แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Prichas

หน้า: 1 ... 951 952 [953] 954 955 ... 974
17139


ยังไม่ฟันธงสำหรับราคาชุดตรวจโควิดด้วยตัวเอง Antigen Test Kit (ATK) ที่เหมาะสมและยังไม่มีมติให้ ATK  เป็นสินค้าควบคุม  หลังจากการประชุมของคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีนายจุรินท์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเพียงแต่การตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นรองประธาน และมีกรรมการประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ เป็นกรรมการ รวม 11 คน

คณะอนุกรรมการทั้ง 11 คนนี้มีอำนาจหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์ สถานการณ์ของ ATK และกำหนดแนวทางมาตรการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ให้เป็นธรรมอีกชั้นหนึ่ง  เท่านั้น โดยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งนี้จะประชุมหารือเพื่อกำหนดราคาจำหน่ายชุด ATKที่เหมาะสมโดยเร็ว และนำขึ้นเว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจก่อนซื้อ

จากข้อมูลปัจจุบันมีบริษัทนำเข้า ATK ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับองค์การอาหารและยาหรือ อย. กระทรวงสาธารณสุข 31 ราย รวม 34 ยี่ห้อ  โดยทางกรมการค้าภายในได้ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่งแจ้งรายละเอียดทั้งกำลังการผลิต จำนวน ปริมาณ ราคาต้นทุน ให้กับกรมการค้าภายใน ล่าสุดมีเพียง10 รายเท่านั้นที่ได้แจ้งมา ส่วน ATK ที่วางขายในร้านขายยามี  9 ราย และ ราคาจำหน่ายที่ผู้นำเข้าแจ้งเป็นราคาแนะนำขายปลีกอยู่ระหว่าง 250-350 บาท  

                


นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเพดานราคา ATK เนื่องจากแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันทั้งทางเทคนิค วัสดุ ประสิทธิภาพของน้ำยารวมถึงระยะเวลาการแสดงผลการตรวจ  ประกอบกับต้องรอรายละเอียดของต้นทุน กำลังการผลิต จำนวน ปริมาณ เพื่อมาพิจารณาคำนวณราคาที่เหมาะสม เมื่อได้ราคาแล้วทางกรมฯก็จะนำขึ้นประกาศทางเว็ปไซต์ของกรม คาดว่าน่าจะทราบได้ภายสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตามแม้ยังไม่มีราคาที่กำหนด แต่กรมการค้าภายในก็ใช้ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่มีอยู่นั่น คือมาตรา 28 เกี่ยวกับการแสดงหรือปิดป้ายราคาสินค้า และมาตรา 29 เกี่ยวกับการขายเกินราคา ขายเกินราคาที่สมควร และเกิดความปั่นป่วนทางราคาเพื่อดำเนินการกับผู้ขายที่กระทำความผิด

ทั้งนี้ความต้องการ ATK เพื่อตรวจเชื้อเบื้องต้นมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 2 หมื่นราย นอกจากประชาชนแล้วเจ้าของบริษัทหรือโรงงานต่างๆก็ต้องการซื้อ ATK ไปตรวจให้กับพนักงานเพื่อแยกผู้ป่วยและคนปกติออกจากกัน เพื่อป้องกันมีการติดเชื้อไปในวงกว้าง  

ในขณะที่รัฐบาลมอบให้องค์การเภสัชกรรมดำเนินการจัดหาชุดตรวจโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ในวงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท เพื่อจัดหาชุดตรวจให้หน่วยบริการนำไปแจกจ่ายกับประชาชนทุกคนทุกสิทธิ ก็ยังต้องชะลอออกไปเนื่องจากยี่ห้อ LEPU ที่ชนะการประมูลนั้นได้ถูกเรียกเก็บสินค้าออกจากตลาดสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 28 พ.ต.2564 ตามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration: FDA) ให้ระงับใช้ชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดทั้ง Antigen Rapid Test Kit และ Antibody Rapid Test Kit ของ Lepu Medical Technology เพราะให้ผลการตรวจที่ไม่แม่นยำ

เมื่อความต้องการสวนทางกับจำนวน ATKที่มีอยู่ทำให้ราคา ATK พุ่งสูงขึ้นเท่าตัว จนสร้างความเดือดร้อนซ้ำเติมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  จึงเป็นเรื่องที่กระทวงพาณิชย์จะต้องเร่งดำเนินการเคาะเพดานราคา ATK ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่เกิดการฉวยโอกาสและสร้างความปั่นป่วนทางราคาในตลาด เหมือนกรณีหน้ากากอนามัย ที่ก่อนหน้านี้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ประชาชนต้องการมีไว้เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด ส่งผลให้เกิดความต้องการสูงกว่าปริมาณผลผลิตต่อวัน ทำให้เกิดการฉวยโอกาสขึ้นราคา สร้างความปั่นป่วนด้านราคาจนกระทั่ง กกร.ต้องประกาศให้”หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม” และกำหนดราคาขาย 2.50 บาทต่อชิ้น

17141
 5 วัน 5 คอร์ส เรียนออนไลน์ พื้นฐานสู่มือาชีพ


ประกาศๆ แจ้งให้ทราบ ถ้าคุณเป็นแบบนี้อยู่
ไม่มีประสบการณ์เลย
วิกฤตธุรกิจไปต่อไม่ได้
อายุเยอะแล้วกลัวเรียนไม่ทัน
อยากขายออนไลน์เป็น แต่ไม่มีคนสอน
เอาความรู้ไปต่อยอด

>>> 97 บาท <<<
ตอบโจทย์ที่สุดแล้ว ตอนนี้!!!
เพราะเราออกแบบคอร์สนี้
มาให้สำหรับท่านแล้ว
____________________________
5 วัน 5 วิชา
ที่สามารถพาคุณไปเจอกับโลกใบใหม่
เรียนผ่านมือถือเครื่องเดียว
วัยไหนก็เรียนได้
ปรึกษาได้ตลอด
ดูแลอย่างใกล้ชิด
วันที่ 1 การปรับหน้าโปรไฟล์
วันที่ 2 การสร้างวีดีโอ / รูปให้ดูน่าสนใจ
วันที่ 3 การสร้าง Content
วันที่ 4 การสร้างเพจมืออาชีพ
วันที่ 5 สอนยิงตรงกลุ่ม ยิงถูก ปิดยอดเก่ง
พร้อมวิธีหากลุ่มเป้าหมายแบบตรงเป๊ะ
.
เรียนจบครบทั้ง 5 วัน รับวุฒิบัตรได้ด้วย
ทั้งหมดนี้
เราเก็บค่าคอร์สกับคุณเพียง 97 บาท
ย้ำ!!คุณดูไม่ผิดหรอก 97 บาท
จากราคาปกติ 7,990 บาท
.
จำนวนจำกัด
สิทธิ์ 97 เฉพาะ 100 ท่าน
.
ขอท่านที่สนใจเรียนจริงๆ
เพราะเราก็ตั้งใจสอนให้ท่านจริงๆเช่นกันสนใจติดต่อ โค้ชเอก

