แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Beer625

หน้า: 1 ... 988 989 [990] 991 992 ... 998
17803



และร่วมกันนำองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงสาธารณะ และเชิงพาณิชย์ ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยีและส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการดำเนินงานในการวิจัยพัฒนาและส่งเสริมในเรื่องของกัญชงมาอย่างต่อเนื่อง


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วิจัยและพัฒนากัญชง (Hemp) เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน ผลการวิจัยและพัฒนา ทำให้จากอดีตที่แม้แต่การใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาและวิถีของชนเผ่าม้ง เพื่อทำเครื่องนุ่งห่มและใช้สอยในครัวเรือนนั้น ยังผิดกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มีข้อมูลและองค์ความรู้ที่นำมาสู่แก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ  

โดยอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน และผลการวิจัยและพัฒนาจำนวนไม่น้อย นับจากปีพ.ศ. 2549-จนถึงปัจจุบัน กว่า 15 ปี เริ่มจากการพัฒนาพันธุ์เพื่อให้มีสารเสพติดต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด การพัฒนาวิธีการเพาะปลูก การแก้กฎหมาย และสร้างการตลาด เพื่อให้สามารถปลูกเป็นอาชีพได้จริง ในช่วงแรกๆ มุ่งการใช้ประโยชน์จากเส้นใยสำหรับในครัวเรือน ต่อมาขยายการศึกษาวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จากแกน ลำต้น เมล็ด และเส้นใยในเชิงอุตสาหกรรม และนำไปสู่การศึกษาวิจัยที่มุ่งการใช้ประโยชน์ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งเส้นใย เมล็ด และช่อดอก สำหรับอาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ ในขณะนี้ โดยมีผลงานที่สำคัญคือ

ระยะที่ 1 ปี พ.ศ.2549-2554 ปรับปรุงและขึ้นทะเบียนพันธุ์ 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีปริมาณ THC ต่ำกว่า 0.3% คือ RPF1, RPF2, RPF3 และ RPF4 ควบคู่กับวิจัยและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสม ได้แก่ ระยะปลูก ช่วงเวลาปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระบบการปลูกเฮมพ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด และนำข้อมูลไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง (2552-2556) แผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2553-2557) และแผนปฏิบัติการพื้นที่นำร่องส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่น่าน เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์


ระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2555-2559 สวพส. ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ วิจัยและพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ได้แก่ กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายให้สามารถปลูกเฮมพ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พัฒนาระบบควบคุมการปลูกที่เหมาะสม และสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Institute of Small and Medium Enterprises Development, ISMED) กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนิน “โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเฮมพ์อย่างสร้างสรรค์แบบครบวงจร” เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากส่วนต่างๆ ของกัญชงที่เชื่อมโยงสู่ภาคปฏิบัติในโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และ สวพส. ได้ศึกษาวิจัยต่อเนื่อง ในด้านการศึกษาระบบส่งเสริมการปลูกภายใต้ระบบควบคุม ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด

การพัฒนาระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ภายใต้ระบบควบคุม การพัฒนาชุดตรวจปริมาณ THC ภาคสนาม (THC test kit) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยเฮมพ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง การวิจัยและพัฒนาต้นแบบอาหารสุขภาพจากเมล็ดเฮมพ์ เช่น น้ำมันในแคปซูล และโปรตีนอัดเม็ด ซึ่งพบว่าเมล็ดกัญชงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4 พันธุ์ มีน้ำมัน 28.06-29.62 % และเมื่อสกัดด้วยวิธีการบีบเย็นจะได้ผลผลิตน้ำมัน 22.29% ซึ่งมีกรดไขมันได้แก่โอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 เท่ากับ 20.91, 58.23, 9.74 กรัมต่อน้ำมันเฮมพ์ 100 กรัม และมีโปรตีนที่ในกากเมล็ดเฮมพ์ 33.25 % 


ระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2560-ปัจจุบัน มุ่งศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะปลูก ในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ประโยชน์ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ และเอกชน เพื่อขยายผลและผลักดันเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยตามนโยบายรัฐบาล ทั้งด้านเส้นใย อาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ เช่น ร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก และกรมพลาธิการทหารบก วิจัยและพัฒนาเครื่องแต่งกายทหารจากเส้นใยเฮมพ์ 3 ชนิด คือ ชุดพราง เสื้อยืด และถุงเท้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ พัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณ THC อย่างง่าย (THC strip test) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการส่งตัวอย่างตรวจในห้องปฏิบัติการ ประมาณ 15-25 เท่า รวมทั้งการถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้ให้กับเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน ผ่านการจัดฝึกอบรม สัมมนา ศึกษา ดูงาน ผลงานทางวิชาการ เอกสาร และคู่มือต่างๆ

ข้อจำกัดที่สำคัญของการสนับสนุนให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยคือ ข้อมูล พันธุ์ และ การเตรียมการด้านการตลาด ซึ่งกฎหมายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลการวิจัยที่เน้นใช้ประโยชน์จากเส้นใยเป็นหลัก จึงยังไม่สมบูรณ์มากพอสำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ซึ่งความสนใจปลูกขณะนี้ส่วนใหญ่มุ่งใช้ประโยชน์จาก CBD และเมล็ด และข้อจำกัดที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง คือเมล็ดพันธุ์ที่ยังผลิตได้ปริมาณน้อยมากสำหรับปี พ.ศ.2564 นี้ 

เพราะมีการผลิตจำนวนน้อยเพื่อใช้ในงานวิจัย ไม่สอดคล้องกับความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน ทั้งนี้จะสามารถการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พอเพียงได้เร็วที่สุด คือในปี พ.ศ.2565 การใช้ข้อมูลและเมล็ดพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศอาจจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องทำอย่างรอบครอบ โดยมีการศึกษาทดลองก่อนนำมาใช้อย่างจริงจัง

17804



ความไม่แน่นอนของดิน ฟ้า อากาศ ส่งผลให้เกษตรกรของไทยเสียโอกาสที่จะได้ผลผลิตแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย  รวมถึงผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าจากแรงงานที่ลงทุน และยังส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยติดกับดักอยู่กับการทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม ซึ่งการแก้ปัญหาความไม่แน่นอนหลาย ๆ ด้านที่เกษตรกรต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านฤดูกาล ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน หรือการใช้สารเคมีในภาคการเกษตรจะทำให้เกษตรกรมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


