แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Beer625

หน้า: 1 ... 251 252 [253] 254 255 256
4537



ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกหน้าหวาน มิน พีชญา วัฒนามนตรี ที่ก่อนหน้านี้ลงครัวทำอาหารไปมอบให้กับคนงานที่แคมป์ก่อสร้างต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร

แต่ล่าสุดนางเอกคนดังก็ครีเอทไอเดียเจ๋งช่วยประชาชนที่เดือดร้อนกับพิษโควิด-19 แบบคูณสอง กับการเหมาอาหาร ขนมและเครื่องดื่มจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้เดือดร้อนจากโรคระบาดดังกล่าวได้กินฟรีรอบกรุงฯค่ะ

“กับโครงการนี้จริงๆ มินได้มีโอกาสทำมาพักนึงแล้วค่ะ คือตอนแรกอย่างที่ทุกคนได้เห็นว่ามินทำอาหารแจกพี่ๆ น้องๆ ที่แคมป์คนงาน แต่ตอนนี้เราก็ลองปรับมาดูว่าเราสามารถช่วยอะไรได้มากกว่านั้นไหม


มินเลยลองเปลี่ยนจากการทำอาหารเองมาเป็นการซื้ออาหาร ไปเหมาอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้ดีกว่า แล้วมินก็เอาของที่ซื้อมาแจกจ่ายให้กับพี่ๆ น้องๆ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิดแทน

ถือว่าเราได้ช่วยคนแบบสองต่อเลยค่ะ เพราะบางร้านค้าขายของไม่ได้เลย บางร้านก็ขายได้แต่ก็ไม่พอค่าเช่าที่ แถมพ่อค้าแม่ค้าบางคนยังมีลูกเล็กๆ ที่ต้องเลี้ยงดูอีก

คือเราเห็นแล้วก็สงสารพ่อค้าแม่ค้าทุกคนค่ะ เราเลยมาช่วยตรงจุดนี้ เพราะพอเราซื้อของเค้า เหมาของเค้าพ่อค้าแม่ค้าเองก็ยิ้มได้ มีเงินกินเงินใช้เลี้ยงดูครอบครัว

มินเห็นเค้ามีความสุขเราเองก็ดีใจ ส่วนคนที่มารับของที่เราซื้อไว้ทุกคนก็ยิ้มได้ ได้กินของอร่อย ได้ยินแค่คำขอบคุณเราเองก็ปลื้มใจเช่นกันค่ะ


เพราะเรารู้ว่าตอนนี้พี่ๆ น้องๆ บางคนก็ตกงาน บางคนทำงานเป็นรายวัน ตอนนี้โรงงานปิดก็ขาดรายได้ บางคนก็โดนลดเงินเดือน เราก็ถือว่าเราได้ช่วยให้เค้ามีความสุข ได้อิ่มท้องในแต่ละวัน

เราเองก็มีความสุขมากแล้วค่ะ เพราะถ้าทุกคนมีข้าวกินในแต่ละวัน ทุกคนก็จะมีแรงต่อสู้กับปัญหาที่จะเข้ามาและมินก็คิดว่าจะทำโครงการดีๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ” 

4538



เมื่อ 'วิกฤติโควิด' กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข

วิกฤติโควิด กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ทั้ง

- กรณี 'ประกายฟ้า หรือ ฟ้า' ยูทูปเบอร์ชื่อดัง กระโดดลานจอดรถ เสียชีวิต

- ตำรวจติดโควิด ผูกคอตายเสียชีวิต 

- ลูกป่วยโควิดตาย พ่อกระโดดตึกตายตาม


จากข่าวคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ สะท้อนความเครียดที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในยุคโควิด ความกังวลดังกล่าวสอดคล้องกับกรมสุขภาพจิต ที่ออกมาเตือนว่าโควิด 19 กำลังทำให้คนคิดสั้นมากขึ้น

การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนฆ่าตัวตายในสถานการณ์โควิดเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่การระบาดรุนแรง เช่นในญี่ปุ่น ปีก่อนพบว่าอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงสุดในรอบ 11 ปี จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงร่วมกับสถาบันผู้สูงอายุในโตเกียว พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายช่วง ก.ค. ถึง ต.ค. 2563 เพิ่มขึ้นถึง 16 % จากช่วงเดียวกันของปี 2562

หรือในเกาหลีใต้ ที่สถานการณ์โควิดทำให้อัตราการฆ่าตัวตาย และซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ข้อมูลจากศูนย์สุขภาพจิต ประเทศเกาหลีใต้ พบว่า จำนวนประชาชนปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นถึง 20% จากปี 2562 

สำหรับประเทศไทยนับจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 หรือต้มยำกุ้ง อัตราการฆ่าตัวตายก็ลดลงมาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบัน จากปัญหาโควิด ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนโควิด สถิติคนไทยฆ่าตัวตายอยู่ที่ประมาณ 6-7 คนต่อประชากร 1 แสนคน/ปี เช่น

- ปี 2560 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6 คน

- ปี 2561 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6-6.5 คน 

- ปี 2562 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6.36-6.6 คน แต่นับจากมีโควิด สถิติก็เพิ่มขึ้น

- ปี 2563 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 7.37 คน สูงขึ้นจากปี 2562 ราว 10% - ขณะที่ใน 5 เดือนแรกของปี 2564 สถิติใกล้เคียงกับทั้งปีของปีก่อน

ตราบใดที่การระบาดยังเพิ่ม มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากขึ้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น ก็เสี่ยงทำให้คนเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปดูตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง สถิติฆ่าตัวตายอยู่ที่ 8 คนต่อ 1 แสนคน วิกฤติโควิดคราวนี้กำลังพาสังคมไทยกลับไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ อาจแบ่งความเครียดหลักๆ ได้จาก 2 สาเหตุ

สาเหตุแรก ความเครียดจากโรคภัย ทั้งกลัวติด กลัวตาย ความเครียดที่ติดโควิดแล้วต้องรอเตียงอย่างไม่รู้อนาคต หาเตียงไม่ได้ ความเครียดจากกลัวแพร่โรคให้คนในครอบครัว ความเครียดจากการต้องอยู่คนเดียวระหว่างรอเตียงหรือทำการรักษา นำไปสู่ความสิ้นหวังและขาดกำลังใจ

สาเหตุที่สอง ความเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งตกงาน ถูกลดชั่วโมงทำงาน สถานประกอบการถูกปิดทั้งจากพิษเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาของรัฐ ทำให้รายได้ลดลง ผู้นำครอบครัวขาดความสามารถดูแลครอบครัว รู้สึกหมดหวัง สูญเสียคุณค่าในตัวเอง 

ตัวอย่างผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น ล่าสุดสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ระบุว่า โควิด 19 เสี่ยงทำให้ 1 ใน 4 ของแรงงานภาคท่องเที่ยวตกงาน หรือคิดเป็นจำนวนมากถึง 4 ล้านคน โดยหวั่นว่า แรงงานกลุ่มนี้จะเครียดและฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของไทยเมื่อปีก่อน ที่พบว่า กลุ่มอาชีพพนักงานและคนว่างงานมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจกำลังทำให้คนคิดสั้นเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ มีข้อควรระวังอีก 2 ประการ กล่าวคือ 

ประการแรก พบว่าความเครียดหรือวิตกกังวลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องปฏิบัติงานอย่างหนักภายใต้ความเครียด มาเป็นระยะเวลานาน 

ประการที่สอง จากประสบการณ์รับมือการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในอดีตพบว่า ความเครียดหรือวิตกกังวลก่อผลกระทบ ทิ้งร่องรอยยาวนานแม้การแพร่ระบาดจบลงแล้ว โดยเกิดขึ้นทั้งในคนธรรมดา และบุคลากรด้านสาธารณสุข

เรียกว่าวิกฤติโควิด ในทางตรง ทำให้คนเจ็บป่วยทางกาย ในทางอ้อม ยังส่งผลให้คนเจ็บป่วยทางใจด้วย โดยความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นได้ ในทุกชนชั้นรายได้ วัย อาชีพ ไม่เลือกว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ 

จากสถานการณ์โควิดที่รุนแรงขึ้น ยังไม่เห็นปลายทางของวิกฤต ผลกระทบจากปัญหาสุขภาพและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เสี่ยงทำให้คนไทยเครียดและคิดสั้นมากขึ้น 

รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ควบคุมการระบาดให้ได้ ยังควรพยายามเยียวยาเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจให้ประชาชนอย่างทันท่วงที 

โดยเฉพาะ สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งรับภาระรักษาผู้ป่วย ที่นับวันเผชิญความเครียดมากขึ้น ต้องดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในระยะสั้น สิ่งที่รัฐควรทำทันทีคือ รัฐบาลต้องเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันโรค เช่น หาวัคซีนเข็ม 3 ที่มีประสิทธิภาพมาฉีดอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเพิ่มค่าตอบแทนให้บุคลากรด้านสาธารณสุขอย่างเหมาะสม ซึ่งอย่างน้อยพอช่วยบรรเทาความเครียด และเพิ่มความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น

สุดท้าย เราทุกคนควรใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องร้ายกับคนใกล้ตัวกันครับ

4539



จากความคืบหน้าของโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ที่เริ่มต้นไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมาซึ่งในด้านของการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น แม้จะยังไม่ชักเจนมากนัก แต่ล่าสุด พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังคงยืนยันการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น (7+7) โดยนักท่องเที่ยวพำนักภายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 7 วัน และสามารถเดินทางท่องเที่ยวและต้องพำนักในพื้นที่อื่น ๆ อีกเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ เกาะสมุย เกาะพงัน และ เกาะเต่า จังหวัดกระบี่ ในพื้นที่เกาะพีพี เกาะไหง และ ไร่เล และจังหวัดพังงา ในพื้นที่เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ โดยมีกำหนดเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ส.ค.64 นี้

จังหวัดพังงา เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับภูเก็ตโดยมีสะพานสารสินเชื่อมเกาะภูเก็ตทำให้ง่ายต่อการตั้งด่านคัดกรองนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างจังหวัด ทั้งนี้ภายหลังการเปิดภูเก็ตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ จังหวัดพังงานเริ่มีการเตรียมการสู้โควิดด้วยแนวคิด “พังงาพร้อม” เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่เข้ามาพักอยู่ในภูเก็ตแล้ว 14 วัน ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวไทยที่ฉีดวัคซีนครบ หรือมีใบรับรองครบถ้วนตามมาตรการสาธารณสุขสามารถเดินทางเข้ามาได้ โดยไม่ต้องกักตัว แต่การเดินทางเข้ามายังเปิดให้เฉพาะกลุ่มเล็ก ๆ และต้องปฏิบัติตัวตามหลักท่องเที่ยวแบบ New Normal

