ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งทีวีที่ใช้ภายในบ้านจะสามารถพัฒนาจนถึงขนาดใหญ่ 115” แบบนี้ได้ เรียกว่าเป็นขนาดที่เรากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า “ใหญ่ขนาดโรงหนังภายในบ้าน” ได้อย่างแท้จริง โดย TCL 115” X955 Max รุ่นนี้ ได้รวมเอาความสุดของเทคโนโลยีหลายด้านไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็น
- ขนาดจอที่ใหญ่ถึง 115”
- ความละเอียด 4K
- ใช้หลอดแบ็คไลท์ MiniLED
- มีเทคโนโลยี QLED
- ความสว่างสูงสุด 5000 nits
- สามารถทำ Local Dimming ได้มากกว่า 20,000 โซน
- ระบบเสียงจาก Onkyo 6.2.2 แชนแนล
- วัสดุพรีเมี่ยม
- ระบบปฏิบัติการ Google TV
ส่วนผสมทุกอย่างนี้กลายมาเป็น TCL 115” X955 MAX ที่มีราคาเปิดตัว 1 ล้านบาท ! บางคนสงสัยทำไมราคาถึงสูงขนาดนี้ ? สาเหตุเป็นเพราะความยากของกระบวนการผลิตที่ต้อง “สั่งตัด” โดยเฉพาะ บวกกับจำนวนหลอดแบ็คไลท์ MiniLED ที่ต้องวางเรียงรายให้ทั่วจอ และสุดท้ายคือจำนวนการผลิตที่ไม่มาก จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมราคาถึงอยู่ในหลักนี้ (นี่ยังไม่รวมค่าการตลาดเลยนะ)
Design – การออกแบบ
พอทีวีใหญ่ถึงขนาด 115” คนที่จะซื้อไปต้องคิดให้ดีว่าจะวางตัวเครื่องไว้ตรงไหน จะแขวนผนัง หรือจะใช้ขาตั้งแบบตั้งพื้น/ตั้งโต๊ะ เพราะถ้าคิดไม่ดี เกิดอยากจะปรับเปลี่ยนทีหลัง รับรองว่ามันเป็นงานที่ไม่สบายอย่างแน่นอน เพราะลำพังแค่ตัวทีวีก็มีน้ำหนักถึง 98.3 กิโลกรัมแล้ว
ในรีวิวนี้ได้ใช้ขาตั้งพื้นประกบคู่กับตัวทีวี การตั้งแบบนี้อาจจะจัดการสายสัญญาณได้ยากหน่อย เพราะขาตั้งพื้นนั้นเปิดโล่ง ต่างกับขาตั้งโต๊ะ หรือการแขวน ที่เราสามารถซ่อนสายสัญญาณตามชั้น ตามผนังได้ แต่ขาตั้งพื้นก็มีข้อดีด้วยกันหลายอย่าง เช่น ความสวยงาม ความอลังการเตะตา และความง่ายในการทำความสะอาด เป็นต้น
*ผู้ที่ซื้อ TCL 115” X955 MAX จะได้ขาตั้งสามแบบ ได้แก่ ขาแขวนผนัง ขาตั้งพื้น และขาตั้งโต๊ะ
วัสดุ และงานประกอบตัวเครื่องของทีวีระดับพรีเมี่ยมแบบนี้ไม่ต้องห่วง เนี้ยบและสวยงามมาก คือตอนที่ได้ดูตัวจริง ได้สัมผัสเราก็รู้สึกได้เลยทันทีถึงความไม่ธรรมดา ตัวขอบจอด้านหน้าจะมีความหนามากกว่าทีวีทั่วไปเล็กน้อย ส่วนด้านข้างจะหนามากกว่า MiniLED TV ทั่วไปเยอะหน่อย สาเหตุที่ขอบด้านข้างมีความหนาเพิ่มขึ้น เพราะเขาต้องทำโครงสร้างของตัวทีวีให้แข็งแรง รองรับการเคลื่อนย้าย
ภาพด้านซ้ายมีการติดข้อความ Premium QD-MiniLED ไว้ด้านข้าง
