แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Jessicas

หน้า: 1 ... 999 1000 [1001] 1002 1003 ... 1017
18001


พลพรรคแข้ง "สิงโตคำราม" จัดการรัวประตูช่วงครึ่งหลังแบบคนยิงไม่ซ้ำหน้า ก่อนถลุงใส่ ฮังการี ขาดลอย 4-0 เกมรอบคัดเลือก ฟุต.โลก 2022 โซนยุโรป เมื่อคืนวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา

ฟุต.โลก 2020 รอบคัดเลือก
ฮังการี 0-4 อังกฤษ

นัดที่ 4 ของกลุ่มไอ อังกฤษ จ่าฝูงมี 9 แต้ม ออกไปเยือน ฮังการี อันดับ 2 มี 7 แต้ม เกมนี้ "สิงโตคำราม" ตัวหลักลงสนามครบครันทั้ง แจ๊ค เกรียลิช, ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาต์ และ แฮร์รี เคน

เริ่มเกม นาที 8 อังกฤษ เกือบนำ ลุค ชอว์ เปิดเตะมุมทางซ้ายให้ แฮร์รี แม็คไกวร์ เทกตัวโหม่งแต่ข้ามคาน ขณะที่ นาที 19 อังกฤษ บุกขึ้นต่อ แจ๊ค เกรียลิช ป้าย.ให้ แฮร์รี เคน ลองซัดไกลแต่ก็ข้ามคานเหมือนกัน

เกมมีจังหวะให้ลุ้นน้อย รอถึง นาที 40 ฮังการี ได้ลูกฟรีคิกระยะมีลุ้น โดมินิค โซบอสซาไล วาง.แล้ววิ่งมาตะบันด้วยขวาแต่.ข้ามคาน สรุปครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอก่อน 0-0

ครึ่งหลัง นาที 56 อังกฤษ ทะลวงประตูสำเร็จ เมสัน เมาต์ เติมขึ้นทางซ้ายแล้วตบ.ให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แปตุง 1-0 ต่อมา นาที 62 ลูกสองก็มาจากเกมตัด.กลางสนาม ราฮีม สเตอร์ลิง เปิดตักเข้าซ้ายให้ แฮร์รี เคน โหม่งไม่พลาด 2-0

ประตูไหลเป็นน้ำ นาที 69 ลุค ชอว์ เปิดเตะมุมโด่งให้ แฮร์รี แม็คไกวร์ โหม่ง ปีเตอร์ กูลาสซี ปัดแล้วแต่ไม่พ้นทำให้ อังกฤษ ทิ้งห่าง 3-0 ก่อนที่ นาที 86 อังกฤษ ตอกฝาโลง แจ๊ค เกรียลิช คืน.แถวสองแล้ว ดีแคลน ไรซ์ ตะบันแหวกกองหลังเจ้าบ้านเข้าประตู 4-0

จบเกมกลายเป็นว่า อังกฤษ ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เก็บเพิ่มเป็น 12 แต้ม ชนะรวดจาก 4 นัดที่ลงสนาม ส่วน ฮังการี มี 7 แต้มและอยู่อันดับ 2 เท่าเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ฮังการี - ปีเตอร์ กูลาสซี, วิลลี ออร์บัน, อัตติล่า ซาไล, อากอส เคสเกส, อันดราส เชเฟอร์, ลาซโล เคเลนเลอร์, อัตติล่า ฟิโอล่า, เบนเดกัซ โบลล่า, โดมินิค โซบอสซาไล, โรลันด์ ซัลไล, อดัม ซาไล
อังกฤษ - จอร์แดน พิคฟอร์ด, แฮร์รี แม็คไกวร์, จอห์น สโตนส์, ลุค ชอว์, ไคล วอล์คเกอร์, เมสัน เมาต์, ดีแคลน ไรซ์, คัลวิน ฟิลลิปป์ส, แจ๊ค เกรียลิช, ราฮีม สเตอร์ลิง, แฮร์รี เคน

18002


ทีมงานนักเตะของโปรตุเกส ปล่อยตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกจากแคมป์เรียบร้อยเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการคืนสนามให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดแรกในวันที่ 11 กันยายนนี้

โรนัลโด้ เพิ่งยิง 111 ประตู สูงสุดตลอดกาลในทีมชาติ หลังพา "ฝอยทอง" ชนะ ไอร์แลนด์ 2-1 เมื่อคืนวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ทว่าก็โดนใบเหลืองจากผู้ตัดสินข้อหาถอดเสื้อฉลองประตู

