ผู้เขียน หัวข้อ: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Procella , SVS, Anthem, Parasound,Audyn  (อ่าน 334016 ครั้ง)

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #666 เมื่อ: มกราคม 04, 2015, 08:20:47 pm »

จัดส่ง Klipsch CDT5650 C II ลำโพงฝังฝ้า Inceiling สำหรับระบบ Atmos โดยเฉพาะไปให้ลูกค้าที่ศรีราชา ชลบุรีครับ

สำหรับใครที่จะหาลำโพง Atmos ผมมีข้อคิดให้ 3 ข้อนะครับ สั้นๆง่ายๆ

1. แม้ Atmos จะเป็นลำโพง Surround แบบนึงที่เป็นลำโพงบรรยากาศก็ตาม แต่ไม่ใช่เอาลำโพงอะไรก็ได้มาเป็น Atmos

2. ถ้าเล่น Atmos enabled ตำแหน่งวาง และห้องสำคัญพอๆกับคุณภาพลำโพง

3. ถ้าเล่น Atmos ที่เป็น inceiling แท้ๆ  อย่าเน้นถูกจนเกินไป ลงทุนกับมันสักนิด เพราะลำโพงฝังฝ้าที่ถูกๆมักจะออกแบบมาเป็นลำโพงสำหรับกระจายเสียง หรือเปิดเพลงเป็นบรรยากาศมากกว่าเอาไว้เปิดอัดในระบบ multi channels  (home theater เวลาเราเปิด เราไม่ได้เปิดแบบทั่วๆไป มันมีช่วงพีค ช่วงที่หนัก)
มีลูกค้าเคยเอาลำโพงฝังฝ้าสำหรับเปิดเป็นบรรยากาศไปติดเป็น atmos ใช้ไปไม่นาน ขอบก็ขาด เพราะเวลาเปิดหนักๆ ขอบลำโพงเสียดสีกันจนขาด เพราะไม่ได้ออกแบบเอาไว้สำหรับอัดขนาดนั้น


ราคา Klipsch inceiling : http://www.whatthatsound.com/category/57/klipsch/klipsch-in-wall-in-ceiling












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2018, 06:52:03 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #667 เมื่อ: มกราคม 05, 2015, 08:19:08 am »


จัดส่ง Klipsch RP-280F ลำโพงซีรี่ย์ Reference Premier ไปให้ลูกค้าที่นครปฐม (รูปลำโพงใช้รูปแทน รุปกล่องรูปจริง)
 
ตัวนี้เราขนไปส่งให้ด้วยตัวเองที่บ้าน เพราะลูกค้าเป็นลูกค้าเก่าของเราแต่ดั้งเดิม เป็นลูกค้าที่่น่ารักท่านนึง มีความไว้เนื้อเชื่อใจและสั่งของกับเรานานเกือบ 2 เดือนกว่าจะได้จัดส่งของให้ครบ (มีคู่หน้า RP-280F, เซ็นเตอร์ RC-64 II, surround RP-250S, Subwoofer R112SW)
ตอนนี้ของครบแล้ว ลูกค้าเหลือแค่ทำห้องใหม่ น่าจะได้ฤกษ์ดูหนังมันๆกันเสียที
 
เอาไว้ห้องลูกค้าเสร็จ แล้วหากเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือน เราจะแวะไปเก็บรูปสวยๆมาฝากกันครับ
 
ราคา Klipsch Reference Premier: http://www.whatthatsound.com/category/6/klipsch/klipsch-reference-premier










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2018, 07:17:57 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #668 เมื่อ: มกราคม 05, 2015, 12:43:36 pm »


จัดส่ง Klipsch Sound bar RSB-6 ไปให้ลูกค้าที่ลำพูนครับ  แนวเสียงก็ค่อนข้างพุ่ง และสดมากจริงๆ ดังมากด้วยถ้าเทียบกับว่า มันเป็นลำโพงซาวบาร์ตัวไม่ใหญ่ แต่เสียงคลุมห้องใหญ่ๆ เช่นห้องนั่งเล่น หรือห้องปาร์ตี้ ห้องโถงได้แบบสบายๆ
 
แนวเสียง ก็ Klispch ละครับ เสียงเหมือนลำโพง Home Theater รุ่นพี่เค้า ทั้งสด ทั้งพุ่ง เบสหนัก กลางแหลมชัด เหมาะกับการดูหนังฟังเพลงแบบร๊อคๆเป็นอย่างยิ่ง
และรุ่นใหม่นี้ มี hdmi มาให้แล้วนะ โดยรุ่น RSB-6, RSB-8 จะให้ช่อง hdmi in มา 1 ช่อง และ RSB-11, RSB-14 ให้มา 3 ช่อง
และแถม hdmi มาให้ในกล่อง
 
 
รวมถึงช่องต่ออื่นๆอย่าง optical, rca, bluetooth ก็ยังมีให้มาครบครันเช่นเดิมครับ
 
Sound bar เป็นลำโพงง่ายๆ ที่เหมาะกับคนง่ายๆ ไม่ต้องการยุ่งยากกับระบบ multi channels ที่เต็มไปด้วยลำโพง สายเต็มห้อง ปรีโปร avr เครื่องเคราเต็มไปหมด แต่ยังต้องการเสียงดีในระดับนึง และไม่ต้องการเสียงโอบล้อมรอบตัวอะไรมากมาย การใช้งานเหมาะกับคนทั้งบ้าน เปิดทีวีทีเดียวแล้วใช้งานได้เลย เสียงดีเลย ไม่ต้องปรับแต่งหรือต่อสาย เดินไปเปิดสวิทซ์อะไรกันให้ยุ่งยาก
 
ถ้าความต้องการคุณเป็นเช่นนั้น sound bar สามารถตอบโจทย์คุณได้ครับ
 
ราคา Klipsch RSB-6: http://www.whatthatsound.com/product/499/klipsch-rsb-6
 


 
วิธีการเชื่อมต่อก็ง่ายๆ ใครไม่เคยเล่นเครื่องเสียงก็สามารถต่อได้ง่ายๆด้วยตัวเองตามวิธีที่เราแนะนำ ตามด้านล่างนี้เลยครับ

------------------------------------------------------------------------------

 1. สาย Optical ต่อกับทีวี: ใช้สาย Optical ต่อจากช่อง Audio out / Digital out / Optical put แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ วิธีนี้ง่ายที่สุดครับ ตอนนี้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาเข้าทีวีก็จะมาออกที่ Sound bar เราทั้งหมดไม่ว่าจะดูทีวี ดูละคร เล่น ps4, ดู dvd / bluray หรือเปิดคาราโอเกะก็ตาม

 2. สาย RCA ต่อกับทีวี: ใช้สาย RCA (ขาว แดง) วิธีนี้สำหรับทีวีรุ่นเก่าๆที่มีช่อง Audio out แบบ RCA สองเส้น เราก็สามารถต่อจากช่อง Audio out แล้วต่อมาที่ sound bar ตรงๆ ได้เหมือนกันครับ ผลลัพธ์เหมือนกับวิธีแรกทุกประการครับ

 3. HDMI 2.0 (4K Pass Through) ต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นตรงๆ เช่น DVD / Bluray / PS4 หรือกล่องจานดาวเทียม ด้วยสาย HDMI  โดยเราจะเอาสาย Hdmi ต่อจากเครื่องเล่นของเราเข้ามาที่ Sound bar โดยตรงโดยไม่ผ่านทีวีเลย ข้อดีคือมีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรามีอุปกรณ์เครื่องเล่นๆหลายอย่าง เราอาจจะต้องคอยสลับสายกันวุ่นวายนิดหน่อยครับ

 4. สตรีมมิ่งผ่าน Bluetooth กับโทรศัพท์ Iphone /Ipad / Android หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth โดยสามารถ connect เพื่อเปิดเพลงฟังโดยโดยที่ไม่ต้องต่อสายใดๆครับ

 5. ต่อกับคอมพิวเตอร์ ด้วย USB ง่ายๆ ก็สามารถนำ Sound bar มาใช้กับคอมได้แล้ว

6. ต่อ Klipsch Play-Fi ด้วยแอปบนมือถือ (Klipsch Stream app) ก็สามารถเข้าถึงและเล่น content ต่างๆได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pandora, Tidal และ Internet Radio ได้หลากหลาย

7. สามารถทำ Multi room ได้ ด้วยฟังก์ชั่น Klipsch Stream Wireless Multi-Room System สามารถนำ Sound bar หลายๆตัวมาเชื่อมกันหลายๆห้อง และเล่นพร้อมๆกันแบบ Multi room แบบไร้สาย (RSB-8)

ความสามารถหลากหลายและอัดแน่นแบบนี้ กับราคาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย และแน่นอนว่าเสียงยังแน่น และดุดันเช่นเดิมเหมือนที่รุ่นเก่าเคยทำไว้  นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวของตลาด Sound bar ที่ต้องพิจารณาครับ