วันนี้ "เอ็นไอเอ" ได้จุดประกายความว้าวจาก 3 สตาร์ทอัพ ผู้พัฒนา “ดีพเทค” ด้านเกษตรกรรมที่สามารถช่วยพี่น้องเกษตรกรให้รอดพ้นจากสภาพปัญหาความไม่แน่นอน พร้อมเปิดมิติใหม่ทางนวัตกรรมที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมหลักของประเทศก้าวไปสู่ทิศทางที่ดียิ่งขึ้น โดยเริ่มกันที่ ดร.มหิศร ว่องผาติ ประธานกรรมการ บริษัท เอชจี โรโบติกส์ จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการระบบวิเคราะห์การเจริญเติบโตของอ้อยด้วยโดรนแบบ TAILSITTER เล่าว่า จากปัญหาผลผลิตตกต่ำของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่พบว่า ในแต่ละปีเกษตรกรได้ผลผลิตจากการปลูกอ้อยต่ำมาก ทำให้ผลตอบแทนที่ได้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยพบว่าปัญหาที่ส่งผลให้ผลผลิตในแต่ละปีต่ำกว่าที่ควรจะเป็น คือเกษตรกรวางแผนการตัดอ้อยในระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมทำให้ค่าน้ำตาลในต้นอ้อยต่ำกว่าค่ามาตรฐาน

จนเกษตรกรขายอ้อยได้ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน รวมไปถึงการที่เกษตรกรไม่สามารถตรวจสอบจุดที่อ้อยล้มและไม่เจริญเติบโตได้ เนื่องจากการปลูกอ้อยแต่ละครั้งจะปลูกเป็นจำนวนหลายไร่ การใช้แรงงานคนในการตรวจสอบไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้แต่ละปีเกษตรกรไร่อ้อยได้รับผลผลิตไม่มากพอ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาที่เกษตรกรกำลังเผชิญ ทางบริษัทจึงได้ทำระบบการวิเคราะห์การเจริญเติบโตของอ้อยด้วยอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน เพื่อตรวจสอบปัญหาที่เกษตรไม่สามารถทำได้ด้วยตาเปล่า

 โดยการทำงานของระบบจะใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายโดยโดรน ซึ่งมีความละเอียดสูงทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ส่งผลให้อ้อยเจริญเติบโตได้ไม่ดีพอ รวมไปถึงตรวจหาบริเวณที่อ้อยล้มหรือไม่เจริญเติบโตเพื่อทำการปลูกทดแทน โดยปกติเกษตรกรจะไม่สามารถมองได้จากระดับสายตา เนื่องจากอ้อยที่โตแล้วจะสูงถึง 2-3 เมตร ดังนั้นการใช้ภาพถ่ายมุมสูงจากโดรนจึงสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างดี ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้มีการทดลองใช้ระบบนี้ในพื้นที่จ.อุทัยธานี และจ.ขอนแก่น โดยมีพื้นที่ที่ใช้บริการเฉลี่ยแล้วกว่า 50,000 ไร่ และพบว่าเกษตรกรสามารถส่งอ้อยไปขายได้ราคาดีมากยิ่งขึ้น  โดยบริษัทคาดหวังว่าระบบนี้จะช่วยให้เกษตรกรรมเพาะปลูกอ้อยมีความแม่นยำ สามารถช่วยเพิ่มปริมาณของผลผลิตต่อพื้นที่ รวมไปถึงสามารถกะระยะเวลาในการตัดอ้อยได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยในประเทศไทยได้ดีมากยิ่งขึ้น


ต่อกันที่ นางสาวรัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์ ประธานกรรมการบริษัท  บริษัท ลิสเซินฟิลด์ จำกัด ผู้ริเริ่มระบบบริหารจัดการการเพาะปลูกข้าวแบบรวมกลุ่มด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีและภาพถ่ายจากดาวเทียม กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของโครงการมาจากปัญหาของเกษตรกรที่ปลูกข้าวและมักจะได้ผลผลิตต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งจากการเก็บข้อมูลทำให้เราพบว่า สภาพดินเป็นตัวแปรหลักในการสร้างผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นทางบริษัทจึงได้มีการวางแผนตรวจสอบสภาพดินผ่านระบบฟาร์ม AI ให้แก่เกษตรกรที่ทำนาข้าว โดยการเก็บตัวอย่างดินและนำมาวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีเชิงลึก เพื่อหาว่าดินในที่นาแต่ละแปลงของเกษตรกรจะต้องปรุงดินอย่างไรให้เหมาะสม นอกจากการตรวจสภาพดินแล้ว ทางบริษัทได้มีการเก็บบันทึกข้อมูลพร้อมทั้งจัดทำโมเดล เพื่อทำการวิเคราะห์และพยากรณ์สภาพอากาศ ประเมินประสิทธิภาพการเจริญเติบโตแบบอัตโนมัติ วิเคราะห์ข้อมูลกรณีฝนทิ้งช่วงและปริมาณน้ำในดินจากน้ำฝน รวมไปถึงมีระบบการเตือนอัตโนมัติในพื้นที่ที่การเจริญเติบโตต่ำด้วยระบบ AI ซึ่งเทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้นช่วยให้เกษตรมีข้อมูลมากพอสำหรับนำไปวางแผนเพราะปลูกข้าวได้อย่างเหมาะสมมากกว่าการคาดคะเนจากประสบการณ์ของตัวเกษตรกรเอง   


โดยปัจจุบันได้มีการทดลองใช้ระบบนี้กับเกษตรกรที่ปลูกข้าวในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีที่นาเข้าร่วมการทดสอบประมาณ 200 ไร่ มีทั้งเกษตรกรที่ทำนาข้าวแบบดั้งเดิม และเกษตรกรที่ทำนาข้าวแบบอินทรีย์  เป้าหมายหลักในการทำโครงการครั้งนี้ทางบริษัทคาดหวังว่าจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกระบวนการทำนาข้าวให้แก่เกษตรกร ตั้งแต่การเริ่มต้นปลูกข้าวไปจนถึงการหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมไปถึงการลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการเกษตรกรรมไม่ว่าจะเป็นการซื้อปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ข้าว สารเคมี ให้ได้ประมาณ 20 % จากรายจ่ายเดิมที่เกษตรกรต้องจ่าย สำหรับช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลนั้น ผู้เพาะปลูกสามารถเข้าถึงได้ทางแอปพลิเคชันฟาร์มเอไอ-เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ นอกจากนี้ระบบยังมีการเก็บและรายงานข้อมูลผ่านบน Web Dashboard สำหรับให้วิสาหกิจชุมชน กลุ่มสหกรณ์ เกษตรจังหวัดได้เข้าไปไปใช้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการปลูกข้าวเพื่อนำไปวางแผนในการเพิ่มผลผลิตและมูลค่าให้แก่เกษตรกรผู้ทำนาข้าวต่อไป


ปิดท้ายกันที่บริษัทสตาร์ทอัพ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ใบไม้-รีคัลท์ แอปพลิเคชันที่จะช่วยเกษตรกรจัดการกระบวนการเพาะปลูกอย่างครบวงจร โดยนายอุกฤษ อุณหเลขกะ กรรมการผู้จัดการบริษัท รีคัลท์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตนเองและทีมต้องการเห็นเกษตรกรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะจากการหาข้อมูลก่อนที่จะเริ่มทำสตาร์ทอัพ พบว่ามูลค่าการเกษตรในประเทศไทยสูงมาก และประเทศไทยมีคนประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากกว่า 40% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ทำไมเกษตรกรยังคงมีรายได้ต่ำกว่าอาชีพอื่น ๆ ดังนั้นตนจึงอยากยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรด้วยเทคโนโลยีเหมือนในต่างประเทศ