สำหรับจังหวัดพังงา เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ต้องมาหยุดชะงักเพราะสถานการณ์โควิด -19 แต่ภายหลังการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เริ่มต้นขึ้น ชาวพังงา ทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประกาศรวมพลังต่อสู้กับโรคโควิด 19 ภายใต้แนวคิด “พังงาพร้อม” ด้วยการรณรงค์ให้ชาวพังงาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด 19 ให้ได้ 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งเป็นการเดินตามรอยภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์โดยหวังจะฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวได้อีกครั้ง



ทั้งนี้ กำหนดการเปิดจังหวัดพังงาจะเริ่มขึ้นในวันที่1 ส.ค.64 ทำให้ขณะนี้จังหวัดพังงา เร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการยกระดับ10 กิจการ ที่ได้มาตรฐานSHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration ซึ่งมีอยู่ประมาณ140 แห่งไปสู่SHA Plus+ อันเป็นมาตรฐานที่รับรองว่าสถานประกอบการมีมาตรการทางสุขอนามัยในการควบคุมโรคโควิด -19 อีกทั้งมีพนักงานในสถานประกอบการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ2 เข็มแล้วเกินกว่า70% เพิ่มขึ้นให้มากที่สุดเพื่อให้ทันการเปิดเมืองพังงา

โดยเฉพาะหลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มต้นทำแล้วใน2 พื้นที่นำร่อง คือจังหวัดภูเก็ต และสุราษฎร์ธานีผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดล ซึ่งขาดอีกไม่กี่วันโครงการPhuket Sandbox ซึ่งเป็นเฟสแรกของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะครบ1 เดือน ซึ่งจากการประเมินความก้าวหน้าของโครงการ Phuket Sandbox พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 – 21 ก.ค. รวม9,358 ราย ขณะที่ยอดการจองห้องพักตามมาตรฐานSHA+ สะสมระหว่างเดือนก.ค.- ก.ย. อยู่ที่244,703 คืน คิดเป็นอัตราการเข้าพัก10.12% สร้างรายรับการท่องเที่ยว 534.31 ล้านบาท


นายคาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายประเมินและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ก่อนเกิดโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนถึง90% ของรายได้ของภาคการท่องเที่ยวในภูเก็ต จึงไม่น่าแปลกใจที่ความต้องการเข้าพักโรงแรมตกลงอย่างมาก ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวในภูเก็ตค่อยๆเปลี่ยนไปจากนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ไปสู่ชาวจีน ที่ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุด และชาวรัสเซีย ณ ช่วงครึ่งปีแรก 64 จีนยังไม่เปิดประเทศสำหรับต่างชาติ ซึ่งมีผลมาตั้งแต่เดือนม.ค.63 เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากไวรัสโควิด-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ดังนั้น แผนการเปิดประเทศในรูปแบบของ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนก.ค.นี้อาจมีปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากภูเก็ตพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ถือเป็นความพยายามที่ภูเก็ตจะกลับมาเปิดอีกครั้ง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องกักตัว14 วัน ซึ่งโมเดลนี้ถือเป็นการปูทางที่จะเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น พังงา สุราษฎรธานี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขรรธ์รวมไปถึง จังหวัด ระยอง และชลบุรี ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ขณะเดียวกัน รัฐบาลตั้งเป้าที่จะกระจายการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสให้เข้าถึง70% ของประชาชนทั้งหมดภายในสิ้นปี64 ก่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ การกระจายการฉีดวัคซีนต้องดำเนินการให้เร็วขึ้น เนื่องจากมีเพียง 3% ของประชาชนทั้งหมดที่ได้รับวัคซีน ณ สิ้นเดือนมิ.ย.64 ขณะที่ประชาชนกว่า60% ในจังหวัดภูเก็ตได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในประเทศไทย เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว ภายใต้ โครงการแซนด์บอกซ์ ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือน ก.ค.64 แต่ถึงอย่างนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาก็ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่น ๆ เช่น การเข้าพักในโรงแรมที่จัดไว้ให้ โดยมีการรับรองSHA+ และตรวจRT-PCR หลายครั้งก่อนและหลังเดินทางมาถึงภูเก็ต

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมต่างก็คาดหวังที่จะได้เห็นการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง 64 ด้วยอัตราการเข้าพักเป็นตัวเลขสองหลัก แต่รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพียง 100,000 คนภายใต้โครงการแซนด์บ็อกซ์ในไตรมาส3 ปี64 ดังนั้น จึงคาดการณ์ได้ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสำหรับโรงแรมระดับลักซูรี่และระดับอัพสเกลในภูเก็ตจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก และอาจคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 20% ต่อไป ในขณะเดียวกัน ราคาเฉลี่ยรายวัน (ADR) ยังคงจะอยู่ในระดับต่ำตลอดเดือนที่เหลือของปีนี้หรืออาจนานกว่านั้น เนื่องจากโรงแรมที่เปิดอยู่จำเป็นต้องแข่งขันด้านราคาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่วนโรงแรมใหม่ที่ถูกเลื่อนเปิดตัวมาและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เริ่มทยอยกลับมาเปิดบริการมากขึ้น



“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นโครงการนำร่องในการพยายามที่จะกลับมาเปิดประเทศรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยจะขยายไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ หากภูเก็ตประสบความสำเร็จ แต่ความเสี่ยงอยู่ตรงที่ว่าอาจมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้มาตรการและข้อจำกัดด้านการเดินทางมีผลบังคับใช้อีกครั้ง และทำให้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่ามีความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดระดับหนึ่ง ด้วยอัตราการติดเชื้อที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งตรงนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ภายใต้โครงการ ‘แซนด์บอกซ์’ ในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว”

สำหรับสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ณ ปัจจุบัน พบว่าโรงแรมที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณหาดป่าตอง ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมระดับลักซูรี่และระดับอัพสเกลเป็นหลัก โดยคิดเป็น24% ของจำนวนโรงแรมที่เปิดให้บริหารในภูเก็ต รองลงมา คือ หาดกะรน15% หาดบางเทา14% หาดกะตะ13% และหาดกมลา10% ขณะที่ความต้องการเข้าพักโรงแรมยังคงลดลงอย่างมาก โดยในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่8% สำหรับโรงแรมระดับลักลักซูรี่และระดับอัพสเกล มีอัตราการทเข้าพักลดลง30% ปีต่อปี อัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ในเดือนพ.ค.และมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่3% เนื่องจากการระบาดระลอกที่3 ในจังหวัดสมุทรปราการในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวได้ส่งผลต่อราคาห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) ของโรงแรมระดับลักซูรี่และระดับอัพสเกลลดลงไป 39% ปีต่อปี อยู่ที่2,342 บาท ซึ่งนับเป็นระดับต่ำที่สุด เนื่องจากภูเก็ตไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ โรงแรมต่าง ๆ จึงต้องเสนอส่วนลดต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความต้องการภายในประเทศที่มีจำกัด แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก64 จะไม่มีโรงแรมระดับลักชัวรี่และระดับอัพสเกลเปิดใหม่และจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ซับพลายสะสมโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีจำนวนห้องพักรวมอยู่ที่22,824 ห้องในภูเก็ต มีโรงแรมใหม่กว่า 20 แห่งที่วางแผนจะเปิดตัวในช่วงปี63 และ64 แต่นื่องจากความไม่แน่นอนในการกลับมาของนักท่องเที่ยวโรงแรมที่วางแผนจะเปิดตัวจำต้องชะลอการเปิดตัวออกไปถึงช่วงครึ่งปีหลัง64 และปี65 มีเพียงโรงแรมวี วิลล่า ภูเก็ต บาย เอ็มแกลเลอรี (24 ห้อง) เปิดตัวในภูเก็ตในช่วงครึ่งปีแรก64 ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมระดับซูเปอร์ลักซูรี่


นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า แม้จะมีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แต่ผุ้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังมีความกังวลอยู่ว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นจะเป็นความหวังในแง่ดีหรือร้าย ทั้งนี้ในกลุ่มของผู้ประกอบการอสังหาฯ และการท่องเที่ยวภูเก็ต มีความกังวลอยู่ 2 เรื่องคือ1. จำนวนนักท่องเที่ยวไทยจะลดลลงหลังเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะแม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีการฉีดวัคซีนครบ2 โดสแล้ว แต่ก็ไม่การันตีว่าจะป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยเปอร์เซ็น 2.หลังเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้ว จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากอย่างที่หวังหรือไม่ เพราะหลายๆประเทศมองไทยมีการแพร่ระบาดในระดับสูง ซึ่งอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์ ผลที่จะตามมาคือภูเก็ตจะต้องประสบปัญหามากขึ้น

“ ต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภูเก็ตหลักๆ คือ จีน อินเดีย รัสเชีย ซึ่งในปัจจุบันนี้อินเดียมีการระบาดหนักมาก ขณะที่จีนก็ยังไม่เปิดประเทศเดินทางเข้าไทยได้ รัสเซียเองก็ยังไม่เปิดประเทศดังนั้นทั้งสามประเทศนี้ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในระยะแรกจะยังไม่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต แต่อย่างไรก็ตามการเปิดภูเก็ตถือเป็นโครงการนำร่องที่จะทำให้ไทย สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องยอมให้มีการเปิดภูเก็ตใช้เป็นพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศขณะเดียวกันในช่วงสามเดือนแรกนี้ผู้ประกอบการเองก็หวังว่าการควบคุมการแพ่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้นและการฉีดวัคซีนมากกว่า70% นั้นจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ตามที่เราหวังไว้ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น แต่ในส่วนของอสังหาฯ นั้นจะฟื้นตัวได้ช้ากว่าทำให้ยอดซื้อขายในช่วงปลายปีขยายตัวได้ไม่มากนัก“

อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเผยข้อมูลตลาดอสังหาฯในงานสัมมนาออนไลน์ “Thailand Resort Real Estate Update” ที่จัดขึ้นโดย ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คสบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการโรงแรมและอสังหาฯ และ เดลิเวอร์ริ่ง เอเชีย คอมมิวนิเคชั่นส์ ผู้ให้บริการด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมการบริการการท่องเที่ยว และอสังหาฯ พบว่าในช่วง18 เดือนในระหว่างการแพร่ระบาดโควิด-19คนไทยมีความต้องการที่พักตากอากาศปรับตัวมากขึ้น ทำให้ยอดการซื้อ “บ้านตากอากาศ” หรือ “บ้านหลังที่สอง” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ “ฟาสวาส” (FazWaz) เว็บไซต์อสังหาฯ รายงานว่าพื้นที่รีสอร์ทชายทะเลยอดนิยมของ “หัวหิน” กลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากการซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้มีการสอบถามข้อมูลทางออนไลน์มากขึ้นในแต่ละปี โดยนายเบรนแนน แคมป์เบล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟาสวาส กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลตั้งแต่ไตรมาส2 ปี63 ถึงกลางปี64 พบว่า แรงจูงใจในการซื้อบ้านพักตากอากาศ หรือ เพื่อการลงทุน มีการเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้ซื้อมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเก็ต เกาะสมุย และพัทยา โดยยอดซื้อขายสูงที่สุด อยู่ในพื้นที่หัวหินคิดเป็น64% ของธุรกรรมมาจากตลาดในประเทศ

