16 May 2016
Review

รีวิว TCL QUHD TV 55Q7700 อีกขั้นแห่งความคุ้ม


  • lcdtvthailand

ภาพ

ก่อนเจาะลึกเรื่องภาพ มาดูสเป็คของ 55Q7700 แบบพอสังเขปกันก่อน ความละเอียดหน้าจอแบบ 4K Ultra HD 3840 x 2160 พิกเซล มีเทคโนโลยีแทรกเฟรมภาพ Motion Enhancement ส่วนความพิเศษอยู่ที่ความเป็น QUHD TV ตามบัญญัติของ TCL คำว่า QUHD TV คือทีวีที่ดีกว่า 4K Ultra HD ทั่วไปในแง่ของสีสันและแสง ถึงแม้ Q7700 เป็นเป็นรุ่นแรกและรุ่นเริ่มต้นสำหรับ QUHD Series แต่ก็ได้ผนวกเทคโนโลยีบางอย่างเอาไว้ให้แต่เริ่มไม่ว่าจะเป็น WCG : Wide Color Gamut ที่ช่วยขยายขอบเขตการแสดงเฉดสี รวมถึงจอ Black Crystal Panel จอดำเงาแบบ 10 Bit ที่มักพบไม่บ่อยใน LED / LCD TV หรือหากพบ เจ้าจอประเภทนี้ก็มักจะสถิตย์อยู่ในตัวท็อปเสมอ แต่หากเป็นตัวท็อปสุด X1 ที่จะออกวางตลาดในครึ่งหลังของปีนี้ ก็จะผนวกเทคโนโลยีท็อปคลาสอย่างพวก HDR : High Dynamic Range และ Quantum Dot เสริมมาให้ด้วย

การเซ็ตอัพภาพเบื้องต้น 

โหมดภาพสำเร็จรูปมีให้เลือก 5 โหมดได้แก่ Dynamic, Standard, Natural, Movie, Personal ซึ่งโหมดอย่าง Movie พร้อมเลือกให้อุณภูมิสี Color Temperature เป็น Warm จะค่อนข้างใหค่าแสงสีที่เป็นธรรมชาติ แต่อาจจะติดติดอุ่นไปนิดอยู่ราว 5900K ในขณะที่แบบ Cool ก็จะเทไปทางเย็นเกินไปซักหน่อยอยู่ที่ 11000K (มาตรฐานที่อ้างอิงอยู่ที่ 6500K แปลว่าดีที่สุด) ดังนั้นการปรับ White Balance หรือสมดุลแสงขาวอย่างละเอียดจะช่วยให้การแสดงแสงสีมีความถูกต้องขึ้น ต้องปรับ Color Temperature ให้เป็น Customer เสียก่อนถึงจะปรับ White Balance แบบ 2 Point ได้ สัดส่วนภาพหากจะให้แสดงทุกเม็ดพิกเซลออกมาอย่างครบถ้วนไร้การคร็อปภาพด้านข้างให้หายไปจะต้องเลือกสัดส่วนให้เป็น Native แทนที่ 16:9 และให้ปิด Overscan เป็น Off ครับ

Picture ModeCTTGammaLuminanceColor
avgavgfLTemp
Dynamic120862.18126.9Cool
Standard110761.7297.2Normal
Natural112082.17119.1Normal
Movie5946k2.1770.8Warm
Personal (calibrated)69542.2792.3Customer
อุณหภูมิสีของโหมดภาพสำเร็จรูปต่างๆ
ผมใช้โหมด Personal และ Color Temp เป็น Customer ในการปรับค่า White Balance
Picture ModePersonalWhite Balance 
Backlight R-off0
Contrast75G0
Brightness50B-7
Colour R-gain20
Tint G0
Sharpness0B-30
Colour TemperatureCustomerHDMI ModeAuto
  Gamma4
ปรับภาพตามได้เลย ช่องที่เว้นไว้คือให้คงค่าเดิม
ก่อนปรับภาพ ใช้โหมดภาพ Movie และ Color Temp เป็น Warm ค่า White Balance อยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ ถือว่าดีกว่ารุ่นอื่นของ TCL ที่เคยทดสอบทั้งสิ้น
ค่าหลังปรับภาพ = ได้สมดุลที่ดีขึ้น