โทร 0846623662

line id : teerapat999
รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99.iconsalepage.com/

17142


ค่าเงินบาทปีนี้อ่อนค่าแรงต่อเนื่อง โดยปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ส.ค.) ที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดสิ้นปี 2563 ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า 10% และเป็นการอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ ดังนี้

1. สถานการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศหลักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินภูมิภาคให้ปรับอ่อนค่าลง

2. เงินสกุลภูมิภาคบางประเทศอาจได้รับผลบวกจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าสูง หรือประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ได้ดี ทำให้สกุลเงินอ่อนไม่มากนัก เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้

3. ไทยยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง รวมถึงนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยลงมากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีสัดส่วนพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง

4. นักลงทุนต่างชาติปรับลดการถือครองหุ้นไทย แต่ยังคงเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูง และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่ต่ำ

ทั้งนี้ ธปท. ติดตามถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนจนกระทบการปรับตัวของภาคธุรกิจ และแนะนำให้ภาคเอกชนบริหารความเสี่ยงค่าเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้นำเข้า-ส่งออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงค่าเงินได้ที่ https://bit.ly/35lWOaG

17143
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq




17146


นายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความระบุว่า การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในปีนี้น่าจะจบกัน เมื่อวันพุธที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ในสื่อมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับคนไทย ข่าวดีคือท่านนายกรัฐมนตรียอมยกเลิกประกาศปิดปากสื่อโดยใช้การอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกข้อกำหนดให้ยกเลิกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.เดียวกันนี้ ฟังดูมันเหมือนเรื่องตลกสำหรับคนทั่วไป

จะเอาอะไรกันกับเรื่องแค่นี้ ในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อ 46–47 ปีที่แล้ว สมัยที่ท่านจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี ยังได้นำทหารออกมาทำการปฏิวัติตัวเองเลย เรื่องนี้คนไทยสมัยนี้ที่ยังไม่เกษียณคงจำเหตุการณ์ไม่ได้ น่าจะมีการลองทำแบบนี้กันอีกไหมครับ จะทำอะไรก็สุดแท้แต่ผู้มีอำนาจและนักการเมืองทั้งหลายเถอะครับ เพราะตอนนี้ที่พึ่งของประชาชนเหมือนไม่มีแล้ว

สำหรับข่าวร้ายที่ได้ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ในวันพุธที่ 11 นี้ ก็คือข่าวที่ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (US Centers for Disease Control and Prevention) หรือ CDC ได้ออกคำเตือนแก่ชาวสหรัฐให้เลี่ยงการเดินทางไปหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยนั้น CDC ได้ปรับให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด คือ ห้ามการเดินทาง เพราะมีการระบาดและติดโควิดสูงในไทย!

บางคนอาจจะทำเป็นรู้ดีบอกว่าเราไม่ต้องเป็นกังวล เพราะนักท่องเที่ยวสหรัฐปกติมาเที่ยวไทยน้อยมากอยู่แล้ว แต่ผมว่าเขาพูดถูกแค่นิดเดียวเอง เพราะข้อเท็จจริงคือเมื่อสหรัฐพูดคนทั่วโลกเขาก็ได้ยินด้วยว่าไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงสุดถึงขนาดห้ามการเดินทางเข้ามา

ถ้าผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวพอจำกันได้ว่า เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคมที่แล้ว กลุ่มประเทศ EU ก็เคยปรับมาตรการไม่รับคนไทยเข้าประเทศกลุ่ม EU มาแล้ว ซึ่งเท่ากับบอกประชาชนของกลุ่ม EU ที่หน้าหนาวนักท่องเที่ยวชอบมาเมืองไทยกันมากให้รู้ว่าเมืองไทยไม่ควรมานะ

ADVERTISEMENT


เมื่อการท่องเที่ยวไม่มีโอกาสฟื้นในปีนี้ ความพยายามที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวดูเหมือนจะจบแล้ว ความหายนะของประเทศก็จะแผ่ออกไปมากขึ้น นับตั้งแต่การจ้างงานในด้านการท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากสุดของประเทศจะไม่เกิด อาชีพอื่นๆที่เกี่ยวโยงที่มีการจ้างงานมากก็ไม่มีทางฟื้นเช่น ธุรกิจการบิน ธุรกิจทัวร์ ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจนวดแผนโบราณและสปา แม่ค้าแม่ขายของที่ระลึก และรวมถึงร้านอาหารที่มีสภาพล้มทั้งยืนกันให้เห็นทุกจังหวัดตายหมด

ความหวังที่อุตส่าห์คิด อุตส่าห์ทำ เพื่อสร้างโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โครงการสมุยพลัส และยังมีการคิดชื่อล่วงหน้าที่หรูไว้อีกมาก สำหรับกระบี่ พัทยา และที่จังหวัดอื่นๆ ล้วนต้องเป็นฝันกลางวันไปหมด

ใครเป็นคนทำให้ความหวังที่จะฟื้นของการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสาขาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศต้องคลานจนโงหัวไม่ขึ้นมาจะสองปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อหรือถามชื่อกันอีกแล้ว สาเหตุที่เศรษฐกิจพังพินาศมาจากโควิด-19 จากการแพร่ระบาดที่มีไม่มากตอนต้นปี 2563 มาถึงขณะนี้จะสองปีแล้วกลับระบาดจนวิกฤตติดอันดับต้นของโลก ใครกันที่รับทำงานสู้รบกับมัน ในทางการเมืองประชาชนเขาต้องชี้ไปที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุขเท่านั้นแหละ ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนักและเหนื่อยมากนั้น ไม่มีใครไปโทษเขาเหล่านี้หรอก แต่พวกท่านๆทั้งหลายนี่ซิที่คนเขาสาปแช่งวันละสามเวลา

ทำยังไงๆ อธิบายยังไงๆ ประชาชนก็ยังยากที่จะคิดว่าพวกท่านๆทั้งหลายจะเอาอยู่ เพราะแค่ในคุกที่อยู่ในอุ้งมือของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทยยังมีการระบาดได้ และยังเอาไม่อยู่ หรือในแคมป์คนงานก่อสร้างใหญ่ๆใน กทม.ที่ต้องอยู่ในสายตาและการควบคุมของหน่วยงานราชการหลายหน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเทพมหานครก็ยังเอาไม่อยู่

ในช่วงนี้จะได้ข่าวกันว่ายังมีการระบาดของโควิด-19 ชุกชุมมากในโรงงานทั้งเล็กและใหญ่รอบๆ กทม. ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี อยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ถ้าเอาไม่อยู่ ปล่อยให้การระบาดทอดยาวออกไปก็จะเกิดผลกระทบกับกระบวนการผลิตเพื่อการส่งออกของประเทศแน่

