14 Mar 2013
Review

ประดิษฐกรรมจอภาพ !!! รีวิว Samsung PS64F8500 Plasma TV ระดับจุฑาเทพ [2013]


  • lcdtvthailand

ภาพ

คุณสมบัติด้านภาพของ Samsung PS64F8500 จัดมาเต็มสูบ เริ่มจากหน้าจอแบบใหม่ Super Contrast Panel ให้ความสว่างได้ดีเยี่ยม พร้อมกับฟิลเตอร์ Real Black Pro ช่วยเสริมสีดำให้ดำลึกมีมิติมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Plasma TV ระดับพรีเมี่ยม ใช้ชิพประมวลผลภาพ 3D Hyper Real Engine หน้าจอความละเอียด Full HD 1920 x 1080 มีระบบ 3D แบบ Active พร้อมฟีเจอร์ 2D to 3D Conversion ว่าแล้วมาชมการทดสอบกันเลยดีกว่า

โหมดภาพสำเร็จรูป : Picture Mode
Samsung เองมีโหมดภาพสำเร็จรูปให้มาอาจจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานหลักๆอย่างครบถ้วน อาทิเช่นโหมด Dynamic / Standard / Relax / Movie โดยโหมด Movie จะแสดงอุณหภูมิสีได้ใกล้เคียงกับค่าอ้างอิงมากที่สุด จึงเป็นโหมดที่ถูกเลือกเพื่อนำมาปรับภาพเชิงลึกต่อไป ซึ่งตัวทีวีเองก็ให้ฟีเจอร์การปรับภาพขั้นสูงอย่างละเอียดมาให้จึงปรับได้ทั้ง White Balance และ Color Management System (CMS) ก่อนปรับภาพในโหมด Movie ภาพที่ได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจมากอยู่แล้ว อาจจะติดอมแดง+รายละเอียดในที่มืดยังไม่แจ่มแจ้งมากนัก แต่พอปรับภาพเสร็จให้แสงสีอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมมาก แถมยังมีระดับความสว่างที่เลิศศศศศ (ไม่แพ้ LED TV) ซึ่งจัดได้ว่ามีความสำคัญมากถึงมากที่สุดในทางปฏิบัติหากเอามารับชมจริงๆในห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกในบ้านของเรา

หมายเหตุ : มี Sport Mode ซ่อนอยู่ในเมนู Smart Feature ด้วย จะปรับโหมดภาพและเสียงให้เป็น Stadium   

โหมดภาพสำเร็จรูปโหมด Movie ให้ค่า White Balance ที่ 7000K ใกล้เคียงกับค่าอ้างอิง 6500K มากที่สุด จึงใช้โหมดนี้ปรับภาพเบื้องลึกและทำการทดสอบ
Samsung PS64F8500 Plasma TV
Picture ModeCCTGammaLuminance
Dynamic137910.9965
Standard93662.0961
Relax88842.1533.1
Movie70842.4152.2
Pre-Calibration ก่อนปรับภาพ โหมด Movie ค่า RGB Balance (White Balance) อยู่ในระดับพอใช้ได้ถึงแม้จะติดน้ำเงินไปนิด ส่วน CMS ขอบแขตการแสดงสีของแม่สีหลักและรองถือว่าดีพอตัวเลยสำหรับโหมดภาพสำเร็จรูป
Post-Calibration หลังปรับภาพเสร็จ ค่า RGB Balance (White Balance) และ CMS ดีขึ้นมาก แสงสีจริงๆก็อยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยมเช่นกัน ตัวนี้ปรับภาพง่ายดีใช้เวลาไม่นาน
ค่าปรับภาพต้องขอหมายเหตุว่าใช้อ้างอิงได้เฉพาะตัวที่ทีมงานทดสอบเท่านั้นครับ
หากเลือกโหมด Movie ให้งานแล้ว ก็ให้ปรับสัดส่วนภาพ Picture Size เป็น “Screen Fit”

