ภาพ
คุณสมบัติด้านภาพของ Samsung PS64F8500 จัดมาเต็มสูบ เริ่มจากหน้าจอแบบใหม่ Super Contrast Panel ให้ความสว่างได้ดีเยี่ยม พร้อมกับฟิลเตอร์ Real Black Pro ช่วยเสริมสีดำให้ดำลึกมีมิติมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Plasma TV ระดับพรีเมี่ยม ใช้ชิพประมวลผลภาพ 3D Hyper Real Engine หน้าจอความละเอียด Full HD 1920 x 1080 มีระบบ 3D แบบ Active พร้อมฟีเจอร์ 2D to 3D Conversion ว่าแล้วมาชมการทดสอบกันเลยดีกว่า
โหมดภาพสำเร็จรูป : Picture Mode
Samsung เองมีโหมดภาพสำเร็จรูปให้มาอาจจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานหลักๆอย่างครบถ้วน อาทิเช่นโหมด Dynamic / Standard / Relax / Movie โดยโหมด Movie จะแสดงอุณหภูมิสีได้ใกล้เคียงกับค่าอ้างอิงมากที่สุด จึงเป็นโหมดที่ถูกเลือกเพื่อนำมาปรับภาพเชิงลึกต่อไป ซึ่งตัวทีวีเองก็ให้ฟีเจอร์การปรับภาพขั้นสูงอย่างละเอียดมาให้จึงปรับได้ทั้ง White Balance และ Color Management System (CMS) ก่อนปรับภาพในโหมด Movie ภาพที่ได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจมากอยู่แล้ว อาจจะติดอมแดง+รายละเอียดในที่มืดยังไม่แจ่มแจ้งมากนัก แต่พอปรับภาพเสร็จให้แสงสีอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมมาก แถมยังมีระดับความสว่างที่เลิศศศศศ (ไม่แพ้ LED TV) ซึ่งจัดได้ว่ามีความสำคัญมากถึงมากที่สุดในทางปฏิบัติหากเอามารับชมจริงๆในห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกในบ้านของเรา
หมายเหตุ : มี Sport Mode ซ่อนอยู่ในเมนู Smart Feature ด้วย จะปรับโหมดภาพและเสียงให้เป็น Stadium

Samsung PS64F8500 Plasma TV | |||
Picture Mode | CCT | Gamma | Luminance |
Dynamic | 13791 | 0.99 | 65 |
Standard | 9366 | 2.09 | 61 |
Relax | 8884 | 2.15 | 33.1 |
Movie | 7084 | 2.41 | 52.2 |




ทดสอบภาพ 2 มิติ
เชื่อไหมครับ ! ว่าผู้ที่นิยมชมชอบ Plasma TV โดยส่วนใหญ่จะชื่นชอบและให้ความสำคัญ “แนวภาพ” เป็นหลักในการเลือกซื้อทีวี โดยไม่ค่อยยึดติดกับพวก “ลูกเล่น” หรือ “ของเล่น” ยิบย่อยเสียเท่าไหร่นัก โดย “แนวภาพ” ที่ว่านี้คือการที่ทีวีสามารถแสดงแสงสีได้นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ มีความคมชัดทั้งคอนเทนต์แบบไฮเดฟและแบบธรรมดา สีดำดำสนิทไม่มีแสงรั่วฟุ้ง เป็นต้น ทดสอบด้วยโหมด Movie ภาพค่าแรกเริ่มถือว่าสวยระดับหนึ่งแล้ว แต่จะติดเรื่องภาพติดแดงนิดหน่อยกับรายละเอียดที่มืดยังไม่กระจ่างมากนัก จัดการ Calibrate ภาพไล่ตั้งแต่ Dynamic Range, White Balance และ Color Management System ให้ค่าแสงสีได้ถูกต้องแม่นยำ เริ่มทดสอบจากหนังอมตะที่ทางเว็บใช้อ้างอิงมาตั้งแค้ปีที่แล้วนั่นก็คือเรื่อง Journey 2: The Mysterious Island ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือทีวี Plasma ตัวนี้ให้ภาพที่ “สว่างสู้แสง” ได้ดีมากเกินมาตรฐานทีวีประเภทเดียวกันกว่าช่วงตัว