ภาพด้านขวาจะมีรูเกลียวยึดสำหรับแขนจับสี่จุดที่ด้านข้างของเครื่อง กรณีไม่ใช้จะมีจุกยางปิดไว้
สมมุติเราประกอบทีวีเสร็จแล้ว อยากจะขยับทีวีให้เข้าที่เข้าทางสักหน่อย จะไปยกใต้ฐานด้านล่างเหมือนทีวีขนาดเล็กก็ไม่ได้ถูกไหมครับ ในรุ่นนี้เขาเลยทำที่ยึดแขนจับมาให้สี่จุดอยู่ด้านบน – ล่าง ทั้งฝั่งซ้าย และขวาของตัวเครื่อง พอเวลาเราจะขยับทีวีก็ให้จับที่แขนจับนี้แทนที่จะไปจับตัวเครื่องโดยตรง
ด้านหลังของรุ่นนี้จะเป็นลายแบบตาราง ดูสวยงามทีเดียว และที่เด่นที่สุดคงไม่พ้นลำโพงวูฟเฟอร์สองดอก ซึ่งอยู่บริเวณกลางจอของตัวเครื่อง เรียกได้ว่าจัดเต็มมาก และยังมีลำโพงจุดอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ด้วยนะ นับรวมแล้ว TCL 115” X955 MAX มีลำโพงทั้งหมด 6.2.2 แชนแนล
ช่องต่อทั้งหมดของ TCL 115” X955 MAX
- HDMI x 4 (HDMI 2.1 x 2 + HDMI 2.0 x 2)
- USB x 3
- Ethernet
- Antenna
- AV In
- Optical Digital Audio Out
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.2
Picture – ภาพ
ด้วยความที่รุ่นนี้มีขนาดจอที่ใหญ่ถึง 115” ความใหญ่ ความอลังการของภาพ สามารถนำไปเทียบชั้นกับโปรเจคเตอร์ได้เลย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทีวีจอเล็ก “ให้ไม่ได้” โดยระยะการรับชมของทีวีไซส์นี้อยู่ที่ประมาณสัก 3 เมตรขึ้นไปถึงจะเก็บภาพได้ทั่วทั้งจอ แต่ถ้าใครอยากจะได้ฟีลภาพแบบเต็มตาก็สามารถนั่งใกล้กว่านี้ได้ และขอสารภาพว่าการได้ดูหนัง ดูรายการบนจอใหญ่แบบนี้มันเข้าถึงอารมณ์มากกว่าจริง ๆ เพราะมันดึงอารมณ์ของคนดูได้ง่ายขึ้น นอกจากความใหญ่โตของจอแล้ว ยังมีเรื่องคุณภาพของภาพที่ดีเยี่ยมด้วย
TCL 115 X955 Max ใช้หลอดแบ็คไลท์แบบ MiniLED ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการทำ Local Dimming และความสว่าง เสริมด้วยชั้น Quantum Dot จากสเปกที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ รุ่นนี้ทำ Local Dimming ได้มากกว่า 20,000 โซน ความสว่างสูงสุด 5,000 nits สามารถไล่ระดับแสงได้ถึง 65,000 ระดับ คือถ้านับทีวีในท้องตลาดดู นี่น่าจะเป็นทีวีที่ทำความสว่างได้สูงที่สุดในเวลานี้แล้ว