หลังจากปรับค่า White Balance แบบ 2 Point ก็ให้สมดุลที่ดีและเที่ยงตรงขึ้น ส่วนเรื่องขอบเขตของสี ก็เป็นดั่งที่ TCL เคลมไว้ว่ามีเทคโนโลยี Wide Color Gamut ถือว่ากว้างกว่ามาตรฐาน HDTV ทั่วไปถึงขั้นครอบคลุม 90% ของมาตรฐาน DCI P3 หรือมาตรฐานขอบเขตสีของโรงภาพยนตร์ดิจิตอล (น้องๆมาตรฐาน UHD Premium เลยนะเนี่ย)

เริ่มจากการทดสอบภาพแบบ Full HD 1080 กันก่อน เพราะยังเป็นคอนเทนต์หลักที่สุดใน พ.ศ นี้อยู่ดี โดยใช้หนัง 3 เรื่องได้แก่ Jurassic World, The Revenant และ Life of Pi เรื่องสีสันต้องยอมรับมีความสดอิ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิมไม่ว่าจะเป็น S3800 (Full HD) หรือ E5800 (4K) แลอิ่มฉ่ำและวาวน้ำ ทำได้ดีกว่าจอดำด้านมาสเต็ปหนึ่ง เรื่องสีผิวของตัวละคร หากใช้โหมด Movie ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติใกล้เคียงความเป็นจริงแต่อาจจะติดโทนอุ่นเกินไปบ้างเล็กน้อย ส่วนความใสอยู่ระดับดีปานกลาง แต่โชคดียังได้ระดับความดำเงาของจอ Black Crystal Panel มาช่วยเสริมความอิ่มน้ำอีกต่อหนึ่ง

ส่วนฉากเคลื่อนไหวเร็วๆอย่างฉากที่เจ้าไดโนเสาร์อินโดมินัส เร็กซ์หนีออกจากกรงและไล่งับกลุ่มพระเอก ก็ทำได้ลื่นอยู่ในเกณฑ์เป็นธรรมชาติน่าพอใจ คือไม่ได้ลื่นปรื๊ดแบบไร้ข้อตำหนิ แต่ก็แทบไร้การสะดุดแบบโจ๋งครึ่มจนต้องจับผิด ฟีเจอร์ที่แถมมาอย่าง Motion Enhancement หรือการแทรกเฟรมภาพ ซึงมี 3 ระดับคือ Low / Middle / High นี่แทบไม่จำเป็นต้องใช้เลย หากใช้จะเกิดอาการ “วุ้นเรืองแสง” แทบทุกระดับกับแพทเทิร์นทดสอบ อย่างไรก็ตามระดับ Low ก็ถือว่าพอใช้ได้จริงเมื่อทดสอบกับเรื่อง Edge of Tomorrow ให้ความไหลลื่นที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีวุ้นเรืองๆมารบกวนมากนัก ฉะนั้นสำหรับ Motion Enhancement จะปิดก็ดีหรือหากเปิดก็แนะนำระดับ Low ก็เพียงพอ ส่วนฟีเจอร์พวก MPEG Noise Reduction อาจจะมีใช้ได้บ้าง เพราะ Q7700 จะค่อนข้างเซนซีทีฟต่อคอนเทนต์ที่พก Noise มาเยอะ จึงสามารถเปิดฟีเจอร์นี้เพื่อช่วยลด Noise จากแหล่งสัญญาณได้ ภาพจะแลดูสะอาดตาขึ้นอย่างเห็นผล แต่หากคอนเทนต์นั้นมีความใสสะอาดอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเปิดแต่อย่างใด

การเกลี่ยสีทำได้ดีขึ้น แต่ก็ยังมิได้เนียนเรียบขนาดรุ่นสูงๆของค่ายดัง อย่างไรก็ตามส่วนที่ผมชอบคือระดับแสงและสีมีความสมดุลตรงที่ความอิ่มฉ่ำนั้นทำได้ดี มีกลิ่นอายความเป็นทีวีไฮเอ็นด์สูง มิได้ดูรุกเร้าจนเกินไป ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดอาการเครียดเวลารับชม ไมว่าจะห้องมืดหรือห้องสว่างก็สามารถรับชม QUHD TV ตัวนี้ได้อย่าง “สบายตา” และ “สบายใจ”

ส่วนการทดสอบคอนเทนต์สาธิตแบบ 4K ก็ให้ภาพไปในทิศทางเดียวกับภาพ Full HD 1080 แต่รายละเอียดและความเนียนของภาพก็จะดีขึ้นตามคุณภาพของแหล่งสัญญาณ ซึ่งช่วงเริ่มต้น Q3 ของปีนี้ก็น่าจะเริ่มมีแผ่น 4K Blu-ray Player และ 4K Blu-ray Disc วางขายแบบจริงจังในบ้านเราเสียที

