Samsung Soundbar ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่จุดที่ทำให้ขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการได้ ส่วนหนึ่งต้องยกอานิสงส์ให้วิสัยทัศน์ที่ตัดสินใจควบรวม Harman Kardon เข้ามา จึงพัฒนาในเรื่องของเสียงได้อย่างก้าวกระโดด และปีนี้ น่าจะเป็นอีกครั้งที่ HW-Q990D จะขึ้นไปติดอันดับท็อปซาวด์บาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิงจากประสิทธิภาพอันโดดเด่นเมื่อเทียบกับระดับราคา…
โดยพื้นฐาน Q990D เป็นชุดลำโพงซาวด์บาร์ที่ติดตั้งตัวขับเสียงจำนวนมากเพื่อกระจายเสียงออกไปรอบทิศทาง โดยในสเปคแจ้งจำนวนแชนเนลที่ทำได้สูงสุดที่ 11.1.4 สูงที่สุดเวลานี้ รองรับการถอดรหัสเสียง Dolby Atmos (รวมถึง Dolby Atmos แบบไร้สาย เมื่อเชื่อมต่อกับ Samsung TV รุ่นที่รองรับ), DTS:X และฟอร์แม็ต Hi-res Audio
Design – การออกแบบ
Q990D ซาวด์บาร์แบบชุด 3 ชิ้น ประกอบไปด้วย ซาวด์บาร์หลัก, ลำโพงเซอร์ราวด์หลัง 1 คู่ และลำโพงซับวูฟเฟอร์ เชื่อมต่อสัญญาณระหว่างกันแบบไร้สาย ทั้งระบบให้กำลังขับรวมอยู่ที่ 656 วัตต์
Connectivity – ช่องต่อ
Q990D ให้ช่องต่อ HDMI In 2 ช่อง, Out 1 ช่อง ในสเปคแจ้งว่าเป็น Version 2.1 รองรับ 4K 120Hz Pass-through และแน่นอนว่ามีคุณสมบัติ eARC/ARC ในการรับสัญญาณเสียงจากทีวี
การรับสัญญาณแบบไร้สายของ Q990D นอกจาก Bluetooth 5.2 (SBC) แล้ว ยังมีการเชื่อมต่อที่แหวกแนว ยังไม่พบเจอกับซาวด์บาร์ยี่ห้ออื่น คือ การรับสัญญาณเสียงจากทีวีแบบไร้สาย ผ่าน Wi-Fi ! ซึ่งรองรับฟอร์แม็ตเสียงรอบทิศทางขั้นสุดอย่าง Dolby Atmos เรียกว่าทำได้เทียบเท่าการเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI eARC เลย แต่คุณสมบัตินี้จะใช้งานได้เฉพาะกับทีวีของ Samsung เท่านั้นครับ (ในภาพอ้างอิงกับ 2024 Neo QLED 8K 85QN900D)
Features – ลูกเล่นพิเศษ
การจะใช้งาน Q990D ได้ครบทุกคุณสมบัติ ต้องทำการ Add ลำโพงเข้าไปในเครือข่ายอุปกรณ์ SmartThings ก่อนครับ ซึ่งดำเนินการไม่ยาก ทำตามขั้นตอนผ่านแอพบน Smartphone ได้เลยครับ
ทดสอบการเชื่อมต่อรับสัญญาณเสียงจากทีวี Samsung แบบไร้สายผ่าน Wi-Fi ของ Q990D พบว่ารับสัญญาณเสียง Dolby Atmos ได้จริง และให้ความต่อเนื่องดีไม่มีสัญญาณขาดหายหรือดีเลย์ พูดได้ว่าเสถียรภาพไม่ต่างจากการเชื่อมต่อสาย HDMI eARC (แต่ต้องมั่นใจว่าเครือข่าย Wi-Fi ในบ้าน มีเสถียรภาพดีก่อนนะครับ) ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เผื่อใครไม่อยากเชื่อมต่อสายระหว่างทีวีกับซาวด์บาร์ครับ
อีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษเมื่อใช้งาน Samsung Soundbar ร่วมกับ Samsung TV (รุ่นที่รองรับ) คือ “Q-Symphony” เป็นการประสานเสียงของลำโพงทีวี และลำโพงซาวด์บาร์เข้าด้วยกัน (เสียงทีวีและซาวด์บาร์ออกทั้งคู่) ทางซัมซุงเคลมว่า สามารถเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ประโยชน์ที่ได้จากการใช้งานจริง คือ อิมเมจของเสียงจะถูกยกให้สูงขึ้น โดยเฉพาะเสียงสนทนาจะอยู่ที่กลางจอ จะเห็นผลชัดเจนขึ้นในกรณีที่ตำแหน่งติดตั้งซาวด์บาร์ต่ำกว่าจอทีวีมาก ๆ ทว่าผลลัพธ์ด้านเสียงจะแตกต่างไปตามรุ่นของทีวีที่จับคู่ใช้งานด้วย