ทดสอบภาพ 2 มิติ
เชื่อไหมครับ ! ว่าผู้ที่นิยมชมชอบ Plasma TV โดยส่วนใหญ่จะชื่นชอบและให้ความสำคัญ “แนวภาพ” เป็นหลักในการเลือกซื้อทีวี โดยไม่ค่อยยึดติดกับพวก “ลูกเล่น” หรือ “ของเล่น” ยิบย่อยเสียเท่าไหร่นัก  โดย “แนวภาพ” ที่ว่านี้คือการที่ทีวีสามารถแสดงแสงสีได้นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ มีความคมชัดทั้งคอนเทนต์แบบไฮเดฟและแบบธรรมดา สีดำดำสนิทไม่มีแสงรั่วฟุ้ง เป็นต้น ทดสอบด้วยโหมด Movie ภาพค่าแรกเริ่มถือว่าสวยระดับหนึ่งแล้ว แต่จะติดเรื่องภาพติดแดงนิดหน่อยกับรายละเอียดที่มืดยังไม่กระจ่างมากนัก จัดการ Calibrate ภาพไล่ตั้งแต่ Dynamic Range, White Balance และ Color Management System ให้ค่าแสงสีได้ถูกต้องแม่นยำ เริ่มทดสอบจากหนังอมตะที่ทางเว็บใช้อ้างอิงมาตั้งแค้ปีที่แล้วนั่นก็คือเรื่อง Journey 2: The Mysterious Island ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือทีวี Plasma ตัวนี้ให้ภาพที่ “สว่างสู้แสง” ได้ดีมากเกินมาตรฐานทีวีประเภทเดียวกันกว่าช่วงตัว จากเดิมข้อจำกัดของ Plasma TV ซึ่งเป็นจอกระจกแล้วเจอแสงภายนอกรบกวนแล้วจะทำให้ภาพดร็อปลงไปกว่าครึ่ง จุดที่สองคือเรื่องของ “สีสันที่สดอิ่ม” ตัดกับ “พื้นหลังอันดำสนิท” จึงก่อให้เกิดมิติภาพเชิงลึกที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ฉากคุณพ่อแฮงค์ (The Rock) กำลังหาทางออกจากเมืองแอตเลนติส ใบหน้ามีความเอิบอิ่มเป็นธรรมชาติ สีของใบไม้อันเขียวขจีที่ดูเป็นเขียวที่ “หนักแน่น” สมจริง ไม่มีออกอาการติดโพลนหรือซีดแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะดูในห้องสว่างหรือห้องมืด ในขณะที่ฉากตอนกลางคืนที่คุณพ่อแฮงค์เล่นอูคูเลเล่ขับกล่องสมาชิกผู้ร่วมเดินทางรวมถึงฉากขับเรือดำน้ำเตรียมหนีทะยานออกจากเกาะ สีดำที่ได้มีความมืดสงัดมาก จัดได้ว่าดีกว่ารุ่น E8000 ปี 2012 แบบเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน หรือหากจะให้เทียบกับพวก Plasma TV จอ HD Ready เจ้า F8500 ก็ยิ่งเห็นความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ

ส่วนเรื่อง Avatar ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ไว้ใช้อ้างอิงได้อย่างดี ตัวหนังเป็น 16:9 เต็มจอ ในฉาก “ขี่นก” ทดสอบได้ทั้งสีสันและภาพเคลื่อนไหว ตัวละครอย่างพระเอกเจคของเรา สีผิวสีน้ำเงินอมฟ้าซึ่งความอิ่มของเม็ดสีนั้นส่งให้ตัวละครแลดูมีพลัง จังหวะนกบินโฉบเฉี่ยวก็ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ตัวช่วยเรื่องภาพเคลื่อนไหวอย่าง Motion Judder Canceller ในระดับต่ำๆก็ช่วยหล่อลื่นภาพได้อย่างดีไม่สูญเสียความเป็นธรรมชาติไปจนเกินพอดี (E8000 ปี 2012 ไม่มีฟีเจอร์นี้) บรรยากาศป่าแพนดอร่าช่วงกลางวันทั้งต้นไม้ใบหญ้าและพื้นผิวน้ำสีน้ำเงินก็สร้างความรู้สึก “เบิกบาน” สว่างชุ่มชื่นไปทั้งผืนแผ่นดิน ได้ฟีลอลังการงานสร้าง หากเป็นฉากตอนกลางคืนในป่า รายละเอียดในที่มืดอาจจะยังมีจมไปซักเล็กน้อยบ้างในบางฉาก ส่วนฉากที่โดดเด่นที่สุดคือฉากสีน้ำเงินเงาวับของแมงกะพรุนเรืองแสงตัดกับพื้นหลังสีดำก่อให้เกิดมิติ “ลุ่มลึก” + “โดดเด้ง” ในเวลาเดียวกัน

