Picture – ภาพ
ถึง The Frame จะเป็นทีวีกรอบรูป ถูกวางตัวมาให้อยู่ในกลุ่มไลฟ์สไตล์ แต่เรื่องคุณภาพของภาพ ก็ไม่ได้น้อยหน้า เพราะตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี QLED (Quantum Dot LED) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับทีวีซีรีส์ท็อปสุดของ Samsung บวกกับหลอดไฟ Dual LED ที่เป็นการผสานพลังกันระหว่างหลอดไฟโทนอุ่น กับหลอดไฟโทนเย็น ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องภาพเลย ตัวจอเป็นความละเอียด 4K (3840 x 2160) รองรับ HDR10+ ใช้พาเนลแบบ VA คุณภาพสูง รองรับอัตรา Refresh Rate ถึง 4K@120Hz
*ขนาด 43″ จะรองรับ 4K@60Hz
ในส่วนรายละเอียดเรื่อง “ภาพ” นั้นผมจะขอพูดถึงตัว The Frame 2021 ขนาด 65” เป็นหลัก จากที่ดูด้วยตา แบบแกะกล่องปุ๊บเปิดภาพขึ้นมาดูปั๊บ พบว่าการปรับจูนภาพจากโรงงานถือว่าโอเคเลย ทั้งการรับชมคอนเทนต์แบบทั่วไป SDR และการชมคอนเทนต์แบบ HDR สามารถเลือกใช้โหมด Movie หรือ Film Maker Mode ก็ได้ เพราะอุณหภูมิสีทั้งสองโหมดนี้มีความใกล้เคียงกันมาก ภาพจะเป็นอุ่น ดูง่าย สบายตา สีสันผิดเพี้ยนน้อยที่สุดในบรรดาทุกโหมด
ที่แนะนำกันแบบนี้ เพราะหลังจากที่ได้ลองใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการวัดภาพแล้ว พบว่าอุณหภูมิสีของทั้งโหมดภาพ Movie และ Film Maker Mode โดยเฉลี่ยแล้วใกล้เคียงกันมากคือ 6378K และเมื่อปรับภาพแล้ว ถึงอุณหภูมิสีจะไม่ได้หนีจากเดิมมาก แต่ก็ได้ความถูกต้องของสีแม่นยำมากยิ่งขึ้น เนื่องจากค่าเฉลี่ยความผิดเพี้ยนของสี Grayscale หรือ Avg dE เหลือเพียง 0.6 เท่านั้นในการชมคอนเทนต์แบบ SDR ถือว่าดีมาก ส่วนคอนเทนต์ HDR ค่าเฉลี่ย Avg dE เหลือ 2.2 ค่านี้ยิ่งน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น ความสว่างสูงสุดในการรับชมคอนเทนต์ HDR ที่วัดได้คือราว 630 nits และด้านขอบเขตของสีสันตัวเครื่องสามารถทำได้ 92.72% ของมาตรฐาน DCI-P3
ตัวช่วยเรื่องภาพความไหว (Motion) รุ่นนี้ก็ให้มาเช่นกัน ถึงตัวเครื่องจะมีโหมดอัตโนมัติมาให้ใช้ แต่จากที่ลองแล้วพบว่ายังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แนะนำให้ปรับเอง เลือก Blur Reduction และ Judder Reduction เป็นระดับ 3-4 ก็จะให้ภาพเคลื่อนไหวที่ดูเนียนตา เป็นธรรมชาติมากที่สุด
เมื่อเป็น The Frame ปี 2021 ย่อมต้องได้ฟีเจอร์เด่นอย่าง Game Bar มาด้วย ซึ่ง Game Bar จะเป็นหน้าต่างแสดงรายละเอียดการแสดงผลต่างๆ ในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น Resolution, HDR, FPS แถมยังสามารถตั้งค่าตัวทีวีจากหน้าต่าง Game Bar ได้เลย และจุดที่ผมชื่นชอบมากที่สุดก็เห็นจะเป็นความใส่ใจของ Samsung ที่ออกแบบกราฟิกยูสเซอร์อินเตอร์เฟซสมกับเป็นเกมมิ่งจริงๆ แถมค่า Input lag ก็ต่ำดีมากอยู่ที่ราว 9.8ms เท่านั้นหากปิด Motion บน Game Mode ไป
Sound – เสียง
ตำแหน่งของลำโพง The Frame 2021 จะอยู่บริเวณด้านล่างของทีวี มีลำโพงทั้งหมด 4CH กำลังขับรวม 40W (ในขนาด 43″ 2CH กำลังขับรวม 20W) ยิงเสียงแบบ Down Firing จากบนลงล่าง ซึ่งหากติดตั้งทีวีกับขาตั้งที่แถมมาให้ตามปกติทั่วไป ย่อมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะระยะห่างระหว่างลำโพงทีวี กับชั้นวางมีไม่มาก ทำให้สามารถได้ยินเสียงทีวีได้เต็มที่ แต่ถ้าหากติดตั้งบน Studio Stand แบบนี้หากลำโพงทีวีไม่มีศักยภาพมากพอคุณภาพของเสียงต้องดรอปลงเยอะแน่นอน แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้ไม่มีกับลำโพงของ The Frame 2021
ด้วยกำลังขับของลำโพง 40W กับการออกแบบรูของลำโพงที่มีขนาดเล็ก และมีจำนวนมาก ทำให้เสียงที่ยิงออกมามีทิศทางมากกว่าปกติ จึงทำให้เนื้อเสียงที่เราได้ยินยังมีคุณภาพ สไตล์เสียงของ The Frame 2021 มีความสมดุล เสียงกลางเด่นเล็กน้อย ซึ่งถ้าใครอยากได้เบสที่หนักขึ้น สามารถเลือกใช้โหมดเสียง Amplify ได้
รีวิวล่าสุด