โดยทางบริษัทจึงเริ่มต้นเก็บข้อมูล และศึกษาปัญหาที่เกษตรกรไทยจะต้องเผชิญทุกปี ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาสภาพอากาศเป็นตัวแปรสำคัญในการทำเกษตรกรรม รวมไปถึงช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลด้านการเกษตรที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ใบไม้-รีคัลท์ ขึ้นมา เพื่อช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูกตั้งแต่ต้นทาง โดยเริ่มจากการเช็คปริมาณฝนซึ่งแอปฯสามารถคำนวณได้ล่วงหน้านานกว่า 9 เดือน  การวิเคราะห์ปัญหาที่เกษตรกรจะต้องเผชิญในแต่ละช่วงฤดู ไปจนถึงกระบวนการเก็บเกี่ยวและขายสินค้าทางการเกษตร โดยเกษตรกรสามารถบริหารจัดการกระบวนการทำการเกษตรผ่านแอปพลิคชันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย  


นายอุกฤษ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้ามาใช้บริการแอปพลิคชันมากกว่า 4 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ทำพืชไร่ เช่น นาข้าว ไร่อ้อย มันสำปะหลัง และจากการติดตามผลพบว่าระบบสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้มากขึ้นกว่า 30 % นอกจากนี้ระบบยังมีการเก็บข้อมูลของเกษตรกร และเชื่อมโยงข้อมูลกับโรงงานอุตสาหกรรม หรือธนาคาร เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างถูกกฎหมาย เกษตรกรไม่ต้องอาศัยการกู้เงินนอกระบบเพื่อมาลงทุน นอกจากนี้ ในอนาคตยังจะมีการขยายบริการด้านการเกษตรให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อปุ๋ยผ่านแอปพลิเคชัน การเรียกใช้งานโดรนฉีดพ่น และช่องทางการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบอีคอมเมิร์ซได้ด้วย

17805
รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอลการ์ดราคาส่ง
ราคาถูก ราคาเบา ราคาโรงงาน
มีเลขที่จดแจ้ง ได้มาตรฐาน 
ราคาเริ่มต้น 15 บาท/ชิ้น
สนใจติดต่อ  https://lin.ee/nXGuYwR
โทร. 0863754112

17806
Boom Gluta กลูต้า ที่โดมเลือก


ดีและปลอดภัยกลูต้าช็อต ช็อตเดียวรู้เรื่อง!!!

ดำกรรมพันธุ์ ผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระ อยากเปลี่ยนลุงป้าเป็นหนุ่มสาวน่ารัก
กลูต้าช๊อต เพียงกล่องเดียว รู้เรื่อง!!!...ดีกว่ากลูกต้าทั่วไป 215 เท่า

ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ21ชนิด ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมนาโนฟา อินฟาเรด เหรียญเงินระดับนานาชาติ

แค่เทใส่ปาก ละลายและดูดซึมทันที พกพาง่ายไม่ต้องชง!!
1 กล่อง 590 จากปกติ 890.- .
เลขที่จดทะเบียน 1311585950607

 Boom Gluta Shots จึงเป็นที่มาของการแก้ปัญหาด้วยการปกป้องจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Boom Gluta Shots" มีส่วนประกอบสำคัญ FIR Glutathione Complex สุดยอดอาหารผิวแห่งปี ที่ได้รับรางวัลจากงาน “Seoul International Invention Fair 2020” ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ผิวขาวกว่ากลูตาทั่วไปถึง 250% .

รับตัวแทนจำหน่าย/สมาชิก รับสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์มูลค่า 7,990 บาท ฟรี

สนใจติดต่อ
โทร. 0846623662

id line : teerapat999

รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99-gluta.salepage365.com/




17807



ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกหน้าหวาน มิน พีชญา วัฒนามนตรี ที่ก่อนหน้านี้ลงครัวทำอาหารไปมอบให้กับคนงานที่แคมป์ก่อสร้างต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร

แต่ล่าสุดนางเอกคนดังก็ครีเอทไอเดียเจ๋งช่วยประชาชนที่เดือดร้อนกับพิษโควิด-19 แบบคูณสอง กับการเหมาอาหาร ขนมและเครื่องดื่มจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้เดือดร้อนจากโรคระบาดดังกล่าวได้กินฟรีรอบกรุงฯค่ะ

“กับโครงการนี้จริงๆ มินได้มีโอกาสทำมาพักนึงแล้วค่ะ คือตอนแรกอย่างที่ทุกคนได้เห็นว่ามินทำอาหารแจกพี่ๆ น้องๆ ที่แคมป์คนงาน แต่ตอนนี้เราก็ลองปรับมาดูว่าเราสามารถช่วยอะไรได้มากกว่านั้นไหม


มินเลยลองเปลี่ยนจากการทำอาหารเองมาเป็นการซื้ออาหาร ไปเหมาอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้ดีกว่า แล้วมินก็เอาของที่ซื้อมาแจกจ่ายให้กับพี่ๆ น้องๆ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิดแทน

ถือว่าเราได้ช่วยคนแบบสองต่อเลยค่ะ เพราะบางร้านค้าขายของไม่ได้เลย บางร้านก็ขายได้แต่ก็ไม่พอค่าเช่าที่ แถมพ่อค้าแม่ค้าบางคนยังมีลูกเล็กๆ ที่ต้องเลี้ยงดูอีก

คือเราเห็นแล้วก็สงสารพ่อค้าแม่ค้าทุกคนค่ะ เราเลยมาช่วยตรงจุดนี้ เพราะพอเราซื้อของเค้า เหมาของเค้าพ่อค้าแม่ค้าเองก็ยิ้มได้ มีเงินกินเงินใช้เลี้ยงดูครอบครัว

มินเห็นเค้ามีความสุขเราเองก็ดีใจ ส่วนคนที่มารับของที่เราซื้อไว้ทุกคนก็ยิ้มได้ ได้กินของอร่อย ได้ยินแค่คำขอบคุณเราเองก็ปลื้มใจเช่นกันค่ะ


เพราะเรารู้ว่าตอนนี้พี่ๆ น้องๆ บางคนก็ตกงาน บางคนทำงานเป็นรายวัน ตอนนี้โรงงานปิดก็ขาดรายได้ บางคนก็โดนลดเงินเดือน เราก็ถือว่าเราได้ช่วยให้เค้ามีความสุข ได้อิ่มท้องในแต่ละวัน

เราเองก็มีความสุขมากแล้วค่ะ เพราะถ้าทุกคนมีข้าวกินในแต่ละวัน ทุกคนก็จะมีแรงต่อสู้กับปัญหาที่จะเข้ามาและมินก็คิดว่าจะทำโครงการดีๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ” 