ทีวีรุ่นสูง ๆ จะได้เปรียบกว่าในเรื่องของตำแหน่งลำโพง อย่าง 85QN900D จะติดตั้งลำโพงทีวีที่ด้านข้าง และด้านบนของทีวี นอกจากนี้ยังมีวูฟเฟอร์เสริมความถี่ต่ำด้านหลังจอ จึงให้เนื้อเสียงได้ค่อนข้างกลมกลืนไม่แปลกแยกจากลำโพงซาวด์บาร์มากนัก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงแนะนำให้ทดลองฟังเสียงร่วมกับอุปกรณ์ที่มีดูก่อนว่าชอบแบบไหน ระหว่างจับคู่เสียงทีวีร่วมกับซาวด์บาร์ หรือเสียงจากซาวด์บาร์เพียว ๆ ครับ
คุณสมบัติที่เพิ่มมาใหม่ของ Q990D คือ Private Rear Sound สลับหน้าที่ลำโพงเซอร์ราวด์หลังไปเป็นลำโพง 2 แชนเนล สเตอริโอ ไว้แทนที่ลำโพงซาวด์บาร์ในบางช่วงเวลาที่ไม่อยากเปิดเสียงดังโครมคราม (เพราะลำโพงซับวูฟเฟอร์ไม่ทำงาน)
ส่วน Sound Grouping เป็นการกำหนดให้ลำโพงซาวด์บาร์ และ ลำโพงเซอร์ราวด์ ทำงานพร้อมกัน เหมือนว่าลำโพงเซอร์ราวด์เป็นลำโพงสเตอริโออีกคู่หนึ่งที่ทำงานพร้อมกันกับซาวด์บาร์หลัก เผื่อบางทีจัดปาร์ตี้ แล้วต้องการเปิดเพลงให้เสียงกระจายทั่วทั้งห้อง
Q990D มาพร้อม Tidal Connect สามารถสตรีมเพลงไปฟังกับซาวด์บาร์ได้โดยตรง ที่สำคัญ คือ รองรับ Dolby Atmos Music จากแอพ Tidal ด้วยนะ ส่วนการรองรับฟอร์แม็ต Hi-res เนื่องจาก Samsung ไม่ได้แจ้งรายละเอียด DAC ที่ใช้ จึงยืนยันไม่ได้ว่ารองรับรายละเอียดเสียงได้ถึงระดับไหนครับ
Q990D ยังสามารถเชื่อมต่อ AirPlay และ Chromecast ได้ รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ทั้งฝั่ง iOS และ Android
Sound – เสียง
ก่อนนี้หลายคนคงเคยได้สัมผัสศักยภาพของ Samsung Soundbar รุ่นท็อป ที่ทีมงานเคยนำไปเปิดให้ลองฟังกันในงานแสดงเทคโนโลยีภาพและเสียง BAV Hi-End Show ไปบ้างแล้ว ซึ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ขนาดห้องโชว์ใหญ่ ๆ ในโรงแรมยังเอาอยู่ ! ฉะนั้นการใช้งานในห้องตามบ้านก็เหลือ ๆ ครับ
Q990D มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า SpaceFit Sound Pro ซึ่งดูเหมือนจะช่วยเรื่องของการติดตั้งอิงตามสภาพห้อง อย่างไรก็ดีเท่าที่ลองใช้งานพบว่า ยังไม่ถึงกับเป็นระบบตรวจวัดและชดเชยเสียงลำโพงรอบทิศทางแบบอัตโนมัติ (Auto Speaker Calibration – Auto Speaker Level Balance, Auto Speaker Distance Delay, Auto Crossover/Phase Control & Auto Room EQ)
สำหรับใครที่จริงจัง จึงยังจำเป็นต้องอาศัยการปรับแต่งเสียงลำโพงแบบ Manual อยู่บ้าง ซึ่ง Q990D สำหรับกำหนดเชยระดับเสียงของลำโพง Soundbar, Surround และ Subwoofer ได้หากจำเป็น แต่กระนั้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แค่ตั้งวางลำโพงในตำแหน่งที่เหมาะสม และไฟน์จูนในส่วนระดับเสียงของลำโพงซับวูฟเฟอร์ให้พอเหมาะ ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ลงตัวแล้ว
พูดได้ว่า Q990D เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพเสียงรอบทิศทางได้เป็นอย่างดี ทดสอบกับภาพยนตร์ Napoleon ระบบเสียง Dolby Atmos (DD+) จากแอพ Apple TV+ บน Samsung Smart TV ให้เสียงโอบล้อมได้อย่างโดดเด่น เสียงลูกปืนใหญ่บินว่อนข้ามหัวไปมาให้ความตื่นเต้นเสมือนนั่งอยู่ท่ามกลางสมรภูมิในแบบที่หากฟังกับลำโพงทีวีไม่ว่าจะดีเพียงใด ก็ไม่อาจให้ได้