อย่างไรก็ดียังมีข่าวดีที่เพิ่งผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ ศบค. ซึ่งนำไปปฏิบัติได้แล้ว คือข้อเสนอของกระทรวงแรงงงาน เรื่อง Factory Sandbox เพื่อทำการตรวจ รักษา ควบคุม และดูแล สถานประกอบการที่ผลิตเพื่อการส่งออกสำหรับโรงงานขนาดพนักงาน 500 คนขึ้นไป ทั้งนี้ต้องให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องหลัก เช่น มหาดไทย สาธารณสุข แรงงาน และอุตสาหกรรม ร่วมดำเนินการด้วยกันอย่างกระชับและรวดเร็วเป็นระบบ ถือว่าเป็นข่าวดีอีกชิ้นหนึ่งที่เพิ่งคิดกันได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่ายังมีจุดอ่อนที่ใหญ่มากอยู่เรื่องหนึ่ง คือแม้ไม่ใช่โรงงานผลิตเพื่อการส่งออกก็ควรต้องรวมเข้าไปด้วย และโรงงานที่มีขนาดพนักงานต่ำกว่า 500 คน เช่น 200 คน ที่มีการติดโควิด-19 กันระนาวก็ควรนำมารวมเข้าไปในโครงการนี้ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้น จะทำให้เกิดการขว้างงูไม่พ้นคอเป็นแน่

เมื่อไม่กี่วันมานี้ เผอิญผมได้ฟังแนวนโยบายการปราบโควิด-19 ของท่านประธานาธิบดีไบเดนว่า “เรื่องต่อสู้กับโควิด-19 นี้จะไม่มีคนหนึ่งคนใดปลอดภัย ตราบใดที่คนอื่นๆ ยังไม่ปลอดภัย” ผมเห็นว่า แม้ผู้นำของเราจะมีความเก่งและความฉลาดเท่าผู้นำของชาติอื่น ก็ไม่ควรทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับนโยบายดีๆ ของชาติอื่น

17149
 5 วัน 5 คอร์ส เรียนออนไลน์ พื้นฐานสู่มือาชีพ


ประกาศๆ แจ้งให้ทราบ ถ้าคุณเป็นแบบนี้อยู่
ไม่มีประสบการณ์เลย
วิกฤตธุรกิจไปต่อไม่ได้
อายุเยอะแล้วกลัวเรียนไม่ทัน
อยากขายออนไลน์เป็น แต่ไม่มีคนสอน
เอาความรู้ไปต่อยอด

>>> 97 บาท <<<
ตอบโจทย์ที่สุดแล้ว ตอนนี้!!!
เพราะเราออกแบบคอร์สนี้
มาให้สำหรับท่านแล้ว
____________________________
5 วัน 5 วิชา
ที่สามารถพาคุณไปเจอกับโลกใบใหม่
เรียนผ่านมือถือเครื่องเดียว
วัยไหนก็เรียนได้
ปรึกษาได้ตลอด
ดูแลอย่างใกล้ชิด
วันที่ 1 การปรับหน้าโปรไฟล์
วันที่ 2 การสร้างวีดีโอ / รูปให้ดูน่าสนใจ
วันที่ 3 การสร้าง Content
วันที่ 4 การสร้างเพจมืออาชีพ
วันที่ 5 สอนยิงตรงกลุ่ม ยิงถูก ปิดยอดเก่ง
พร้อมวิธีหากลุ่มเป้าหมายแบบตรงเป๊ะ
.
เรียนจบครบทั้ง 5 วัน รับวุฒิบัตรได้ด้วย
ทั้งหมดนี้
เราเก็บค่าคอร์สกับคุณเพียง 97 บาท
ย้ำ!!คุณดูไม่ผิดหรอก 97 บาท
จากราคาปกติ 7,990 บาท
.
จำนวนจำกัด
สิทธิ์ 97 เฉพาะ 100 ท่าน
.
ขอท่านที่สนใจเรียนจริงๆ
เพราะเราก็ตั้งใจสอนให้ท่านจริงๆเช่นกันสนใจติดต่อ โค้ชเอก

โทร 0846623662

line id : teerapat999
รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99.iconsalepage.com/

17150


บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AAV ไตรมาส2ปี2564 ขาดทุนสุทธิ1,691.87 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน1,141.32 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมีรายได้รวม1,080.7 ล้านบาท ลดลง 51% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีราไยด้รวม 2,221 ล้านบาท แต่บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวม 3,894 ล้านบาท ลดลง3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 4,021.4 ล้านบาท

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 บจ. ไทยแอร์เอเชีย มีจำนวนผู้โดยสาร721,794 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 155 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขยายตัวไปในทิศทางเดียวกับปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารและปริมาณที่นั่ง

โดยหลักหนุนจากความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายน 2564 และฐานที่ต่ำซึ่งเป็ยผลมาจากการหยุดให้บริการบินชั่วคราวในเดือนเมษายน 2563

อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตามที่กล่าวข้างต้น ส่งผลให้อัตราการขนส่งผู้โดยสารในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 61นอกจากนี้บจ. ไทยแอร์เอเชีย ได้ดำเนินงานลดจำนวนเครื่องบินตามแผนในระหว่างงวด ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือน
มิถุนายน 2564 มีจำนวนเครื่องบินทั้งสิ้น 60 ลำ

ขณะที่งวดครึ่งปีแรก2564 ขาดทุน3,556.46 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น96% จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน1,812.80 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,431.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 75จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 8,451.1 ลดลงร้อยละ 34จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท


ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 สินทรัพย์มีจำนวน 64,601.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เทียบจากสิ้นปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจาก
(1) สินทรัพย์หมุนเวียนลดลงจำนวน 1,045.3 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงจำนวน
876.8 ล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงและการชำระคืนหุ้นกู้บางส่วน และค่าใช้จ่ายล่วงหน้าลดลงจำนวน 177.8
ล้านบาท จากการรับเงินชำระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงล่วงหน้าคืน

(2) สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนลดลงจ านวน 2,331.1 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสินทรัพย์สิทธิการใช้และที่ดิน เครื่องบิน ส่วนปรับปรุงอาคารเช่าและอุปกรณ์ ลดลงจากค่าเสื่อมราคาสะสมที่เพิ่มขึ้น

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในครึ่งหลังของปี2564 มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศสูงขึ้น โดยประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วจะฟื้นตัวได้ดีกว่าจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 การทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่

ในขณะเดียวกันประเทศเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาฟื้นตัวชะลอลง เนื่องจากอัตราการแจกจ่ายวัคซีนยังคงล่าช้าทำให้ยังต้องใช้มาตรการการควบคุมการแพร่ระบาด และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับจำกัด นอกจากนี้ประเทศที่พึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักจะยังฟื้ นตัวได้ช้ากว่าประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นการแพร่ระบาดของ COVID-19กลายพันธุ์นั้นกระจายเป็นวงกว้างโดยเฉพาะในเอเชีย ความล่าช้าในการกระจายวัคซีน และความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก ทั้งนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (“Fed”) ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 0.25 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของการจ้างงาน รักษาเสถียรภาพของอัตราเงินเฟ้อ และคงนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ กอปรกับเศรษฐกิจที่ฟื้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนของดอลลาร์
สหรัฐฯแข็งค่า ทั้งนี้บริษัทอาจเสียประโยชน์จากค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศ อาทิเช่น สัญญาซ่อมบำรุง สัญญา
เช่าเครื่องบิน เป็นต้น

ดังนั้นบริษัทจึงทำการบริหารภายใต้นโยบายการบริหารความเสี่ยงแบบธรรมชาติ คือ จัดการให้รายจ่ายอยู่ในสกุลเงินเดียวกับรายรับให้มากที่สุด นอกจากนี้โครงสร้างเงินกู้ในสกุลเงินต่างๆ จะถูกปรับให้สอดคล้องกับสกุลเงินของเงินสดสุทธิจากการด าเนินงานโดยบริษัทจะพิจารณานำเครื่องมือทางการเงินมาใช้ในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมากกว่าที่เคยประมาณการไว้เมื่อต้นปีโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนที่ส าคัญจากการเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น การเดินทาง การท่องเที่ยว และการขนส่ง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงรุนแรงในหลายประเทศโดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้า
น้ำมันอันดับสามของโลก และการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึง
ธันวาคมปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน

อนึ่ง ในไตรมาสนี้บริษัทไม่มีสัญญาแลกเปลี่ยนราคาน้ำมัน (Fuel Price Swap Agreements )
จากรายงานเดือนสิงหาคม 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย(“ธปท.”) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้ม
ขยายตัวร้อยละ 0.7 ลดลงจากประมาณการในเดือนมิถุนายน2564 ที่ร้อยละ 1.8 จากการระบาดของ COVID-19 รอบที่สาม
ที่ยืดเยื้อและรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเร่งสูงขึ้น โดยเฉพาะสายพันธุ์ Delta ที่มีความรุนแรง
ส่งผลให้มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคภาคเอกชน และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลง

อย่างไรก็ดีภาครัฐได้มีการออกมาตรการสนับสนุน รวมถึงการส่งออกยังขยายตัวได้ดีหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ อีกทั้ง ธปท. คาดการณ์ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าโดยประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 ไว้ 2 กรณี ในกรณีฐานจะมีนักท่องเที่ยว
ต่างชาติจำนวน 0.15 ล้านคน และกรณีที่แย่ที่สุด จะมีนักท่องเที่ยวเพียงจ านวน 0.10 ล้านคน ภายใต้สมมติฐานที่
สถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศสามารถควบคุมได้และทยอยผ่อนคลายมาตรการในช่วงต้นและช่วงปลายไตรมาส 4
ปีนี้ ตามลำดับ

ทั้งนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจมีความล่าช้าออกไปจากปัจจัยความเสี่ยง อาทิเช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ การเลื่อนระยะเวลาการเปิดประเทศประสิทธิภาพและความล่าช้าในการกระจายวัคซีนบจ. ไทยแอร์เอเชีย คาดการณ์ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะทรงตัวอย่างประคับประคองจากการที่ภาครัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (“กพท.”) ได้ประกาศห้ามบินรับส่งผู้โดยสารในประเทศพื้นที่ควบคุมสูงสุดเริ่มตั้งแต่ 21 กรกฎาคม เป็นต้นไปโดยไม่มีกำหนด

ดังนั้น บจ.ไทยแอร์เอเชีย จึงประกาศหยุดให้บริการในทุกเส้นทางบินภายในประเทศชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 12 - 31 สิงหาคม 256
เพื่อให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการช่วยกันป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดี บจ. ไทย
แอร์เอเชีย ยังเน้นการเติบโตในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน(“Non-airline Business”) โดยเพิ่มศักยภาพธุรกิจขนส่งทาง
อากาศโดยการนำเครื่องบินมาใช้ในการขนส่งทางอากาศอย่างเดียว เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและความต้องการ ขนส่งสินค้าโดยรวม

นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจด้านดิจิทัลภายใต้กลุ่มแอร์เอเชียได้ผนึกก าลังกับโกเจ็กแพลตฟอร์มบริการด้านอีคอมเมิร์ซและการช าระเงินผ่านมือถือชั้นนำของอาเซียนผ่านการเข้าซื้อกิจการของโกเจ็กส่วนที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย เพื่อที่จะเสริมศักยภาพและสร้างระบบนิเวศธุรกิจของกลุ่มแอร์เอเชีย โดยในประเทศไทยนั้น airasia super app จะเริ่มเปิดตัว airasia food และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายในครึ่งปีหลังนี้

17151


ท่ามกลางความมืดมิดจากวิกฤตโควิด-19 ผู้คนล้มตายประชาชนสิ้นหวังในเข้าถึงระบบสาธารณสุข โดยเฉพะพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้วยระบบราชการที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด โครงสร้างพื้นฐานสาธารณสุขของกรุงเทพฯ ที่อ่อนยวบ แต่แล้วแสงแห่งความหวังได้ปะทุขึ้นเมื่อ “ชมรมแพทย์ชนบท”เปิดยุทธการ “แพทย์ชนบทบุกกรุง" จัดทัพกู้ภัยโควิด กทม.

โดยแม่ทัพใหญ่ “นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา หมอของขวัญในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท นำทีมลงพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อปฏิบัติการตรวจเชิงรุก ปักหมุดหมาย “ชุมชนแออัด” ซึ่งเกิดการแพร่ระบาดรุนแรง ตั้งเป้าหาผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด เจอให้เร็วรักษาให้เร็ว พร้อมจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ นำเข้าระบบ Home isolation ตั้งเป้าลดอัตราป่วยหนัก-เสียชีวิต อันเนื่องจากการเข้าไม่ถึงยาและโรงพยาบาล สร้างโมเดลต้นแบบต่อสู้โควิด-19 ทลายข้อจำกัดระบบราชการ มุ่งหวังให้ทุกพื้นที่สามารถนำไปปรับใช้ได้