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 10, 2018, 08:32:09 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #669 เมื่อ: มกราคม 05, 2015, 05:25:50 pm »



Preview SVS SB4000 รุ่นใหม่ล่าสุด

ตัวนี้เมืองนอกเพิ่งเปิดตัวกันไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ราวๆพฤศจิกา ธันวาเอง เมืองนอกส่งของมาเร็วมาก วันนี้ในมือเรามี SB4000 มาให้เทสกันแล้ว
 
แรกเริ่มเดิมที SVS SB4000 เป็นซับรุ่นต่อมาจาก SB13 UItra ใช้ดอกขนาด 13.5 นิ้ว ตู้ปิด ซึ่งจะเห็นว่าไซส์ 13 นิ้วกว่าๆนี้มันไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป กำลังพอดีๆกับห้องทั่วๆไป ตั้งแต่ห้องเล็ก 10-12 ตรม ไปจนถึง 20-24 ตรม ได้แบบพอดีๆ
 
เพราะดีไซน์มาเป็นตู้ปิดด้วย จึงใช้ประโยชน์จากการออกแบบได้เต็มที่ เพราะได้ความเร็ว ความคม ได้รายละเอียด พั๊นซ์ เบสต้นดีกว่าซับในระดับราคาเดียวกันที่ไม่เกินแสนครับ ซับที่ผมเคยฟังและคิดว่ามันไวที่สุดตัวแรกคือ Procella P15 รองลงมาก็ตัวนี้ครับ แต่ราคามันก็ต่างกันเยอะ
 
ความเปลี่ยนแปลงจากเดิมก็คือเพิ่มกำลังขับจากเดิม 1000 วัตต์มาเป็น 1200 วัตต์ ซึ่งแต่เดิมผมก็ว่าเอาดอกขนาดนี้อยู่หมัดและเร็วมากแล้ว ตัวใหม่นี้ใช้แอมป์ใหญ่ขึ้นไปอีก ก็จะยิ่งควบคุมพั๊นซ์เบสต้น และได้เบสลึกดีขึ้นอีก
ส่วนความเปลี่ยนแปลงทาง physical ก็คือตัวตู้ใหญ่ขึ้นนิดหน่อย เล็กน้อย และน้ำหนักก็หนักขึ้นนิดนึงครับ


 
SVS SB4000
--------------------------------------------------------
Driver | 13.5"
Amplifier | 1200 watts RMS (4000+ watts peak)
Freq. Response | 19-310Hz ±3 dB
Dimension | 18.3" (H) 17.8" (W) 20.9" (D)
Weight | 102.3lbs
--------------------------------------------------------
 
 
SVS SB13 Ultra
--------------------------------------------------------
Driver | 13.5"
Amplifier | 1000 watts RMS (3600 watts peak)
Freq. Response | 20-460Hz ±3 dB
Dimension | 17.4" (H) 17.4" (W) 18.5" (D)
Weight | 92lbs
--------------------------------------------------------
 
แนวเสียงเป็นอย่างไรรอติดตามได้ใน full review เร็วๆนี้......




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2018, 04:55:01 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #670 เมื่อ: มกราคม 06, 2015, 11:37:34 am »


จัดส่งชุดลำโพงแพ๊คคู่ Klipsch R-15 PM และซับวูฟเฟอร์รุ่นประหยัด R-10SW ไปให้ลูกค้าที่เชียงรายครับ (ส่งสยามเฟิรส์)
ตัวนี้ส่งด่วนอีกแล้ว ลูกค้าออเดอร์มาตอนบ่าย 2  ตอนบ่าย 3 ก็บึ่งไปส่งให้ลูกค้าเลย

ชุดนี้ Klispch R-15 PM เป็นชุดโปรโมชั่น 2.1 ราคาประหยัด ราคาพิเศษ 34900 บาท   ไม่ต้องใช้แอมป์ ไม่ต้องใช้ avr   เอาลำโพงมาเสียบปลั๊ก เสียบกับเครื่องเล่นเช่นทีวี คอม บลูทูธ bluray กล่องดาวเทียม แล้วเล่นได้เลย
และมีซับวูฟเฟอร์อีกหนึ่งตัวเอาไว้เสริมความถี่ต่ำ

ตอนนี้เซ็ทนี้จัดชุดอยู่ราคาพิเศษจาก 38,800 เหลือ 34,900 บาทครับ

ราคาชุดเซ็ท Klipsch R-15PM + R-10SW: http://www.whatthatsound.com/product/667/klipsch-r-15pm-r-10sw







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2018, 05:08:59 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #671 เมื่อ: มกราคม 06, 2015, 03:41:50 pm »


จัดส่งลำโพงฝังฝ้า Kef Ci200RR-THX ตัวนี้ลูกค้านำไปติดตั้งเป็น Atmos ซึ่งจะบอกว่าตัวนี้เหมาะมากๆครับ เพราะถูกออกแบบมารองรับกับมาตรฐาน THX และเป็นลำโพงฝังฝ้าตัวท๊อปของค่าย Kef เค้าด้วย 
ซึ่งสามารถรองรับความดังในการรับชมภาพยนตร์ได้เต็มที่ ไม่เหมือนกับเอาลำโพงฝังฝ้าแบบที่ใช้เปิดเพลง เปิดเสียงประกาศ หรือใช้เปิดเสียงแบ๊กกราวด์มิวสิคอะไรแบบนี้มาใช้ ซึ่งมีโอกาสที่ใช้ๆไปเสียงจะแคร๊กรองรับความดังมากๆก็จะเกิดความพร่าเพี้ยน และใช้นานก็ขอบขาดได้ (ลูกค้าผมโดนมาแล้ว)

ลูกค้าเป็นแฟน Kef และชอบ Kef R เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งผมก็ชอบเหมือนกัน เพราะผมคิดว่ามันเสียงดีมากเกินราคา
ลูกค้านำไปใช้กับลำโพง Kef R Series และติดตั้งเป็น atmos 2 ch โดยชุดลูกค้าแยกชุดดูหนังกับฟังเพลงออกจากกัน ชุดฟังเพลงเป็น Proac และดูหนังเป็น Kef R

เดี๋ยวหลังจากติดตั้งเสร็จเราจะนำรูปมาฝากกันอีกทีครับ

ราคา Kef Ci200RR: http://www.whatthatsound.com/product/94/kef-ci200rr-thx


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2018, 05:35:11 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #672 เมื่อ: มกราคม 06, 2015, 07:18:07 pm »


วันก่อนเราแหกขี้ตาขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ตี4 เพื่อเอาชุดลำโพง Klipsch RP-260F และ AVR Anthem MRX-720 ไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดชัยภูมิครับ  (ลูกค้าซื้อ ซับ ลำโพงเซอราวด์สองคู่ ลำโพงเซ็นเตอร์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว)

ซึ่งปกติจะถ้าลูกค้าต่างจังหวัดจะไม่ไปส่งเองแน่นอน แต่รายนี้ถามว่าทำไมถึงไป คำตอบก็คือ อ้อลูกค้าซื้อเยอะครับ 555
ไม่ใช่ครับ ความจริงคือตกลงกับลูกค้าเอาไว้แล้ว ว่าจะไป ก็ต้องไป 
ซึ่งระยะทางก็ไกล ไม่เคยขับรถมาเอง ก็ได้ Google map กับ power bank คู่กายที่ช่วยให้เดินทางไปถึงจุดหมายได้

ออกเช้าเพราะอยากรีบไปถึงเช้า จะได้มีเวลาทำงานและกลับมาทำธุระต่อที่กทม.ช่วงบ่าย (จริงๆไม่ได้บอกลูกค้าว่ามีเวลาให้แค่ไม่เกิน 10 โมง 555)

วันที่เดินทาง อากาสหนาวพอดี เปิดกระจก เปิดครูสคอนโทรลวิ่งไปเรื่อยๆ คันเดียว นานๆมีรถที เอามือออกไปสัมผัสอากาสหนาวให้ลมมันตีมือให้ชาเล่นๆ ก็มีความสุขดี 
บางช่วงหน้าจอรถแสดงว่าอากาสเย็นถึง 14 องศา (ตื่นเต้นสุดๆ)

สุดท้ายไปถึงลูกค้า 7.30  กว่าๆ ที่จอดรถห่างจากบ้านประมาณ 200-300 เมตร แบกลำโพงกันไปหอบกำลังดี
พอเข้าบ้านก็แทบจะเป็นลม เพราะห้องฟังอยู่ชั้น 5 อีก
รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายยกขึ้นไป



แกะกล่อง ต่อลำโพง ต่อสายกันแป๊ปเดียวก็ต่อ Wifi
ลูกค้าอุตส่าห์วิ่งไปเอาคอมมาให้ เพื่อดาวโหลดโปรแกรมเพื่อเซ็ท Arc กัน
เซ็ท Arc เสร็จก็กลับเลยเดี๋ยวไม่ทัน 555