ถึงแม้ด้วยความสว่างระดับนี้สามารถสู้แสงธรรมชาติได้สบาย เพียงแต่ด้วยพื้นที่จอค่อนข้างกว้าง บวกกับจอที่เป็นมันเงา จึงทำให้เกิดภาพสะท้อนได้ง่ายกว่าจอขนาดเล็ก บ้านไหนที่มีช่องหน้าต่างอยู่ด้านหลังทีวี อันนี้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าบ้านไหนมีช่องหน้าต่างอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจอทีวีก็ต้องเลือกมุมวางทีวีให้ดีหน่อยเพราะไม่ว่าท่านจะใช้ทีวีรุ่นไหนก็เลี่ยงแสงสะท้อนจากแสงภายนอกได้ยาก หรือจะแก้ง่าย ๆ ด้วยการหาม่านโปร่งมาติดไว้ก็จะช่วยลดแสงที่เข้ามาไปได้เยอะ แถมยังคงแสงธรรมชาติไว้ด้วย อย่างในรีวิวนี้จะเห็นได้ว่าเราเปิดรับแสงธรรมชาติจากช่องหน้าต่างทั้งหมดเลย ทีวีก็สู้แสงได้สบาย
เมื่อการไล่ระดับความสว่างของหลอดแบ็คไลท์ทำได้ถี่ยิบขนาดนี้ + คุมแสงได้ใกล้เคียงกับ OLED การแสดงสีสัน การไล่ระดับเฉดสีของภาพที่แสดงออกมาบนจอมันเลยออกมาดีมาก สมกับเป็นทีวีตัวท็อป มีความสดอิ่ม มันวาว ค่าขอบเขตสีสันก็อยู่ในระดับสูง ทำได้ครอบคลุม 93.28/94.59% ของมาตรฐาน DCI-P3 (xy/uv) หรือเทียบเท่า 68.18/71.21% Rec2020 (xy/uv) ขับเน้นแสงสีจาก HDR Content ได้โดดเด่น
– HDR –
รุ่นนี้รองรับมาตรฐาน Static HDR ทั้ง HDR10 และ HLG ส่วน Dynamic HDR ก็รองรับครบทั้ง Dolby Vision และ HDR10+ ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง จากการวัดค่าจริง ระดับความสว่าง HDR Peak Brightness (10% Window) ของ TCL 115″ X955 Max พบว่า โหมด Standard สามารถทำได้สูงถึง 5200 nits !! สูงกว่าที่โฆษณาไว้ ในช่วงเวลาสั้น ๆ (3 – 5 วินาที) และจะมานิ่งอยู่ที่ราว 2800 nits ส่วนโหมด Movie ทำความสว่างช่วงเวลาสั้น ๆ ได้สูงถึง 4300 nits !! นิ่งที่ 2100 nits ทำลายสถิติทีวีที่ให้ระดับความสว่างสูงที่สุดเท่าที่ทีมงานเคยทดสอบมา…
<กดที่ Tab ด้านบน เพื่อดูผล HDR Calibration Report>
ค่าความเที่ยงตรงของสีสัน เมื่อรับชม HDR Content หากเป็นโหมด Movie, Game หรือ PC ค่าโรงงานจะจูนสีมาได้ดี ช่วง Highlight Details อาจจะติดโทนเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ เวลารับชมจริง
– SDR –
รุ่นนี้ไม่มีโหมดภาพ Filmmaker เช่นเดียวกับทีวีของ TCL รุ่นอื่น ๆ ตัวเลือกโหมดภาพที่มีความเที่ยงตรง “ใกล้เคียง” มาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากที่สุด เมื่อรับชม SDR Content จะเป็นโหมด Movie, Game และ PC
ทั้ง 3 โหมด มีอุณหภูมิสีเฉลี่ยราว 64xxK นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งอุณหภูมิสี และการแสดงรายละเอียดในที่มืดจากโหมดภาพโรงงานถือว่าปรับจูนมาได้ดีขึ้นกว่ารุ่นที่ทีมงานเคยทดสอบไปก่อนหน้านี้ อย่าง C855 และ C747 แต่สำหรับใครที่จริงจัง TCL เปิดโอกาสให้ปรับภาพแบบละเอียดได้ ซึ่งผลลัพธ์หลังจากปรับภาพออกมาเยี่ยมเลย ดูได้จากผล Lab Test ในส่วนของ SDR – Post Calibration และ Rec.709 – Post Color Checker