สำหรับปฏิบัติการ “แพทย์ชนบทบุกกรุง” สำเร็จลุงล่วง ได้รับความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเครือข่ายประชาชนทีมโควิดชุมชน (Com-Covid) ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญ ดำเนินการต่อเนื่องครั้งล่าสุดครั้งที่ 3 ระดมบุคลากรสาธารณสุขในต่างจังหวัดกว่า 400 คน แบ่งทีมย่อยลุยแผนดาวกระจายทั่วกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4-10 ส.ค. 2564 รวมพื้นที่ดำเนินแล้ว 196 จุดตรวจ รวม 369 ชุมชน ตรวจเชิงรุกประชาชน 141,516 ราย พบผลติดเชื้อสะสมจำนวน 15,588 ราย (ร้อยละ 11)

ถอดบทเรียนปฏิบัติ “แพทย์ชนบทบุกกรุง” พูดคุยกับแม่ทัพใหญ่ “นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ” ภายใต้แรงกดดันสถานการณ์โรคระบาด ผู้คนเผชิญกับความทุกข์ยาก ระบบสาธารณสุขที่ใกล้ล่มสลาย ระบบราชการที่เป็นอุปสรรคในการสู้รบกับโควิด แพทย์ชนบทได้จุดไฟแห่งความหวังให้ประชาชน เสมือนเข็มทิศนำทางให้รัฐปรับยุทธศาสตร์แก้วิกฤตโควิด-19

- ทำไมชมรมแพทย์ชนบทเลือกพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งที่จังหวัดอื่นๆ เกิดการแพร่ระบาดรุนแรงไม่ต่างกัน
จังหวัดอื่นแม้เกิดการระบาดหนัก แต่ว่าปรากฎการณ์ตายคาบ้านแทบไม่มี ไม่เหมือนในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ต่างจังหวัดผู้ป่วยมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล สถานการณ์ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดหากป่วยอย่างไรก็สามารรับได้ คนต่างจังหวัดหากสงสัยว่าติดเชื้อโควิด โรงพยาบาลยังสามารถตรวจได้ เพราะประชากรน้อยโรงพยาบาลจึงสามารถจัดการได้ แต่ว่ากรุงเทพฯ จุดตรวจโควิดแทบจะหาไม่ได้ ความสูญเสียชีวิตที่บ้านเห็นชัดเจนมาก

การลงพื้นที่กรุงเทพฯ ของแพทย์ชนบท เป้าหมายคือค้นหาผู้ติดเชื้อให้มาก เจอให้เร็ว รักษาจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์เร็ว นำเข้าระบบ home isolation จะได้ลดอัตราป่วยหนักที่ต้องการเตียงโรงพยาบาล และลดอัตราการเสียชีวิตอันเนื่องจากการเข้าไม่ถึงยาหรือเข้าไม่ถึงโรงพยาบาล ถึงแม้ลดอัตราการติดเชื้อไม่ได้โดยง่าย แต่หวังว่าจะลดอัตราเตียงล้นโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และลดอัตราตายลงได้บ้าง

การตรวจเชิงรุกในกรุงเทพฯ เราใช้ Rapid Antigen Test ที่มีคุณภาพสูง ยี่ห้อที่องค์การอนามัยโลกรับรอง เป็นยี่ห้อที่ใช้ในโรงพยาบาลมาตรวจ ซึ่งประเด็นนี้มีความน่าสนใจเพราะองค์การเภสัชฯ ทำการจัดซื้อ Rapid Antigen Test แต่ได้ยี่ห้อที่มีปัญหา ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะการตรวจสามารถรู้ผลได้เลย ความแม่นยำจึงมีความจำเป็น มิเช่นนั้น ต้องไปเสียเวลาตรวจซ้ำ RT-PCR ซึ่งเสียเวลาเสียทรัพยากรด้วย

สรุปผลการลงพื้นที่กรุงเทพฯ ครั้งแรก ระหว่าง 14 - 16 ก.ค. 2564 ครั้งที่ 2 ระหว่าง 21 - 23 ก.ค. 2564 และครั้งที่ 3 ระหว่าง 4– 10 ส.ค. 2564 สรุปผลพื้นที่ดำเนินการสะสม 196 จุดตรวจ รวม 369 ชุมชน มีประชาชนรับบริการสะสมจำนวน 141,516 ราย ผลติดเชื้อสะสมจำนวน 15,588 ราย ผลการตรวจผู้ป่วยทั้งหมดแบ่งเป็นผู้ป่วยระดับสีเขียว 10,838 ราย ระดับสีเหลือง 4,427 ราย และระดับสีแดง 323 ราย แจกยาฟ้าทะลายโจร จำนวน 3,509 ราย และแจกยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 8,939 ราย และให้บริการวัคซีนสะสม จำนวน 7,412 ราย



-ปัญหาที่พบหลังจากทีมแพทย์ชนบทลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกบริเวณชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ
แพทย์ชนบทเข้าไปในชุมชนแออัดชัดเจนว่าเป็นกลุ่มคนจน พวกเขาเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพ แม้กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยโรงพยาบาล คลีนิคเอกชน เต็มไปศูนย์บริการสาธารณสุขต่างๆ แต่พวกเขาเข้าไม่ถึงบริการเหล่านี้ ซึ่งการล็อกดาวน์เศรษฐกิจฟุบยาวนาน ทำให้เขาแทบจะไม่มีรายได้ ชีวิตยากลำบาก อยากจะตรวจโควิดก็ไม่มีที่ให้ตรวจ ป่วยแล้วก็ไม่รู้จะไปไหน โทร. 1669, 1330 แจ้งไปก็ไม่มีใครมารับ พอติดโควิดอยู่บ้านหลังเล็กแคบอยู่กันแออัด ติดในครอบครัว ติดเพื่อนบ้าน ลามติดกันทั้งชุมชน ยกตัวอย่าง ชุมชนริมคลองสามเสน ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 200 คน คือตัวเลขที่มีการตรวจก่อนแพทย์ชนบทจะเข้าไป ดังนั้น เราคาดการณ์ได้เลยว่าชุมชนนี้แพร่กระจายเชื้อติดกันไปมากกว่า 1,000 แล้ว จากประสบการณ์ทำให้รู้ว่า หากมี 1 คนติดเชื้อ จะมีอีก 5 คนที่ติดเชื้อ อาจจะไม่แสดงอาการ มีอาการเล็กน้อย เพราะการที่ไม่ได้รับตรวจหาเชื้อ ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว ทำให้มีการระบาดกว้างขวางมากโดยเฉพาะในชุมชนแอดอัด