เอาจริงๆไมค์และซอฟท์แวร Arc นั้นคุณภาพดีมาก ดีกว่าโปรแกรมเซ็ทอัพออโต้ของค่ายญี่ปุ่นทุกค่ายครับ 
แนวเสียง AVR Anthem ก็หนักหน่วง หนักแน่น สะใจ โอบล้อมดี คุณภาพเสียงเบสไปไกลเกินกว่า avr ตัวเก่าของลูกค้ามากมายนัก

เซ็ทลูกค้ามีดังนี้ครับ

-------------------------------
Klipsch RP260F (Front)
Klipsch RP450C (Center)
Klipsch RP240S (Surround)
Klipsch RP240S (Surround Back)
Klipsch CDT 5650 C II (Atmos)
Klipsch R112SW (Subwoofer)
Anthem MRX720
Yamaha จำรุ่นไม่ได้ (External AVR เอาไว้ขับ atmos)
-------------------------------

 เป็นซิสเต็มที่เสียงดีทั้งลำโพงและ AVR ที่มาแนวบู๋ ดูหนังสนุก ถ้าถามว่า AVR ตัวไหนเสียงเหมาะกับการดูหนัง ชมภาพยนตร์ ดูคอนเสิรต์ได้ดีที่สุดในงบ 100,000 +-  ผมก็จะบอกว่า Anthem นี่แหละครับ เป็นหนึงใน AVR ที่ดีที่สุดตัวนึง

































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2018, 10:16:09 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #673 เมื่อ: มกราคม 07, 2015, 11:13:27 am »


จัดส่ง Klipsch The Three ลำโพง Active ที่ได้แนวคิดไอเดียมาจากลำโพงแอมป์พวก marshall ตัวนี้ส่งไปให้ลูกค้าที่ถนน 345
ได้ไปส่งด้วยตัวเองด้วยครับ  จะสังเกตว่าลำโพงทรง marshall ที่เป็น mono มีตัวเดียวแบบนี้ค่อนข้างได้รับความนิยม จะด้วยความที่มันสวย ดูคลาสสิค ดูโปรหรืออะไรก็แล้วแต่  แต่ทรงนี้เดี๋ยวนี้ได้รับความนิยมมากครับ บอกเลย 
และก็ตัวนี้ใช้งานได้ง่าย ทีช่องต่อครบครัน ต่อบลูทูธได้ rca, digital, usb และก็มี remote ด้วยครับ

ราคา Klipsch The Three:
http://www.whatthatsound.com/product/508/klipsch-the-three
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 17, 2018, 08:07:37 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #674 เมื่อ: มกราคม 07, 2015, 03:48:51 pm »



จัดส่ง poweramp Parasound Halo A21 ไปให้ลูกค้าที่หนองบัวลำภูครับ เป็น power ที่เสียงดีอีกตัว ถ้าบอกว่า Anthem / Emotiva เป็นแอมสายบู๊
Parasound ก็เป็นแอมป์สายบุ๊นละครับ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่ม ละมุน ฟังสบาย จึงเหมาะกับสายฟังสบาย คอนเสิร์ต เพลง และดูหนังในแบบเน้นรายละเอียด แต่ไม่เน้นตุ้บตั้บมากได้ดีเลยทีเดียว

ดังนั้น power ตัวนี้จึงเหมาะมากกับลำโพง home audio หลายยี่ห้อ ที่เน้นฟังเพลงดูหนังหลายๆแนว ฟังสบายหู มีความเป็นดนตรีสูง
ปล. รูปหลังแกะกล่องใช้รูปแทน








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 17, 2018, 08:21:01 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #675 เมื่อ: มกราคม 07, 2015, 06:27:20 pm »


จัดส่ง Klipsch rp150m และ Klipsch rp250c ไปให้ลูกค้าที่รัชดาครับ  ตัวนี้ได้ไปส่งเองด้วย (รูปหลังแกะกล่องใช้รูปแทน)

ลูกค้าน่ารัก สั่งของจ่ายเงินแล้ว บังเอิญของหมดพอดี จะคืนเงินก็ไม่เอา บอกคอยได้ ไว้ของมาค่อยมาส่ง
พอของมาปุ้ป เราเลยรีบส่งให้ด่วนถึงบ้านวันนั่นเลย (เกรงใจ)

ราคา Klipsch Reference Premier
: http://www.whatthatsound.com/category/6/klipsch/klipsch-reference-premier







'








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 17, 2018, 08:28:46 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #676 เมื่อ: มกราคม 08, 2015, 10:58:21 am »


[size=16pt] บรรยากาสจัดส่ง Klipsch Reference Premier และ Anthem MRX720 ที่ชัยภูมิ

วันก่อนเราแหกขี้ตาขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ตี4 เพื่อเอาชุดลำโพง Klipsch RP-260F และ AVR Anthem MRX-720 ไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดชัยภูมิครับ  (ลูกค้าซื้อ ซับ ลำโพงเซอราวด์สองคู่ ลำโพงเซ็นเตอร์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว)

ซึ่งปกติจะถ้าลูกค้าต่างจังหวัดจะไม่ไปส่งเองแน่นอน แต่รายนี้ถามว่าทำไมถึงไป คำตอบก็คือ อ้อลูกค้าซื้อเยอะครับ 555
ไม่ใช่ครับ ความจริงคือตกลงกับลูกค้าเอาไว้แล้ว ว่าจะไป ก็ต้องไป
ซึ่งระยะทางก็ไกล ไม่เคยขับรถมาเอง ก็ได้ Google map กับ power bank คู่กายที่ช่วยให้เดินทางไปถึงจุดหมายได้

ออกเช้าเพราะอยากรีบไปถึงเช้า จะได้มีเวลาทำงานและกลับมาทำธุระต่อที่กทม.ช่วงบ่าย (จริงๆไม่ได้บอกลูกค้าว่ามีเวลาให้แค่ไม่เกิน 10 โมง 555)

วันที่เดินทาง อากาสหนาวพอดี เปิดกระจก เปิดครูสคอนโทรลวิ่งไปเรื่อยๆ คันเดียว นานๆมีรถที เอามือออกไปสัมผัสอากาสหนาวให้ลมมันตีมือให้ชาเล่นๆ ก็มีความสุขดี
บางช่วงหน้าจอรถแสดงว่าอากาสเย็นถึง 14 องศา (ตื่นเต้นสุดๆ)




สุดท้ายไปถึงลูกค้า 7.30  กว่าๆ ที่จอดรถห่างจากบ้านประมาณ 200-300 เมตร แบกลำโพงกันไปหอบกำลังดี
พอเข้าบ้านก็แทบจะเป็นลม เพราะห้องฟังอยู่ชั้น 5 อีก
รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายยกขึ้นไป

แกะกล่อง ต่อลำโพง ต่อสายกันแป๊ปเดียวก็ต่อ Wifi
ลูกค้าอุตส่าห์วิ่งไปเอาคอมมาให้ เพื่อดาวโหลดโปรแกรมเพื่อเซ็ท Arc กัน
เซ็ท Arc เสร็จก็กลับเลยเดี๋ยวไม่ทัน 555

เอาจริงๆไมค์และซอฟท์แวร Arc นั้นคุณภาพดีมาก ดีกว่าโปรแกรมเซ็ทอัพออโต้ของค่ายญี่ปุ่นทุกค่ายครับ
แนวเสียง AVR Anthem ก็หนักหน่วง หนักแน่น สะใจ โอบล้อมดี คุณภาพเสียงเบสไปไกลเกินกว่า avr ตัวเก่าของลูกค้ามากมายนัก



เซ็ทลูกค้ามีดังนี้ครับ
-------------------------------
Klipsch RP260F (Front)
Klipsch RP450C (Center)
Klipsch RP240S (Surround)
Klipsch RP240S (Surround Back)
Klipsch CDT 5650 C II (Atmos)
Klipsch R112SW (Subwoofer)
Anthem MRX720
Yamaha จำรุ่นไม่ได้ (External AVR เอาไว้ขับ atmos)
-------------------------------

 เป็นซิสเต็มที่เสียงดีทั้งลำโพงและ AVR ที่มาแนวบู๋ ดูหนังสนุก ถ้าถามว่า AVR ตัวไหนเสียงเหมาะกับการดูหนัง ชมภาพยนตร์ ดูคอนเสิรต์ได้ดีที่สุดในงบ 100,000 +-  ผมก็จะบอกว่า Anthem นี่แหละครับ เป็นหนึงใน AVR ที่ดีที่สุดตัวนึง








ราคา Klipsch Reference Premier: http://www.whatthatsound.com/category/6/klipsch/klipsch-reference-premier

ราคา Anthem MRX720: http://www.whatthatsound.com/category/92/anthem/mrx-series
[/size]




