จากเดิมข้อจำกัดของ Plasma TV ซึ่งเป็นจอกระจกแล้วเจอแสงภายนอกรบกวนแล้วจะทำให้ภาพดร็อปลงไปกว่าครึ่ง จุดที่สองคือเรื่องของ “สีสันที่สดอิ่ม” ตัดกับ “พื้นหลังอันดำสนิท” จึงก่อให้เกิดมิติภาพเชิงลึกที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ฉากคุณพ่อแฮงค์ (The Rock) กำลังหาทางออกจากเมืองแอตเลนติส ใบหน้ามีความเอิบอิ่มเป็นธรรมชาติ สีของใบไม้อันเขียวขจีที่ดูเป็นเขียวที่ “หนักแน่น” สมจริง ไม่มีออกอาการติดโพลนหรือซีดแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะดูในห้องสว่างหรือห้องมืด ในขณะที่ฉากตอนกลางคืนที่คุณพ่อแฮงค์เล่นอูคูเลเล่ขับกล่องสมาชิกผู้ร่วมเดินทางรวมถึงฉากขับเรือดำน้ำเตรียมหนีทะยานออกจากเกาะ สีดำที่ได้มีความมืดสงัดมาก จัดได้ว่าดีกว่ารุ่น E8000 ปี 2012 แบบเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน หรือหากจะให้เทียบกับพวก Plasma TV จอ HD Ready เจ้า F8500 ก็ยิ่งเห็นความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ
ส่วนเรื่อง Avatar ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ไว้ใช้อ้างอิงได้อย่างดี ตัวหนังเป็น 16:9 เต็มจอ ในฉาก “ขี่นก” ทดสอบได้ทั้งสีสันและภาพเคลื่อนไหว ตัวละครอย่างพระเอกเจคของเรา สีผิวสีน้ำเงินอมฟ้าซึ่งความอิ่มของเม็ดสีนั้นส่งให้ตัวละครแลดูมีพลัง จังหวะนกบินโฉบเฉี่ยวก็ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ตัวช่วยเรื่องภาพเคลื่อนไหวอย่าง Motion Judder Canceller ในระดับต่ำๆก็ช่วยหล่อลื่นภาพได้อย่างดีไม่สูญเสียความเป็นธรรมชาติไปจนเกินพอดี (E8000 ปี 2012 ไม่มีฟีเจอร์นี้) บรรยากาศป่าแพนดอร่าช่วงกลางวันทั้งต้นไม้ใบหญ้าและพื้นผิวน้ำสีน้ำเงินก็สร้างความรู้สึก “เบิกบาน” สว่างชุ่มชื่นไปทั้งผืนแผ่นดิน ได้ฟีลอลังการงานสร้าง หากเป็นฉากตอนกลางคืนในป่า รายละเอียดในที่มืดอาจจะยังมีจมไปซักเล็กน้อยบ้างในบางฉาก ส่วนฉากที่โดดเด่นที่สุดคือฉากสีน้ำเงินเงาวับของแมงกะพรุนเรืองแสงตัดกับพื้นหลังสีดำก่อให้เกิดมิติ “ลุ่มลึก” + “โดดเด้ง” ในเวลาเดียวกัน
แล้วลองเปลี่ยนมารับชมหนังแอ็คชั่น Fast & Furious ทั้งภาค 3-4-5 ย้อนรอยหลังจากเพิ่งไปดูภาค 6 มา ผมย้อนดูอีกทีเพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่องว่าตกลง “ฮาน” ตายไม่ตายยังไง ? (อิอิ) ภาพเคลื่อนไหวในฉากที่ฮอบส์ (The Rock อีกแล้ว) ได้จับตัวโดมินิกและไบรอันขึ้นรถหุ้มเกราะเพื่อส่งตัวแต่มาโดนกลุ่มคนร้ายรองยิงปืนถล่ม ฉากต่อสู้ลื่นไหลเนียนตา ฉากยิงกันที่ทีวีสามารถช่วยสื่ออารมณ์จากรายละเอียดบนใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อแถมโชกเลือดซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเคร่งเครียดของทั้งฝั่งพระเอกและฝั่งผู้ร้าย จอใหญ่ขนาด 64″ ขยายขอบเขตการรับชมจากพวกขนาด 50″-55″ ได้มากโข ให้อารมณ์ที่สะเด่าขึ้นเป็นกอง