-หลังจากแพทย์ชนบทสร้างโมเดลต้นแบบปฎิบัติการเชิงรุกต่อสู้โควิด-19 กู้วิกฤตโรคระบาด เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านการจัดการบริการสุขภาพในพื้นที่กรุงเทพฯ บ้างหรือไม่
เราเห็นสัญญาณที่ดีอยู่บ้าง พื้นที่กรุเทพฯ มีการเปิดตรวจจุดเคลื่อนที่เร็ววันละ 5 - 6 จุดเพิ่มขึ้นมาจากเดิม 500-1,000 คน หรืออย่างหน่วยทหารได้เปิดจุดตรวจในค่ายทหารก็เป็นมีสัญญาณที่ดี มีความพยายามในการเพิ่มจุดตรวจมากขึ้น แต่สิ่งที่เราเสนอมากกว่าเปิดจุดตรวจจากประสบการณ์ตั้งแต่เรามาครั้งที่ 1 คาดหวังให้เปิดจุดตรวจโควิด Rapid Antigen Test มากขึ้น แต่เราพบปัญหาว่าหลังรู้ผลติดเชื้อ ผู้ป่วยหาโรงพยาบาลไม่ได้ไม่มียา สุดท้ายก็เสียชีวิตที่บ้านให้เห็นเป็นจำนวนมาก

ครั้งที่ 3 แพทย์ชนบทมาด้วยชุดโมเดลที่สมบูรณ์ขึ้น ตรวจเสร็จแล้วจ่ายยาเลย เราได้รับการสนับสนุนฟาวิพิราเวียร์จากกระทรวงสาธารณสุข เราตรวจแล้วก็จ่ายยาเลยสำหรับคนที่อยู่ในเกณฑ์ เช่น ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว มีอาการ ซึ่งจริงๆ เราอยากให้จุดตรวจจุดอื่นจ่ายฟาวิพิราเวียร์ เพราะว่าถ้าผู้ติดเชื้อกลับไปอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลยถ้าเขาไม่ได้กินยา

ความยากคือจุดตรวจเหล่านั้นจะเอาฟาวิพิราเวียร์จากไหน เพราะว่าระบบการกระจายยายังเป็นปัญหา การนำเข้าน้อย องค์การเภสัชฯ ผลิตได้ไม่เพียง หรือถึงจะเพียงพอ แต่โจทย์คือจะกระจายยาอย่างไรให้ไปถึงประชาชนที่เป็นโควิด การพึ่งเพียงแต่โรงพยาบาลพึ่งการไปหาหมอที่โรงพยาบาลเป็นไปไม่ได้ ประชาชนเข้าไม่ถึง เรื่องการกระจายยาเป็นโจทย์ยากที่รอการจัดการ ซึ่งจริงๆ ไม่ยากหรอกครับ แค่ทำให้นโยบายเปิด เพราะปัจจุบันยังไม่เปิดเท่าที่ควร ฟาวิพิราเวียร์ยังเป็นยาเทวดาอยู่ คนยากคนจนเข้าไม่ถึง

ณ วันนี้ คนรวยติดโควิดเข้าถึงการรักษาไม่ยากครับ โรงพยาบาลเอกชนยินดีรับ โรงพยาบาลเอกชนยังมีเตียงว่างอยู่พอสมควรไม่ใช่ว่าไม่มีเตียง แต่ว่าเขาเก็บเตียงไว้สำหรับคนที่มีความสามารถในการจ่าย หรือมีประกันชีวิต การเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนต้องมีเงินไม่ต่ำกว่า 2 – 3 แสน นอน 14 วัน เป็นอย่างต่ำ

ส่วนคนจนรอเข้ารับรักษาในโรงพยาบาลของรัฐซึ่งเตียงมันเต็มหมดแล้ว ต้องลุ้นเอาว่าเป็นหนักมั้ย ถ้าเป็นหนักก็อาจจะไม่รอด แม้ว่าเข้าถึงการรักษาเข้าโรงพยาบาลสนามยังอาจไม่รอดเลย ดังนั้น เราต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ดูแลประชาชนดีๆ ตรวจเชื้อให้มากที่สุด ให้เขาเข้าถึงยาเร็วที่สุด อัตราเสียชีวิตจะลดลงต้องได้ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแรกไม่ใช่ว่าอาการหนักแล้วถึงจะได้ยา ถ้าอาการหนักแล้วได้รับยาก็ไม่ทัน การที่เขาได้ยาฟาวิพิราเวียร์เร็วมีความหมายมากต่อการรอดชีวิต ประเด็นสำคัญฟาวิพิราเวียร์จะได้เร็วก็ต่อเมื่อได้ตรวจเร็ว รู้ผลเร็วตั้งแต่ยังมีอาการน้อย เพราะหลายคนไปตรวจตอนที่อาการหนักแล้ว หอบแล้ว เหนื่อยแล้ว เดินไม่ไหวแล้ว ไปตรวจตอนนั้นกว่าจะตรวจกว่าจะรู้ผลกว่าจะได้ยาก็ช้าไปแล้วดังนั้น การตรวจเชิงรุกในชุมชนมีประโยชน์มาก ทำให้รู้ตัวเร็วว่าติดเชื้อแล้วได้รับยาเร็วมีโอกาสรอดสูง



-ในส่วนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจเชิงรุกของทีมแพทย์ชนบท มีแนวทางดูแลรักษาอย่างไรต่อ
ทุกคนที่ตรวจโพสิทีฟพบว่าติดเชื้อ เราจะให้เขาสแกนคิวอาร์โค้ดเข้าสู่ระบบ หนึ่ง-เข้าสู่ Home Isolation ของ สปสช. สำหรับอาการไม่รุนแรง เราจะลงข้อมูลให้ประชาชนเข้าสู่ฐานข้อมูลกลาง จากนั้นโรงพยาบาลต่างๆ ก็จะมาช้อนมารับตัวของเขาไปดูแลในระบบ Home Isolation ซึ่งรัฐให้ค่าใช้จ่ายต่อโรงพยบาลที่ดูแลผู้ป่วย 1000 บาทต่อวันต่อคน ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูง แต่ปรากฎว่าหลายหมื่นนคนก็ยังค้างอยู่ในระบบ ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับการดูแลยังล่องลอยอยู่ในฐานข้อมูล เป็นสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

สอง-เข้าสู่ Community Isolation หรือศูนย์พักคอย กทม. ซึ่งพื้นที่ที่ศูนย์พักคอยประชาชนก็มีโอกาสเข้าถึงระบบสาธารณสุขมากขึ้น แต่ว่าศูนย์พักคอยที่ กทม. มีน้อยมาก และสามหากอาการหนักส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ซึ่งยิ่งยากเพราะอย่างที่ทราบกันว่าโรงพยาบาลแต็ม แต่ก็มีความพยายามช่วยกันเยอะ จำนวนหนึ่งได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้เข้าทุกคน จำนวนมากต้องยอมกักตัวที่บ้านไปก่อน

-วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ สะท้อนความล้มเหลวของโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการสุขภาพที่ต้องรอการปฏิรูป
มองภาพเปรียบเทียบกับต่างจังหวัด ในต่างจังหวัดระดับตำบลมีสถานีอนามัยดูแลประชาชนประมาณ 2,000 -5,000 คน มีเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ 5-10 คน ทุกอำเภอมี 1 โรงพยาบาลอำเภอ ดูแลประชาชน 30,000 คน 50,000 คน 100,000 คน แตกต่างกันไป อย่างโรงพยาบาลจะนะดูแล 100,000 คน มีบุคลากร 300 คน ในขณะที่ กทม. แขวงเทียบเท่ากับตำบลดูแลคน 5,000 คน แต่ตัวเลขจริงมากกว่านั้นเป็นหมื่นเพราะมีประชากรแฝงด้วย แขวงไม่มีสถานีอนามัย ไม่มีศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. ทุกคนพึ่งพาคลินิกส่วนตัว ร้านขายยา

โครงสร้างสาธารณสุข กทม. มีแค่ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ซึ่งรับผิดชอบระดับเขต มี 50 เขต 65 ศูนย์ บางเขตมี 2 ศูนย์ ซึ่งบุคลากรน้อยมาก แต่ละเขตมีโรงพยาบาลไม่กี่แห่ง มีโรงพยาบาลไม่ครบทุกเขต เขตนึงดูแลคนเป็นแสนๆ แต่ไม่มีโรงพยาบาล หลายเขตพึ่งพาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย หรืออย่างโรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลภูมิพล ซึ่งไม่ใช่โรงพยาบาลของ กทม. การเจ็บป่วยไม่ได้มีเรื่องของการป้องกัน เรื่องโครงสร้างการดูแลปฐมภูมิ เรื่องของการควบคุมโรค การดูแลรักษาผู้ป่วยเชิงลึก โครงสร้างพื้นฐานของ กทม. ระบบบริการสุขภาพที่ผ่านมามีการลงทุนน้อยมาก มีการพัฒนาระบบน้อยมาก

โควิดทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า บ้านนอกอย่างน้อยเจ็บป่วยก็มีอนามัยดูแล สงสัยป่วยโควิดก็ได้ตรวจ swab ตรวจแล้วผลเป็นลบอีก 7 วันนัดมาตรวจใหม่ ต่างจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน กทม. โดยสิ้นเชิง ประเด็นโครงสร้างระบบบริการสุขภาพของ กทม. ต้องการการลงทุนอย่างมาก ในอนาคตอันใกล้ต้องปรับระบบขนาดใหญ่ เราคาดหวังกับผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ ซึ่งไม่รู้จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ อยากให้เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของผู้ว่าฯ เพราะถ้าไม่แก้ปัญหามันก็จะเรื้อรังระยะยาว ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ทำงานหนักมากนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่ทำงาน แต่เขาทำงานหนักภายใต้ข้อจำกัดโครงสร้างการทำงานที่เล็กมาก เจ้าหน้าที่น้อยมากทำงานไม่ไหว ดูแลไม่ไหว

-การกู้วิกฤตโควิด-19 สิ่งที่รัฐต้องดำเนินการจัดการโดยเร่งด่วนคืออะไร
เปิดจุดตรวจให้มากที่สุด เพิ่มจุดพักคอย จากการลงพื้นที่ของเราจุดที่เราลงตรวจให้ชาวบ้าน เราใช้วัด มัสยิดใช้ลานชุมชน ลานกลางแจ้ง กางเต้นท์ใต้ทางด่วน เป็นพื้นที่ที่มีชุมชนอำนวยความสะดวกได้ เราแทบไม่ได้ใช้โรงเรียน อาคารสถานที่ราชการ เรารู้สึกได้ว่าหน่วยราชที่ กทม. ยังไม่สามัคคี ไม่ทุ่มเท ทั้งๆ ที่หน่วยราชการมีเยอะมาก อาคารหน่วยราชการเยอะมาก ซึ่งโรงเรียนเป็นอาคารที่น่าสนใจมากที่สุด ถ้าเป็นในต่างจังหวัดโรงเรียนจะถูกใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม เป็นศูนย์พักคอย แต่ใน กทม. ทรัพยากรที่มีไม่ถูกระดมมาใช้กู้ภัยโควิด กับประชาชนต้องเผชิญหน้าอยู่กับเหตุการณ์ด้วยตัวเอง โดยมีกระทรวงสาธารณสุข หรือ กทม. ทำงานกันเต็มที่แต่ก็ไม่ไหว เพราะว่าเป็นการทำงานภายใต้ทรัพยากรที่มีไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระบบราชการที่มันแตกตัวมาก

-ชมรมแพทย์ชนบทเรียกร้องให้รัฐระงับการส่งออกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าหวังเพิ่มการฉีดวัคซีนให้คนไทยลดอัตราการเสียชีวิต
อัตราการติดเชื้อมันไกลเกินกว่าควบคุมการแพร่ระบาดด้วยวิธีมาตรฐาน ระบาดไปไกลมากแล้ว วิธีการควบคุมระบาดมีวิธีเดียวก็คือฉีดวัคซีนให้ถ้วนหน้า แต่ว่าวัคซีนที่เราได้มาน้อยมากในปัจจุบัน รัฐพูดเองว่าแอสตร้าฯ ได้เดือนละ 10 ล้านโส แต่เอาเข้าจริงได้เดือนละ 5 ล้านโดส ซึ่งมันไม่พอ ซิโนแวคก็เป็นวัคซีนที่ไม่มีใครอยากฉีด การระบาดแย่ลงมากไม่เฉพาะใน กทม. ตอนนี้เราระดมฉีดวัคซีนอย่างหนักใน กทม. แต่ต่างจังหวัดมีการฉีดน้อย ขาดแคลนวัคซีนด้วย

เราคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเรามีวัคซีนมากขึ้น ดูรัฐบาลก็ไม่มีความสามารถในการจัดหาวัคซีนได้ ได้รับบริจาคล็อตเล็กๆ เดือนละ 4 - 5 แสนโดส 1 ล้านโดส ก็ไม่พอ ฉะนั้น ช่องทางกฎหมายที่เราทำได้ตาม พ.ร.บ วัคซีนแห่งชาติ คือการจำกัดการส่งออก จัดการได้ตามกฎหมาย เป็นหนึ่งในข้อเสนอต่อรัฐครับ จริงๆ เรามีเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณวัคซีนในประเทศ ถ้ารัฐบาลสามารถใช้มาตรการอื่นจัดการวัคซีนด้วยวิธีการอื่นมาได้ เราก็ยินดีไม่ต้องมาใช้มาตรการทางกฎหมายเช่นนี้ แต่ถ้าหาไม่ได้เลยจริงๆ เราคิดว่านี่คือสิ่งที่จำเป็น มิเช่นนั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศจะแย่มาก เปิดประเทศ 120 วันจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง อัตราการตายจะสูงขึ้น อัตราการแพร่ระบาดจะสูงขึ้น อัตราการแพร่ระบาดจะเพิ่ม 4 - 5 หมื่นคนต่อวัน วัคซีนคือคำตอบในการทำให้การแพร่ระบาดลดลง อัตราป่วย อัตราตายลดลง

