ HDR อยู่ที่ 660 nits (ด้วยการวัดความสว่างแบบทั่วทั้งจอ)
ส่วน Peak Brightness ทาง Samsung เคลมไว้ที่ 1000 nits (HDR1000) ซึ่งถือว่าสูงกว่ามอนิเตอร์ทั่วไปหลายเท่า ค่า Response Time อยู่ที่ 1ms เท่านั้นในโหมดภาพแบบ 240Hz เรียกได้ว่าลื่นไม่มีภาพหน่วงหรืออาการ Ghosting ให้เห็นเลย และ HDMI Input lag จะอยู่ที่ 22 ms เท่านั้นตอบสนองได้เฉียบคมฉับไวทันใจแน่นอน
เรื่องของสีสันของจอและความสว่างเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าชื่นชมเจ้า G9 ครับเพราะด้วยเทคโนโลยี Quantum Dot ที่ทำให้ภาพนั้นดูสดอิ่มบวกกับจอที่สามารถทำระดับความสว่างได้สูงเหนือกว่าจอ Gaming Monitor รุ่นอื่นๆ ที่อยู่ในตลาด และอีกจุดที่เกี่ยวกับเรื่องแสดงผลก็คือเจ้าจอรุ่นนี้มีฟีเจอร์พิเศษอย่าง Local Dimming ด้วยทำให้เวลาเล่นเกมหรือรับชมคอนเทนต์ที่มีความมืดหรือจุดเปรียบต่างของแสงตัวจอก็สามารถแสดงผลสีดำได้ดีกว่าจอมอนิเตอร์ที่ไม่มีฟีเจอร์นี้
การดูหนังบน G9 จะมีส่วนที่เป็น Black bar ด้านข้างเพิ่มเข้ามาเพราะว่าจอมีอัตราส่วนการแสดงภาพที่ 32:9 ไม่ใช่ 16:9 แบบจอทั่วไปแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่อะไรเพราะส่วนใหญ่ภาพยนตร์จะมีการถ่ายทำที่อัตราส่วน 16:9 หรือ 21:9 การที่ภาพไม่เต็มเจอนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับแถมยังมีข้อดีอีกนิดหน่อยก็ตรงที่ถ้าเป็นคอนเทนต์ที่อัตราส่วน 21:9 เราก็จะเห็นขอบดำด้านข้างน้อยลงไปอีกนิดแถมยังไม่มีขอบบน – ล่างซะด้วย
การทดสอบของทีมงาน LCDTVTHAILAND ของเราไม่ได้มีแค่นี้เท่านั้นหลังจากการวัดค่าการแสดงผลต่างๆ แล้วเราจึงได้ทำการปรับภาพของเจ้า G9 เพื่อให้จอสามารถแสดงศักยภาพสูงสุดได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากการปรับค่าแล้วถือว่า G9 นี้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Monitor ที่มีการแสดงผลที่เที่ยงตรงพอสมควรทั้งการแสดงผลแบบ SDR และ HDR
โดยหลังจากการปรับแต่งค่าภาพจากโรงงานแล้วในการแสดงผลแบบ SDR ค่าความผิดเพี้ยน (Grayscale Avg dE) จะลดลงมาเหลือที่ 2.6 และในโหมดการแสดงผลแบบ HDR จะเหลือเพียง 3 เท่านั้นและค่าการครอบคลุมเฉดสีก็มีการขยับขึ้นไปถึง 96.28% (UV) ของมาตรฐาน DCI-P3 ในส่วนของมาตรฐาน Rec2020 ก็ขยับขึ้นมาถึง 72.29% (UV) นับว่าครอบคลุมการแสดงผลสีได้มากกว่าก่อนปรับภาพไปอีก