ขณะที่บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัดได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ โครงการภูเก็ต แซนด์บอกซ์ ที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ในฐานะต้นแบบสำหรับการเปิดประเทศของไทย แต่โครงการนี้กลับมาพร้อมกฎเกณฑ์หลายประการ ซึ่งถ้าการปฎิบัติและผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ภาครัฐกำหนดไว้โครงการก็จะถูกยกเลิก ทั้งนี้ ข้อกำหนดที่มีความซับซ้อนสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา เช่น การขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศ ขั้นตอนการตรวจสอบเรื่องวัคซีน และข้อกำหนดในการตรวจหาเชื้อแบบ PCR ที่ต้องตรวจหลายครั้ง อาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้ามาลดลง

นางสาวประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกการลงทุนและที่ดินแหล่งพักตากอากาศ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ประจำภูเก็ตกล่าวว่า โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นโครงการที่ทำให้เกิดความหวังในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ตและเกาะอื่น ๆ ที่กำลังเฝ้าติดตามโครงการนี้อย่างใกล้ชิด โดยแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี รายงานว่ามีธุรกิจมากกว่า 300 แห่งเข้าร่วมโครงการ SHA Plus โดยที่ SHA คือการรับรองว่าธุรกิจมีมาตรการด้านสาธารณสุข และPlus หมายถึงพนักงานมากกว่า70% ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการขยายระยะเวลากักตัวจาก 7 วันเป็น14 วัน ผู้ประกอบการในท้องถิ่นจึงมองว่าโครงการ มีศักยภาพน้อยลง และกังวลว่าการที่ต้องพำนักอยู่นานขึ้นอาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้ามาภูเก็ตลดลง รวมทั้งโรงแรมบางแห่งจะชะลอการกลับมาเปิดให้บริการจนกว่าจะถึงเดือนส.ค.

แม้ข่าวล่าสุดจะรายงานว่ามีผู้ยื่นขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศเกือบ8,000 ราย แต่น่าเสียดายว่าก่อนที่โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์จะเริ่มต้นขึ้น มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ยกเลิกเที่ยวบินและการจองโรงแรมเนื่องจากการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศและกระบวนการอื่นๆ มีความล่าช้า โดยก่อนหน้านี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่านักท่องเที่ยวมากกว่า 100,000 คนจะเดินทางเข้ามาภูเก็ตในช่วง3 เดือนแรกของโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าความสมดุลระหว่างมาตรการด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามโครงการได้จริง ตลอดจนการจัดการขั้นตอนการต้อนรับอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากขณะนี้ไทยยังอยู่ใน “รายชื่อประเทศที่ต้องระมัดระวังในการเดินทาง” ของหลายๆประเทศทำให้ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจากนี้ไปจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามคาดการร์หรือไม่

4540


พายุเจิมปากา ทำให้ฝนตกหนัก ชาวบ้านตำบลนากก อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร แห่ออกมาจับปลาขายสร้างรายได้

มุกดาหาร-ดีเปรสชั่น “เจิมปากา” ทำฝนตกหนักทั่วอีสาน ชาวบ้านนากก อ.นิคมคำสร้อย แห่ออกจับปลาขายในห้วยขี้เหล็ก เผยฝนตกหนักทำให้มีน้ำและพันธุ์ปลาจากเทือกเขาไหลลงอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก ชาวบ้านยิ้มได้ทั้งอาหารและ[^_^]ช่วงฝนตกหนัก

วันนี้ (26ก.ค.) ชาวบ้านตำบลนากก อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร และพื้นที่ใกล้เคียง ต่างนำอุปกรณ์ออกมาจับปลาบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก จำนวนมาก หลังจากสองวันที่ผ่านมาฝนตกติดต่อกันทำให้มีน้ำและปลาจากเทือกเขาไหลมารวมกัน จากการเปิดเผยของชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ทุกๆปีหากมีฝนตกหนักจะทำให้น้ำจากเทือกเขาไหลมารวมกัน ทำให้บริเวณลำห้วยต่างๆ ที่มีน้ำไหลลงจากภูเขาเต็มไปด้วยปลาชนิดต่างๆ ลงมากับกระแสน้ำ


ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลนากอก และชาวบ้านใกล้เคียง จึงพร้อมใจออกไปหว่านแหหาปลากันเป็นจำนวนมาก ใน 1 ปี จะมีปลาขึ้นมาให้จับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้าน ต่างนำแห มาหว่านและนำอุปกรณ์ดักปลาชนิดอื่น ทั้งตาข่ายดักปลา สะดุ้ง นำมาดักปลา ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนได้ปลาคนละหลายกิโลกรัม บางส่วนนำไปปรุงเป็นอาหาร ส่วนที่เหลือนำไปขายสร้างรายได้คนละหลายร้อยบาทต่อวัน

นายสมหมาย ชาวบ้านนากอก บอกว่าวันนี้ออกมาตั้งแต่เช้า ตั้งใจว่าจะออกมาหาปลา เพื่อนำไปเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัว เพราะช่วงนี้หยุดงานจากผลของโรงระบาด ซึ่งตนออกมาตั้งแต่ตี 5 วันนี้ได้ปลาพอประมาณแล้ว ก็เลยเลิก ส่วนปลาที่จับได้ก็มีหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นปลาตะเพียน ปลากดคัง ซึ่งปลากที่นี่มีหลากหลายชนิด


ทั้งนี้จากประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออเฉียงเหนือตอนล่าง แจ้งว่าพายุดีเปรสชั่น เจิมปากา ที่ปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

4541



นายบรรยง​ วิทยวีรศักดิ์​ อดีตนายกสมาคมตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน(Thaifa)​ และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) ได้โพสต์บนเพจเฟสบุ๊คส่วนตัว"เปิดเบื้องลึก ทำไมผู้ป่วยโควิดที่มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย จึงหาเตียงได้ง่ายกว่า" อย่างน่าสนใจว่า

ทุกคนเรียกร้องความเท่าเทียมกัน แต่ในโลกของความเป็นจริง มันมักจะโหดร้าย ไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอ

บิล เกต เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตมักจะไม่แฟร์ ทำความคุ้นเคยกับมันซะ” เช่นเดียวกับการหาเตียงในโรงพยาบาลเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ ต้องบอกว่าหายากมากๆ และมีความเหลื่อมล้ำในการหาเตียงครับ

เมื่อผู้ป่วยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่จำนวนเตียงมีจำกัด ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล รัฐบาลพยายามจัดให้มีโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเอกชนใช้ hospitel มาช่วยขยายเตียง แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ

จนล่าสุด รัฐบาลต้องประกาศให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่มาก ให้กักตัวและพักรักษาตัวที่บ้าน เป็น home isolation

แต่ถามจริงๆ ใครอยากรักษาตัวที่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อจะลงปอดเมื่อไร กว่าจะรู้ ปอดก็เป็นฝ้าขาว สุ่มเสี่ยงต่อการที่เนื้อเยื่อปอดจะถูกทำลายแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากเชื้อลงปอด โอกาสรอดก็น้อยลงจนน่าตกใจ หลายๆคนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเยาวราชนับสิบคน ต่างจากไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ยังแข็งแรง ทำงานได้ปกติ

เมื่อเราป่วย ทุกคนล้วนอยากเข้ารพ.เอกชน เพราะดูแลดีกว่า ห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน แต่ต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลเอกชนตั้งขึ้นมาเพื่อหากำไร ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทำเงินของเขา

ตามปกติ ค่ารักษาในรพ.เอกชนมักจะแพงกว่ารพ.ของรัฐ 1-3 เท่าตัว ช่วงแรก คนทั่วไปมักไม่กล้าไปใช้บริการที่รพ.เอกชน คงมีแต่คนรวยหรือคนที่เบิกประกันสุขภาพได้ไปใช้บริการ

จนเมื่อทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศรับผิดชอบค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั้งหมด โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งยังสั่งให้โรงพยาบาลห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่ารถส่งต่อ ค่าตรวจแล็บ หรือห้องความดันลบ

ปัญหาคือ ราคาที่ สปสช.จ่ายนั้นต่ำกว่าราคาเต็ม ที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บจากลูกค้าหรือบริษัทประกันชีวิตแบบครึ่งต่อครึ่ง ดังนั้น รพ.เอกชนจึงไม่เต็มใจรับลูกค้าที่มาใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่รพ.รัฐรับกัน

ยิ่งรัฐบาลออกกฎว่า ตรวจเจอโควิด 19 ที่รพ.ไหน ให้แอดมิต(เข้ารักษา)ที่นั่น เท่ากับมัดมือชก ให้รพ.เอกชนต้องรับรักษาผู้ป่วยโควิดในราคาถูก รพ.เอกชนจึงหาทางออกด้วยการอ้างว่า อุปกรณ์ตรวจเชื้อโควิดหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง

แต่จากข่าววงในจะทราบว่า รพ.เอกชนยังมีการสำรองเตียงให้คนมีฐานะ ด้วยการแจ้งคนที่ต้องการเข้ารักษาว่า ถ้าสามารถโอนเงินมาให้โรงพยาบาลก่อน 300,000 บาท หรือ 500,000 บาท รถพยาบาลจะวิ่งไปรับผู้ป่วยถึงที่เลย ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดถึงความเหลื่อมล้ำ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะรพ.เอกชนก็สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับคนมีฐานะอยู่แล้ว

แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวว่ารพ.เอกชนโดนเท โดนลูกค้าหักหลัง กล่าวคือ ลูกค้าที่โอนเงินไปก่อนเมื่อรักษาหายแล้ว ก็ไปร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขว่าถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน ขอให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย กระทรวงสาธารณสุขต้องโทรไปสั่งให้โรงพยาบาลเอกชนคืนเงินให้กับลูกค้า แล้วให้ไปเก็บเงินกับ สปสช.แทน

แต่ในราคาที่หายไปกว่าครึ่ง แถมกว่าจะได้รับเงิน ต้องรอ 3-6 เดือน

รพ.เอกชนเริ่มเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จึงเปลี่ยนนโยบายมารับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพแทน เนื่องจากได้ราคาและวางบิล 2 สัปดาห์ก็ได้เงิน เพียงแต่เขาระบุชัดเจนไปเลยว่า ต้องมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่เบิกได้ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป

เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคโควิดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 บาท จึงต้องมั่นใจว่าลูกค้ามีปัญญาจ่ายแน่ ไม่อย่างนั้น จะกลับไปปัญหาเดิม คือลูกค้าต้องออกเงินส่วนเกิน และไปร้องขอคืนจากกระทรวงสาธารณสุขอีก