17808
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ https://web.facebook.com/[^_^]taywa
เวปไซด์ http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  

17809
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valai[^_^]25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 


17810



เมื่อ 'วิกฤติโควิด' กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข

วิกฤติโควิด กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ทั้ง

- กรณี 'ประกายฟ้า หรือ ฟ้า' ยูทูปเบอร์ชื่อดัง กระโดดลานจอดรถ เสียชีวิต

- ตำรวจติดโควิด ผูกคอตายเสียชีวิต 

- ลูกป่วยโควิดตาย พ่อกระโดดตึกตายตาม


จากข่าวคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ สะท้อนความเครียดที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในยุคโควิด ความกังวลดังกล่าวสอดคล้องกับกรมสุขภาพจิต ที่ออกมาเตือนว่าโควิด 19 กำลังทำให้คนคิดสั้นมากขึ้น

การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนฆ่าตัวตายในสถานการณ์โควิดเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่การระบาดรุนแรง เช่นในญี่ปุ่น ปีก่อนพบว่าอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงสุดในรอบ 11 ปี จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงร่วมกับสถาบันผู้สูงอายุในโตเกียว พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายช่วง ก.ค. ถึง ต.ค. 2563 เพิ่มขึ้นถึง 16 % จากช่วงเดียวกันของปี 2562

หรือในเกาหลีใต้ ที่สถานการณ์โควิดทำให้อัตราการฆ่าตัวตาย และซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ข้อมูลจากศูนย์สุขภาพจิต ประเทศเกาหลีใต้ พบว่า จำนวนประชาชนปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นถึง 20% จากปี 2562 

สำหรับประเทศไทยนับจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 หรือต้มยำกุ้ง อัตราการฆ่าตัวตายก็ลดลงมาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบัน จากปัญหาโควิด ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนโควิด สถิติคนไทยฆ่าตัวตายอยู่ที่ประมาณ 6-7 คนต่อประชากร 1 แสนคน/ปี เช่น

- ปี 2560 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6 คน

- ปี 2561 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6-6.5 คน 

- ปี 2562 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6.36-6.6 คน แต่นับจากมีโควิด สถิติก็เพิ่มขึ้น

- ปี 2563 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 7.37 คน สูงขึ้นจากปี 2562 ราว 10% - ขณะที่ใน 5 เดือนแรกของปี 2564 สถิติใกล้เคียงกับทั้งปีของปีก่อน

ตราบใดที่การระบาดยังเพิ่ม มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากขึ้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น ก็เสี่ยงทำให้คนเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปดูตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง สถิติฆ่าตัวตายอยู่ที่ 8 คนต่อ 1 แสนคน วิกฤติโควิดคราวนี้กำลังพาสังคมไทยกลับไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ อาจแบ่งความเครียดหลักๆ ได้จาก 2 สาเหตุ

สาเหตุแรก ความเครียดจากโรคภัย ทั้งกลัวติด กลัวตาย ความเครียดที่ติดโควิดแล้วต้องรอเตียงอย่างไม่รู้อนาคต หาเตียงไม่ได้ ความเครียดจากกลัวแพร่โรคให้คนในครอบครัว ความเครียดจากการต้องอยู่คนเดียวระหว่างรอเตียงหรือทำการรักษา นำไปสู่ความสิ้นหวังและขาดกำลังใจ

สาเหตุที่สอง ความเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งตกงาน ถูกลดชั่วโมงทำงาน สถานประกอบการถูกปิดทั้งจากพิษเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาของรัฐ ทำให้รายได้ลดลง ผู้นำครอบครัวขาดความสามารถดูแลครอบครัว รู้สึกหมดหวัง สูญเสียคุณค่าในตัวเอง 

ตัวอย่างผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น ล่าสุดสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ระบุว่า โควิด 19 เสี่ยงทำให้ 1 ใน 4 ของแรงงานภาคท่องเที่ยวตกงาน หรือคิดเป็นจำนวนมากถึง 4 ล้านคน โดยหวั่นว่า แรงงานกลุ่มนี้จะเครียดและฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของไทยเมื่อปีก่อน ที่พบว่า กลุ่มอาชีพพนักงานและคนว่างงานมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจกำลังทำให้คนคิดสั้นเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ มีข้อควรระวังอีก 2 ประการ กล่าวคือ 

ประการแรก พบว่าความเครียดหรือวิตกกังวลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องปฏิบัติงานอย่างหนักภายใต้ความเครียด มาเป็นระยะเวลานาน 

ประการที่สอง จากประสบการณ์รับมือการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในอดีตพบว่า ความเครียดหรือวิตกกังวลก่อผลกระทบ ทิ้งร่องรอยยาวนานแม้การแพร่ระบาดจบลงแล้ว โดยเกิดขึ้นทั้งในคนธรรมดา และบุคลากรด้านสาธารณสุข

เรียกว่าวิกฤติโควิด ในทางตรง ทำให้คนเจ็บป่วยทางกาย ในทางอ้อม ยังส่งผลให้คนเจ็บป่วยทางใจด้วย โดยความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นได้ ในทุกชนชั้นรายได้ วัย อาชีพ ไม่เลือกว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ 

จากสถานการณ์โควิดที่รุนแรงขึ้น ยังไม่เห็นปลายทางของวิกฤต ผลกระทบจากปัญหาสุขภาพและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เสี่ยงทำให้คนไทยเครียดและคิดสั้นมากขึ้น 

รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ควบคุมการระบาดให้ได้ ยังควรพยายามเยียวยาเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจให้ประชาชนอย่างทันท่วงที 

โดยเฉพาะ สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งรับภาระรักษาผู้ป่วย ที่นับวันเผชิญความเครียดมากขึ้น ต้องดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในระยะสั้น สิ่งที่รัฐควรทำทันทีคือ รัฐบาลต้องเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันโรค เช่น หาวัคซีนเข็ม 3 ที่มีประสิทธิภาพมาฉีดอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเพิ่มค่าตอบแทนให้บุคลากรด้านสาธารณสุขอย่างเหมาะสม ซึ่งอย่างน้อยพอช่วยบรรเทาความเครียด และเพิ่มความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น

สุดท้าย เราทุกคนควรใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องร้ายกับคนใกล้ตัวกันครับ

17813
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ https://web.facebook.com/[^_^]taywa
เวปไซด์ http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  

17814
Boom Gluta กลูต้า ที่โดมเลือก


ดีและปลอดภัยกลูต้าช็อต ช็อตเดียวรู้เรื่อง!!!