แล้วลองเปลี่ยนมารับชมหนังแอ็คชั่น Fast & Furious ทั้งภาค 3-4-5 ย้อนรอยหลังจากเพิ่งไปดูภาค 6 มา ผมย้อนดูอีกทีเพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่องว่าตกลง “ฮาน” ตายไม่ตายยังไง ? (อิอิ) ภาพเคลื่อนไหวในฉากที่ฮอบส์ (The Rock อีกแล้ว) ได้จับตัวโดมินิกและไบรอันขึ้นรถหุ้มเกราะเพื่อส่งตัวแต่มาโดนกลุ่มคนร้ายรองยิงปืนถล่ม ฉากต่อสู้ลื่นไหลเนียนตา ฉากยิงกันที่ทีวีสามารถช่วยสื่ออารมณ์จากรายละเอียดบนใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อแถมโชกเลือดซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเคร่งเครียดของทั้งฝั่งพระเอกและฝั่งผู้ร้าย จอใหญ่ขนาด 64″ ขยายขอบเขตการรับชมจากพวกขนาด 50″-55″ ได้มากโข ให้อารมณ์ที่สะเด่าขึ้นเป็นกอง  

ความสว่างที่เตะตา สู้แสงได้ดีไม่แพ้ LED TV ยกระดับให้ Plasma TV สามารถรับชมในห้องนั่งเล่นที่ “ไม่จำเป็น” ต้องคุมแสงได้ 100% เหมือนแต่ก่อน ก้าวพ้นข้อจำกัดเดิมๆ และเป็นข้อได้เปรียบที่สุดของ Samsung PS64F8500 ตัวนี้
สามารถแสดงสีดำได้ดำสนิทกว่าที่เคย ยกเครดิตให้ Super Contrast Panel + Clear Image Panel ที่ช่วยยกระดับความสว่าง บรรจบกับฟิลเตอร์ Real Black Pro ที่ช่วยเสริมแกร่งให้การแสดงสีดำได้อย่างลงตัว
ถึงแม้ “สู้แสง” ได้ดีกว่า Plasma ตัวท็อปของอีกค่าย แต่ทว่า “การแสดงรายละเอียดในที่มืด” ยังเป็นรองอยู่นิดๆ (เรียกว่าสวนกันคนละหมัด)
Avatar ฉากขี่นกกับจอ 64″ ได้ภาพที่ใหญ่อลังก์เต็มเม็ดเต็มหน่วยดี ได้อารมณ์เบิกบานในป่าใหญ่ ระดับความสว่าง (สู้แสง) ดีเยี่ยม
ฉากต่อสู้มันส์หยดติ๋งใน Fast & Furious 5 ดูจอใหญ่ 64″ ในห้องสภาพแสงปกติแบบเปิดม่าน บ่องตงว่าภาพโดยรวม “เหนือกว่า” Plasma TV แทบทุกตัว หากแสงไม่จ้าจริง ไม่มีดร็อปจ้า
ดูการ์ตูนอนิเมชั่น Toy Story 3 ภาพเต็มจอ สีสันสดสวย แถมยังดูสบายตาสไตล์พลาสม่า
เล่นเกมส์กับ Plasma TV 64″ ภาพใหญ่จุใจ สีสวย และที่สำคัญได้ความสบายตา จ้องนานๆก็ไม่รู้สึกล้าสายตา