ความจริงค่าใช้จ่าย 150,000 บาทนี้ เฉพาะกรณีลูกค้าผู้ป่วยสีเขียวหรือสีเหลืองที่ไม่มีอาการหนักมาก เพียงแค่พักฟื้น 14 วันก็หายได้เอง โดยไม่มีเชื้อลงปอด เพราะถ้ามีอาการหนักหรือมีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5 ล้านบาททีเดียว

จึงไม่แปลกใจที่ระยะหลัง จะได้ยินข่าวว่า เมื่อเราติดต่อรพ.เอกชนเพื่อหาเตียงให้คนไข้โควิด รพ.จะแจ้งสเปกลูกค้าที่เขาต้องการว่า

1. เป็นผู้ป่วยอายุไม่เกิน 60 ปี
2. มีประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงิน 5 แสนบาทขึ้นไป
3. น้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กก.
4. เป็นผู้ป่วยสีเขียว

พอจะเข้าใจได้ว่า ชั่วโมงนี้ รพ.เอกชนเป็นคนเลือกลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าเลือกโรงพยาบาล เคยได้ข่าวว่า ผู้ป่วยบางคนเริ่มจากการเลือกรพ.เกรด A เมื่อไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นเกรด B ครั้นยังไม่ได้ ก็ขอเปลี่ยนเป็น hospitel ก็ยังหาเตียงไม่ได้ สุดท้ายอาจจะต้องไปจบที่โรงพยาบาลภาคสนาม หรือไม่ก็ต้องกักตัวที่บ้าน ชั่วโมงนี้เลือกไม่ได้จริงๆครับ

มาถึงวันนี้ เมื่อคนป่วยล้นจริงๆ บางคนมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายก็อาจจะยังไม่สามารถหาห้องได้เลย แต่ถ้ามีห้องว่างเมื่อไหร่ ผู้ป่วยที่มีประกันเหมาจ่ายมักจะได้รับการเลือกจากรพ.เอกชนก่อนเสมอ

คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

หาคำตอบยากใช่ไหมครับ สิ่งที่ทำได้ และอยากแนะนำให้ทุกท่านทำคือ

1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
2. ใส่แมส เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ
3. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด
4. มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย

นาทีนี้ อะไรที่ช่วยรักษาชีวิตให้รอดได้ ต้องเลือกเอาไว้ก่อนครับ

4542


ทนายทิชา หรือ ทิชากร (เบลล่า ราณี) ทนายความสาว Working Woman ที่สวยและเก่งมาก เพียบพร้อมทุกอย่างแต่โสด ถึงแม้มีผู้ชายหลายคนเข้ามาจีบทิชา แต่ทิชาไม่สนใจเรื่องความรักอีกเลยตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าไป เพราะต้องการคว้าตำแหน่งพาร์ตเนอร์ผู้หญิงคนแรกของบริษัท รอสแอนด์ฮาร์วี่ย์ มาเป็นของเธอให้ได้

ขณะที่ คุณนายชุมพร (ใหม่ นัฏฐา) แม่ของทิชาอยากให้ทิชาหาผู้ชายดีๆ เพื่อแต่งงานมีครอบครัวที่ดี แต่ทิชาก็ทำให้แม่ผิดหวังมาตลอด จนกระทั่ง เบนจามิน หรือ บอสเบน (อู๋ ธนากร) MD ของบริษัทฯ ที่ดีพร้อมทุกอย่างทั้งวุฒิการศึกษา หน้าตาและฐานะ ออกตัวแรงว่าอยากจีบทิชา แต่ทิชากลับนิ่งเฉย ขณะที่ น้ำ (มะปราง วิรากานต์) และ เจซซี่ (แป้ง ณัฐณิชา) เพื่อนสนิทของทิชาก็ดีใจมากเช่นกันที่เพื่อนจะขายออกซะที


ทิชาต้องการแข่งขันเรื่องงานกับ คามีเลีย (พิ้งค์กี้ สาวิกา) ทนายความสาวสวยที่เก่งมากอีกคนหนึ่งของบริษัทฯ จริงจังเรื่องงานและจับพิรุธคนเก่ง โดยมีลูกมืออย่าง แต้ว (มายด์ ฑาริกา) เป็นทนายผู้ช่วยทีมเธอ ซึ่งบอกเลยว่าศึกครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ทนายสาวกับลูกน้องทั้งสองทีมพร้อมฟาดเพื่องานและเพื่อหัวใจ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำให้ทิชารีบสั่งงาน ดาหลา (น้ำฟ้า ธัญญภัสร์) ทนายผู้ช่วยของเธอ ให้นำคดีที่เธอทำค้างไว้ทั้งหมด มาประชุมด่วนเพื่อทำให้สำเร็จโดยเร็ว และเปิดรับทนายฝึกตั๋วคนใหม่เข้าทีมของเธอ คือ คิว (กองทัพ พีค) เด็กหนุ่มคนเดียวที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตและทำให้ทิชาใจสั่นและหวั่นไหวกับความรักได้อีกครั้ง


ย้อนไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คิวอยู่กับ พ่อพงษ์ (กบ ทรงสิทธิ์) สองคนตามลำพัง หลังจากที่ แม่พิม (เต๋า สโรชา) ทิ้งพ่อกับคิวไปมีครอบครัวใหม่ คิวกลายเป็นเด็กเกเรตั้งแต่นั้น จนกระทั่งคิวได้รู้จักทิชา คิวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อนสนิทอย่าง ป้อน (เค้ก นันทวัชร์) กับ ติณ (แก๊ป-จักริน) ยังแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคิว จากเด็กไม่ตั้งใจเรียน กลายเป็นเด็กตั้งใจเรียนที่มีเป้าหมายในชีวิต คือการเป็นทนายความเหมือนทิชาให้ได้ คิวขอร้องให้ทิชาติวหนังสือให้เพื่อเตรียมเอนทรานซ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น เหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ดี


จนกระทั่ง นรา (อ้น สราวุธ) อัยการหนุ่ม แฟนเก่าของทิชา กลับมาง้อขอคืนดี หลังจากที่แอบนอกใจทิชาจนเลิกรากันไป คิวรับไม่ได้โกรธแทนทิชา และไม่อยากเห็นทิชาต้องเสียใจซ้ำสอง หลังจากวันนั้นคิวกลัวว่าจะเสียทิชาไป คิวตัดสินใจสารภาพรักกับทิชา ทิชาก็รู้สึกหวั่นไหวในใจลึกๆ แต่ไม่ยอมรับใจตัวเอง ทิชาตัดสินใจหายไปจากชีวิตคิวทันทีโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา คิวเสียใจมาก แต่คิวทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่ตั้งใจเรียนเพื่อเรียนจบและเป็นทนายความให้ได้ เพื่อนำพาตัวเองเข้าสู่วงการอาชีพทนายความ และตามหา พี่ทิชา ผู้หญิงที่เขารักให้เจอ


ในที่สุด วันนี้คิวก็ตามหาพี่ทิชาจนเจอ แต่ทิชาช็อกมาก ทิชาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักคิว เพราะทิชาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างเธอกับคิวถูกเปิดเผยในออฟฟิศเวลานี้ ทิชาตัดสินใจปฏิเสธไม่รับคิวเข้าร่วมทีมทันที คิวจึงถูกย้ายไปอยู่ทีม ทนายศักดิ์ (เกิร์ก ชิลเลอร์) ถึงแม้ว่าคิวจะถูกย้ายไปอยู่ทีมทนายศักดิ์ แต่คิวก็แอบช่วยพาทิชาทำคดีสำเร็จ เบนจามินเห็นความสามารถและความตั้งใจของคิว จึงเรียกคิวมาคุยและสั่งย้ายคิวไปอยู่ทีมทิชา


งานแรกที่คิวกับทิชาต้องทำร่วมกันคือคดีของ คุณแอมมี่ (ท็อป ดารณีนุช) สาวใหญ่อายุสี่สิบ อยากยื่นคำร้องฟ้องหย่ากับสามีเด็กชื่อ แจ๊ก (ปาล์ม ศุภชัย) ที่เธอจับได้ว่าเขาแอบคบชู้ ทิชาตั้งใจทำคดีนี้เต็มที่ แต่แอมมี่ไม่ให้ความร่วมมือกับทิชาเท่าไหร่เพราะไม่ชอบชะนี แต่เมื่อเบนจามินพาคิวไปพบแอมมี่ในฐานะทนายผู้ช่วยของทิชา แอมมี่ก็ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะชอบเด็กหนุ่ม สุดท้ายทิชาชนะคดีนี้เพราะสืบหาข้อมูลและพบว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่ มะนาว (ดีใจ ดีดีดี) เพื่อนสนิทของแอมมี่ ที่คดีพลิกไปพลิกมาจนเดาไม่ถูก


กำแพงในใจของทิชาที่มีต่อคิวลดลงไปหน่อยหนึ่ง เธอยอมรับว่าเธอจำคิวได้ แต่ก็ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคิวชัดเจนว่าเป็นแค่หัวหน้าและลูกน้องกันเท่านั้น หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทำคดีด้วยกันมาเรื่อย ๆ จนคดีนี้ทำให้คิวได้รู้จักกับ จูน (ลาล่า ลาริสา) หลานสาวคุณแอมมี่ที่ชอบคิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน จูนออกตัวแรงเลยว่าเธอชอบคิวและอยากได้คิวเป็นแฟน ทิชาพยายามวางตัวเป็นหัวหน้าของคิว เว้นระยะห่างชัดเจน

เรื่องย่อ ให้รักพิพากษา

แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของทิชากับคิวพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ต้องแอบคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ จนบางครั้งคิวเริ่มอึดอัดแต่ต้องอดทน เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้เป็นแฟนกับทิชาแล้ว


เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตาม “คดีรัก” ที่รอการ “พิพากษา” ได้ในละครฟีลกู้ด ให้รักพิพากษา Dare To Love ที่ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 กด 33 ละคร ให้รักพิพากษา Dare To Love เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564

 

บทประพันธ์โดย : ทิพย์สุดา ปิยะพันธ์

บทโทรทัศน์โดย : ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส

กำกับการแสดงโดย : วุ้น-ทรงศักดิ์ มงคลทอง

ผลิตโดย : ค่าย ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น


ควบคุมการผลิตโดย : ต้น-ณฐนนท์ ชลลัมพี

 