ดำกรรมพันธุ์ ผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระ อยากเปลี่ยนลุงป้าเป็นหนุ่มสาวน่ารัก
กลูต้าช๊อต เพียงกล่องเดียว รู้เรื่อง!!!...ดีกว่ากลูกต้าทั่วไป 215 เท่า

ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ21ชนิด ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมนาโนฟา อินฟาเรด เหรียญเงินระดับนานาชาติ

แค่เทใส่ปาก ละลายและดูดซึมทันที พกพาง่ายไม่ต้องชง!!
1 กล่อง 590 จากปกติ 890.- .
เลขที่จดทะเบียน 1311585950607

 Boom Gluta Shots จึงเป็นที่มาของการแก้ปัญหาด้วยการปกป้องจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Boom Gluta Shots" มีส่วนประกอบสำคัญ FIR Glutathione Complex สุดยอดอาหารผิวแห่งปี ที่ได้รับรางวัลจากงาน “Seoul International Invention Fair 2020” ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ผิวขาวกว่ากลูตาทั่วไปถึง 250% .

รับตัวแทนจำหน่าย/สมาชิก รับสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์มูลค่า 7,990 บาท ฟรี

สนใจติดต่อ
โทร. 0846623662

id line : teerapat999

รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99-gluta.salepage365.com/




17815
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valai[^_^]25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 


17816



จากความคืบหน้าของโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ที่เริ่มต้นไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมาซึ่งในด้านของการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น แม้จะยังไม่ชักเจนมากนัก แต่ล่าสุด พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังคงยืนยันการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น (7+7) โดยนักท่องเที่ยวพำนักภายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 7 วัน และสามารถเดินทางท่องเที่ยวและต้องพำนักในพื้นที่อื่น ๆ อีกเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ เกาะสมุย เกาะพงัน และ เกาะเต่า จังหวัดกระบี่ ในพื้นที่เกาะพีพี เกาะไหง และ ไร่เล และจังหวัดพังงา ในพื้นที่เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ โดยมีกำหนดเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ส.ค.64 นี้

จังหวัดพังงา เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับภูเก็ตโดยมีสะพานสารสินเชื่อมเกาะภูเก็ตทำให้ง่ายต่อการตั้งด่านคัดกรองนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างจังหวัด ทั้งนี้ภายหลังการเปิดภูเก็ตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ จังหวัดพังงานเริ่มีการเตรียมการสู้โควิดด้วยแนวคิด “พังงาพร้อม” เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่เข้ามาพักอยู่ในภูเก็ตแล้ว 14 วัน ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวไทยที่ฉีดวัคซีนครบ หรือมีใบรับรองครบถ้วนตามมาตรการสาธารณสุขสามารถเดินทางเข้ามาได้ โดยไม่ต้องกักตัว แต่การเดินทางเข้ามายังเปิดให้เฉพาะกลุ่มเล็ก ๆ และต้องปฏิบัติตัวตามหลักท่องเที่ยวแบบ New Normal

สำหรับจังหวัดพังงา เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ต้องมาหยุดชะงักเพราะสถานการณ์โควิด -19 แต่ภายหลังการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เริ่มต้นขึ้น ชาวพังงา ทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประกาศรวมพลังต่อสู้กับโรคโควิด 19 ภายใต้แนวคิด “พังงาพร้อม” ด้วยการรณรงค์ให้ชาวพังงาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด 19 ให้ได้ 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งเป็นการเดินตามรอยภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์โดยหวังจะฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวได้อีกครั้ง



ทั้งนี้ กำหนดการเปิดจังหวัดพังงาจะเริ่มขึ้นในวันที่1 ส.ค.64 ทำให้ขณะนี้จังหวัดพังงา เร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการยกระดับ10 กิจการ ที่ได้มาตรฐานSHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration ซึ่งมีอยู่ประมาณ140 แห่งไปสู่SHA Plus+ อันเป็นมาตรฐานที่รับรองว่าสถานประกอบการมีมาตรการทางสุขอนามัยในการควบคุมโรคโควิด -19 อีกทั้งมีพนักงานในสถานประกอบการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ2 เข็มแล้วเกินกว่า70% เพิ่มขึ้นให้มากที่สุดเพื่อให้ทันการเปิดเมืองพังงา

โดยเฉพาะหลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มต้นทำแล้วใน2 พื้นที่นำร่อง คือจังหวัดภูเก็ต และสุราษฎร์ธานีผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดล ซึ่งขาดอีกไม่กี่วันโครงการPhuket Sandbox ซึ่งเป็นเฟสแรกของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะครบ1 เดือน ซึ่งจากการประเมินความก้าวหน้าของโครงการ Phuket Sandbox พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 – 21 ก.ค. รวม9,358 ราย ขณะที่ยอดการจองห้องพักตามมาตรฐานSHA+ สะสมระหว่างเดือนก.ค.- ก.ย. อยู่ที่244,703 คืน คิดเป็นอัตราการเข้าพัก10.12% สร้างรายรับการท่องเที่ยว 534.31 ล้านบาท


นายคาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายประเมินและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ก่อนเกิดโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนถึง90% ของรายได้ของภาคการท่องเที่ยวในภูเก็ต จึงไม่น่าแปลกใจที่ความต้องการเข้าพักโรงแรมตกลงอย่างมาก ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวในภูเก็ตค่อยๆเปลี่ยนไปจากนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ไปสู่ชาวจีน ที่ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุด และชาวรัสเซีย ณ ช่วงครึ่งปีแรก 64 จีนยังไม่เปิดประเทศสำหรับต่างชาติ ซึ่งมีผลมาตั้งแต่เดือนม.ค.63 เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากไวรัสโควิด-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ดังนั้น แผนการเปิดประเทศในรูปแบบของ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนก.ค.นี้อาจมีปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากภูเก็ตพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ถือเป็นความพยายามที่ภูเก็ตจะกลับมาเปิดอีกครั้ง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องกักตัว14 วัน ซึ่งโมเดลนี้ถือเป็นการปูทางที่จะเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น พังงา สุราษฎรธานี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขรรธ์รวมไปถึง จังหวัด ระยอง และชลบุรี ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ขณะเดียวกัน รัฐบาลตั้งเป้าที่จะกระจายการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสให้เข้าถึง70% ของประชาชนทั้งหมดภายในสิ้นปี64 ก่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ การกระจายการฉีดวัคซีนต้องดำเนินการให้เร็วขึ้น เนื่องจากมีเพียง 3% ของประชาชนทั้งหมดที่ได้รับวัคซีน ณ สิ้นเดือนมิ.ย.64 ขณะที่ประชาชนกว่า60% ในจังหวัดภูเก็ตได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในประเทศไทย เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว ภายใต้ โครงการแซนด์บอกซ์ ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือน ก.ค.64 แต่ถึงอย่างนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาก็ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่น ๆ เช่น การเข้าพักในโรงแรมที่จัดไว้ให้ โดยมีการรับรองSHA+ และตรวจRT-PCR หลายครั้งก่อนและหลังเดินทางมาถึงภูเก็ต