ใบเหลืองนี้ทำให้แข้งวัย 36 ปี ติดโทษแบนห้ามลงเตะกับ อาเซอร์ไบจาน วันที่ 7 กันยายนนี้ แต่กลับเป็นผลดีสำหรับเจ้าตัวที่จะได้ออกจากแคมป์ก่อนกำหนด และทีมงานก็ไฟเขียวให้กลับได้แล้ว

หมายความว่า CR7 จะได้กลับไปรายงานตัวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บ้านเก่าที่คุ้นเคยก่อนกำหนด ซึ่งนั่นทำให้มีเวลาเตรียมตัวหลายวันก่อนคัมแบ็กในสีเสื้อ "ผีแดง" เจอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

หาก โรนัลโด้ ได้ลงสนามเจอ "สาลิกาดง" จะทำให้เจ้าตัวได้กลับมารับใช้ต้นสังกัดที่แจ้งเกิดให้เป็นสตาร์ระดับโลกอีกครั้ง หลังออกจากทีมไปเมื่อปี 2009 เพื่อไปอยู่กับ รีล มาดริด ที่สเปน

18003
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: กันยายน 02, 2021, 12:40:36 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18004


การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ุใหม่ 2019 (โควิด-19) กำลังส่งผลบวกต่อหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ (IPO)บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JPที่เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 115 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท คาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) ภายในปี 2564

โดยแผนการระดมทุนครั้งนี้ !! จะนำเงินที่ระดมทุนได้ไป“ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในทุกมิติ” ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาด การสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงและขยายโรงงานทั้ง 2 แห่ง ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

“สิทธิชัย แดงประเสริฐ”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP huay บริษัทมี“จุดแข็ง” อยู่ที่ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถนำองค์ความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์มาพัฒนาเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ ด้วยผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท (Own Brand)

โดยมีแผนงานนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงของบริษัทเช่น ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับบำรุงสุขภาพและความงาม รวมถึงใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ด้านธุรกิจยาและสมุนไพรมานานกว่า 70 ปี เพื่อรองรับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย จากการเลือกใช้ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นทางเลือกในการป้องกันและรักษาโรคมากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทได้นำศักยภาพการผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่ง ที่กรุงเทพฯและจังหวัดลำพูน ที่มีการรับรองมาตรฐานการผลิตสำหรับการผลิตยา (GMP PIC/s) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข สอดคล้องและทัดเทียมกับมาตรฐานของสหภาพยุโรปและมาตรฐาน GMP มาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบและครบวงจรเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความหลากหลายทั้งขนาด ส่วนผสม และรูปแบบ

JP สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้บริโภคเข้าสู่สังคมแห่งการดูแลสุขภาพ ช่วยสนับสนุนแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ลูกค้า (OEM) ซึ่งบริษัทให้การบริการที่ครอบคลุม ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาสินค้า การคิดค้นและพัฒนาสูตร การขอทะเบียนตำรับยาหรือการจดแจ้งเลขสาระบบอาหาร (เลข อย.) การออกแบบบรรจุภัณฑ์และควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพ

ปัจจุบันบริษัทมี“กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพในเชิงดูแลป้องกันและรักษาโรค” ภายใต้ตราสินค้าบริษัท ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาผู้ป่วย ภายใต้ตราสินค้า COXTM ได้แก่ ยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อม ยาน้ำแก้ไข้และยาคุมกำเนิด ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากธรรมชาติ ที่ใช้ทั้งภายในและภายนอก ภายใต้ตราสินค้า สุภาพโอสถ TM เช่น ยาเม็ดสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ยาแก้ไข้ ยาบำรุงโลหิต ยาขับลม ยาแคปซูลผสมเถาเอ็นอ่อน ยาหม่อง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันสกัดเย็น 4 ชนิด และสาหร่ายสไปรูริน่า

“กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร”สำหรับบำรุงสุขภาพและความงาม ภายใต้ตราสินค้า EVITONTM ได้แก่ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจน ผลิตภัณฑ์วิตามินรวม ผลิตภัณฑ์สารสกัดน้ำมันธรรมชาติ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ภายใต้ตราสินค้า JSPTMที่ระดับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ ตั้งแต่70-95% ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย รับความต้องการใช้ในครัวเรือนจนถึงกลุ่มอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นการจัดซื้อเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาเพื่อจำหน่ายแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทมีเป้าหมาย“ก้าวสู่บริษัทชั้นนำด้านการวิจัย ผลิตและจัดจำหน่ายยา เวชภัณฑ์และ[^_^]” ผ่านแนวทางการตลาดมุ่งสร้างตราสินค้าของตัวเองให้เข็มแข็งและขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลาย (Multi -Channel Marketing) ทั้งร้านขายยาทั่วไป ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านสะดวกซื้อ ทีวีโฮมช้อปปิ้ง และช่องทางออนไลน์ (Online Channel) ในมาร์เก็ตเพลส รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ผ่านรูปแบบแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ

18005


ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมการประชุมหารือกับนักวิจัยกลุ่มแพทย์และสาธารณสุข นำโดยศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะนักวิจัย ร่วมหารือแนวทางการขับเคลื่อนงานวิจัยโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (EID) ปลดล็อกข้อจำกัดเพื่อยกระดับการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและทันต่อสถานการณ์



โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า การประชุมหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ สกสว. กับนักวิจัยกลุ่มต่าง ๆ เพื่อสร้างความร่วมมือถึงแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำเสนอความคืบหน้าของการวิจัยในวันนี้ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่างานวิจัยสำคัญต่อประเทศ ถือเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในระยะยาว อย่างไรก็ตามยังคงต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาระบบวิจัยของประเทศร่วมกับ สกสว. ในการปลดล็อกระเบียบต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการเงิน โดยวันนี้ได้รับฟังปัญหาและอุปสรรคในการทำงานจากนักวิจัยโดยตรง เพื่อให้ภาคนโยบายนั้นสามารถนำไปทำงานเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ในโอกาสต่อไป ในส่วนตัวเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ



ทางด้าน ศาสตราจารย์ ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเสนอภาพรวมงานวิจัยโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (EID) รวมถึงมีการเสนอแนวทางแก้ไขข้อจำกัดในการบริหารจัดการงานวิจัย ระบุว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีพื้นฐานด้านการวิจัย ซึ่งมีประสบการณ์ในการศึกษาวิจัยโรคระบาดในอดีตที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นมีความแตกต่างจากโรคระบาดอื่น ๆ เนื่องจากเชื้อชนิดนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นได้ว่าในระยะแรกของการแพร่ระบาดยังขาดการใช้ข้อมูลทางด้านการแพทย์เพื่อประกอบการตัดสินใจด้านนโยบายบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ จากนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการการศึกษาวิจัยด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น โดยการทำงานร่วมกับหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม (PMU) แต่ด้วยสถานการณ์เร่งด่วน ทำให้ในบางครั้งอาจจะมีข้อจำกัดในระเบียบด้านงบประมาณ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้จึงมีแนวคิดเสนอการทำ Sandbox ด้านการแพทย์โดยเฉพาะการรับมือกับโควิด-19 เพื่อปลดล็อกระเบียบต่าง ๆ ทำให้นักวิจัยสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอการทดลองทางคลินิกของวัคซีนโควิด (Clinical Trials of Covid Vaccines) เผยความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 2 ปัจจุบันมีอาสาสมัครจำนวน 210 คน ซึ่งได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 205 คน ส่วนใหญ่ไม่มีความกังวล โดยผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ สร้างภูมิต้านทานมากกว่า 4 เท่าเกินกว่าร้อยละ 90 ของอาสาสมัคร 100 คน ยืนยันวัคซีนมีความปลอดภัย ซึ่งการทดลองในระยะที่ 2 นี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม จากนั้นจะเข้าสู่การทดลองในระยะที่ 3 ต่อไป



นอกจากนี้ การประชุมในวันนี้ยังมีการนำเสนอในหัวข้ออื่นๆ อาทิ Antigen Test Kit (ATK) for Covid and Infectious Diseases, บทบาทของเครือข่ายศูนย์วิจัยทางคลินิก ในการทดสอบ ยาและวัคซีน สำหรับการรักษาโควิด-19 และ Covid Consortium and Emerging Infectious Disease (EID) ซึ่งทีมนักวิจัยยังได้มีโอกาสในการสื่อสารปัญหาในการทำงานวิจัยถึงภาคนโยบาย ซึ่งต่อจากนี้ที่ประชุมจะได้ร่วมกันหาทางออกเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยสู่การพัฒนาประเทศ และแก้ปัญหาอันเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศต่อไป