รายชื่อนักแสดงนำในละคร ให้รักพิพากษา Dare To Love

เบลล่า ราณี แคมเปน รับบท ทิชา

กองทัพ พีค รับบท คิว

อู๋ ธนากร โปษยานนท์ รับบท เบนจามิน

พิ้งค์กี้ สาวิกา ไชยเดช รับบท คามีเลีย

เค้ก นัทธวัชร์ แก้วบัวสาย รับบท ป้อน

ลาล่า ลาริสา มิษฎา วิลมอทท์ รับบท จูน

น้ำฟ้า ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ รับบท ดาหลา

คิน การันต์ อร่ามศรี รับบท กิต

มายด์ ฑาริกา อินสุวรรณ์ รับบท แต้ว

แก๊ป จักริน ภูริพัฒน์ รับบท ติณ

เกริก ชิลเลอร์ รับบท ทนายศักดิ์

จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ รับบท เจ๊ก้อย

บูม วิศรุต หอมหวน รับบท โอม

ใหม่ นัฏฐา ลอยด์ รับบท คุณนายชุมพร

กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท พงษ์

มะปราง วิรากานต์ เสณีตันติกุล รับบท น้ำ

แป้ง ณัฐณิชา ทิพยณฑล รับบท เจซซี่

พีช พิมพ์ลดา ไชยสุภากุลพัทธ์ รับบท เอ้

เต๋า สโรชา วาทิตตพันธ์ รับบท พิม

อั๋น โอลิเวอร์ พูพาร์ท รับบท เรวัติ

อ้น สราวุธ มาตรทอง รับบท อัยการนรา

ปาล์ม ศุภชัย สุวรรณอ่อน รับบท แจ๊ก

ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ รับบท คุณแอมมี่

ผัดไท ดีใจ ดีดีดี รับบท เจ๊มะนาว

4543

(26 ก.ค.64) เช ยอง ซอก เฮดโค้ชเทควันโดทีมชาติไทย ออกมาเปิดเผยระหว่างเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นถึงประเทศไทยแล้วด้วยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน SQ0726 โดยเจ้าตัวจะลงเครื่องที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมกับ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่จะเข้าร่วมการกักตัว 14 วันในโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" 

ทั้งนี้ส่วนหนึ่งระหว่างที่มีการให้สัมภาษณ์ "โค้ชเช" เช ยอง ซอก ได้พูดถึงเรื่องการขอสัญชาติไทยอีกครั้งว่า ถ้าผมมีโอกาสได้สัญชาติไทยผมก็จะทำหน้าที่ของผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนอะไรครับ ถ้ามีโอกาสได้ก็อยากได้ให้เร็วที่สุด (ยิ้ม)


โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความสำเร็จของนักกีฬาเทควันโดไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ซึ่งผู้ที่มีส่วนสำคัญในความสำเร็จครั้งนี้ คือ ”โค้ชเช” หรือนายชเว ยอง ซอก (Mr. Choi Young Seok) หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ซึ่งได้ช่วยพัฒนากีฬาเทควันโดของไทยให้ได้รับการยอมรับว่า มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในขณะนี้ โดยมีผลงานสำคัญมากมาย ทั้งการนำทีมนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันในเอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ และรายการแข่งขันระดับโลกอื่นๆ จนสร้างผลงานโดดเด่นได้รับเหรียญรางวัลอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ได้รับทราบจากการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ว่า ปัจจุบัน “โค้ชเช” ถือสัญชาติเกาหลีใต้ และได้แสดงความประสงค์ที่จะเปลี่ยนมาเป็นสัญชาติไทย แต่เนื่องจากที่ผ่านมา เอกสารและหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีจำนวนมาก อาจยังรวบรวมได้ไม่ครบถ้วน จึงได้ชะลอการยื่นขออย่างเป็นทางการไว้ก่อน แต่ทราบว่าในขณะนี้ได้เตรียมเอกสารไว้จนเกือบครบแล้ว ดังนั้นเมื่อ “โค้ชเช” เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว จะเตรียมยื่นเอกสารพร้อมหลักฐานขอสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ ผ่านทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งต่อให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาต่อไป.
 

4544


๐ แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 14 ของจีน ตั้งเป้าหมายจะเป็นประเทศปลอดคาร์บอนให้ได้ในอีก 4 ทศวรรษข้างหน้า อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 กลับทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของจีนเร่งตัวสูงขึ้นอย่างมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จีนยังต้องใช้เวลาในการบรรลุเป้าหมาย โดยอุตสาหกรรมจีนที่เป็นมูลเหตุในการก่อก๊าซคาร์บอนจะยังอยู่ในการควบคุมของทางการจีนต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา อาทิ ถ่านหิน เหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ การผลิตพลังงานความร้อน เคมีภัณฑ์ และยานยนต์ โดยการส่งออกของไทยที่เกี่ยวข้องในกลุ่มสินค้าพลังงานและแร่มีเพียงร้อยละ 2 ของการส่งออกของไทยไปจีน หรือคิดเป็นมูลค่าเพียง 693 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2563

๐ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของจีนโดยการปรับกระบวนการผลิตจากที่พึ่งพาพลังงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาดคงต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่านอย่างน้อย 10 ปี โดยมีผลกระทบต่อไทยทั้งผลทางตรงเอื้อให้สินค้าไทยสำหรับนำไปผลิตพลังงานสะอาดมีโอกาสทำตลาดได้มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ใช้วัตถุดิบจากไทยมีทิศทางสดใสต่อเนื่องจากที่การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกปี 2564 เติบโตแรงถึงร้อยละ 70.7 ขณะที่สินค้าโซลาร์เซลล์และส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้าก็น่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน แต่สินค้ากลุ่มนี้ล้วนพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่เริ่มเข้ามาขยายการลงทุนแล้วบางส่วน สำหรับผลทางอ้อมจะเกิดกับการผลิตและส่งออกสินค้าอื่นๆ ของไทยที่ต้องเตรียมความพร้อมปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับหลักการปล่อยคาร์บอนของสากล อันจะช่วยให้สินค้าไทยมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีนในอนาคต

กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนเริ่มกลับมาดำเนินงานหลังผ่านจุดวิกฤตโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา การฟื้นตัวของภาคการผลิตก็มาพร้อมกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยสู่บรรยากาศโลกเร่งตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 12 พันล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 5 (YoY) (เมษายน 2563-มีนาคม 2564) อีกทั้ง ปริมาณการปล่อยคาร์บอนของจีนยังคงครองอันดับ 1 ของโลก ด้วยสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28 ของปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาทั่วโลก แซงหน้าสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2562 ทำให้สถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นความท้าทายเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนของจีน โดยมีประเด็น ดังนี้

•จีนประกาศวิสัยทัศน์สู่การเป็นประเทศที่ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอีก 40 ปีข้างหน้า นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของจีนในการแก้ปัญหาเรื้อรังที่มาคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทางการจีนได้ให้ความสำคัญมาตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 12 (ปี 2554-2558) จนกระทั่งมาถึงแผนฯ ฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) ได้กำหนด 4 แนวทางหลักเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนจนกระทั่งเหลือศูนย์ (Net zero CO2) และมุ่งไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ก่อนปี 2603 ประกอบด้วย 1) ลดความเข้มข้นของคาร์บอน (Carbon Intensity) ต่อหน่วยของ GDP ลงร้อยละ 18 2) เพิ่มการใช้พลังงานที่ไม่ใช่เชื้อเพลิงฟอสซิล (Non-fossil energy) ให้ได้ร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานโดยรวม จากปี 2563 ที่มีการใช้อยู่ราวร้อยละ 15.9 3) ลดความเข้มข้นของการใช้พลังงาน (Energy Intensity) ต่อหน่วยของ GDP ลงร้อยละ 13.5 และ 4) เพิ่มยอดขายรถยนต์ EV (Electric Vehicle) ให้ได้ร้อยละ 20 ของยอดขายรถยนต์ทุกประเภท 

ด้วยแผนงานเหล่านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า อุตสาหกรรมที่พึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลคงต้องปรับตัวมากไม่ว่าจะเป็นเหมืองถ่านหิน เหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ การผลิตพลังงานความร้อน เคมีภัณฑ์ และรถยนต์ ซึ่งคาดว่าอาจได้รับแรงกดดันทั้งฝั่งของนโยบายทางด้านภาษีและราคา การจูงใจให้ปิดโรงงานถ่านหินเพิ่มเติม และเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีที่สร้างพลังงานสะอาด โดยธุรกิจไทยที่มีความเกี่ยวข้องคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของทางการจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งในเบื้องต้นการส่งออกของไทยในสินค้าพลังงานและสินค้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงมีค่อนข้างน้อยเพียงร้อยละ 2 ของการส่งออกของไทยไปจีน หรือคิดเป็นมูลค่าเพียง 693 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2563



• ความต้องการสินค้าเกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาดของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อานิสงส์ที่ตกแก่ไทยหลักๆ อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขณะที่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กลับเอื้อประโยชน์แก่นักทุนจากต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปจีนรวมคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.4 ของการส่งออกไทยไปจีน โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีมูลค่า 1,210 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 71.7 (YoY) และโซลาร์เซลล์ 44 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 60.3 (YoY) และถ้าหากมองในภาพรวมสินค้ากลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 48 ของการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปยังตลาดโลก

นับได้ว่าตลาดจีนมีบทบาทช่วยขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าพลังงานสะอาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยเป็นกลุ่มที่ไทยได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งจีนใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ และการผลิตเอทานอลได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้ข้าวโพดที่ผลิตในจีน ยิ่งสนับสนุนความต้องการมันสำปะหลังของไทยมากขึ้นอีกจากปัจจุบันไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของจีนและครองสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของการนำเข้ามันสำปะหลังของจีน

นอกจากนี้ สินค้าไทยอย่างอื่นก็มีโอกาสที่กำลังการผลิตและส่งออกจะเร่งตัวช่วยขับเคลื่อนการส่งออกของไทยไปจีนในภาพรวม แต่เป็นสินค้าที่พึ่งพาเม็ดเงินทุนจากจีนที่เข้ามาขยายฐานการผลิตในไทยทำให้ห่วงโซ่การผลิตเกื้อหนุนกันและกันยิ่งขึ้น อาทิ โซลาร์เซลล์ของไทยส่งไปจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.0 ของการส่งออกโซลาร์เซลล์ของไทย รวมทั้งยานยนต์และส่วนประกอบของยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่เริ่มมีนักลงทุนจีนส่งสัญญาณขยายการผลิตในไทย

• การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม การขนส่ง ตลอดจนภาคเกษตรกรรมของไทยควรเตรียมรับมือกับนโยบายของจีนในอนาคต อันจะมีผลต่อกระบวนการผลิตของภาคธุรกิจในระยะต่อไป เนื่องจากในปัจจุบันการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนปล่อยคาร์บอนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 การขนส่งคิดเป็นร้อยละ 10 และภาคเกษตรกรรมคิดเป็นร้อยละ 2 ของการปล่อยคาร์บอนของจีน (ปี 2562) ซึ่งมีสัดส่วนไม่สูงเมื่อเทียบกับการผลิตพลังงาน แต่ในท้ายที่สุดอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็ต้องลดการปล่อยคาร์บอนด้วยเช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่ทางการจีนจะใช้มาตรฐานด้านคาร์บอนดังเช่นมาตรการในประเทศยุโรปและสหรัฐฯ อาทิ การติดฉลากคาร์บอนหรือ Carbon Footprint เพื่อแสดงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยอาจมีผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าเพื่อการบริโภคและการผลิตจากไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยคงต้องเตรียมความพร้อมตลอดกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของจีนในอนาคต

โดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การลดก๊าซคาร์บอนของจีนต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านอย่างน้อย 10 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนกระบวนผลิตที่พึ่งพาพลังงานฟอสซิลไปเป็นพลังงานสะอาด ดังนั้น ผลกระทบทางตรงที่เกิดกับไทยจะทยอยเกิดขึ้นตามมาตรการเฉพาะหน้าที่ทางการจีนประกาศใช้ในการจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในแต่และภาคส่วน ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกของไทยในสินค้าที่เกี่ยวข้องค่อนข้างน้อย 

ขณะเดียวกันการสนับสนุนธุรกิจพลังงานสะอาดของจีนก็เอื้อให้การส่งออกของไทยไปจีนเร่งตัวในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะวัตถุดิบทางการเกษตรเพื่อผลิตเอทานอล โซลาร์เซลล์ และส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสินค้ากลุ่มนี้อาจมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการส่งออกในภาพรวมของไทยได้ทางหนึ่ง ในระยะกลางถึงยาว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจปรับตัวลดลงตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่หันไปใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น รวมถึงนโยบายของทางการจีนในอนาคตที่น่าจะลงลึกในรายละเอียดการลดก๊าซคาร์บอนตลอดกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องติดตามและปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทางของจีนที่เป็นไปตามกระแสของโลก

4545


ในยุคทองแห่งการขายออนไลน์แบบนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังเรียนหนังสือและอยากมี[^_^]ไปด้วย การขายของออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ดีที่ช่วย สร้างรายได้ตั้งแต่วัยเรียน อีกทั้งถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

ภายในงาน LINE SHOPPING Academy Bootcamp ผู้เข้าร่วมจะได้รับการติวเข้ม และได้ฟังการแชร์ประสบการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแนะเส้นทางเริ่มขายของออนไลน์จากทีมงาน LINE ประเทศไทยโดยตรง รวมถึงเหล่าวิทยากรชื่อดังที่มากประสบการณ์ และตบท้ายด้วยการร่วมพูดคุยกับเจ้าของ Brand ที่มียอดขายปังบน LINE SHOPPING ได้แก่ ร้าน TRES, COPPER.BKK และ Dairy Home ซึ่งจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้เริ่มต้นก้าวเข้าสู่การเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เจเนอเรชั่นใหม่

โดยงานนี้จะจัดขึ้นใน วันศุกร์ที่ 30 กรกฏาคม 2564 เวลา: 10:00 น. - 16:00 น.
ช่องทาง: สัมมนาออนไลน์ โดยหลังจากลงทะเบียนแล้ว ให้คลิกเข้าร่วม OpenChat เพื่อรับลิงก์เข้าเรียน​

เนื้อหาของบูทแคมป์
10.00 น. - 10.15 น. เริ่มกิจกรรมและเข้าเรียน
10.15 น. - 10.45 น. “สร้างรายได้จากการขายของออนไลน์ เริ่มต้นที่ LINE” โดยทีมงาน LINE ประเทศไทย
11.00 น. - 11.30 น. “Digital Marketing สำหรับ New Gen เริ่มขายของออนไลน์” ​โดย คุณโซอี้ Digital Shortcut
11.30 น. - 12.00 น. “Content ตรงใจ สื่อสารตรงจุด เพิ่มยอดขายเห็นๆ” ​โดย คุณเอิ้น iT24Hrs - ไอที 24 ชั่วโมง
12.00 น. - 13.00 น. ----- พักกลางวัน -----
13.00 น. - 13.30 น. "เริ่มต้นการขายของบน LINE SHOPPING" โดยทีมงาน LINE ประเทศไทย
13.45 น. - 15.30 น. Brand Talk พูดคุยกับแบรนด์สุดปัง แชร์ประสบการณ์เป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์วัยเรียน
15.30 น. - 16.00 น. กิจกรรมแจกรางวัลและปิดงาน

โดยมีวิทยากรท่านแรก คือ คุณโซอี้ ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์ LINE Certified Coach และ เจ้าของเพจ โซอี้ Digital Shortcut : การตลาดออนไลน์ มามอบความรู้ในหัวข้อ "Digital Marketing สำหรับ New Gen เริ่มขายของออนไลน์" เผยเทคนิคการตลาดออนไลน์สำหรับร้านค้ามือใหม่ให้เปิดร้านก็ได้อย่างง่ายๆ



วิทยากรท่านที่สอง คุณเอิ้น ดร.ปานระพี รพิพันธุ์ จากเพจ iT24Hrs - ไอที 24 ชั่วโมง มามอบความรู้ในหัวข้อ “Content ตรงใจ สื่อสารตรงจุด เพิ่มยอดขายได้เห็นๆ”  เจาะลึกการสร้างคอนเทนต์ สื่อสารกับลูกค้าให้ตรงจุด ช่วยให้ร้านขายดีกันแน่นอน

4546

ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีมานี้ เชื่อว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติคนไหนไม่รู้จัก “ฉลอง เบย์” (Chalong Bay) รัมระดับโลกที่ผลิตขึ้นที่ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เมื่อมาเยือนภูเก็ตจะต้องแวะเวียนมาสัมผัสประสบการณ์ที่ ฉลอง เบย์ สักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งที่นี่มีทั้งศูนย์การเรียนรู้ บาร์ และร้านอาหาร


“เล็ก - ชินวิช รัตนชินกร” หุ้นส่วน ฉลอง เบย์ ประเทศไทย เหล้ารัมสัญชาติไทยที่โด่งดังในระดับโลก เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนที่เป็นร้านอาหารและบาร์ ได้ปิดให้บริการลูกค้าไปและจะยังไม่เปิดให้บริการในช่วงนี้ แต่ในส่วนที่เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องการผลิตเหล้ารัมในประเทศไทย เปิดให้นักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะ ได้เข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่ได้เป็นปกติ เพียงแค่ต้องติดต่อล่วงหน้าไว้ก่อน ดังนั้น ในวันที่เริ่มนโยบายเปิดเกาะนี้ ภายในศูนย์เรียนรู้แทบไม่ต้องเตรียมความพร้อมอะไรเลย เพราะที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการอยู่แล้ว


“ถึงแม้ว่าร้านอาหารเราจะปิดให้บริการ แต่ก็มีการเช็ดถูทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อตลอดเวลา โดยเฉพาะ ที่ศูนย์การเรียนรู้การผลิตเหล้ารัม ซึ่งเราได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นปกติ เพียงแค่เปลี่ยนจากการวอล์กอินเข้ามา เป็นการแจ้งการเข้าเยี่ยมชมล่วงหน้า และปรับเป็นการเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้ปฏิบัติตามหลักนิวนอร์มอลทุกประการอยู่แล้ว ที่สำคัญ พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ดังนั้น นักท่องเที่ยวทุกคนจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย”


ชินวิชเล่าต่อว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้วอาจจะมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่รู้จัก "ฉลอง เบย์” (Chalong Bay) เพราะแนวคิดในการผลิต “ฉลอง เบย์” เกิดขึ้นมาจากผู้หญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่เคยติดอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในภูเก็ต ช่วงที่ประเทศไทยประสบกับภัยพิบัติสึนามิ ซึ่งเธอได้รับความช่วยเหลือและดูแลจากคนไทยเป็นอย่างดี จึงเกิดความประทับใจต่อคนไทยเป็นอย่างมาก และคิดว่าอยากตอบแทนคนไทยด้วยการทำอะไรสักอย่าง จึงเริ่มผลิตเหล้ารัมแบรนด์ของคนไทยขึ้นมา และที่ผ่านมามีชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมวิธีการผลิตจำนวนมาก แต่ช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ลดลง ขณะเดียวกัน กลับมีนักท่องเที่ยวชาวไทยสนใจมาศึกษาการผลิตเหล้ารัม และการผสมเครื่องดื่มค็อกเทลมากขึ้น

“ก่อนหน้านี้ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาศึกษาการผลิตเหล้ารัมเป็นจำนวนมาก จนต้องจัดคิวในการเข้าชมแต่ละวัน เพราะส่วนใหญ่อยากมาชมการผลิตเหล้ารัมที่มีส่วนผสมธรรมชาติ 100% เราได้คัดเลือกน้ำอ้อยออร์แกนิคมาเพียงแค่สายพันธุ์เดียว และส่วนผสมอื่นจากประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยวัตถุดิบทุกชนิดล้วนมาจากเกษตรกรในท้องถิ่น โดยยึดเทคนิคและกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม พิถีพิถันและใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนตามแบบงานฝีมือ แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยบางกลุ่ม ที่สนใจเรื่องการมิกซ์เครื่องดื่มเข้ากับรัมในหลากหลายรสชาติมาเรียนรู้บ้าง จึงทำให้เรายังคงเปิดศูนย์การเรียนรู้เรื่อยมา แม้จะมีนักท่องเที่ยวบางตาไปกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก”

เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงทำให้ ฉลอง เบย์ ไม่สามารถทำการโปรโมทส่งเสริมการขาย ดึงดูดลูกค้าให้มาเที่ยวชมได้เหมือนสินค้าอื่นทั่วไป แต่เขาได้จับมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำการโปรโมทการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ภายในศูนย์การเรียนรู้ ที่เน้นกระบวนการผลิตรัมจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ


“เมื่อก่อนเราจะโปรโมทสินค้าผ่านทางร้านอาหารเป็นหลัก แต่ตอนนี้ร้านอาหารปิดเราจึงโปรโมทศูนย์การเรียนรู้ของเราผ่านทางโซเชียลต่างๆ โดยเฉพาะ การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำสกู๊ปประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ภายในศูนย์ที่เน้นการดูแลจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งเราจะเน้นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา ที่ได้นำผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะ ภายในชุมชน มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องดื่มทุกชนิด อันเป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของชุมชน (Sustainable) ในระยะยาว โดยหลอมรวมมรดกอันล้ำค่าจากสองซีกโลก ด้วยการนำวัฒนธรรมอันยาวนานในการเพาะปลูกต้นอ้อยของไทย ผสมผสานกับกรรมวิธีและความเชี่ยวชาญในการผลิตสุราอันเลื่องชื่อจากฝรั่งเศส”



ท่ามกลางแสงสว่างรำไรกำลังจะก่อตัวขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ ในรูปแบบภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ชินวิชคาดหวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจประเทศไทย โดยเฉพาะ การท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัว เป็นสัญญาณที่ดีให้อีกหลายจังหวัดได้นำไปปรับใช้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกันต่อไป



“เราอยากให้การเปิดเกาะภูเก็ตในครั้งนี้ เป็นต้นแบบให้อีกหลายจังหวัดนำไปปรับใช้กันในรูปแบบต่างๆ ต่อไป เราไม่ได้คาดหวังว่า การเปิดประเทศรอบนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวหนาตาเหมือนดังแต่ก่อน เพราะช่วงนี้ภาคใต้อยู่ในช่วงโลว์ซีซันส์ เป็นฤดูฝน ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้ามาหนาตาอยู่แล้ว ช่วงที่ไฮซีซันส์ของบ้านเราจะอยู่ประมาณเดือนตุลาคมถึงธันวาคม แต่การที่ได้ทดลองเปิดเกาะก็เป็นนิมิตหมายอันดี ที่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ช่วงแรกอาจมีปัญหาบ้างแต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็จะเริ่มต้นไม่ได้”