<กดที่ Tab ด้านบน เพื่อดูผล SDR Calibration Report>
หลังปรับภาพ ค่าเฉลี่ยความผิดเพี้ยนสมดุลแสงขาว (Grayscale Avg dE) และค่าเฉลี่ยความผิดเพี้ยนสี (Color Space Avg dE) ลดต่ำลงมาเหลือเพียง 1.5 และ 3.1 ตามลำดับ ส่วนค่าความผิดเพี้ยนสีโดยรวมแบบเฉลี่ย (Rec. 709 Saturation Avg dE) ที่ 2.1 (Max dE = 5) ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถนำไปใช้เป็นจออ้างอิงกับงานระดับมืออาชีพได้
เมื่อเป็นทีวีจอใหญ่แบบนี้สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของการอัปสเกล จากการทดสอบเปิดภาพความละเอียดระดับ Full HD ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าดีเกินคาด เราสามารถดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างสบายตา ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังจาก Netflix หรือดูรายการต่าง ๆ บน YouTube คือถ้าใครดูระยะใกล้กว่าระยะการรับชมปกติก็จะได้เห็นภาพที่นวลตาหน่อย แต่ถ้าบ้านใครมีพื้นที่ทิ้งระยะออกมาก็จะได้ภาพที่คมชัดขึ้น
ประโยคที่ว่า “ยิ่งจอใหญ่ ภาพเคลื่อนไหวยิ่งฟ้อง” อันนี้ไม่เกินจริง เพราะเมื่อพื้นที่การแสดงผลใหญ่ขึ้น เราเลยสามารถจับสังเกตได้ง่ายขึ้นนั่นเอง แน่นอนทีวีตัวท็อปแบบนี้ย่อมมีตัวช่วยเรื่องภาพเคลื่อนไหวมาให้ด้วย โดยเราสามารถปรับ Blur Reduction ระดับ 3 กับ Judder Reduction ระดับ 3 เท่านี้ภาพเคลื่อนไหวบนจอใหญ่รุ่นนี้ก็ดีขึ้นเป็นกอง
TCL 115” X955 MAX ให้ช่องสัญญาณ HDMI 2.1 มาด้วยกันสองช่อง (อีกสองช่องเป็น HDMI 2.0) ที่ช่อง HDMI 1 จะรองรับสัญญาณ 4K@144Hz ส่วนช่อง HDMI 2 จะได้ 4K@120Hz ใครอยากได้ความสุดก็ต้องไปต่อที่ช่อง HDMI 1 เพราะได้ 144Hz ตัวเครื่องรองรับ ALLM และฟีเจอร์ AMD FreeSync Premium Pro ช่วยป้องกันสัญญาณภาพฉีกขาด
ส่วนเกมเมอร์คนไหนอยากจะเล่นเกมให้ง่ายขึ้น ทาง TCL เขาก็มีฟีเจอร์ Game Master มาให้ด้วย โดยในนี้เราสามารถดูรายละเอียดของสัญญาณภาพจากเกมที่เปิดได้ว่าค่า FPS อยู่ที่เท่าไหร่ ฟีเจอร์ไหนเปิดใช้งานอยู่บ้าง รวมถึงยังสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์อย่าง Aiming Aid/เป้าจำลอง, โหมดภาพสำหรับเล่นเกม, เพิ่มรายละเอียดในที่มืด เป็นต้น
Input lag 60Hz : 13.1ms / 120Hz : 32.7ms / 144Hz : 4ms
Sound – เสียง