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 17, 2018, 08:41:07 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #677 เมื่อ: มกราคม 08, 2015, 02:14:36 pm »
ติดตั้ง Atmos ที่บ้านคุณศักดาแถวประชาชื่นครับ
ตัวนี้ใช้ Kef Ci200RR  และลำโพง Kef R series ทั้งชุด เสียงดีมากๆครับเป็นลำโพงอีกตัวที่ผมชอบเป็นการส่วนตัว













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2018, 06:18:56 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #678 เมื่อ: มกราคม 08, 2015, 07:36:40 pm »
วันก่อนไปส่ง SVS SB4000 ตัวใหม่ล่าสุดให้ลูกค้าที่แถววิภาวดี64
ลูกค้าบอกว่าจะหาซับและลำโพงคู่หน้าไปไว้ฟังเพลง EDM ต่อกับ cdj mixer
ซับตั้งใจจะใช้ SB4000 ส่วนลำโพงให้แนะนำให้หน่อย



เราเอาไปส่ง ลูกค้ายังไม่มีลำโพงหน้า ก็จัดการแกะกล่องแล้วเอา mac จิ้ม แล้วเปิด edm เทส ฟังเสียงเบสแล้ว น่าพึงพอใจทั้งผมและลูกค้า (ลูกค้านี่ผมเดาเอาจากแววตา) ส่วนตัวผมก็ฟังแนวนี้อยู่แล้ว เสียงที่ได้โอเคเลยครับ คือถ้าเปิด Drum&Bass ก็ฟังเอาเรื่องโดยใช้ SB4000 ได้จบทั้งเพลงเลยโดยไม่ต้องมีคู่หน้า beat ของ bass ที่ออกมาจาก SB4000 ตอบสนองได้เร็ว ฟังรู้เรื่อง ชัด clear คม หนุบหนับ (เลยขอถือวิสาสะแคปคำวิจารณ์จากเฟสลูกค้ามาให้ดูกัน)




ถ้าไม่ใช่ SVS แล้วผมก็นึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีซับตัวไหนที่เป็นซับบ้าน (ไม่ใช่ PA) ที่ให้เสียงโทนนี้ และเหมาะกับดนตรีแบบนี้ได้อีก เพราะลักษณะเพลงแนวนี้เบสจะมีความต้องการคนละแบบกับแนวที่ออดิโอไฟล์ หรือเพลง vocal ฟัง (อย่างสิ้นเชิง)

คือถ้าไม่ได้ฟังออดิโอไฟล์ แต่ชอบป๊อป ร๊อค edm rock อะไรพวกนี้ มันเป็นทางของเค้าจริงๆครับ
แต่อย่าถามว่าถ้าเอาไปฟังโอ้ไฟล์มันจะเป็นยังไง .... เบสมันก็จะเด่นเกินเสียงร้อง และกลบความกรุ้งกริ้งของเสียงเคาะที่คนบันทึกต้องการให้ได้ยินไปละมั้งผมว่า



ปล. จริงๆ ตอนแรกเราก็ปวดหัวครับตอนที่ลูกค้ามาปรึกษา เพราะไม่รู้จะแนะนำไงดีเพราะลำโพงบ้านที่เหมาะกับเพลงแนวนี้มันมีน้อย
และเอาจริงๆถึงมีมันก็สู้ลำโพง pa. ดีๆที่ใช้ตามผับหรือปาร์ตี้ไม่ได้ และความจริงอีกอย่างก็คือลำโพง pa. ที่ใช้เปิดเพลงแนวๆนี้ที่ดีๆหน่อยนี่ราคาถูกกว่าลำโพงบ้านแพงๆที่ฟังแนวนี้ซะอีกนะ




ไหนๆก็เริ่มแล้วก็ขอต่ออีกหน่อย บางทีผมก็งงว่า บางคนไปฟังสดมาแล้วบอกว่าเพราะมาก อยากได้ลำโพงบ้านให้เสียงแบบ Live สดแบบนี้เลย ต้องจ่ายกี่สิบล้าน หาลำโพงบ้านไฮเอ็นท์มาเลียนแบบเสียงตอนไปฟัง live มา
อันนี้ไม่แปลกที่เราย่อมอยากฟังเพลงแบบที่เราไปฟังมา
แต่มันแปลกตรงพอพูดถึงเครื่องเครา ลำโพง เส้นสายแล้ว คนกลุ่มนี้กลับดูถูก ลำโพงแนวๆ pa หรือลำโพงบ้านที่ให้เสียงชัดๆ สดๆออกแนว pa ซะอย่างงั้น
เค้าบอกมันราคาถูก performance ไม่ดีเท่าลำโพงบ้านแพงๆไฮเอ็นท์

แต่ความคิดผม (อาจจะถูกหรือผิดก็ได้นะ) ผมคิดว่า ถ้าพูดกันเรื่อง performance แล้ว ลำโพง pa ที่ใช้ในคอนเสิรต์ ในผับ หรือในงาน Live สดดีๆ รวมไปถึงลำโพง commercial ต่างๆ (ไม่เอางานวัดนะ) พวกนี้ performance จะสูงกว่าลำโพงบ้านไฮเอ็นท์ไปไกลลิบ ทั้งความชัด รายละเอียด peak การตอบสนองได้กว้าง ไม่ต้องมานั่งเลื่อนลำโพงทีละมิลสองมิล แล้วบอกเฮ้ย หันลำโพงไปอีก 2 เซ็นแล้วเสียงดีขึ้นมาก หรือต้องใช้สายราคาหลักแสน แล้วบอกว่าลำโพงบ้านดีๆ ถ้าใช้สายถูกแล้วเสียงมันถูกลง
ลำโพง commercial ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้เสียงดี จนบางทีคนฟังหลงจนต้องไปหาซื้อซิสเต็มบ้าน หา cd audiophile หากรองไฟ ไปทำห้อง ไปทำอคูสติก ไปหาสายไฟ ทำระบบไฟอะไรสารพัด สายสัญญาณแพงๆ เพียงเพื่อให้ได้ยินเสียงไลฟ์ที่มีความสมจริงแบบนั้นอีกสักครั้ง ใช่มั๊ย??



ถ้ายังไม่เชื่อและคิดว่าที่เค้าใช้ลำโพง commercial กันเพราะมันถูก และลดต้นทุน ก็ลองเอาลำโพงบ้านที่คิดว่าแพงๆที่สุด ราคาสิบล้านมาเปิดใน hall หรือผับใหญ่ๆดูสิครับว่าเสียงมันจะเป็นยังไง สเกลมันได้มั๊ย ความดังมันทำได้ถึงจุดที่ทำให้คนเต้นได้หรือๆไม่ อิมแพคของเบส ความหนักแน่นมันทำได้มั๊ย แล้วเปิดแล้วคนจะหลับหรือเปล่า?

บางทีคนที่กล้าพูดแบบนี้ เค้าอาจจะลืมไปว่า เสียงที่เค้าถวิลหา ฟังแล้วเพราะ และพยายามหาเครื่องเสียงแพงๆมาย่อส่วน และจำลองเสียงของไลฟ์ที่เค้าไปฟังมา (re-produced) ขึ้นมาใหม่ให้ใกล้เคียงที่สุดนะ ต้นกำเนิดเสียงมันคือลำโพง PA. กากๆ ที่เค้าดูถูก ใช้สาย xlr ลากยาวๆไม่ได้แพง และลำโพงเซ็ทอัพก็ไม่ต้องนั่งใช้ไม้บรรทัดวัดว่า มุมนี้ดี มุมนี้ไม่ดี คนนั่งต้องนั่งตัวตรงกลางห้องมีเทปแปะตำแหน่งนั่ง ห้ามใส่นาฬิกา ต้องใช้ถ่านแบบออดิโอไฟล์



อยากจะเปรียบง่ายๆแบบนี้ครับ ลำโพงบ้านไฮเอ็นท์ก็เหมือนกับรถบ้าน รถ mass car ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวสุงสุด ใช้งานขับรถ ฟังเพลง แอร์เย็น รถนุ่ม ช่วงล่างถุงลม มีช่องแช่เย็น มีแอร์หลัง มีซันรูฟไว้ดูดาว มันสบาย ใช้ง่าย เหมาะที่จะเอามาวิ่งทุกวัน โอเคมันอาจจะแรงได้ แต่ performance มันไม่ได้แรงเท่ารถที่ทำมาเอาไว้แข่ง หรือลำโพงที่เอาไว้เปิดในโรงหนังหรือใช้งานในคอนเสิรต์ เพราะวัตถุประสงค์มันออกแบบให้คนใช้งานในชีวิตประจำวัน ในบ้าน ในถนนทั่วๆไป ไม่ได้เอาไปแข่ง

