ฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆ
ตัวทีวีใช้ระบบปฏิบัติการเป็น Android TV เวอร์ชั่น 10.0 จึงมีข้อได้เปรียบในเรื่องของแอปพลิเคชั่นที่มีมากกว่าระบบปฏิบัติการอื่นอยู่พอสมควร โดยมีแอปพลิเคชั่นกว่า 7,000 แอปฯ เลยทีเดียว ซึ่งก็มีแอปฯ ยอดนิยมอย่าง Netflix, YouTube, Disney+ hotstar, Amazon Prime, HBO Go และแอปฯ อื่นๆ ของบ้านเราอย่าง Line TV และ True ID เป็นต้น นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานคำสั่งเสียงกับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant และการ Cast วีดีโออย่าง Chrome Cast Built-In ด้วย
YouTube แอปพลิเคชั่นรับชมวีดีโอ รายการ หรือเพลงต่างๆ ยอดฮิตของคนไทย รองรับการแสดงผลที่ความละเอียด 4K HDR ได้อย่างไหลลื่น
Netflix แอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งยอดนิยมอันดับหนึ่งก็รองรับภาพและเสียงขั้นสูงสุดทั้งความละเอียดแบบ 4K, HDR ขั้นสูงสุดอย่าง Dolby Vision และระบบเสียง Dolby Atmos ที่สามารถรับฟังผ่านลำโพงของตัวทีวีได้เลย
Apple TV แหล่ง ซื้อ-เช่า หนังระดับ Box Office แบบขายขาด ที่ควบรวมกับบริการสตรีมมิ่งแบบรายเดือนอย่าง Apple TV+ ไว้ในนี้แอปฯ เดียวก็รองรับทั้งภาพความละเอียดแบบ 4K Dolby Vision ส่วนระบบเสียง Dolby Atmos จะรับฟังได้เฉพาะการเชื่อมต่อกับเครื่องเสียงภายนอกที่รองรับเท่านั้น ไม่สามารถรับฟังผ่านตัวทีวีได้
Disney + hotstar แอปฯ รวมภาพยนตร์และซีรีส์จากทาง Disney, Marvel, Star war, 20th Fox, National Geographic และอื่นๆ รองรับการแสดงผลภาพสูงสุดที่ 4K Dolby Vision และระบบเสียงแบบ 5.1
Google Assistant หรือฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงก็รองรับการใช้งานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผ่านทางรีโมทคอนโทรล หรือจะสั่งงานโดยตรงที่ตัวทีวีผ่านไมค์ที่ถูกติดตั้งไว้หน้าตัวเครื่องก็ได้เช่นกัน แต่สำหรับการสั่งงานโดยตรงเข้าที่ตัวเครื่องจากการทดสอบจะรองรับเฉพาะการใช้งานเมนูตัวเครื่องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น สามารถสั่งงานควบคุมตัวทีวี เช่น “เปลี่ยนเป็น HDMI In 3” , “เล่นเพลง Black pink บน YouTube” , “เพิ่มความดังเสียง” หรือจะเป็นการหาข้อมูล เช่น “ราคาบิทคอยน์วันนี้เป็นยังไง” ตัวทีวีก็สามารถหาข้อมูลมาแสดงผลให้เราได้
ในเรื่องของการใช้งานระบบ Smart TV รวมถึงควบคุมต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล ตอบสนองคำสั่งจากการกดปุ่มรีโมทได้อย่างรวดเร็วทันใจมาก แต่ถ้าหากบางครั้งเราใช้ไปนานๆ รู้สึกเครื่องทำงานได้ช้าลงก็สามารถเข้าไปใช้ฟีเจอร์ Clear Cache เพื่อปิดการทำงานของระบบเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งจะทำให้เครื่องของเรากลับมาใช้งานได้อย่างลื่นไหลอีกครั้งนั่นเอง โดย เข้าไปที่ Settings – Advanced System – Clear Cache จากนั้นกดปุ่ม Start แล้วปล่อยให้ระบบทำงานสักครู่ กดปุ่ม OK เป็นอันเสร็จสิ้น