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมต่างก็คาดหวังที่จะได้เห็นการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง 64 ด้วยอัตราการเข้าพักเป็นตัวเลขสองหลัก แต่รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพียง 100,000 คนภายใต้โครงการแซนด์บ็อกซ์ในไตรมาส3 ปี64 ดังนั้น จึงคาดการณ์ได้ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสำหรับโรงแรมระดับลักซูรี่และระดับอัพสเกลในภูเก็ตจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก และอาจคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 20% ต่อไป ในขณะเดียวกัน ราคาเฉลี่ยรายวัน (ADR) ยังคงจะอยู่ในระดับต่ำตลอดเดือนที่เหลือของปีนี้หรืออาจนานกว่านั้น เนื่องจากโรงแรมที่เปิดอยู่จำเป็นต้องแข่งขันด้านราคาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่วนโรงแรมใหม่ที่ถูกเลื่อนเปิดตัวมาและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เริ่มทยอยกลับมาเปิดบริการมากขึ้น



“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นโครงการนำร่องในการพยายามที่จะกลับมาเปิดประเทศรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยจะขยายไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ หากภูเก็ตประสบความสำเร็จ แต่ความเสี่ยงอยู่ตรงที่ว่าอาจมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้มาตรการและข้อจำกัดด้านการเดินทางมีผลบังคับใช้อีกครั้ง และทำให้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่ามีความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดระดับหนึ่ง ด้วยอัตราการติดเชื้อที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งตรงนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ภายใต้โครงการ ‘แซนด์บอกซ์’ ในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว”

สำหรับสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ณ ปัจจุบัน พบว่าโรงแรมที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณหาดป่าตอง ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมระดับลักซูรี่และระดับอัพสเกลเป็นหลัก โดยคิดเป็น24% ของจำนวนโรงแรมที่เปิดให้บริหารในภูเก็ต รองลงมา คือ หาดกะรน15% หาดบางเทา14% หาดกะตะ13% และหาดกมลา10% ขณะที่ความต้องการเข้าพักโรงแรมยังคงลดลงอย่างมาก โดยในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่8% สำหรับโรงแรมระดับลักลักซูรี่และระดับอัพสเกล มีอัตราการทเข้าพักลดลง30% ปีต่อปี อัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ในเดือนพ.ค.และมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่3% เนื่องจากการระบาดระลอกที่3 ในจังหวัดสมุทรปราการในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวได้ส่งผลต่อราคาห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) ของโรงแรมระดับลักซูรี่และระดับอัพสเกลลดลงไป 39% ปีต่อปี อยู่ที่2,342 บาท ซึ่งนับเป็นระดับต่ำที่สุด เนื่องจากภูเก็ตไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ โรงแรมต่าง ๆ จึงต้องเสนอส่วนลดต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความต้องการภายในประเทศที่มีจำกัด แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก64 จะไม่มีโรงแรมระดับลักชัวรี่และระดับอัพสเกลเปิดใหม่และจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ซับพลายสะสมโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีจำนวนห้องพักรวมอยู่ที่22,824 ห้องในภูเก็ต มีโรงแรมใหม่กว่า 20 แห่งที่วางแผนจะเปิดตัวในช่วงปี63 และ64 แต่นื่องจากความไม่แน่นอนในการกลับมาของนักท่องเที่ยวโรงแรมที่วางแผนจะเปิดตัวจำต้องชะลอการเปิดตัวออกไปถึงช่วงครึ่งปีหลัง64 และปี65 มีเพียงโรงแรมวี วิลล่า ภูเก็ต บาย เอ็มแกลเลอรี (24 ห้อง) เปิดตัวในภูเก็ตในช่วงครึ่งปีแรก64 ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมระดับซูเปอร์ลักซูรี่


นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า แม้จะมีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แต่ผุ้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังมีความกังวลอยู่ว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นจะเป็นความหวังในแง่ดีหรือร้าย ทั้งนี้ในกลุ่มของผู้ประกอบการอสังหาฯ และการท่องเที่ยวภูเก็ต มีความกังวลอยู่ 2 เรื่องคือ1. จำนวนนักท่องเที่ยวไทยจะลดลลงหลังเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะแม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีการฉีดวัคซีนครบ2 โดสแล้ว แต่ก็ไม่การันตีว่าจะป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยเปอร์เซ็น 2.หลังเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้ว จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากอย่างที่หวังหรือไม่ เพราะหลายๆประเทศมองไทยมีการแพร่ระบาดในระดับสูง ซึ่งอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์ ผลที่จะตามมาคือภูเก็ตจะต้องประสบปัญหามากขึ้น

“ ต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภูเก็ตหลักๆ คือ จีน อินเดีย รัสเชีย ซึ่งในปัจจุบันนี้อินเดียมีการระบาดหนักมาก ขณะที่จีนก็ยังไม่เปิดประเทศเดินทางเข้าไทยได้ รัสเซียเองก็ยังไม่เปิดประเทศดังนั้นทั้งสามประเทศนี้ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในระยะแรกจะยังไม่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต แต่อย่างไรก็ตามการเปิดภูเก็ตถือเป็นโครงการนำร่องที่จะทำให้ไทย สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องยอมให้มีการเปิดภูเก็ตใช้เป็นพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศขณะเดียวกันในช่วงสามเดือนแรกนี้ผู้ประกอบการเองก็หวังว่าการควบคุมการแพ่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้นและการฉีดวัคซีนมากกว่า70% นั้นจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ตามที่เราหวังไว้ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น แต่ในส่วนของอสังหาฯ นั้นจะฟื้นตัวได้ช้ากว่าทำให้ยอดซื้อขายในช่วงปลายปีขยายตัวได้ไม่มากนัก“

อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเผยข้อมูลตลาดอสังหาฯในงานสัมมนาออนไลน์ “Thailand Resort Real Estate Update” ที่จัดขึ้นโดย ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คสบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการโรงแรมและอสังหาฯ และ เดลิเวอร์ริ่ง เอเชีย คอมมิวนิเคชั่นส์ ผู้ให้บริการด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมการบริการการท่องเที่ยว และอสังหาฯ พบว่าในช่วง18 เดือนในระหว่างการแพร่ระบาดโควิด-19คนไทยมีความต้องการที่พักตากอากาศปรับตัวมากขึ้น ทำให้ยอดการซื้อ “บ้านตากอากาศ” หรือ “บ้านหลังที่สอง” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ “ฟาสวาส” (FazWaz) เว็บไซต์อสังหาฯ รายงานว่าพื้นที่รีสอร์ทชายทะเลยอดนิยมของ “หัวหิน” กลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากการซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้มีการสอบถามข้อมูลทางออนไลน์มากขึ้นในแต่ละปี โดยนายเบรนแนน แคมป์เบล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟาสวาส กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลตั้งแต่ไตรมาส2 ปี63 ถึงกลางปี64 พบว่า แรงจูงใจในการซื้อบ้านพักตากอากาศ หรือ เพื่อการลงทุน มีการเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้ซื้อมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเก็ต เกาะสมุย และพัทยา โดยยอดซื้อขายสูงที่สุด อยู่ในพื้นที่หัวหินคิดเป็น64% ของธุรกรรมมาจากตลาดในประเทศ