ส่วนลำโพง pa หรือ commercial ก็เปรียบเสมือนรถแข่งที่เอาไว้วิ่งลงแทร๊ก แรง performance สูง แต่มันไม่สบาย ไม่มีแอร์ แคบ เบาะหลังไม่มี เสียงดัง ช่วงล่างแข๊ง เพราะวัตถุประสงค์มันคือ performance ที่เอาไว้แสดงศักยภาพในแทร๊ก หรือในฮอลล์ ในโรงหนัง ในผับที่ต้องการ Performance สูงๆๆๆ เราไม่ใส่ฟังชั่นอะไรเลย เครื่องเสียง pa ไม่มีบลูทูธ ไม่มี dts playfi ไม่มี Multi zone ไม่มีแอปให้คอนโทรลในมือถือ เพราะเค้าไม่ได้เอาไว้เอาใจคนเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่เค้าเน้นคือ performance ที่ต้องเอาใจทุกคนในโรงหนัง หรือในผับนั้นๆ
เหมือนกับรถแข่งที่ต้องตัดแอร์ ตัดวิทยุ ตัดหน้าจอสัมผัสอะไรออกเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน (ลองจินตนาการว่าเอารถแข่งที่ทำเต็มสูบไว้ลงแข่งมาขับบนถนนในสีลม เหยียบคันเรงลงไปนิดเดียวรถพุ่งพรวดจะไปชนตูดคันหน้า พอเตะเบรคทีก็หัวทิ่มเพราะเซ็ทเอาไว้ให้เบรคหนักๆไม่ได้เอาไว้เลียเบรคตอนรถติด แอร์ไม่มีขับไปปาดเหงื่อไป ฟิลม์ไม่ติด วิทยุไม่ดัง โรลบาร์เต็มรถ มันสบายมั๊ย แล้ว performance หรือความเร็วมันดีจริงแต่มันนั่งสบายกว่ารถบ้านมั๊ย แล้วก็คิดกลับกันว่าลำโพงดูหนังมันให้ performance สูงจริงมั๊ย แล้วพอเอามันมาใช้ในบ้านแล้วมันสะดวกสบาย ฟังดีจริงๆใช่มั๊ย)



ถึงแม้ว่าส่วนตัวผมจะชอบเสียงแบบที่ลำโพง commercial ให้ตามคอนเสริต์ และยอมรับความจริงในเรื่องของ performance ว่าลำโพงแนว commercial ที่ใช้ในโรงหนัง หรือไลฟ์สดนั้นมีศักยภาพสูงกว่าลำโพงบ้านมาก แต่ที่ผมเขียนข้างบนคือผมเขียนให้คิด และให้เห็นภาพ
*** อย่าเพิ่งถล่มผมว่าแขวะสายออดิโอไฟล์ หรือคนใช้ลำโพงบ้านแพงๆ
แท้จริงแล้วการที่เราต้องหันมาใช้ลำโพงบ้านที่มี performance ต่ำกว่า และต้องจ่ายราคาแพงระยับกว่าก็มีเหตุและผลของมันอยู่ครับ
นั่นก็เป็นเพราะว่าลำโพง commercial ที่่ให้ performance ดีนั้น มันก็มีความไม่เหมาะสมในการนำมาใช้ในบ้านหลายเรื่อง
ทั้งขนาดของห้องที่ไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะเร่งเสียงได้ถึงจุดที่เสียงดี
ขนาดของตัวลำโพงและอุปกรณ์ หน้าตาที่ดูไม่ user friendly และรวมไปถึงเสียงดัง เสียงรบกวนจากพัดลมของอุปกรณ์เหล่านั้น ถามว่าถ้าเอามาใช้ในบ้านแล้วมันจะมีความสุขกับเสียงเหล่านี้จริงหรือ???? แล้วเสียงมันจะดีเท่ากับที่มันเคยทำได้ในสถานที่เหล่านั้นหรือไม่

ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมเขียนมา ผมไม่มีเจตนาจะโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่อยากให้ฉุกคิดว่า ทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวมันเอง ถ้ามองโดยปราศจากไบแอสและตัดข้อจำกัดเรื่องบัดเจ็ท หรือเงินทิ้งไป แล้วลองเทียบดูเราจะรู้ว่าอะไรเหมาะสมกับเราจริงๆ

สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเล่นเครื่องเสียงคือ ความเหมาะสม ความชอบ สไตล์ แนวทางการเล่น และกาละเทศะ ของสถานที่และผู้ครอบครองครับ ถ้าเราอยู่ในห้อง 4*3 แล้วไปขนเอา PA ในผับมาลงแล้วเปิด มันอาจจะถูกตังกว่าุชุดออดิโอไฟล์แท้ๆ อาจจะมันกว่า ตึ้บกว่า แต่มันอาจจะฟังไม่ได้ดีในห้องนี้ และมันอาจจะรบกวนความสุขของคนในครอบครัว ทัศนียภาพ รวมไปถึงรบกวนเพื่อนบ้าน และบางทีมันอาจทำลายสุขภาพหูด้วยก็ได้นะครับ

ดังนั้นคำตอบที่ถูกที่สุดในการเล่นเครื่องเสียงนั้นไม่มี มีแต่คำว่าเหมาะสมกับแนวทางการเล่นและปัจจัยต่างๆรอบตัวของเจ้าของ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราเล่นแล้วเรามีความสุข ไม่รบกวนใคร และที่สำคัญกว่าก็คือ เล่นอะไรแล้วมีความสุข ก็ไม่ต้องไปแขวะหรือดูถูกคนที่เล่นไม่เหมือนเรา เพราะคนเราล้วนมีความสุขในสิ่งละอันพันละน้อยที่ไม่เหมือนกันครับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2018, 08:41:12 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #679 เมื่อ: มกราคม 09, 2015, 08:23:53 am »
มาดูซับวูฟเฟอร์ตู้เปิดกันว่ามันมีดีอะไร (SVS PB2000)



ซับตู้เปิด Svs pb2000 ต่างกับซับตู้ปิดอย่างไร  จริงๆเคยอธิบายไว้หลายครั้งแล้ว แต่ก็มีถามเข้ามาเรื่อยๆ ก็เลยจะเขียนอีกรอบ สั้นๆ เข้าใจง่ายๆ เพื่อประโยชน์ในการเลือกซับมาใช้ในห้องดูหนังของคนเล่นเองครับ

ลูกค้าท่านหนึ่งของเราสั่ง Svs pb2000 เอาไว้   ระหว่างรอห้องใหม่ของลูกค้าเสร็จ  ก็เลยฝากเราเอาไว้ก่อน โดยลูกค้าก็อนุญาติให้เราแกะเช็คของและให้เบิร์นให้ด้วย ตัว PB2000 ดอกไม่ใหญ่มากกำลังดี ราคาเอื้อมถึงง่าย ไม่แพงครับ


Spec SVS PB2000

-----------------------------------------------
    Driver | 12"
    Amplifier | 500 watts RMS (1100 watts peak)
    Freq. Response | 17-260 Hz ± 3 dB
    Port Size  | Single 4"
    Dimension | 20.9" (H) 17.3" (W) 23.2" (D)
    Weight | 65.6lbs
--------------------------------------------------------



เราเลยต้องเสียเหงื่อยกเอา  sb4000 ออกไป และเอา pb2000 มาแทน และก็เบิร์นนน.....

ผลลัพธ์ก็คือ
1. เบสเยอะ หนัก เร่งแค่ 40-50% เบสก็เต็มห้องแล้ว ชอบ PB2000 ตรงที่เบสสะใจดี มีลมออกมาแผ่คลุม เขยิบไปดูใกล้ๆตัวซับ ฉากที่พีคๆ เบสก็ออกมาตีหน้า ท่อลมเบสเป่าออกมายังกับพัดลม รู้สึกได้ความสะใจดีครับ (ห้องเก่าผมเล็กแค่ 2000 ก็พอเลย ถ้า 16 ultra นี่คงสุดๆ)
 
2. ความแตกต่างจากตู้ปิดอย่าง SB2000, SB4000 ก็คือ ถ้าคุณชอบปริมาณเบส เบสเยอะ คลุมห้อง ลึก แผ่ซ่านกระชากสะใจ และบรรยากาศเบสแบบแผ่ๆคลุมๆ บางจังหวะที่เบสแผ่ๆ ตู้เปิดมันจะได้ฟีลกว่าที่มีความถี่ต่ำมาเลียไล้ตามหน้าแข้ง ตามขนต่างๆของร่างกาย และบางทีก็รู้สึกเสียวสันหลัง แบบที่ตู้ปิดไม่ได้ให้เราแบบนั้น (เพราะตู้ปิดมันหยุดเร็ว ได้อย่างเสียอย่าง)
 
