ภาพ
สเป็คด้านภาพของ Samsung 65KS7500 มีความละเอียดแบบ 4K Ultra HD 3840 x 2160 พิกเซล ใช้หน้าจอดำเงาช่วยลดแสงสะท้อนแบบ Ultra Black Panel (ชื่อเดิมคือ Ultra Clear Panel) ใช้เทคโนโลยี Quantum Dot ช่วยขยายขอบเขตการแสดงสี พร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด HDR ซึ่งย่อมาจาก High Dynamic Range ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีภาพแบบใหม่ในคอนเทนต์ 4K ที่สามารถให้ระดับความสว่างและความดำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก รวมทั้งช่วยส่งเสริมสีสันให้มีความเจิดจรัสขึ้น โดยในสเป็คของ Samsung ระบุว่าเป็น HDR 1000 (ศัพท์เทคนิคทางกลารตลาดของ Samsung) ซึ่งหมายถึงรองรับมาตรฐาน HDR 10 และสามารถให้ระดับความสว่างสูงสุดได้เกิน 1000 nits ซึ่งสว่างกว่าทีวีทั่วไปถึง 2-3 เท่า ที่สำคัญที่สุดคือได้รับรองมาตรฐาน Ultra HD Premium ซึ่งภาพของ KS7500 ก็ต้องสอบผ่านข้อกำหนดหลายประการได้แก่
1. ระดับความสว่างสูงสุดเกิน 1000 nits
2. ระดับความดำต่ำกว่า 0.05 nits
3. การแสดงขอบเขตของสีกว้างกว่า 90% ของ DCI P3 หรือมาตรฐานโรงภาพยนตร์ดิจิตอล
4. รองรับการแสดงเฉดสีแบบ 10 Bit (ใช้พาแนล 10 Bit แต่ทีวีทั่วไปมักเป็น 8 Bit)
5. รองรับการแสดงขอบเขตของสีมาตรฐานใหม่ในอนาคตอย่าง Rec 2020 ซึ่งกว้างกว่ามาตรฐานเดิมอย่าง Rec 709 มาก
ทดสอบจริงด้วยเครื่องมือวัด
– ระดับความสว่างสูงสุดก็ได้ถึง 1076 nits ในโหมด Movie – HDR
– ขอบเขตของสีกว้างสุดก็ได้ถึง 93.9% ของมาตรฐานโรงภาพยนตร์ดิจิตอล DCI-P3 ในโหมด Movie – HDR เช่นกัน
หมายเหตุ
Samsung TV ปี 2016 ได้แบ่งทีวีที่มี HDR เป็น 2 แบบได้แก่
1) HDR 1000 ซึ่งได้มาตรฐาน Ultra HD Premium (Series 9 & 7)
2) HDR Premium ซึ่งไม่ได้มาตรฐาน Ultra HD Premium (Series 6)
Pre Calibration – SDR Mode | ||||||
Picture Mode | CTT | Gamma | Luminance | Backlight | Colour | Power |
avg | avg | fL | Tone | W | ||
Dynamic | 15396 | 0.68 | 186.5 | Max | Cool | 165 |
Standard | 8648 | 1.46 | 135.2 | 13 | Standard | 120 |
Natural | 8724 | 1.48 | 131.3 | Max | Standard | 122 |
Movie | 6020 | 2.25 | 59.6 | 8 | Warm2 | 97 |
Movie | 7336 | 2.16 | 62.6 | 8 | Warm1 | 97 |
Calibrated (Movie) | 6550 | 2.27 | 63.2 | 11 | Warm2 | 114 |
จึงใช้เป็นโหมดภาพหลักในการปรับภาพและทดสอบ
ขอไม่รอช้าเริ่มทดสอบด้วยคอนเทนต์ 4K แท้ๆจากแผ่น 4K Blu-ray HDR เล่นด้วยเครื่องเล่น 4K Blu-ray Player รุ่นแรกของโลกและเป็นเครื่องแรกในไทย รุ่น UBD-K8500 โดยผมเปิดหนังเรื่อง Gods of Egypt (ซึ่งในไทยยังไม่มีขาย ผมซื้อที่ต่างประเทศ) โหมดภาพที่เลือกใช้คือ Movie ให้แสงสีที่สบายตาและถูกต้องกว่าโหมดภาพอื่นๆ เมื่อทีวี Detect เจอสัญญาณ HDR ก็จะโชว์คำว่า “An HDR video is playing” ขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เป็นอันรู้กันว่านี่คอนเทนต์ HDR แท้ๆกำลังเล่นอยู่นะ…มิใช่กำมะลอ !