18006


ในงานนิทรรศการ AI และ Big Data กองทัพเรือ ประจำปี 2564 ผ่านระบบออนไลน์เสมือนจริง (Virtual Exhibition) จัดโดย กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ กองทัพเรือ ซึ่งมี พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานเปิดงานเมื่อเร็วๆนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดี แสดงผลงานหุ่นยนต์ AI ช่วยผ่าตัด ซึ่งเป็นนวัตกรรมฝีมือคนไทย เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เสริมสร้างความตื่นตัวการใช้นวัตกรรมของคนไทยและเผยแพร่องค์ความรู้การประยุกต์ใช้หุ่นยนต์และ AI ในการแพทย์และสุขภาพมากยิ่งขึ้น

รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ (BART LAB) กล่าวว่า สาขาวิชาวิศกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก่อตั้งเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและอาเซียน โดยนำองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ผสมผสานแพทยศาสตร์มาตอบโจทย์แก้ปัญหา สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ มาเสริมประสิทธิภาพบุคลากรทางการแพทย์ในการทำงานบำบัดรักษาผู้ป่วยได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งนี้ วิศวกรชีวการแพทย์ เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานทั่วโลกสูงมาก โดยจะต้องมีความรู้ในศาสตร์เทคโนโลยีวิศวกรรมและพื้นฐานทางการแพทย์ ปัจจุบัน BART LAB มีห้องแล็บผ่าตัดจำลองและได้พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ มาอย่างต่อเนื่อง (www.BARTLAB.org) เพื่อแก้ปัญหาของประเทศไทยซึ่งขาดแคลนแพทย์ที่มีความชำนาญสูง ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วย เช่น DoctoSight หุ่นยนต์ผู้ช่วยแพทย์อัจฉริยะ ระบบนำทางผ่าตัดมะเร็งเต้านม และ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ที่สามารถทำงานร่วมกับศัลยแพทย์ได้ โดยจุดเด่นของหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดจะสามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในหลายด้าน เช่น ความแม่นยำสูงในพื้นที่ทำงานอันจำกัด ลดระยะเวลาการผ่าตัดและเพิ่มประสิทธิผล ลดความผิดพลาดจากความเหนื่อยล้า ทำงานได้ตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดสำหรับการเปิดแผลเล็กนั้น โดยปกติการผ่าตัดประเภทนี้จะต้องใช้บุคลากรจำนวนมากและมีความชำนาญในพื้นที่อันละเอียดอ่อนและจำกัด เมื่อมีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด จะเข้ามาช่วยแพทย์ให้การผ่าตัดได้รับความแม่นยำและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น พร้อมลดภาระบุคคลากรลงด้วย

หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Minimal Invasive Surgery: MIS) ที่นำมาแสดงสาธิตในงานนี้ คือ หุ่นยนต์ผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งในการผ่าตัด จะเจาะรูเล็กๆ เพียง 1 - 2 ซม. บริเวณผิวหนังที่ต้องการจะผ่าตัด เพื่อสอดอุปกรณ์ผ่าตัดและกล้องขนาดเล็กเข้าไป หุ่นยนต์จะทำหน้าที่ช่วยถือจับอุปกรณ์การผ่าตัดอย่างมั่นคง โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ซึ่งจะอิงอยู่กับจุดที่ทำการผ่าตัดที่กำหนดไว้ ไม่ให้เคลื่อนออกพ้นจากจุดที่ทำการผ่าตัดเปิดแผลไว้ ช่วยป้องกันความเสียหายของเนื้อเยื่อ และที่สำคัญคือ เมื่อต้องทำการฆ่าเชื้อ สามารถถอดอุปกรณ์ออกมาได้ หรือระหว่างการผ่าตัดต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องมือบ่อยครั้ง ไม่เป็นอุปสรรค ในลักษณะของการขับเคลื่อน หุ่นยนต์จะช่วยขับเคลื่อนเข้ามาช่วยให้แพทย์ทำงานอย่างแม่นยำเพิ่มมากขึ้น โดยใช้ ระบบขับเคลื่อนผ่านสายส่งกำลัง เป็นระบบที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ จะมีตัวส่งกำลัง ระบบมอเตอร์สำหรับขับเคลื่อนหุ่นยนต์อยู่ด้านหลัง นอกจากนี้ ในยุคเทคโนโลยีสื่อสารที่ก้าวหน้า เรายังได้พัฒนาระบบผ่าตัดที่ควบคุมระยะไกล ทำให้ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถเชื่อมต่อกับหุ่นยนต์และทีมแพทย์ที่อยู่หน้างานกับผู้ป่วยได้แม้จะอยู่ในที่ห่างไกลกัน เช่น กรณีศัลยแพทย์อยู่ในกรุงเทพ แต่ผู้ป่วยอยู่ต่างจังหวัดต้องได้รับการผ่าตัดด่วน การมีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ที่หน้างานจะสามารถตัดสินใจและเรียนรู้การทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์กับหุ่นยนต์ได้ ใช้งานง่าย ซึ่งถอดแบบมาจากผู้ที่มีประสบการณ์ความชำนาญสูง ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้แพทย์การรักษาบำบัดผู้ป่วยได้แม่นยำรวดเร็ว สามารถเข้าถึงอวัยวะที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนได้ในพื้นที่ทำงานอันจำกัด ผู้ป่วยได้รับการบำบัดรักษาที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น แผลเล็ก เสียเลือดน้อย เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว อีกทั้งเพิ่มโอกาสให้แพทย์สามารถรักษาผู้ป่วยคนอื่นได้มากขึ้นด้วย ปัจจุบันทีม BART LAB กำลังพัฒนาการเชื่อมต่อ โดยยึดหลักความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์และหุ่นยนต์เป็นสำคัญ

18007
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: กันยายน 01, 2021, 07:14:39 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18008


‘ไต’ อวัยวะที่มีหน้าที่สำคัญในกำจัดของเสีย ควบคุมความเป็นกรด-ด่างในกระแสเลือด รักษาความสมดุลของเกลือแร่ รวมไปถึงดูแลปริมาณน้ำในร่างกาย ซึ่งหากไตทำงานผิดปกติหรือขาดประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและร่างกายได้ เช่น การเกิดภาวะเลือดจาง การขาดวิตามิน รวมถึงโรคต่างๆ ที่อาจตามมาอีกมากมาย โดยสาเหตุของการเกิดโรคไตส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง การบริโภคโซเดียมมากเกินไป การไม่ออกกำลังกาย รวมถึงการทานยาหรือสมุนไพรที่มีพิษต่อไต จนนำไปสู่การเจ็บป่วยและมีภาวะโรคไตเรื้อรังในที่สุด ซึ่งปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน โดยเป็นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (End Stage Renal Disease; ESRD) ที่ต้องรับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้องมากกว่าหนึ่งแสนคน และมีแนวโน้มว่าคนไทยป่วยเป็นโรคไตเพิ่มขึ้น 15-20% ต่อปี ทำให้การให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไต อย่างถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก

ทางสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย จึงได้เปิดตัว โครงการ “คุยเรื่องไต ไขความจริง” เพื่ออัพเดทข่าวสาร สาระและความรู้เกี่ยวกับโรคไต โดยทีมแพทย์ เภสัชกร และนักกำหนดอาหาร ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ที่ผลัดเปลี่ยนกันมามอบสาระความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องในการป้องกัน ดูแล และรักษาโรคไต

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ผ่านทางทางเพจ Facebook สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย - The Nephrology Society of Thailand #คุยเรื่องไตไขความจริง #สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย

18009


ขณะที่โลกกำลังต่อสู้เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ให้ได้ ตัวไวรัสเองก็กลายพันธุ์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมูประชากรที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกกำลังกังวลเรื่อง โควิดสายพันธุ์ใหม่ C.1.2 พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อเดือน พ.ค.