3. ถ้าเราเอาแค่ปริมาณเบส ในราคาเท่าๆกัน pb จะทำได้ดีกว่าเสมอ หรือ sb รุ่นสูงกว่า บางทีก็ยังให้ปริมาณเบสได้ไม่เท่า pb เช่น pb2000 เบสจะหนักและลึกและเยอะกว่า sb2000 มาก
รวมถึง pb2000 จะให้ปริมาณเบสได้มากกว่า sb4000 แต่ sb4000 จะให้เบสที่มีคุณภาพ กระชับ เร็ว และจัดการง่ายกว่า
 ถ้าโจทย์คุณคือห้องใหญ่ 15-16 ตรม. ขึ้นไป หรือห้องเล็กแต่ไม่แคร์ว่าเบสจะต้องเร็ว ต้องกระชับ สะอาดกริ้ป แต่คุณต้องการเบสดูหนังที่หนัก เยอะ สะใจ ดูเอามัน จริงๆ pb จะตอบโจทย์กว่าด้วยซ้ำไป
รวมถึงเร่ง volume ไม่ต้องเยอะ เพียง 30-50% ก็ได้ปริมาณเบสเยอะจนเหลือกินเหลือใช้ ไม่ต้องเร่งจนหน้าเขียวเหมือนตู้ปิด




ข้อเสียของ PB2000 ที่หนักหนาสาหัสสำหรับผมก็คือ (ข้อ1,2)
1. มันไม่สวย ตัวตู้ใหญ่เทอะทะ แค่ PB2000 นี่ตัวตู้สูงและลึกกว่า SB16 ultra ในห้องผมอีก ตู้ใหญ่มาก

2.ไฟสีฟ้าแสดงสถานะที่ตัวตู้มันแยงตา ปิดไม่ได้ (ซึ่ง SB13, 4000, 16 ultra ไม่มีครับ)

3. เบสไม่เร็วและสะอาดอึกอักๆเท่า SB หรือตู้ปิด ซึ่งอันนี้ยอมทรับได้เพราะมันเป็นลักษณะของตู้เปิด และกับได้ข้อดีของมันคือกำลังและเบสต่ำๆลึกๆมาแทน ซึ่งแค่ PB2000 ก็ลงได้ลึกตั้ง 17 Hz แล้วนะครับ

ปล. อย่าเอาตู้ปิดแพงๆ เป็นแสนมาเทียบนะครับ พวกนั้นออกแบบมาดีทั้งคุณภาพและปริมาณ    ที่แนะนำนี่คือ ถ้าคุณงบจำกัด และห้องใหญ่ แต่ไม่อยากจ่ายมาก ซับตู้เปิดก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมอยู่ดีครับ  อย่ามองว่าเฮ้ยใช้ตู้เปิดไม่เท่ ไม่คูล ดูไม่แพง   
อย่าไปคิดแบบนั้นครับ
ซับแต่ละประเภทก็มีดีในแบบของมัน ใช้ของให้ถูกกับงาน ห้องและความชอบ อย่าไปใช้ตามใคร  แล้วจะมีความสุขกับการดูหนังครับ



ปล2. ตู้เปิด เบสเยอะ เบสช้ากว่า พูดง่ายๆคือแผ่กว่าตู้ปิด  แต่ก็ไม่ได้แผ่มาก ถ้านึกไม่ออกก็ เบส pb2000 จะแผ่ประมาณ Klipsch r112 sw ที่อัพเกรดให้หนักขึ้นประมาณ 20-30% ครับ
ซึ่งมันไม่ได้แผ่แบบพวกพาราดาม ที่ออกมาเป็นแผ่นดินไหวเลย
และก็เบาจนเกินไป ไม่ค่อยมีอิมแพค แบบที่สาวกฟังเพลงเค้าบอกว่าเบสสะอาด เช่นซับ Martin หรือซับอังกฤษชื่อดังในบ้านเราแบบนั่น (พวกนี้เอาไว้สำหรับคอสายละมุน และสองแชนแนลฟังเพลงเป็นหลัก)

ปล.3 เบสแผ่ๆ หรือตู้เปิดจัดการยากกว่าเบสตู้ปิดที่เร็วและกระชับ เพราะถ้าอคูสติกห้องไม่ดี ก้อง ไม่แข็งแรง อาจจะเจอปัญหา เบสบวม เบลอ ล้นได้ 
แต่ถ้าจัดการอคูสติกห้องได้ดี (ซึ่งห้องนั่งเล่น ทั่วไปคงเป็นไปได้ยาก) ก็จะได้เบสที่มากทั้งปริมาณและคุณภาพไม่ต่างไปจากตู้ปิดครับ

ส่วนตัวผม คิดว่าถ้าห้องเปิด ผมชอบและเชียร์ให้เล่นตู้เปิดมากกว่าตู้ปิด   เพราะเบสเยอะเกินไปอย่างตู้เปิด  ยังบริหารจัดการและแก้ไขได้ อย่างน้อยก็ได้ความถี่ต่ำอย่างที่เราจ่ายเงินไปบ้าง  แต่ตู้ปิดพอมาเจอห้องนั่งเล่นหรือห้องปิด เบา เร่งไม่ขึ้น แก้อะไรไม่ได้เลย (การเซ็ทอัพไม่ได้แก้ทุกอย่างบนโลกนี้ได้) จ่ายเงินไปแต่ไม่ได้ความถี่ต่ำแบบที่ต้องการ ผมว่าเบสเยอะเกินยังดีกว่าเบสน้อยไปครับ 
คนเล่นมัลติแชนแนลอย่างเรา (ไม่นับคนเล่นสองแชนแนล) คงจ่ายเงินซื้อซับเพราะต้องการเบส ไม่ใช่เอามาตั้งสวยๆเท่ๆ ให้พอมีลมออก ส่วนคุณภาพจะดีไม่ดีก็อยู่ที่ห้อง ตำแหน่ง อคูสติก และการจัดการเซ็ทอัพครับ แต่อย่างน้อย เบสต้องมี กำลังต้องพอก่อน

จบ. มีคำถามอะไรถามได้ครับ

ราคา SVS ทุกรุ่น: http://www.whatthatsound.com/category/100/svs/svs-subwoofer












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2018, 08:14:35 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #680 เมื่อ: มกราคม 09, 2015, 12:50:06 pm »

บรรยากาสจัดส่ง Anthem MCA325 ที่พระราม3



จัดส่ง Poweramp Anthem MCA325 ไปให้ลูกค้าที่พระราม3
ตัวนี้ลูกค้าจะเอาไปใช้กับ Klipsch RF-7 III และ Klipsch RC-64 III ที่สั่งจองเอาไว้ (รอของ)
 
ลำโพง Klipsch กับ Anthem เป็นคู่ที่เข้ากันดีนะครับ สำหรับใครที่อยากจะดับเสียงแหลมของ Klipsch ลงอีก เพราะแนวเสียง power anthem นั้นค่อนข้างจะหนา ใหญ่ และหนัก เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูหนังโดยเฉพาะ
 
คอสองแชนแนลถ้าเอาไปจับกับลำโพงที่แหลมไม่เฟี้ยวฟ้าวอยู่แล้ว (ลำโพงที่เน้นไปทางฟังเพลง) อาจจะรู้สึกว่ามันทึบไป ดาร์กนิดๆ แต่สำหรับคอดูหนังนี่บอกเลยว่า ไม่สดไป หนา หนัก แน่น ดูสนุกไม่บาดหูครับ
 
แต่ถ้าอยากโหดและยังอยากได้รายละเอียดกลางแหลม ในขณะที่ไม่ชอบโทนเสียงกลางต่ำที่หนาแบบ Anthem ก็จะมีอีกตัวเลือกนั่นคือ emotiva ที่ความโหดนั้นขี่คอกันมากินกันไม่ลงในเรื่องแรงกระแทก เบส แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ เนื้อเสียงกลางแหลม Anthem จะหนาใหญ่กว่า
ส่วน Emotiva โทนเสียงกลางแหลมจะเปิดและได้รายละเอียดเยอะกว่าครับ
 
ราคา Anthem MCA325: http://www.whatthatsound.com/product/440/anthem-mca325


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 03, 2018, 04:15:26 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #681 เมื่อ: มกราคม 09, 2015, 05:30:21 pm »
Fibbr fiber optic HDMI



วันนี้มีพรีวิว fiber optic แบรนด์ดังที่กำลังได้รับความนิยมกันอยู่ในขณะนี้มาฝากกันครับ โดยตัวที่เราแกะมาลองนั้นเป็ยรุ่นสูงนั่นคือ Pure series ขนาด 10 เมตร.

(บ้านเรามีขายสอง series คือ Ultra pro และ Pure) มีความยาวให้เลือกคือ 1.5ม., 2ม., 10ม., 15ม.