ประเดิมฉากแรกที่ “เซธ” เทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย มาบุกเมืองของเทพเจ้าฝั่งธรรมะ จังหวะต่อสู้ในหลายๆฉาก HDR ก็ได้สำแดงเดช ทั้งชุดเกราะสีทองที่วาววับ ฉากแสงสะท้อนของโล่ห์กระจกที่เฉิดฉายสะดุดตา หรือแม้กระทั่งฉากพระอาทิตย์สาดส่องที่แลสว่างกว่าคอนเทนต์ SDR : Standard Dynamic Range แบบจับต้องได้ ส่วนความละเอียดระดับ 4K แท้ๆ ซึ่งมิได้ถูกบีบอัดลงมาเป็นพวก .mkv ที่โหลดตามเว็บบิททั่วไป รวมถึงให้ “ความเนียนสะอาด” ปราศจากสากเสี้ยนแห่งอันกร้านหยาบที่เหนือกว่าแผ่น 1080p Blu-ray แบบชัดเจนหากเพ่งจับผิดแบบใกล้ๆ
หลังจากนั้นขอทดสอบหนัง 4K Blu-ray เรื่อง Smurfs 2 แบบ 4K HDR แท้ๆอีกเรื่อง เรื่องนี้มีข้อดีตรงที่มี ฉากมืด VS ฉากสว่าง ให้ได้ทดสอบเยอะ โดยเฉพาะฉากท้ายเรื่องที่กลุ่มพระเอกบุกไปช่วยครอบครัว Smurfs ที่ถูกเจ้า Gargamel วายร้ายของเรื่องจับไปขังกรง ฉากระเบิดพลังงาน Smurfs สามารถเปล่งแสงพลังงาน “สีน้ำเงินอันสว่างเรืองรอง” ได้อย่างระยิบระยับดูอร่ามตา ซึ่งสามารถตัดกับฉาก Background อันมืดสนิทได้อย่างลงตัว ส่วนใบหน้าจอง Smurffete (สเมิร์ฟสาว) ก็แสดงเป็นสีฟ้าที่เป็นธรรมชาติไม่ได้สดโดเวอร์เกินจริง จึงสรุปได้ว่า HDR ช่วยต่อยอดคุณภาพของภาพให้เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น สามารถแสดง “จุดสว่าง + จุดที่ควรเจิดจรัส + จุดที่มืดมิด และจุดที่แสงสีควรเป็นธรรมชาติ”ได้พร้อมกันทั้งหมดในฉากเดียว ซึ่ง KS7500 ก็สามารถสอบผ่านจุดนี้ได้ดีเกินความคาดหมาย
ส่วนการทดสอบกับแผ่นหนัง Blu-ray 1080p ทั่วไป ผมใช้หนังแผ่นดินไหวเรื่อง San Andres ในฉากที่พระเอกขี่เรือโต้คลื่นลูกยักษ์ การอัพสเกลภาพของ KS7500 นั้นถือว่าทำได้ดีทั้งเรื่องความคมชัดและภาพเคลื่อนไหว หากเทียบกับทีวี 4K UHD เมื่อหลายปีก่อนนี่มีพัฒนาการแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ผมนั่งดูใกล้ในระยะ 2 เมตร บรรยากาศการรับชมฉากแล่นเรือฝ่าคลื่นจัดได้ว่าลุ้นระทึกบีบหัวใจ ยอมรับว่าจอใหญ่ขนาด 65″ ผสานความโค้งโอบล้อม มีส่วนช่วยดึงเราเข้าไปใกล้ชิดเหตุการณ์มากขึ้น
Tip : ส่วนระดับความสว่างและเจิดจรัสของภาพ HDR แนะนำให้เปิดฟีเจอร์ Dynamic Contrast ระดับ High ไปเลย (ย้ำอีกทีเฉพาะคอนเทนต์ที่เป็น HDR เท่านั้นนะครับ) ส่วนคอนเทนต์ที่เป็น SDR ก็ปิดทิ้งไปตามระเบียบ