-การบริหารวัคซีนเราพลาดตรงไหน ประเทศไทยถึงเดินมาถึงจุดนี้
อดีตสถานการณ์เราดีจริงนะ ผู้ติดเชื้อน้อย เราควบคุมการระบาดได้ดี ก็คงทำให้เราประมาทไปในเรื่องการจัดกาวัคซีน พอเราจองวัคซีนช้า ระบบราชการที่เทอะทะเต็มไปด้วยขั้นตอนทางกฎหมายมากมาย ยิ่งทำให้การจองวัคซีนช้า จ่ายเงินช้า ทุกอย่างช้าไปหมด วัคซีนธุรกิจไม่ใช่วัคซีนการกุศล แล้วเราเชื่อมั่นในสยามไบโอไซเอนซ์ว่าจะผลิตวัคซันได้มาก พอผลิตได้น้อยว่าที่ประมาณการณ์ไว้ก็ส่งผลให้มีวัคซีนไม่เพียงพอ ก็มีแต่ซิโนแวคที่เราซื้อได้ตลอด แต่ว่าผู้คนตั้งคำถามต่อซิโนแวคอย่างมาก ที่พลาดไปแล้วไม่เป็นไรนะ แก้ไขให้ได้ แก้ไม่ได้มันก็ไม่ไหว

-ประเด็น ร่าง พ.ร.ก. คุ้มครองบุคลากรสาธารสุข กับข้อครหานิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง คุณหมอมีความเห็นอย่างไร
มี 2 ประเด็นนะครับ โดยส่วนตัวเชื่อว่าความตั้งใจของผู้เสนอ พ.ร.ก. ฉบับนี้ ตั้งใจดูแลบุคลากรที่ฉีดวัคซีนถ้ามีปัญหาจะได้ไม่ต้องรับผิด แต่ว่าด้วยความไม่เชื่อมั่นของผู้คนต่อรัฐบาลรวมถึงความไม่ชัดเจนของเป้าหมายในการออก พ.ร.ก ฉบับนี้ ว่าจริงๆ แล้วควรจะเอาแค่ผู้ปฏิบัติก็เลยทำให้มีความสับสน ผมว่าเริ่มต้นง่ายที่สุดคือการรับฟังเสียงให้กว้างขวางแล้วทำให้เรื่องนี้มันโปร่งใส ไม่ควรเป็นเหมาเข่ง ให้เวลากระทรวงฯ พิจารณา ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง



-จะมีปฏิบัติแพทย์ชนบทบุกกรุง ครั้งที่ 4 หรือไม่
ไม่แน่ครับ เราอยากเห็น กทม. รวมมือจัดการตัวเองให้ได้ เราไม่ได้ต้องบุกกรุงเทพฯ เราจะอยู่ต่างจังหวัด โมเดลตรวจเชิงรุกของแพทย์ชนบทใช้ได้ทั่วประเทศไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะ กทม. อย่าง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเริ่มมีการนำโมเดลไปใช้แล้ว

-ทราบว่าทีมแพทย์ชนบทกว่า 400 คนที่ร่วมปฏิบัติการในกรุงเทพฯ มากันโดยความสมัครใจ ทุกคนฉีดวัคซีนกันครบแล้วใช่ไหม
อัตราการติดเชื้อในกรุงเทพฯ ลงพื้นที่ชุมชนแออัดสูงมาก ทีมที่ลงพื้นที่จะฉีดเข็ม 3 มาเลย ส่วนใหญ่ ซิโนแวค 2 เข็ม แอสตร้าฯ เข็ม 3 ถ้วนหน้า เพราะไฟเซอร์มาช้ามาไม่ทันเราบุกกรุง เรามากันด้วยความสมัครใจ

- ปฏิบัติงานด่านหน้ามีความเสี่ยงสูง ทีมแพทย์ฯ มีความรู้สึกหวาดกลัวบ้างไหม
ทั้งตัวผมเองและทุกคนที่มากลัวติดโควิดหมดเลยนะ แต่เราก็เป็นเหมือนทหาร ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ เราก็ได้วัคซีนเข็มที่ 2 เข็มที่ 3 มากกว่าประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้รับวัคซีนสักเข็ม ทีมที่มาฉีดแอสตร้าฯ เข็ม 3 ให้กับตัวเองก่อนเดินทางมา กทม. เรามีชุด PPE หน้ากาก N95 มีองค์ความรู้มากกว่าใคร เราแต่งตัวได้รัดกุมมากในการปฎิบัติงานเมื่อเทียบกับภาคประชาชนที่มาช่วยงานเรา พวกเขาน่าเป็นห่วงกว่าเราเยอะ เขามาช่วยเราเรียกคิวมาช่วยลงทะเบียน การแต่งกายรัดกุมน้อยมากอุปกรณ์ก็ขาดแคลน เรามีความเสี่ยงติดโควิดจริง แต่จริงๆ เราเสี่ยงน้อย

ปฎิบัติการบุกกรุงครั้งที่ 2 มีพยาบาลจังหวัดน่าน ติดโควิด จาก 120 คน ปฎิบัติการบุกกรุง ครั้งที่ 3 ก่อนกลับเราตรวจมีคนติดแล้ว 1 คน ยังต้องติดตามกันว่าพวกเราจะติดโควิดกันกี่คน แต่ถึงติดโควิดก็ไม่เป็นไร เพราะเราเป็นบุคลากรการแพทย์ เรามียาฟาวิพิราเวียร์ โรงพยาบาลเราก็มีเตียง เราเป็นชนชั้นสูงในสายสุขภาพ เราเข้าถึงบริการอยู่แล้ว ติดโควิดก็กักตัวรักษาไม่ใช่ปัญหา เราไม่ใช่ชาวบ้านคนด้อยโอกาสเข้าไม่ถึงบริการ เราไม่ได้ลำบาก แต่เราก็ตรวจตัวเองเพื่อให้เรารู้ให้ไม่ติดคนอื่นในครอบครัว เรามีวินัยในการปฏิบัติงาน เราป้องกันตัวเองดีมีโอกาสติดโควิดน้อยมาก

ผมชื่นชมทีมงานที่มามากเลยนะ มากันตั้ง 40 ทีม 400 คน มันสะท้อนถึงจิตวิญญาณอุดมคติที่มันยังมีอยู่ในตัวบุคลากรสุขภาพ ใครไหวก็มา โรงพยาบาลไหนไหวก็มา ครูบาอาจารย์สอนให้เราทำงานเพื่อชาวบ้าน เพื่อผู้คน จิตวิญญาณยังมีอยู่ซ่อนอยู่ถึงเวลาวิกฤตมีคนอาสามา

17154
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq




หน้า: 1 ... 951 952 [953] 954 955 ... 974