ตัว fiber optic HDMI นั้นถูกสร้างมาจาก optic ใช้การนำสัญญาณด้วยแสง จึงทำให้มีข้อดีคือ สามารถลากสายยาวมากๆ ไปได้ในระดับ 50-100 ม. โดยที่สัญญาณไม่ดรอป  (ส่งสัญญาณภาพในระดับ 4k)
ซึ่งสาย HDMI ปกติธรรมดาๆทั่วไปจะลากได้ยาวประมาณ 10 ม. ถ้ายาวกว่านี้จะเจอปัซหาคือสัญญาณดรอป หาย จอมืด กระพริบเป็นช่วงๆ ยิ่งถ้าลากสัก 10 ม.ขึ้นไปจะเจอปัญหานี้แน่นอนครับ
ตัว fiber optic จะแก้ปัญหานี้คือลากได้ยาวโดยสัญญาณไม่ดรอป




ข้อดีที่เราเจอคือ

1. พอนำสัญญาณด้วยแสง (optic) ก็จะเส้นเล็ก สะดวก ลากยาวไปได้ไม่เกะกะ ไม่เส้นโตเหมือน HDMI ทั่วไป ลากยาวๆได้

2. คุณภาพภาพที่ได้ เรานำมาเทียบกับสายแพงๆอย่าง "โลกอัศจรรย์" ซีรี่ย์ทองคำขาว (ไปแปลเองน่ะ) คุณภาพของภาพทั่งสีและความชัดเจนนั้นพอๆกัน กินกันไม่ลง

3. แนวเสียงที่เราลองเปิดฟัง ออกแนวธรรมชาติ ไม่มี color ไม่หนาเหมือนสาย HDMI ทองแดงทั่วไป (รุ่นเริ่มต้นส่วนใหญ่เสียงจะหนาเพราะเป็นทองแดง)  และเสียงไม่แหลมเฟี้ยวเบสหายเหมือนสาย HDMI แพงที่เป็น silver plate (HDMI แพงๆที่เราเจอแนวเสียงมักเน้นแหลมระยิบระยับเพราะเคลือบเงิน)
แต่ตัวนี้แนวเสียงจะธรรมชาติ ไม่มี color เที่ยงตรงไม่หนา และไม่แหลมไป กำลังดี รายละเอียดดี ถ้าใครต่อสาย HDMI ใช้ฟังเพลงด้วย เราจะบอกว่าโอเคเลยครับ ฟังดีใช้ได้ ไม่ค่อยติดบุคลิคของสายมาปนเปื้อนให้รำคาญใจ




** อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะมีนักเทคนิคคอมพิวเตอร์ นักดิจิตอลเทคนิค หรือนักวิทยาศาสตร์บางท่านแย้งว่า เฮ้ย สาย digital อย่าง hdmi  ที่มันส่งสัญญาณ 1010 แบบนี้มันมีบุคลิคเสียงด้วยเหรอ สายเส้นละ 190 ในพันทิพย์มันต้องให้เสียงเทียบเท่าสายเส้นละ 50000 สิ  เพราะสัญญาณมันมีแค่ส่งได้ มีภาพ กับส่งไม่ได้ ไม่มีภาพแค่นั้น
ถ้าท่านเล่นเครื่องเสียงและคิดแบบนั้น ผมก็หมดไอเดียจะอธิบายต่อแล้วครับ เพราะสาย hdmi เนี่ย เสียงเป็นเรื่องที่ฟังออกง่ายกว่าภาพเสียอีกครับ (ภาพยังต้องการจอใหญ่ๆ และหยุดภาพเพื่อเทียบ) แต่เสียงนี่ฟังออกง่ายมาก
เปิดเพลงที่ฟังประจำ แค่1-3 นาทีก็ฟังออกแล้วครับ
ผมไม่ได้มาโม้ อะไรที่มันมโนเกินจริง เพราะผมก็ไม่ชอบอะไรที่มันมโนแบบนี้เช่นกัน พวกเรื่องที่พิสูจน์ยากๆ ต้องใช้จินตนาการพิสูจน์อย่าง ถ่านรีโมท วิธีกดรีโมท ลำดับการเปิดเครื่อง หรือแผ่นสติ๊กเกอร์ / แท่นไม้ดูดไฟฟ้าสถิต การขกสายขึ้นเหนือพื้น การใส่เสื้อผ้า นาฬิกาเข้าห้องฟังแล้วต่าง แบบนี้ผมก็ไม่ให้ความสำคัญและก็ไม่เชื่อถือเช่นกันครับ
แต่สาย hdmi ให้แนวเสียงไม่เหมือนกันนี่ แค่คุณมีห้องฟังดีๆ ห้องปิด ระบบเครื่องเสียงดีๆนิดนึงสักระดับกลางๆ (ไม่เอา In the box) ก็ฟังออกง่ายๆแล้วครับ

4. ภาพนั้นถ้าใครใช้จอ pjt ใหญ่ๆจะเห็นความแตกต่างว่าคุณภาพที่ได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งแสง เงา และคอนทราสต่างๆ ส่วนใครที่ใช้จอทีวีธรรมดาก็อาจจะมองยากหน่อยและค;ามแตกต่างน้อยกว่าจอ pjt ใหญ่ๆครับ
ภาพถ้าคุณใช้ทีวีแค่ 40-50 นิ้ว แล้วดูหนังด้วยสาย hdmi การจะเทียบความแตกต่างผมว่ามันมองยาก และถึงขนาดที่ต้องหยุดภาพที่ฉากที่มีความละเอียดเยอะๆ ดำเยอะๆ ดำจม ออกมาเทียบกัน   แต่ถ้าใครใช้จอ pjt ใหญ่อันนี้น่าจะดูออกง่ายกว่า




ข้อเสีย

1.ด้วยความที่เป็นสาย fiber optic เส้นเล็ก อ่อน  ดัดง่าย ก็ต้องระวังและอย่าไปหักสายมันเล่น เพราะบางทีถ้าสายมันหัก มันจะนำสัญญาณไม่ได้เพราะมันเป็น optic ครับ  ถ้าเป็นสาย gdmi ธรรมดามันจะแข๊งมาก หักไมไ่ด้อยู่แล้วครับ บางทีต่อสาย ดัดสายกันเมื่อยมือเลยเพราะสายมันแข๊ง  แต่สาย optic เส้นมันจะบาง เพียวและใช้งานสะดวกกว่าเยอะ

2. ความคุ้มค่าสำหรับสายสั้นๆ
ราคาถ้าใครคิดจะหาสายสั้นๆสัก 1-3 เมตร แล้วมาใช้สาย optic บางทีความคุ้มค่านั้นอาจจะไม่ได้สูงมาก เพราะสาย optic นั้นราคาเริ่มต้นก็ 5-6 พันบาท ในขณะที่สายสัญญาณ HDMI ธรรมดาๆทั่วไปอาจราคาถูกกว่านี้
แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้สายยาวๆสัก 10 ม. แล้วล่ะก็ สายแบบ optic จะคุ้มค่ามากครับ เพราะราคาต่อความยาวถ้าเทียบกับสาย hdmi เส้นที่ยาวระดับ 10 ม. นั้นต้องบอกว่า สาย optic fibbr ราคาถูกมาก หลักพันบาทก็ได้สายยาว 10 ม. และได้คุณภาพทั้งภาพและเสียงสูงเทียบเท่าหรือดีกว่าสาย hdmi ดีๆแพงๆเลยละครับ



สรุป

สำหรับใครที่ใช้งานระบบ Home cinema หรือแม้แต่ชุดดูหนังธรรมดาที่ใช้งาน projector ที่ต้องมีการลากสายขึ้นฝ้า หรือลากลงพื้นยาวๆสักระดับ 10 เมตร แล้วต้องการดูภาพความละเอียดสูงระดับ 4K แบบนี้
FIBBR เป็นสายที่ให้ความคุ้มค่าสูงมาก มีความเที่ยงตรงสูง เป็นสายที่ให้คุณภาพภาพที่ดีมาก  และเสียงที่ไม่ค่อยมี color นั้น
สาย hdmi ธรรมดาก็ต้องจ่ายเกินหมื่นแล้วครับ  สายตัวนี้จึงเหมาะสำหรับงาน Installation ด้วยเพราะสายมันบาง ลากง่าย เดินง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาสายหนัก ใหญ่ต้องดัด งานติดตั้งทำได้รวดเร็ว มีคุณภาพ

แต่สำหรับใครที่ใช้งานสั้นๆเช่นต่อจาก avr ไป bluray หรือจากเครื่องเล่นไปปรี แบบนี้ก็สามารถนำไปใช้งานได้หากต้องการคุณภาพภาพที่ดีและเสียงที่ flat  เพียงแต่ความคุ้มค่าของสายความยาวสั้นๆอาจจะไม่คุ้มมากเหมือนเราเดินยาวๆครับ

ปล . สายสามารถลากได้ยาวระดับ 50 เมตร ขึ้นไป  ใครที่ต้องการยาวขนาดนั้นสามารถสั่งได้เช่นกันครับ เหมาะสำหรับห้องที่ใช้งานกว้างมากๆเช่นห้องประชุม ห้องปาร์ตี้ สระว่ายน้ำยาวๆ แบบนี้เป็นต้น






































ราคาสาย FIBBR:
http://www.whatthatsound.com/category/118/fibbr-fiber-optic-hdmi
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 11, 2018, 03:35:11 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #682 เมื่อ: มกราคม 09, 2015, 09:40:41 pm »