ระดับสีและแสงในกรณีปรับระดับความสว่างของ Backlight ให้เหมาะสม มีความอิ่มตัวแบบสุภาพ มิได้รุกเร้าเข้าหาให้ปวดสายตา
ทดสอบภาพเคลื่อนไหวกับฉาก Oscar Winner ที่พระเอก ลีโอนาโด้ ดิ คาปริโอ้ ฟัดกับหมีกริซลีอย่างอีรุงตุงนัง สรุปให้ปิด Motion Enhancement ทิ้งให้หมดภาพจะดีที่สุด
Life of Pi สีผิวอยู่ในเกณฑ์เป็นธรรมชาติในโหมดภาพอย่าง Movie
Toy Story 3 สีสัน สดกว่า รุ่นเดิมๆอย่าง S3800 / E5800 ส่วนการเกลี่ยสีให้เนียนกริ๊บยังไม่ถึงขั้นซีรีส์สูงๆของค่ายอื่น
ดิจิตอลทีวีช่อง HD ทำได้ดีสดใส

สรุปได้ว่าคุณภาพของภาพของ QUHD TV ตัวนี้อยู่ในเกณฑ์สอดคล้องไปกับระดับราคา มิได้ดีสุดโต่ง แต่ก็มีจุดเด่นหลายข้อที่ฉีกหนี LED TV ทั่วไป ซึ่งเป็นประโยชน์กับการรับชมจริงอย่างมากเสียด้วย ข้อจำกัดทั้งหลายก็ขอแนะนำให้ปรับแต่งภาพตามสูตรสำเร็จที่ให้ไป ภาพที่ได้ก็จะเป็นธรรมชาติขึ้น เหมาะสมกับการรับชมทุกสภาพแวดล้อม ศักยภาพด้านบวกก็จะถูกขับออกมาสร้างความสุขให้กับผู้รับชมได้อย่างสูงสุด 

เสียง

ระบบเสียงของ QUHD TV มีกำลังขับ 8+8 Watts มีระบบ Bass Enhancement ช่วยยกระดับเสียงเบสให้หนักแน่นขึ้น มีโหมดเสียงสำเร็จรูปหลากรูปแบบให้เลือกแมตช์ชิ่งกับประเภทคอนเทนต์ที่รับชมอยู่เช่น Music เอาไว้ฟังเพลงดูคอนเสิร์ต หรือ Clear Voice ที่จะช่วยบูสท์ระดับเสียงกลางซึ่งเป็นย่านเสียงของบทสนทนาให้มีความชัดเจนขึ้น เหมาะกับพวกรายการข่าว ทดสอบคุณภาพเสียงด้วยแผ่นคอนเสิร์ตของวง Take That เพลง Rule The World เพียงแค่เสียงร้องเริ่มต้น You light.. the skies…up above me ก็บ่งบอกว่า QUHD TV ตัวนี้มีน้ำหนักเสียงที่ดีกว่า 55S3800 (2015) อย่างชัดเจน เล่นเอาเสียงของ S3800 บางและจัดไปเลย อย่างไรก็ตามคุณภาพเสียงโดยรวมจัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ถึงแม้น้ำหนักเสียงจะดีขึ้น แต่ความคลียร์ก็ยังไม่ถึงขั้นระดับใสปิ๊งกิงก่องแก้ว อยู่ในระดับดูทีวี ดูหนัง HD ทั่วไปได้แบบปกติ ผมเองทดลองมารับชมพวกรายการข่าวช่อง One HD ก็ถือว่าเสียงผู้ดำเนินรายการอย่างคุณภาคภูมิ ก็ยังฟังชัดถ้อยชัดคำดี สรุปว่าคุณภาพอยู่ในระดับ LED TV ทั่วไป จึงไม่มีอะไรให้ชมหรือติเป็นพิเศษ

ส่วนที่พิเศษจริงคือฟีเจอร์ Bluetooth ซึ่งสามารถเชื่อมต่อให้ทีวีส่งสัญญาณเสียงแบบไร้สายไปยังลำโพง Soundbar หรือหูฟังที่มี Bluetooth ได้ วิธีการเชื่อมต่อ Pairing ก็ให้ไปที่เมนูหัวข้อ Setting และให้เลือก Bluetooth หลังจากนั้นก็เลือกชื่ออุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อก็เสร็จสิ้น ผมทดสอบกับลำโพง Soundbar ของ Klipsch รุ่น R10 ดูหนังมันส์ขึ้นเป็นกอง 

โหมดเสียงสำเร็จรูป Standard / Music / Movie / Clear Voice / Personal