ขณะที่บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัดได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ โครงการภูเก็ต แซนด์บอกซ์ ที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ในฐานะต้นแบบสำหรับการเปิดประเทศของไทย แต่โครงการนี้กลับมาพร้อมกฎเกณฑ์หลายประการ ซึ่งถ้าการปฎิบัติและผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ภาครัฐกำหนดไว้โครงการก็จะถูกยกเลิก ทั้งนี้ ข้อกำหนดที่มีความซับซ้อนสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา เช่น การขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศ ขั้นตอนการตรวจสอบเรื่องวัคซีน และข้อกำหนดในการตรวจหาเชื้อแบบ PCR ที่ต้องตรวจหลายครั้ง อาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้ามาลดลง

นางสาวประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกการลงทุนและที่ดินแหล่งพักตากอากาศ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ประจำภูเก็ตกล่าวว่า โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นโครงการที่ทำให้เกิดความหวังในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ตและเกาะอื่น ๆ ที่กำลังเฝ้าติดตามโครงการนี้อย่างใกล้ชิด โดยแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี รายงานว่ามีธุรกิจมากกว่า 300 แห่งเข้าร่วมโครงการ SHA Plus โดยที่ SHA คือการรับรองว่าธุรกิจมีมาตรการด้านสาธารณสุข และPlus หมายถึงพนักงานมากกว่า70% ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการขยายระยะเวลากักตัวจาก 7 วันเป็น14 วัน ผู้ประกอบการในท้องถิ่นจึงมองว่าโครงการ มีศักยภาพน้อยลง และกังวลว่าการที่ต้องพำนักอยู่นานขึ้นอาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้ามาภูเก็ตลดลง รวมทั้งโรงแรมบางแห่งจะชะลอการกลับมาเปิดให้บริการจนกว่าจะถึงเดือนส.ค.

แม้ข่าวล่าสุดจะรายงานว่ามีผู้ยื่นขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศเกือบ8,000 ราย แต่น่าเสียดายว่าก่อนที่โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์จะเริ่มต้นขึ้น มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ยกเลิกเที่ยวบินและการจองโรงแรมเนื่องจากการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศและกระบวนการอื่นๆ มีความล่าช้า โดยก่อนหน้านี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่านักท่องเที่ยวมากกว่า 100,000 คนจะเดินทางเข้ามาภูเก็ตในช่วง3 เดือนแรกของโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าความสมดุลระหว่างมาตรการด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามโครงการได้จริง ตลอดจนการจัดการขั้นตอนการต้อนรับอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากขณะนี้ไทยยังอยู่ใน “รายชื่อประเทศที่ต้องระมัดระวังในการเดินทาง” ของหลายๆประเทศทำให้ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจากนี้ไปจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามคาดการร์หรือไม่

17817
รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอลการ์ดราคาส่ง
ราคาถูก ราคาเบา ราคาโรงงาน
มีเลขที่จดแจ้ง ได้มาตรฐาน 
ราคาเริ่มต้น 15 บาท/ชิ้น
สนใจติดต่อ  https://lin.ee/nXGuYwR
โทร. 0863754112

17818


พายุเจิมปากา ทำให้ฝนตกหนัก ชาวบ้านตำบลนากก อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร แห่ออกมาจับปลาขายสร้างรายได้

มุกดาหาร-ดีเปรสชั่น “เจิมปากา” ทำฝนตกหนักทั่วอีสาน ชาวบ้านนากก อ.นิคมคำสร้อย แห่ออกจับปลาขายในห้วยขี้เหล็ก เผยฝนตกหนักทำให้มีน้ำและพันธุ์ปลาจากเทือกเขาไหลลงอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก ชาวบ้านยิ้มได้ทั้งอาหารและ[^_^]ช่วงฝนตกหนัก

วันนี้ (26ก.ค.) ชาวบ้านตำบลนากก อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร และพื้นที่ใกล้เคียง ต่างนำอุปกรณ์ออกมาจับปลาบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก จำนวนมาก หลังจากสองวันที่ผ่านมาฝนตกติดต่อกันทำให้มีน้ำและปลาจากเทือกเขาไหลมารวมกัน จากการเปิดเผยของชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ทุกๆปีหากมีฝนตกหนักจะทำให้น้ำจากเทือกเขาไหลมารวมกัน ทำให้บริเวณลำห้วยต่างๆ ที่มีน้ำไหลลงจากภูเขาเต็มไปด้วยปลาชนิดต่างๆ ลงมากับกระแสน้ำ


ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลนากอก และชาวบ้านใกล้เคียง จึงพร้อมใจออกไปหว่านแหหาปลากันเป็นจำนวนมาก ใน 1 ปี จะมีปลาขึ้นมาให้จับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้าน ต่างนำแห มาหว่านและนำอุปกรณ์ดักปลาชนิดอื่น ทั้งตาข่ายดักปลา สะดุ้ง นำมาดักปลา ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนได้ปลาคนละหลายกิโลกรัม บางส่วนนำไปปรุงเป็นอาหาร ส่วนที่เหลือนำไปขายสร้างรายได้คนละหลายร้อยบาทต่อวัน

นายสมหมาย ชาวบ้านนากอก บอกว่าวันนี้ออกมาตั้งแต่เช้า ตั้งใจว่าจะออกมาหาปลา เพื่อนำไปเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัว เพราะช่วงนี้หยุดงานจากผลของโรงระบาด ซึ่งตนออกมาตั้งแต่ตี 5 วันนี้ได้ปลาพอประมาณแล้ว ก็เลยเลิก ส่วนปลาที่จับได้ก็มีหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นปลาตะเพียน ปลากดคัง ซึ่งปลากที่นี่มีหลากหลายชนิด


ทั้งนี้จากประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออเฉียงเหนือตอนล่าง แจ้งว่าพายุดีเปรสชั่น เจิมปากา ที่ปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

17819



นายบรรยง​ วิทยวีรศักดิ์​ อดีตนายกสมาคมตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน(Thaifa)​ และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) ได้โพสต์บนเพจเฟสบุ๊คส่วนตัว"เปิดเบื้องลึก ทำไมผู้ป่วยโควิดที่มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย จึงหาเตียงได้ง่ายกว่า" อย่างน่าสนใจว่า

ทุกคนเรียกร้องความเท่าเทียมกัน แต่ในโลกของความเป็นจริง มันมักจะโหดร้าย ไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอ

