เสียง
ระบบเสียงเป็นแบบ Stereo 2.1 แชนแนล มาพร้อมวูฟเฟอร์ มีกำลังขับรวม 40 Watts ทิศทางการยิงเสียงเป็นแบบยิงลงล่าง Down Firing คุณภาพเสียงโดยรวมจัดว่าดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆมา ทั้งน้ำหนักเสียงที่ดูอิ่มแน่นขึ้น ไม่แห้งกร้านเหมือนรุ่นปีก่อนๆที่ไม่ผนวกวูฟเฟอร์มาให้เนื่องจากเน้นดีไซน์ที่ Slim จนเกินไปจนไม่เผื่อแผ่พื้นที่ไว้ให้ดอกลำโพง ทดสอบคุณภาพเสียงโดยการรับชมทีวีทั่วไปทั้ง ฟุตบอลยูโร รายการข่าว เกมส์โชว์ หนังแผ่น Blu-ray ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เสียงพูดชัดเจนมีน้ำมีนวล แต่หากลองทดสอบกับคอนเสิร์ตโหดๆอย่าง Elton John เพลง Crocodile Rocks เสียงแต่ละย่านยังมีกลืนกลบกันไปบ้าง สรุปว่าเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเหมาะกับการตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นทั่วไป และให้คุณภาพเสียงดีกว่า LED TV รุ่นมิดเอ็นด์
เพิ่มเติม
ระบบ Smart TV ปีนี้มีการอัพเกรด Tizen OS ให้ทันสมัยขึ้น เมนูการใช้งานที่สะดวกขึ้น แถบเมนู Smart Hub เมื่อเปิดขึ้นมาจากด้านล่าง หากเราจะเลือกแอพส์หรือคอนเทนต์ไหนก็จะมีพรีวิวแสดงเป็นชั้นที่ 2 ขึ้นมา รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่ “ต้องมี” อาทิ YouTube และ Netflix ซึ่งทั้ง 2 เจ้าก็รองรับความละเอียดแบบ 4K แล้วเช่นกัน รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ทั้งส่งภาพหรือคอนเทนต์ขึ้นไปเล่นแบบไร้สาย, Screen Mirroring โคลนนิ่งหน้าจอมือถือไปแสดงบนจอทีวี หรือแม้กระทั่งโคลนนิ่งหน้าจอทีวีกลับมาแสดงยังมือถือก็ทำได้ มีแอพพลิเคชั่น Smart View ที่เปลี่ยนมือถือให้เป็นรีโมทคอนโทรล สุดท้ายคือรีโมทคอนโทรลแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Single Remote ที่สามารถนำไปควบคุมเครื่องเล่นและอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆได้ง่ายด้วยรีโมทอันเดียว ก็ถือว่า Smart TV มีพัฒนาการแบบจับต้องได้ ไม่ได้เน้นแค่เรื่องแอพส์อย่างเดียว แต่เน้นการใช้งานที่สะดวกง่ายดาย จึงเป็นมิตรกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น