4547


จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทุกภาคส่วน ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก พบว่า รายได้ของชุมชน ผู้ประกอบการลดลงถึง 95% เพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางได้ ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบางแห่งต้องปิดตัวลง ชุมชนท่องเที่ยวขาดรายได้ สินค้าแปรรูปมีอัตราการซื้อลดลงถึง 65%

ซึ่ง นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและเยียวยาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากสถานการณ์ดังกล่าว ทาง ททท. จึงใช้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยฟื้นฟู ด้วยการจัดการแข่งขัน Live Streaming นำเสนอสินค้าและบริการชุมชนท่องเที่ยวทั่วไทยผ่านโครงการ Blogger the Series Live นี้เพื่อชุมชน ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ให้กับชุมชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไปยังนักช้อปและนักท่องเที่ยว โดยบล็อกเกอร์ที่เข้าร่วมไลฟ์มีสิทธิ์ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 4 แสนบาท

โดยคาดว่าโครงการนี้ จะทำให้ชุมชนและผู้ประกอบการมีช่องทางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ตนมีให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ผ่านบล็อกเกอร์ที่เข้าร่วมการแข่งขันซึ่งถือเป็นช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้ ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการทั่วทุกภูมิภาคได้อีกด้วย อีกทั้งยังสร้างความยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทยตามเป้าหมายหลักของ ททท. และเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายสินค้าและสร้างการรับรู้มากขึ้นอีกทางหนึ่ง



สำหรับโครงการ Blogger the Series Live นี้เพื่อชุมชน เชิญชวนบล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ สายกินสายเที่ยว มาแข่งขัน Live Streaming เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการชุมชนท่องเที่ยว ที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก ผ่านช่องทาง Social Media ของตน โดยมีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 60 ชุมชน คัดเลือกจากชุมชนได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ชุมชนที่ได้รับรางวัลสุดยอด 100 หมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว และชุมชน Thailand Rural Tourism Awards 2020 จากทั่วประเทศ อาทิ ชุมชนท่องเที่ยวตำบลภูเขาทอง จังหวัดนราธิวาส ชุมชนชนเผ่าไทกวนบ้านนาถ่อน จังหวัดนครพนม ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว จังหวัดจันทบุรี ชุมชนบ้านบึงไม้ จังหวัดสระบุรี ชุมชนบ้านวังส้มซ่า จังหวัดพิษณุโลก

ทั้งนี้ โครงการฯ ดังกล่าวจะจัดแข่งขันในวันที่ 8 เดือน 8 เริ่มในเวลา 08.08 น. โดยตัดสินผู้ชนะจากยอดการเข้าถึง (Reach) ของ 1 การไลฟ์ที่ส่งเข้าแข่งขัน รางวัลแบ่งเป็น 33 รางวัลมูลค่ากว่า 400,000 บาท ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท และรางวัลชมเชยจำนวน 30 รางวัล จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท ผู้ที่สนใจ สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ -วันที่ 4 สิงหาคม 2564 โดยกรอกใบสมัครได้ที่ https://forms.gle/55VeVjTtjB44UMXn7 หรือสอบถามรายละเอียดโครงการและกิจกรรมเพิ่มเติมที่เพจเฟซบุ๊กโครงการ : TheLocallicious

4548
 
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ taywa]https://web.facebook.com/[^_^]taywa
เวปไซด์ taywa99.lnwshop.com/p/12]http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  

4549
 
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ taywa]https://web.facebook.com/[^_^]taywa
เวปไซด์ taywa99.lnwshop.com/p/12]http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  

4550
 
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ taywa]https://web.facebook.com/[^_^]taywa
เวปไซด์ taywa99.lnwshop.com/p/12]http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  

4551
Metang Application คือแพลตฟอร์ม Affiliate eCommerce
สามารถสร้างรายได้ผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวเท่านั้น

Metang แพลตฟอร์มของคนมีตังค์ สร้างรายได้ หลักแสน หลักล้าน
เร็วกว่าที่คุณคิด ไม่ต้องสปอนเซอร์ให้เจ็บคอ

แพลตฟอร์มจะขับเคลื่อน ด้วยแพลตฟอร์มในตัวของระบบเอง
เพียงแค่แชร์ลิ้งค์ออกไป

Metang มีตังค์ คืออะไร?
Metang คือ แพลตฟอร์ม Affiliate eCommerce ที่ผสมผสานระหว่าง Affiliate Marketing และ ธุรกิจ eCommerce อย่างลงตัว
เจ้าแรกของประเทศไทย ที่ตอบโจทย์ การสร้างรายได้ออนไลน์
ในยุค Covid-19 เหมาะกับปัจจุบัน

Affiliate eCommerce คืออะไร?
Affiliate eCommerce คือการที่เจ้าของธุรกิจทำการตลาดออนไลน์ โดยจะขายสินค้าหรือบริการผ่านตัวแทนโฆษณา หรือจะเรียกว่าตัวแทนการขาย หรือนักแอฟฟิลิเอทก็ได้ โดยตัวแทนเหล่านี้จะนำลิ้งค์สินค้าหรือลิ้งค์ร่วมธุรกิจ ไปโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆเช่น เว็บไซต์, blog, ไลน์, เฟสบุ๊ค, IG, tiktok หรือแฟนเพจของตัวเอง และหากมีลูกค้าสนใจ
คลิกลงทะเบียนและเข้าไปซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิ้งค์ของตัวแทน
หรือนักแอฟฟิลิเอท ตัวแทนหรือนักแอฟฟิลิเอทเหล่านั้น
ก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่นตามที่ได้ตกลงกันไว้ในแพลตฟอร์ม
ช่องทางการหารายได้นี้ ในแพล็ตฟอร์ม Metang Platform เราเรียกว่า
นัก Affiliate eComerc โดยที่ไม่ต้องมีสินค้าเป็นของตัวเอง
ไม่ต้องทำการจัดส่งเองไม่ต้องสต็อกสินค้า
เพียงแค่โปรโมทหรือโฆษณาให้ลูกค้ามาสนใจซื้อสินค้าหรือบริการ
ผ่านลิ้งค์ Affiliate ของเราเท่านั้นเอง

แพลตฟอร์ม Affiliate eCommerce สามารถสร้างรายได้ผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวเท่านั้น

สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat

4552

ดูหนังออนไลน์
 เว็บหนังออนไลน์ 2021 ดูหนังออนไลน์ฟรี คมชัด ไม่กระตุก Movie-asian.com
เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี ดูหนังใหม่ หนังชนโรง เว็บหนังออนไลน์ ที่ดีที่สุด ดูหนังฟรีออนไลน์ ไม่กระตุก Movie-asian เว็บหนังที่ใครๆก็แนะนำ ดูหนังออนไลน์ชัด 4K พากย์ไทย เต็มเรื่อง คมชัด โหลดเร็ว ไม่กระตุก ไม่มีสะดุด
เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี ดูหนังใหม่ หนังชนโรง เว็บหนังออนไลน์ ที่ดีที่สุด ดูหนังฟรีออนไลน์ ไม่กระตุกหากพูดถึงเว็บ ดูหนังออนไลน์ สิ่งแรกที่เราจะต้องนึกถึงนั้น จะเป็นสิ่งไหนไม่ได้เลยนอกจากการนอนอยู่บ้าน ดูหนัง ได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็น หนังใหม่ หนังเก่า ซีรี่ย์ต่าง ๆ หนังแอคชั่น หรือแม้กระทั่งสยองขวัญ รวมไปถึงหนังที่ทุกคนชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ หนังดราม่า นั่นเอง ซึ่งหนังแต่ละประเภทที่ทุกคนจะได้ดูนั้น สามารถมีความคมชัดได้ถึงระดับ Full HD กันเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังสามารถเลือกระดับความคมชัดได้ตามที่เราต้องการได้อย่างง่ายดายมากอีกด้วย ส่วนข้อดีที่พิเศษในด้านอื่น ๆ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย เลือกระดับความคมชัดที่เราต้องการได้ สำหรับเว็บดูหนังออนไลน์นั้น ผู้ชมสามารถเลือกระดับความคมชัดที่ตนเองต้องการได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ได้ตั้งแต่ที่ความคมชัดใน

ระดับที่น้อยที่สุดคือ 360px ไปจนถึงในระดับที่คมชัดสูงที่สุดคือ 4k หรือที่ระดับ Ultra HD นั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นระดับความคมชัดที่ผู้ชื่นชอบ ดูหนังออนไลน์ HD ส่วนใหญ่นั้นชื่นชอบและหลงไหลกันเป็นอย่างมากนั่นเอง ไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลาเข้าโรงภาพยนตร์ การได้ดูหนังในระบบออนไลน์นั้น ถือว่าเป็นการดูหนังที่สะดวก สบายและประหยัดสุด ๆ เนื่องจากไม่จำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้านเพื่อไปรับชมกันถึงที่โรงภาพยนตร์นั่นเอง เพียงมีอินเตอร์เน็ตก็สามารถรับชมหนังที่ตนเองสนใจได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วได้แล้วนั่นเอง และที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินเพื่อซื้อตั๋วในการรับชม หนังชนโรง อีกด้วย ข้อนี้จึงทำให้เหล่าคอหนังทั้งหลายนั้นชื่นชอบกันเป็นอย่างมากนั่นเองMOVIEASIAN.COM เว็บหนังออนไลน์คุณภาพ ดูหนังใหม่ 2021 ดูหนังชนโรง ดูหนังฟรีออนไลน์ พากย์ไทย เต็มเรื่อง ภาพคมชัด HD 4K คมชัด ไม่กระตุก ดูหนังใหม่ออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง คมชัด HD 4K เต็มอรรถรสในการรับชม มีหนังครบทุกแนวให้เลือกชม WATCH MOVIES ONLINE FREE ดูหนัง NETFLIX ดูหนังใหม่ออนไลน์ก่อนใครที่นี่ มีหนังให้เลือกดูครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ดูหนังออนไลน์ หนังซีรีย์เกาหลี หนังที่มีคะแนนเรตติ้งสูงจาก IMDB และ NETFLIX ดูหนังมาสเตอร์ หนังตลก หนังจีน หนังฝรั่ง การ์ตูนอนิเมชั่น หนังแอคชั่น หนังบู๊มันๆ, หนังดราม่า, หนังโรแมนติก, หนังสยองขวัญ หนังผี, หนังเกาหลี ดูซีรี่ย์, หนังสืบสวนสอบสวน, หนังซุเปอร์ฮีโร่ MARVEL DC หนังภาคต่อ หนังดังทั้งไทย เอเชีย และต่างประเทศ เป็นต้น หรือจะเป็น ซีรี่ส์ฝรั่ง ก็จะมีให้เลือกดูครบทุก SEASON ทุก EPISODE ดูซีรี่ย์ซับไทย พากษ์ไทย ดูหนัง18+ ดูหนังHD ด้วยความคมชัดระดับ HD ตั้งแต่ 360PX, 480PX, 720PX และ 1080PX ไปจนถึงความคมชัด 4K หรือ ULTRA HD ดูหนังผ่านโทรศัพท์มือถือ ANDROID , IPHONE , IPAD https://movie-asian.com/


 

4553


ทำความเข้าใจก่อนเข้าร่วม "มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้" เมื่อ "พักหนี้" กับ "พักชำระหนี้" มีความแตกต่างกัน

หลังจากรัฐบาลประกาศความร่วมมือกับ "ธนาคารของรัฐ" และ "ธนาคารพาณิชย์" ออกมาตรการ "va.com]ช่วยลูกหนี้" เพื่อแบ่งเบาภาระค่างวด หลังจากที่มีการยกระดับความเข้มข้นของการ "ล็อกดาวน์" ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ โดยมีมาตรการ "พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 เดือน" 

หลายคนเข้าใจผิดว่าการ "พักชำระหนี้" คือการหยุดจ่ายหนี้เฉยๆ แต่นั่นผิดถนัด!