เว็บไซต์ biospace.com รายงานว่า ที่น่ากังวลเพราะสายพันธุ์นี้ดูเหมือนติดเชื้อได้ง่ายกว่า และต้านทานวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ถึงขณะนี้โควิดสายพันธุ์ C.1.2 พบในแอฟริกาใต้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มอริเชียส จีน นิวซีแลนด์ อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ และโปรตุเกส

อัตราการกลายพันธุ์ดูแล้วสูงกว่าปกติและกลายพันธุ์ได้มากกว่าสายพันธุ์ที่น่ากังวล (วีโอซี) และสายพันธุ์ที่น่าสนใจ (วีโอไอ) อื่นๆ


คณะนักวิจัยจากสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติแอฟริกาใต้ และ  KwaZulu-Natal Research Innovation and Sequencing Platform พบว่า C.1.2 มีอัตราการกลายพันธุ์ ปีละราว 41.8 ครั้ง เกือบสองเท่าของอัตราการกลายพันธุ์ทั่วโลกของสายพันธุ์ที่น่ากังวลในปัจจุบัน

รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ คณะผู้ตรวจสอบระบุว่า พบโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีการกลายพันธุ์บริเวณหนามหลายครั้ง เป็นไปได้ว่าปรากฏขึ้นในเขตเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้หลังระบาดระลอกแรก จากนั้นแพร่ไปหลายๆ ทำเล ภายในสองจังหวัดที่อยู่ติดกัน และกระจายไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักใน 3 จังหวัด
แม้นัยสำคัญของการกลายพันธุ์ยังไม่ชัดเจน แต่ข้อมูลด้านพันธุกรรมและระบาดวิทยาชี้ว่า สายพันธุ์นี้มีความได้เปรียบตั้งแต่ติดต่อได้ง่ายขึ้น หลบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น หรือทั้งสองอย่าง

ก่อนหน้านี้ในเดือน ส.ค. กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษรายงานว่า C.1.2 เป็นหนึ่งในสิบสายพันธุ์ที่กำลังถูกจับตาในสหราชอาณาจักร

นักวิจัยคนหนึ่งที่ร่วมศึกษา กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ C.1 สายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ไปมาก ทั้งยังกลายพันธุ์จากสายพันธุ์เดิมที่พบในอู่ฮั่นมากกว่าวีโอซีและวีโอไออื่นๆ ที่พบทั่วโลกนับถึงขณะนี้

18012


สายการบินไทยสมายล์  ประกาศตารางบินทั่วไทย 11 เส้นทาง ช่วง 1-30 ก.ย. พร้อมบริการฟูลเซอร์วิส  ฟรี น้ำหนัก20 กก. ,เลือกที่นั่ง ,อาหาร เครื่องดื่ม

สายการบินไทยสมายล์ ประกาศพร้อมเปิดให้บริการเส้นทางในประเทศ โดยมีตารางบินตั้งแต่วันที่ 1-30  ก.ย.2564 จำนวน 11 เส้นทาง พร้อ การให้บริการแบบ ฟูลเซอร์วิส ด้วยรอยยิ้มทุกเที่ยวบิน
ฟรี เลือกที่นั่งได้ ไม่เสียค่าธรรมเนียมฟรี น้ำหนักสัมภาระ 20 ก.ก. ฟรี บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต

โดย 11 เส้นทางประกอบด้วย 1. กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 2. กรุงเทพฯ-เชียงราย 3. กรุงเทพฯ-ขอนแก่น 4. กรุงเทพฯ-อุดรธานี 5. กรุงเทพฯ -อุบลราชธานี 6. กรุงเทพฯ-ภูเก็ต

7.กรุงเทพฯ-กระบี่ 8.กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี 9. กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช 10.กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ 11. กรุงเทพฯ-นราธิวาส

โดยสามารถตรวจสอบเที่ยวบินของท่านได้ที่ เว็บไซต์ www.thaismileair.com
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Smile Call Center โทร 1181 หรือ 02-118-8888

18013


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์สำนักต่างๆ คงเตรียมประเมินทิศทางตลาดหุ้นกันใหม่ เพราะก่อนหน้ามองว่า ดัชนีหุ้นจะไม่สามารถตีฝ่าแนวต้าน 1,600 จุดได้ แต่หุ้นทะลุ 1,600 จุดขึ้นมาแล้ว และยังเดินหน้า โดยมีแนวโน้มสร้างจุดสูงใหม่ต่อไป

เป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปี โบรกเกอร์คาดหมายว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด แต่วันนี้ชนเป้าหมายปลายปีแล้ว เพราะแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติ สมทบด้วยกองทุนในประเทศ ซึ่งกลับมาไล่ช้อนซื้อหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นจุดที่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลุยตลาดหุ้นไทย

สัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ 4 วันทำการ โดยวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคมซื้อสุทธิ 2,781.56 ล้านบาท ผลักดันดัชนีหุ้นพุ่งขึ้น 28.89 จุด วันอังคารที่ 24 สิงหาคม ซื้อสุทธิอีก 1,358.19 ล้านบาท ดึงดัชนีขยับขึ้นอีก 4.91 จุด วันพุธที่ 25 สิงหาคม ซื้อสุทธิอีก 3,606.64 ล้านบาท ลากดัชนีขึ้น 13.51 จุด

และแม้วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคมจะขายสุทธิ 343.54 ล้านบาท แต่ดัชนียังปรับตัวขึ้น 1.42 จุด ก่อนวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคมจะโหมซื้อส่งท้ายงานไทยแลนด์โฟกัสอีก 6,002.23 ล้านบาท ทำให้ดัชนีทะยานขึ้น 9.29 จุด

รวม 5 วันทำการต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิทั้งสิ้น 13,405.08 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นรวม 58.02 จุด โดยปิดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 1611.20 จุด

สำหรับกองทุน ซื้อหุ้นรวม 5 วันทำการ 8,060.16 ล้านบาท

จากสถิติการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ในระหว่างการจัดงานหุ้นมักจะขึ้น และปรับตัวลงหลังงานไทยแลนด์โฟกัสปิดฉากลง ซึ่งต้องรอดูว่า สัปดาห์นี้หุ้นจะลงหรือไม่

แต่สำหรับนักลงทุนเริ่มมีความฮึกเหิม และมองตลาดหุ้นในแง่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 20,000 คนติดต่อกัน นอกจากนั้น รัฐบาลยังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้หลายธุรกิจเปิดให้บริการได้

หุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการผ่อนคลายปรับตัวขึ้นอย่างคึกคัก ส่วนหุ้นขนาดใหญ่มีแรงซื้อจากต่างชาติและกองทุนเข้ามาหนุน ทำให้ราคาเดินหน้าต่อ และขับเคลื่อนดัชนีผ่านพ้น 1,600 จุดอย่างง่ายดาย

แนวโน้มตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นขาขึ้นแล้วหรือไม่ อาจเร็วเกินไปที่จะตอบ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่นิ่ง วัคซีนล็อตใหญ่ยังไม่มา และไม่มั่นใจว่าหลังปิดฉากงานไทยแลนด์โฟกัสแล้ว ต่างชาติยังจะซื้อต่อหรือไม่

เพราะหากต่างชาติหยุดซื้อและกลับมาขาย ดัชนี 1,600 จุดอาจยืนไม่อยู่

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในประเทศมีความมั่นใจในแนวโน้มตลาดหุ้นมากขึ้น มีความคาดหวังว่า วิกฤตโควิด-19 จะคลี่คลาย และไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงเวลาดีของตลาดหุ้น

เป้าดัชนีที่มองกันต่อไปคือ 1,650 จุด แม้อาจจะไกลสุดเอื้อม แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เช่นเดียวกับการฝ่าแนวต้าน 1,600 จุด ถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง และต่างชาติไม่ตลบหลังเทขายหุ้น

แต่ไม่ว่าหุ้นจะเดินหน้าต่อสู่เป้าหมาย 1,650 จุด หรือพักปรับฐานหลุด 1,600 จุดลงมาอีกครั้ง นักลงทุนรายย่อยไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาเทขายหุ้นทำกำไรกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ถ้าหุ้นปรับฐานลงคงทยอยช้อนซื้อคืน แต่ถ้าหุ้นทะยานขึ้นคงขายทำกำไรต่อไป

หุ้นรอบนี้ขึ้นมาเร็วจริงๆ เร็วจนไม่รู้ว่าควรจะขายทำกำไรออกไปหรือถือไว้ก่อน

18014
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 10:35:35 am »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18017


เล่นคู่กันเป็นเรื่องที่ 2 แล้ว สำหรับหนุ่มหล่อเข้ม 'จา พชร' และ Cuteboy (คิ้วท์บอย) 'เฟริสท์ ฉลองรัฐ' คู่จิ้นมาแรงขวัญใจสาววายที่ตอนนี้มีผลงานคู่กัน “Don’t Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน” ออกมาให้ได้ฟินจนกรี๊ดลั่นหน้าจอ กับฉากหวานที่เสิร์ฟกันไม่หยุด  ซึ่งการทำงานร่วมกันในเรื่องนี้ ทั้งคู่ยอมว่าบทที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกันเล่นได้ง่ายขึ้น เพราะความรู้ใจที่มีเพิ่มมากขึ้นตามเลเวลความสนิทสนม โดยทั้งคู่เผยถึงการทำงานร่วมกันครั้งนี้ว่า 