บิล เกต เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตมักจะไม่แฟร์ ทำความคุ้นเคยกับมันซะ” เช่นเดียวกับการหาเตียงในโรงพยาบาลเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ ต้องบอกว่าหายากมากๆ และมีความเหลื่อมล้ำในการหาเตียงครับ

เมื่อผู้ป่วยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่จำนวนเตียงมีจำกัด ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล รัฐบาลพยายามจัดให้มีโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเอกชนใช้ hospitel มาช่วยขยายเตียง แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ

จนล่าสุด รัฐบาลต้องประกาศให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่มาก ให้กักตัวและพักรักษาตัวที่บ้าน เป็น home isolation

แต่ถามจริงๆ ใครอยากรักษาตัวที่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อจะลงปอดเมื่อไร กว่าจะรู้ ปอดก็เป็นฝ้าขาว สุ่มเสี่ยงต่อการที่เนื้อเยื่อปอดจะถูกทำลายแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากเชื้อลงปอด โอกาสรอดก็น้อยลงจนน่าตกใจ หลายๆคนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเยาวราชนับสิบคน ต่างจากไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ยังแข็งแรง ทำงานได้ปกติ

เมื่อเราป่วย ทุกคนล้วนอยากเข้ารพ.เอกชน เพราะดูแลดีกว่า ห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน แต่ต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลเอกชนตั้งขึ้นมาเพื่อหากำไร ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทำเงินของเขา

ตามปกติ ค่ารักษาในรพ.เอกชนมักจะแพงกว่ารพ.ของรัฐ 1-3 เท่าตัว ช่วงแรก คนทั่วไปมักไม่กล้าไปใช้บริการที่รพ.เอกชน คงมีแต่คนรวยหรือคนที่เบิกประกันสุขภาพได้ไปใช้บริการ

จนเมื่อทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศรับผิดชอบค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั้งหมด โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งยังสั่งให้โรงพยาบาลห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่ารถส่งต่อ ค่าตรวจแล็บ หรือห้องความดันลบ

ปัญหาคือ ราคาที่ สปสช.จ่ายนั้นต่ำกว่าราคาเต็ม ที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บจากลูกค้าหรือบริษัทประกันชีวิตแบบครึ่งต่อครึ่ง ดังนั้น รพ.เอกชนจึงไม่เต็มใจรับลูกค้าที่มาใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่รพ.รัฐรับกัน

ยิ่งรัฐบาลออกกฎว่า ตรวจเจอโควิด 19 ที่รพ.ไหน ให้แอดมิต(เข้ารักษา)ที่นั่น เท่ากับมัดมือชก ให้รพ.เอกชนต้องรับรักษาผู้ป่วยโควิดในราคาถูก รพ.เอกชนจึงหาทางออกด้วยการอ้างว่า อุปกรณ์ตรวจเชื้อโควิดหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง

แต่จากข่าววงในจะทราบว่า รพ.เอกชนยังมีการสำรองเตียงให้คนมีฐานะ ด้วยการแจ้งคนที่ต้องการเข้ารักษาว่า ถ้าสามารถโอนเงินมาให้โรงพยาบาลก่อน 300,000 บาท หรือ 500,000 บาท รถพยาบาลจะวิ่งไปรับผู้ป่วยถึงที่เลย ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดถึงความเหลื่อมล้ำ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะรพ.เอกชนก็สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับคนมีฐานะอยู่แล้ว

แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวว่ารพ.เอกชนโดนเท โดนลูกค้าหักหลัง กล่าวคือ ลูกค้าที่โอนเงินไปก่อนเมื่อรักษาหายแล้ว ก็ไปร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขว่าถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน ขอให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย กระทรวงสาธารณสุขต้องโทรไปสั่งให้โรงพยาบาลเอกชนคืนเงินให้กับลูกค้า แล้วให้ไปเก็บเงินกับ สปสช.แทน

แต่ในราคาที่หายไปกว่าครึ่ง แถมกว่าจะได้รับเงิน ต้องรอ 3-6 เดือน

รพ.เอกชนเริ่มเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จึงเปลี่ยนนโยบายมารับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพแทน เนื่องจากได้ราคาและวางบิล 2 สัปดาห์ก็ได้เงิน เพียงแต่เขาระบุชัดเจนไปเลยว่า ต้องมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่เบิกได้ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป

เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคโควิดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 บาท จึงต้องมั่นใจว่าลูกค้ามีปัญญาจ่ายแน่ ไม่อย่างนั้น จะกลับไปปัญหาเดิม คือลูกค้าต้องออกเงินส่วนเกิน และไปร้องขอคืนจากกระทรวงสาธารณสุขอีก

ความจริงค่าใช้จ่าย 150,000 บาทนี้ เฉพาะกรณีลูกค้าผู้ป่วยสีเขียวหรือสีเหลืองที่ไม่มีอาการหนักมาก เพียงแค่พักฟื้น 14 วันก็หายได้เอง โดยไม่มีเชื้อลงปอด เพราะถ้ามีอาการหนักหรือมีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5 ล้านบาททีเดียว

จึงไม่แปลกใจที่ระยะหลัง จะได้ยินข่าวว่า เมื่อเราติดต่อรพ.เอกชนเพื่อหาเตียงให้คนไข้โควิด รพ.จะแจ้งสเปกลูกค้าที่เขาต้องการว่า

1. เป็นผู้ป่วยอายุไม่เกิน 60 ปี
2. มีประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงิน 5 แสนบาทขึ้นไป
3. น้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กก.
4. เป็นผู้ป่วยสีเขียว

พอจะเข้าใจได้ว่า ชั่วโมงนี้ รพ.เอกชนเป็นคนเลือกลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าเลือกโรงพยาบาล เคยได้ข่าวว่า ผู้ป่วยบางคนเริ่มจากการเลือกรพ.เกรด A เมื่อไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นเกรด B ครั้นยังไม่ได้ ก็ขอเปลี่ยนเป็น hospitel ก็ยังหาเตียงไม่ได้ สุดท้ายอาจจะต้องไปจบที่โรงพยาบาลภาคสนาม หรือไม่ก็ต้องกักตัวที่บ้าน ชั่วโมงนี้เลือกไม่ได้จริงๆครับ

มาถึงวันนี้ เมื่อคนป่วยล้นจริงๆ บางคนมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายก็อาจจะยังไม่สามารถหาห้องได้เลย แต่ถ้ามีห้องว่างเมื่อไหร่ ผู้ป่วยที่มีประกันเหมาจ่ายมักจะได้รับการเลือกจากรพ.เอกชนก่อนเสมอ

คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

หาคำตอบยากใช่ไหมครับ สิ่งที่ทำได้ และอยากแนะนำให้ทุกท่านทำคือ

1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
2. ใส่แมส เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ
3. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด
4. มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย

นาทีนี้ อะไรที่ช่วยรักษาชีวิตให้รอดได้ ต้องเลือกเอาไว้ก่อนครับ

หน้า: 1 ... 988 989 [990] 991 992 ... 998