เพราะความเป็นจริงแล้วการพักชำระหนี้ ยังคงมีการคิดดอกเบี้ยอยู่ แต่จะถูกคิดในภายหลัง ต่างจากการ "พักหนี้" ที่เป็นการพักชำระแบบหยุดคิดดอกเบี้ยด้วย 

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะและเงื่อนไขที่แตกต่างกันระหว่างการ "พักชำระหนี้" และการ "พักหนี้" เพื่อให้เข้าใจก่อนเข้าร่วมมาตรการ และวางแผนการชำระหนี้คืนได้ง่ายขึ้น

พักชำระหนี้ 
พักชำระหนี้ หมายความว่า งวดที่ได้รับการพักชำระหนี้จะ "ไม่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย" แต่ธนาคารจะยังคิดดอกเบี้ยของแต่ละงวดต่อไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมาเรียกเก็บดอกเบี้ยในภายหลัง 

เช่น นาย ก. เป็นลูกค้าของธนาคาร ที่ให้มาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน ระหว่างที่มีการพักชำระหนี้ นาย ก. ไม่ต้องชำระเงินให้กับธนาคารเลยในช่วง 2 เดือนนั้นเนื่องจากถูกพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ 

แต่หลังจากพ้นระยะเวลาพักชำระหนี้ 2 เดือนนี้ แล้ว นาย ก. จะต้องกลับมาผ่อนชำระค่างวดตามปกติในงวดถัดไป และจะต้องจ่ายดอกเบี้ยของงวดที่ถูกพักชำระหนี้ไปด้วย 

ตัวอย่างการพักชำระหนี้

เช่น สมมติมียอดหนี้คงเหลืออยู่ 1,000,000 บาท โดยปกติต้องผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาท (เงินต้น 4,000 บาท ดอกเบี้ย 6,000 บาท) หลังพักชำระหนี้ นาย ก. ต้องกลับมาผ่อนชำระ 10,000 บาทตามปกติ + ดอกเบี้ยค้างชำระ 2 เดือนที่พักชำระหนี้ไป คือเดือนละ 6,000 เป็นเวลา 2 เดือน เท่ากับมีดอกเบี้ยคงค้างจากงวดที่พักชำระหนี้จำนวน 12,000 บาท 

ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างจะไม่เรียกเก็บในทันที อาจเรียกเก็บในการผ่อนชำระงวดสุดท้าย หรือมีรูปแบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร

แม้จะมีดอกเบี้ยวิ่งอยู่ แต่ ข้อดีของการพักชำระหนี้ คือ 1. มีเงินสดเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นในช่วงวิกฤติ 2. ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ และ 3. ไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต

ซึ่งเงื่อนไขการ "พักชำระหนี้" ที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น ต่างจากการ "พักหนี้" ซึ่งเป็นคำใกล้เคียงกันมากๆ แต่มีรายละเอียดจากการ "พักชำระหนี้" อยู่เล็กน้อย ดังนี้
          

 พักหนี้ 
"พักหนี้" หมายความว่า ในงวดที่ได้รับการพักหนี้ให้ "ไม่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย" และธนาคารจะ "หยุดคิดดอกเบี้ยในช่วงที่เราพักหนี้" ด้วย

พูดง่ายๆ ก็คือ เราจะไม่ต้องจ่ายอะไร และไม่มีอะไรติดค้างจากงวดมีการ "พักหนี้" เลย เมื่อหมดการพักหนี้แล้ว ก็กลับมาจ่ายหนี้ตามสัญญาปกติ 

ตัวอย่างคือ นาย ข. เป็นลูกค้าของธนาคารที่มีมาตรการพักหนี้ 2 เดือน เขาไม่ต้องชำระเงินให้กับธนาคารเลย ในงวดที่ธนาคารพักหนี้ให้ เหมือนกับกรณีการพักชำระหนี้ แต่ในระหว่าง 2 เดือนที่ไม่ได้ชำระหนี้นั้น ธนาคารจะ "หยุดคิดดอกเบี้ย" ของนาย ข. ด้วย

ซึ่งหมายความว่า เมื่อพ้นระยะเวลาพักหนี้ไปแล้ว นาย ข. จะสามารถกลับมาผ่อนชำระค่างวดเดือนละ 10,000 บาทตามเดิม ในงวดต่อไปได้ตามปกติ เหมือนว่า 2 เดือนที่ผ่านมาธนาคารหยุดเวลาไว้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นการ "พักหนี้" จึงต่างจากการ "พักชำระหนี้" ตรงที่ทำให้ลูกหนี้ไม่มีดอกเบี้ยค้างจ่ายกับธนาคารตามมาทีหลังนั่นเอง

ดังนั้น ผู้ที่ร่วมมาตรการ "พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย" อาจต้องเตรียมตัวในการผ่อนชำระหนี้ในส่วน "ดอกเบี้ย" ช่วงที่มีการพักชำระหนี้ให้ไว้ด้วย

ส่วนผู้ที่ยังมีกำลังในการจ่ายไหวในช่วงนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย แนะนำว่า 

"การเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป (พักชำระหนี้) ภาระหนี้จะยังคงอยู่และในช่วงที่ผ่อนปรน ดอกเบี้ยยังเดินอยู่ ซึ่งแต่ละคนอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกันและสามารถเลือกวิธีผ่อนชำระที่เหมาะสมกับรายได้และเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองได้

หากยังอยู่ในกลุ่มที่ยังพอมีศักยภาพ อาจเลือกชำระตามปกติเพราะจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม หนี้ไม่เพิ่ม และบางธนาคารให้สิทธิพิเศษปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่สำหรับท่านที่ได้รับผลกระทบ มีสภาพคล่องไม่พอ แนวทางการเลื่อนหรือพักชำระหนี้ก็จะเป็นทางออกหนึ่งสำหรับช่วงนี้ด้วย"


 ลูกหนี้ที่อยากขอ "พักชำระหนี้ 2 เดือน" ต้องทำอย่างไร ?  

1. ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองว่าเป็นไปตามเงื่อนไขที่มาตรการกำหนดหรือไม่


2. แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน กับสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่เป็น "เจ้าหนี้" ของเรา

 

4554


สศช.ชงครม.เพิ่ม "เยียวยา" อีก 3 จังหวัดสีแดงเข้มตามประกาศ ศบค.ชลบุรี อยุธยา ฉะเชิงเทรา “สุชาติ” เผยเป็นพื้นที่เศรษฐกิจมีแรงงาน ม.33 มากกว่า 1 ล้านคน

การระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นเสี่ยงเกิดภาวะวิกฤตระบบสาธารณสุข ซึ่งทำให้มัการยกระดับความเข้มข้นของการล็อกดาวน์ และเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เป็น 13 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.2564

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 ก.ค.2564 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) สาระสำคัญจะปรับปรุงมาตรการการเยียวยาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกระดับมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิดที่เพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 10 เป็น 13 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา

แหล่งข่าว กล่าวว่า การทำให้ต้องมีการขยายขอบเขตการให้ความช่วยเหลือแรงงานทั้งในและนอกระบบประกันสังคมในพื้นที่ดังกล่าวจากเดิมที่ ครม.เคยอนุมัติไว้แล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอนุมัติการจ่ายเงินเยียวยาแรงงาน 9 กลุ่มธุรกิจ วงเงิน 30,000 ล้านบาท ในขณะที่การช่วยลดค่าครองชีพค่าน้ำค่าไฟฟ้าวงเงิน 12,000 ล้านบาท เป็นการช่วยเหลือทั้งประเทศอยู่แล้ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ส่งข้อมูลแรงงานใน 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติมให้ สศช.แล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจมีแรงงานทั้งในและนอกระบบมาก โดยเฉพาะแรงงานในระบบประกันสังคมตาม ม.33 รวม 1 ล้านคน โดยชลบุรีมากที่สุด 7 แสนคน รองลงมาพระนครศรีอยุธยาและฉะเชิงเทรา รวมกันมากกว่า 3 แสนคน 

"การดูแลแรงงานพื้นที่นี้จะทำตามมติ ครม.ซึ่ง สศช.จะนำเสนอ ซึ่งคงไม่ต่างจาก 10 จังหวัด ที่ประกาศเป็นพื้นที่สีแดงเข้มก่อนหน้านี้ และ 9 กลุ่มอาชีพกิจการต้องได้รับการเยียวยาเหมือนกัน โดยส่งข้อมูลแรงงานไปแล้วเชื่อว่าการเยียวยาคงไม่ตกหล่น”นายสุชาติ กล่าว 


สำหรับมาตรการเยียวยาใน 3 จังหวัด จะมีรูปแบบที่ ครม.อนุมัติ คือ การเยียวยาแรงงานในระบบประกันสังคมและนอกระบบ โดยในระบบประกันสังคมแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มแรงงาน ม.33 ในกิจการ 9 หมวด รัฐจะจ่ายเงินเยียวยาให้ 50% ของรายได้ (สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท) และจ่ายสมทบให้ลูกจ้างสัญชาติไทยอีก 2,500 บาทต่อคน รวมแล้วได้สูงสุดไม่เกิน10,000 บาท

2.ผู้ประกอบการหรือนายจ้างตามหลักการให้ความช่วยเหลือ ได้รับความช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คน อัตรา 3,000 บาทต่อคน จำนวน 1 เดือน

3.ผู้ประกันตนตาม ม.39 และ ม.40 สัญชาติไทยที่ยังประกอบอาชีพจะได้รับความช่วยเหลือ 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่เป็นผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 สัญชาติไทย ที่ยังประกอบอาชีพให้เตรียมหลักฐานลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตน ม. 40 ภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อรับความช่วยเหลือ 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน

หน้า: 1 ... 251 252 [253] 254 255 256