เสียงความถี่ต่ำเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เสริมความมันสะใจได้เป็นอย่างดี วูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้ว ให้น้ำหนักเสียงบาลานซ์ระหว่างความกระชับ และความลึกได้ดี ศักยภาพนับว่าเกินตัว แต่จำเป็นต้องกำหนดระดับเสียงซับวูฟเฟอร์ให้ “เหมาะสม” กับตำแหน่งตั้งวางและสภาพภายในห้อง อย่าคาดหวังจะได้เบสลึก ด้วยวิธีเพิ่มระดับเสียงลำโพงซับวูฟเฟอร์ให้ดังเกินควร เพราะจะได้แต่เบสต้นที่ดังอื้ออึงจนกลบรายละเอียดเสียงย่านอื่นที่สำคัญ ซึ่งควรจะต้องได้ยินมากกว่าแต่โดนกลบไปเสียหมด แนวทางนี้ไม่ใช่แค่ซับวูฟเฟอร์ของซาวด์บาร์ กับซับวูฟเฟอร์สำหรับชุดโฮมเธียเตอร์จริงจัง ก็ต้องทำแบบเดียวกันครับ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Q990D ถ่ายทอดเสียงโอบล้อมได้ดี คือ ลำโพงเซอร์ราวด์ และ Up-firing Speakers 4 แชนเนล ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนซาวด์บาร์จัดวางอยู่ด้านหน้า และที่ลำโพงเซอร์ราวด์ด้านหลังผู้ฟัง จึงให้บรรยากาศเสียงได้ครอบคลุมทั้งซ้าย-ขวา หน้า-หลัง และด้านสูง โดยเฉพาะเมื่อรับฟังคอนเทนต์ที่บันทึกเสียง Dolby Atmos และ DTS:X
เคล็ดลับแนะนำสำหรับลำโพงเซอร์ราวด์ คือ ตำแหน่งตั้งวางควรสูงกว่าหรืออย่างน้อยก็เท่ากับระดับหูผู้ฟัง ไม่ควรวางต่ำ และเว้นระยะห่างจากจุดนั่งฟัง ไม่ควรวางลำโพงเซอร์ราวด์ชิดตัวผู้ฟังมากเกินไป (ยิ่งวางห่าง บรรยากาศเสียงยิ่งกว้าง)
Q990D มีระบบจำลองเสียง 11.1.4 Ch Up-mixed ขยายแชนเนลเสียงได้ถึง 11.1.4 แชนเนล เมื่อเลือกโหมดเสียง Surround (หรือโหมดเสียงอื่นที่ไม่ใช่ Standard ซึ่งเสียงจะแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละโหมด) เหมาะกับการรับฟังคอนเทนต์ที่ยังไม่ใช่ระบบเสียงเซอร์ราวด์
แต่กับบางคนอาจชอบรับฟังเสียงต้นฉบับผ่านโหมดเสียง Standard มากกว่า (ถอดรหัสแบบ Straight Decoded – Stereo 2.1 up to 7.1.4 Atmos/DTS:X ตรงตามระบบเสียงของคอนเทนต์ ซึ่งเมื่อใช้งานโหมดนี้ ตัวขับเสียงที่อยู่ด้านข้างของซาวด์บาร์ และที่ลำโพงเซอร์ราวด์ จะไม่ทำงาน)
ข้อดีของการใช้งานโหมด Standard กับคอนเทนต์ระบบเสียงเซอร์ราวด์ (5.1, 7.1, Atmos, DTS:X) คือ ซาวด์บาร์จะคุมสมดุลย่านเสียงในแต่ละแชนเนลได้คงที่กว่า รวมถึงการโฟกัสทิศทางการโยนเสียงไปยังแต่ละแชนเนลก็ทำได้แม่นยำกว่า โดยเฉพาะเมื่อเปิดในระดับเสียงที่ค่อนข้างดัง แต่ยังไงก็แนะนำทดลองฟังเสียงดูก่อนว่าชอบแบบไหนครับ
Conclusion – สรุป
ใครกำลังเริ่มมองหาซาวด์บาร์คุณสมบัติเจ๋ง ๆ มาใช้งาน หรือต้องการอัพเกรดจากซาวด์บาร์รุ่นเล็กที่ยังไม่รองรับระบบเสียงรอบทิศทางเต็มที่ ด้วยราคาเปิดตัว Q990D ที่ต่ำลงกว่าช่วงเปิดตัวรุ่นปีที่แล้ว แต่ประสิทธิภาพโดดเด่นเหมือนเดิม รองรับทั้ง Dolby Atmos/DTS:X และช่องต่อ HDMI In/Out ครบครัน เพิ่มเติมลูกเล่นจาก Q990C เล็กน้อย ให้ครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้น น่าจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับรุ่นใหม่นี้ได้เป็นอย่างดีครับ
ราคาเปิดตัว Samsung HW-Q990D
29,990 บาท