ระดับความดำอยู่ในเกณฑ์ดีใช้ได้ แต่มิอาจเข้าขั้นเพอร์เฟกต์ สำหรับ KS7500 ที่ใช้โครงสร้างหลอดไฟ Edge LED พร้อม Local Dimming ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยดิมไฟเป็นโซนตามฉากสว่าง-มืด ด้วยข้อจำกัดการวางหลอดไฟตามขอบบนและล่างของจอซึ่งจำเป็นต้องเปล่งแสงสว่างแทบตลอดเวลาเพื่อเลี้ยงภาพกลางฉาก จึงไม่สามารถทำฉากที่ควรมืดให้มืดสนิท 100% ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของ Edge LED TV ทุกตัว การเปิดฟีเจอร์ Local Dimming ช่วยส่งเสริมความดำทางอ้อมก็ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง
โดยเปิดใช้งานในหัวข้อ Smart LED ใน Advanced Setting ซึ่งมี 3 ให้เลือกได้แก่
1) ระดับ Low จะให้ความสมดุลระหว่างการดิมไฟที่ไม่โฉ่งฉ่างจนเกินไปกับระดับความสว่างที่อยู่ในระดับพอดิบพอดี เหมาะกับคอนเทนต์แบบ SDR
2) ระดับ High เหมาะกับขาโหดที่ชอบให้จุดมืด-จุดสว่างนั้นมีความต่างอย่างเด็ดขาด ตัววัตถุจะสว่างไสวกว่าด้วย คอนเทนต์จำพวก HDR ก็จะ “ขึ้นกว่า” ระดับ Low
3) ระดับ Off คือการปิดฟีเจอร์ Local Dimming เลย เหมาะกับพวกงานกราฟฟิก
จุดด้อยของ KS7500 นั้นคงเป็นเรื่อง มุมมองการรับชมด้านข้างที่มิได้กว้างมากนัก เพราะใช้พาแนลคู่บุญอย่าง VA : Vertical Alignment ฉะนั้นหากนั่งชมในมุมที่เฉียงมากภาพก็ยังมีซีดดร็อปให้เห็นงพอสมควร อย่างไรก็ตามหากนั่งชมในมุมตรง 90 องศา แบบเดียวกับการรับชมภายในบ้านแบบปกติทั่วไป สีสันก็มีความอิ่มเอิบสดใสกว่าจอพาแนลชนิดอื่น จะเรียกว่าได้อย่างก็เสียงอย่าง ไม่มีพาแนล LED-LCD ชนิดไหนที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ 100%
สรุปได้ว่า Dynamic Range : ความสว่าง-ความมืด สำคัญกว่า Resolution : ความละเอียด เพราะเราเห็นต่างด้วยตาเปล่าได้ชัดแจ้งกว่าจริง Samsung KS7500 เป็น LED TV ที่มีความละเอียด 4K รองรับภาพแบบ HDR (มาตรฐาน HDR10) แถมยังสอบผ่านมาตรฐาน Ultra HD Premium การันตีว่าสามารถแสดงระดับความสว่าง ความดำและสีสันเหนือ 4K Ultra HD TV ทั่วไปอีกด้วย โดยรวมผมว่าคุณภาพของภาพของเจ้า KS7500 นั้นแอบเฉียดฉิว KS9000 รุ่นท็อปเลยแหละ ต่อไปหากท่านจะซื้อทีวีซักเครื่องผมแนะนำว่าหากจะเอารองรับอนาคตแบบจริงจัง จำไว้เลยว่าความละเอียดต้อง 4K ควรรองรับ HDR และหากเป็นไปได้ควรได้มาตรฐาน Ultra HD Premium ด้วยถึงจะครบสูตร !
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
Quantum Dot = ช่วยขยายขอบเขตของสีให้ “สุดขึ้น” เช่น แดงสดจี๊ด เขียวอี๋ น้ำเงินจัด
VS
HDR = ส่งเสริมความ “เจิดจรัส” และ “เรืองอร่าม” ของสีเหล่านั้น
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>