บรรยากาสจัดส่ง Klipsch THX Ultra2 KL650 ที่รามอินทรา



จัดส่ง Klipsch THX Ultra2 KL-650 สี่ตัวให้ลูกค้าที่รามอินทราครับ
ตัวนี้เดิมทีลูกค้าใช้ Klipsch RF-7 II อยู่ ต่อมาได้ kl650 มือสองมาก่อนหน้านี้ 3 ตัวเอามาทำเป็น lcr พอได้ลองและสัมผัสเสียงจากลำโพง cinema เทียบกับลำโพง Home audio ก็เลยตัดสินใจปล่อย Rf-7 II ทันที (คล้ายกับผมที่พอได้ฟังเสียง Klipsch THX ได้ 5 นาทีจากหนังที่เปิดดูประจำ ก็ปล่อย RP280F โดยไม่ลังเล)
 
หากวัตถุประสงค์คือเอาไปดูหนัง ลำโพง cinema แท้ๆจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าลำโพง Home audio มากมายนัก
(ที่ใครๆเค้าโฆษณาว่าเอาลำโพง home auido ที่เน้นฟังเพลงมาดูหนังแล้วเสียงดีมาก นั้นก็เป็นการตลาดอย่างนึง ต้องฟังหูไว้หู)
แต่ในความเป็นจริงแล้วลำโพงแต่ละตัวมีข้อดีของมัน ถ้ามันฟังเพลงดี แหลมละมุนทอดยาวเป็นประกายแล้ว เบสกลมกล่อมแล้ว มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดูหนังดี
ตรงข้ามถ้าลำโพงดูหนังดีๆ แหลมพุ่ง เบสมีไดนามิค สเกลเสียงใหญ่ มันย่อมเอามาฟังเพลงช้าๆไม่ดีเช่นกัน
ใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของมันจะดีที่สุดครับ



ชุดลูกค้าประกอบด้วย Anthem AVM60, Anthem P5, Emotiva XPA5, XPA7, Klipsch THX Ultra2
 
เป็นชุดที่เน้น performance และเน้นดูหนังโดยแท้ทรูครับ
ห้องของลูกค้าใช้ของมีมาตรฐานและคุณภาพสูง ทีนี้ก็เหลือแค่ห้องฟังและการเซ็ทอัพให้ดีก็น่าจะฟินกับการดูหนังฟังเพลงได้แล้ว (ลูกค้าใช้ห้องนอนเป็นห้องดูหนัง ซึ่งยังได้ฟูกที่นอนช่วยในเรื่องอคูสติกบ้าง)
และลำโพง Klipsch THX Ultra2 ก็หนึ่งในลำโพง cinema อีกตัวที่ถ้าใครรักในการดูหนังจริงจัง และเบื่อลำโพงเสียงนุ่มๆ ที่ขายในห้าง ถ้าได้ลองลิ้มรสลองฟังเป็นต้องหลงรัก

ทัศนคติของผมในบรรดาลำโพง cinema 3-4 ตัว klipsch THX เป็นลำโพงที่ให้เสียงกลางแหลมและดีเทลชัดมากๆ ส่วนเบสและสเกลเสียงนั้นให้เสียงกลางๆ เน้นสมจริงและชัดเจน ไม่ได้หนานุ่มหรือบูสให้เสียงต่ำอุ่นหนาเหมือนลำโพง cinema บางตัวหรือ home audio
คุณสมบัตินี้ดูหนังสนุกและดุดันดี
ส่วน procella นั้นให้เสียงกลางแหลมที่เป็นธรรมชาติชัดเช่นเดียวกัน แต่โทนกลางแหลมของ Procella จะไม่ได้พุ่งสดและดีเทลจี๊ดๆเท่า klipsch
แต่สิ่งที่ procella ให้ได้ก็คือไดนามิคที่รุนแรง หนักหน่วง และเสกลเสียงที่ใหญ่ อลังการเต็มห้องได้ดีที่สุดเท่าที่ผมฟังมาแล้วครับ
 
ส่วนลำโพง cinema ดังค่ายอื่นนั้นจะเน้นไปทางละมุนละม่อม ฟังง่ายสบาย ละมุนๆหู
 ทวีตเตอร์ของแต่ละค่ายก็บ่งบอกแนวเสียงได้ดีครับ พวกที่ใช้ทวีตเตอร์แนวโลหะ ไทเทเนียมจะเน้นรายละเอียดเสียงและความสด ดุดันได้ดี และพวกนี้จะใช้ตัวเดียวด้วยครับเพราะคุณลักษณะของทวีตเตอร์โลหะจะมีข้อดีคือ ให้ไดนามิค และพลังที่เพียงพอทำให้มันใช้แค่ตัวเดียว ยิ่งบางค่ายเช่น Klipsch พอไปอยูกับฮอร์นด้วยยิ่งทำให้เหลือเฟือเหลือใช้เลยในเรื่องของรายละเอียดกลางแหลมมและดีเทล
 
ส่วนพวกค่ายที่ใช้ทวีตเตอร์โดมนุ่มนั้นจะเน้นความละมุนละไม ฟังง่าย สบายหู ให้เสียงพูด เสียงร้อง คอนเสริต์ได้ดีเป็นธรรมชาติกว่า แต่ข้อเสียก็คือโดมนุ่มจะให้พลัง ความชัดเจนและรายละเอียดได้ไม่เท่ากับโดมโลหะ ดังนั้นจะเห็นว่าลำโพง cinema ที่ใช้โดมนุ่มมักจะต้องใช้หลายโดมต่อลำโพงหนึ่งข้างครับ เพราะถ้าใช้แค่ตัวเดียว มันจะให้ความชัดและรายละเอียดรวมไปถึงความดังได้ไม่ผ่านมาตฐานการดูหนังของ THX
(ใครเคยเห็นลำโพง cinema ที่ผ่านมาตรฐานและใช้ในห้องใหญ่ๆได้ตัวไหนที่ใช้โดมนุ่มตัวเดียวบ้าง)
โดมนุ่มมักจะแพ้ความชื้น พอไว้ในห้องแอร์นานๆ หรือใครทำห้องดูหนังไว้ชั้นใต้ดิน และไม่ค่อยเปิดใช้งานมักจะเจอปัญหาทวีตเตอร์ขาดเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ ด้วยความที่มีทวีตเตอร์หลายตัวต่อลำโพงหนึ่งข้าง บางทีมันขาดไม่รู้ตัวก็มี
เวลาเราบิดสินค้าลำโพงเหล่านี้จากเมืองนอก ต้องระวังเพราะมันชอบขาดครับ



สุดท้ายจะชอบสไตล์เสียงแนวไหน ตัวไหนใช่สำหรับเราก็ลองเลือกกันดูเองครับ แต่ละแบรนด์มีข้อดีข้อเสียและแนวเสียงเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถเซ็ทเสียงให้ตอบสนองได้ครบและถูกต้องตามาตรฐานได้ แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนแนวเสียงของลำโพงแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่นได้ครับ เหมือนเราแต่งหน้าผู้หญิงสองคนเหมือนกันทุกอย่าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมออกมาไม่เหมือนกันตามพื้นฐานของแต่ละคนนั้นเอง
การเลือกลำโพงให้ถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งานย่อมเป็นปราการด่านแรกที่นำพาให้เราเดินไปสู่จุดหมายได้มากกว่า 70-80% ครับ
อย่าลืมว่าใส่ใจกับลำโพง แอมป์ ปรี ห้องฟัง การเซ็ทอัพให้มากกว่าใส่ใจเรื่องเส้นสายนะครับ
 
ราคา klipsch THX ultra2: http://www.whatthatsound.com/category/9/klipsch/klipsch-thx-ultra-2










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 11, 2018, 03:54:38 pm โดย keamglad »

ออฟไลน์ keamglad

  • OLED TV member
  • *****
  • กระทู้: 3,720
  • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • ดูรายละเอียด
    • https://www.facebook.com/whatthatsoundstore
    • อีเมล์
Re: What's That Sound ขาย Klipsch, KEF, Furman, Cerwin, Harman, Onkyo, Yamaha, PSB
« ตอบกลับ #683 เมื่อ: มกราคม 10, 2015, 09:41:21 am »


จัดส่ง Klipsch RP-280F ไปให้ลูกค้าที่เชียงรายครับ (ส่ง siamfirst)

ชุดของลูกค้าประกอบด้วย Klipsch RP-280F, RC-64 ii, Marantz SR6012

ดูหนังก็ต้องใช้ลำโพงดูหนัง ฟังเพลงก็ต้องใช้ลำโพงฟังเพลง มันแทนกันไม่ได้...
จะเอาดีทั้งสองอย่างนั้นไม่มีครับ
ยกเว้นว่าจะชอบดูหนังเสียงนุ่มๆแบบฟังเพลง
หรือชอบฟังเพลงเสียงสดๆแบบดูหนัง

^_^











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2018, 08:20:26 am โดย keamglad »