จำนวนลำโพงที่ให้มาบน TCL 115″ X955 Max ถือว่าจัดเต็ม เพราะมีลำโพงมากถึง 6.2.2 แชนแนล กำลังขับรวม 120W (พีคสูงสุด 240W) รองรับระบบเสียง Dolby Atmos จุดที่น่าสนใจคือมีการแบ่งหน้าที่ของลำโพงดังนี้ ลำโพงหลัก 10W x 2 ลำโพงเซอร์ราวด์ 10W x 4 ลำโพงบรรยากาศเสียงด้านบน 10W x 2 และลำโพงวูฟเฟอร์ 20W x 2 ติดตั้งอยู่บริเวณโดยรอบของทีวี ปรับจูนโดยระบบ Onkyo Hi-Fi System แบรนด์เครื่องเสียงที่คร่ำหวอดในวงการมานาน
จะเห็นได้ว่าจำนวน รวมถึงตำแหน่งของลำโพงที่มีในเครื่องสามารถให้เสียงของ Dolby Atmos ได้จริง ๆ เสียงไหนที่ควรออกด้านบนก็ออกด้านบน เสียงไหนที่ควรออกด้านข้างก็จะออกด้านข้าง ทำให้เวทีเสียงของรุ่นนี้กว้างครอบคลุม และยังได้มิติเสียงที่ดีอีกด้วย โดยเฉพาะฉากที่ไล่เสียงจากซ้ายไปขวา เราจะสัมผัสเสียงเหล่านี้ได้ง่ายกว่าทีวีทั่วไปเยอะ
Smart TV – สมาร์ททีวี
TCL เขาใช้ระบบปฏิบัติการ Google TV มาแล้วหลายปี เพราะนี่คือระบบปฏิบัติการที่มีแอปฯ ให้ติดตั้งเยอะที่สุดแล้วในตลาด โดยเฉพาะแอปฯ สตรีมมิ่งแทบจะเรียกได้ว่ามีครบครันที่สุด ในรุ่นนี้จะได้เป็น Google TV เวอร์ชัน 12 (Android TV 12) มีหน่วยความจำสำหรับการติดตั้งแอปฯ เยอะมาก ขนาดลงแอปฯ พวก Netflix, Max, YouTube, Apple TV, VIU อื่น ๆ อีกมากมายแล้วยังเหลือพื้นที่อีกตั้ง 49GB
เป็นทีวีตัวท็อปทั้งทีระบบการสั่งงานด้วยเสียง Google Assistant ต้องมีมาให้อยู่แล้ว แถมสั่งได้ทั้งสองแบบ จะสั่งผ่านรีโมทคอนโทรล หรือจะสั่งโดยตรงกับทีวีก็ได้ เพราะเขามีไมโครโฟนติดมาให้ด้วยบริเวณกลางจอด้านล่าง ซึ่งไมโครโฟนที่ว่านี้มีปุ่ม เปิด/ปิด อยู่ด้วย ใครที่ลองพูด “Hey Google” แล้วทีวีไม่รับคำสั่งก็ลองมาเช็คตรงนี้ดูนะว่าไมโครโฟนของเราเปิดอยู่หรือเปล่า
Conclusion – สรุป
นี่คือการเปิดประสบการณ์การรับชมภายในบ้านแบบใหม่ ที่แม้แต่โปรเจคเตอร์ก็ให้ไม่ได้ ภาพใหญ่เต็มตา ดูได้ทุกสภาวะแสง ไม่จำเป็นที่จะต้องควบคุมแสงในห้องให้มืดอย่างเดียวภาพถึงจะดี พร้อมกับให้คุณภาพของภาพที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นการใช้หลอดแบ็คไลท์แบบ MiniLED รวมถึงเทคโนโลยี Quantum Dot ผสมรวมกับประสบการณ์เสียง 6.2.2 แชนแนล ทำให้เราดื่มด่ำไปกับภาพ และเสียงของคอนเทนต์ได้อย่างลงตัว
ระบบปฏิบัติการ Google TV ทำงานได้ดีอยู่แล้ว มีคำสั่งเสียงด้วย และจุดที่ชอบที่สุดไม่พูดไม่ได้คือเขาแถมขาตั้งมาให้สามแบบเลย จะตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ แขวนผนังมีให้ครบ ผู้ใช้ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่ม
TCL 115″ X955 Max ราคาเปิดตัว 1,000,000 บาท
รีวิวล่าสุด