จา : ' ตอนนี้เรา 2 คนค่อนข้างสนิทกันมากขึ้นครับ คุยกัน ปรึกษากันแทบจะทุกเรื่อง เพราะเคยเจอกันมาแล้วจากเรื่องก่อน ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นเราก็มีการปรับจูนเข้าหากันเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของการแสดง หรือแม้กระทั่งความสนิทนอกจอ คุยกันบ่อย พอยิ่งนานๆไปมันก็ทำให้ยิ่งรู้ใจกันมากขึ้นครับ เวลาแสดงด้วยกันก็เลยทำให้การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดีในทุกๆครั้งที่เราต้องเข้าฉากด้วยกันครับ ' 

เฟริสท์ : 'ต้องบอกว่าเรารู้จักกันมา 1 ปีกว่าแล้ว ยิ่งนานมันก็รู้สึกยิ่งสนิท เชื่อใจกันละกันมากขึ้นครับ ทำให้ตอนเข้าฉากด้วยกันมันง่ายขึ้นมากๆ จำได้ว่าเรื่องที่แล้วพอมีบทต้องใกล้ชิดกันเรา 2 คนจะเขิลหนักมากทำอะไรไม่ถูกเลยครับ พอมาเรื่องนี้ได้เล่นเป็นแฟนกันแบบจริงๆ จังๆ ในบทมันก็จะมีสกินชิพ ถึงเนื้อถึงตัวกันเต็มไปหมดแทบจะทุกอีพี แต่โชคดีที่เป็นจาก็เลยทำให้มันง่ายขึ้นเรื่องการส่งอารมณ์ถึงกันเวลาเข้าฉากครับ  ยังไงก็ฝากติดตาม “Don’t Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน”  ของพวกเราด้วยนะครับ ทุกคืนวันศุกร์ เวลา 22:45 น. ทางช่องวัน 31 และดูย้อนหลังได้ทาง LINE TV  ครับ' 

ติดตามทุกการอัปเดตของซีรีส์ Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน , นักแสดง รวมถึงผลงานต่างๆ ของ MeMindY  ได้ที่ @memindyofficial

18018


นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ฮ่องกงได้ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยขณะนี้มีผลแล้ว (นับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.) ไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยฮ่องกงเพิ่มให้ 15 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงจากเดิมเป็นกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง ส่งผลให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงสูง ต้องกักตัวยาวนานขึ้น แม้จะได้รับวัคซีนโควิด-19 มาครบแล้ว

ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางจากประเทศไทย (หรือมีประวัติเดินทางไปประเทศไทยในช่วง 21 วันก่อนเดินทางเข้าฮ่องกง) ต้องเตรียมเอกสารก่อนเดินทาง ดังต่อไปนี้

- กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ Health Declaration Form ของรัฐบาลฮ่องกงที่ https://www.chp.gov.hk/hdf/ เพื่อแสดง QR Code ต่อเจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานฮ่องกง โดย QR Code จะมีอายุ 48 ชั่วโมง



- หลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ออกโดยหน่วยงาน ของรัฐบาลฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า หรือหน่วยงานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็นหน่วยงาน Stringent Regulatory Authority (SRAs)

- แสดงผลตรวจว่าปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ทำการตรวจ เป็นเวลาไม่เกิน 72 ชม. ก่อนกำหนดเวลาเครื่องออก

- แสดงหลักฐานการสำรองห้องพักในโรงแรมกักตัวในฮ่องกง 20 คืน (นับวันที่เดินทางถึงฮ่องกงเป็นวันแรก)

ในระหว่างการกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด 6 ครั้ง หลังจากที่ออกจากการกักตัวแล้วจะมีการเฝ้าระวังตัวอีก 7 วัน และตรวจเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 26 นับจากวันที่เดินทางถึงฮ่องกง ที่ศูนย์ตรวจหาเชื้อฯ ของรัฐบาลฮ่องกง (Community Testing Centre)

หน้า: 1 ... 999 1000 [1001] 1002 1003 ... 1017