แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Beer625

หน้า: 1 ... 977 978 [979] 980 981 ... 995
17605


ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยสีสันและฉากหลังที่เหมือนอยู่ในดินแดนแห่งความฝันทำให้“เกาะบาหลี”ดึงดูดความสนใจเหล่าผู้ผลิตภาพยนต์จากต่างประเทศให้ไปปักหลักถ่ายทำภาพยนต์ที่นั่นมานับไม่ถ้วน

ตั้งแต่ภาพยนต์เรื่อง “Legong, Dance of the Virgins”ภาพยนตร์เงียบแนวดรามาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สร้างเมื่อปี 2478 ภาพยนต์เรื่อง “Baraka” ภาพยนต์สารคดีแนวคัลท์ สร้างเมื่อปี 2535 ,ภาพยนต์เรื่อง“The Endless Summer II” สร้างปี 2537 และภาพยนต์ที่ดัดแปลงจากหนังสือบันทึกความจำที่ขายดีที่สุด “Eat, Pray, Love” มีจูเลีย โรเบิร์ตส นักแสดงชื่อดังของฮอลลีวู้ดนำแสดง

นอกจากถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์มาช้านาน บาหลียังเป็นโลเคชันสุดปรารถนาในการถ่ายทำขนาดเล็กกว่าการถ่ายทำภาพยนต์อย่างโฆษณาทางทีวีมากมายหลายชิ้น และตอนนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติและท้องถิ่นต้องการเป็นสะพานอุดรอยโหว่ระหว่างสตูดิโอผลิตภาพยนต์ระดับโลกของฮอลลีวู้ดและเหล่าครีเอทีฟชาวอินโดนีเซียด้วยการสร้างสตูดิโอผลิตภาพยนต์บนเกาะแห่งนี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซีย ระบุว่า “ยูไนเต็ด มีเดีย เอเชีย แอนด์ ครีเอทีฟ อาร์ทิส เอเจนซี” (ยูเอ็มเอ)ในสหรัฐ ได้เปิดเผยโครงการนี้ที่เทศกาลภาพยนต์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนที่แล้ว โดยมองเห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจของเกาะบาหลีที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักแม้ว่าเศรษฐกิจบนเกาะแห่งนี้จะหดตัวโดยเฉลี่ยปีละ 9.3%

“ภายใต้แผนการผลิตภาพยนต์นี้ ยูเอ็มเอจะว่าจ้างพนักงานในท้องถิ่นที่มีความรู้ความสามารถซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจบนเกาะบาหลี ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19 บาหลีเป็นโลเคชันในอุดมคติในการสร้างภาพยนต์”มิสซี เทวี โฆษกยูเอ็มเอ ระบุ

ดูเหมือนแผนการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลอินโดนีเซีย โดย“แซนดิอากา อูโน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นความพยายามของยูเอ็มเอที่จะสร้างและบ่มเพาะบาหลีให้เป็นศูนย์กลางการผลิตเนื้อหาระดับโลก

ยูเอ็มเอ ถูกก่อตั้งเมื่อปี 2561 โดย"Michy Gustavia"นักแสดงหญิงและโปรดิวเซอร์ชาวอินโดนีเซีย พร้อมการสนับสนุนด้านเงินทุน 20 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มบริษัทสื่อคอมพาส กรามีเดีย (Kompas Gramedia)โดยเน้นผลิตเนื้อหาให้แก่ผู้ชมในท้องถิ่น 270 ล้านคนในภาษาอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรมากสุดอันดับ4ของโลก มีอายุผู้ชมโดยเฉลี่ยแค่ 29.7 ปีเทียบกับสหรัฐที่มีอายุผู้ชมโดยเฉลี่ย 38.1 ปี

หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่าช่วง5ปีที่ผ่านมา บ็อกซ์ ออฟฟิศในอินโดนีเซียขยายตัวปีละ 7% และชาวอินโดนีเซียเป็นผู้บริโภคที่ชื่นชอบการดูภาพยนต์ออน-ดีมานด์ผ่านแพลทฟอร์มต่างๆ อาทิ เน็ตฟลิกซ์ โดยคาดว่าจะมีชาวอินโดนีเซียเข้าไปใช้บริการในแพลทฟอร์มนี้มากถึง 18% หรือ 50 ล้านคนภายในปี 2568

“ตลาดบันเทิงของอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก ถ้าไม่นับจีนและยูเอ็มเอได้วางกลยุทธ์ รวมทั้งเพิ่มการลงทุนเพื่อผลิตเนื้อหาสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น”เทวี ระบุ

แต่มีคำถามว่า บาหลี ที่ปัจจุบันยังคงมีปัญหาไฟฟ้าดับๆติดๆและน้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่จะทำหน้าที่ศูนย์กลางการผลิตภาพยนต์ในระดับภูมิภาคได้หรือเมื่อเทียบกับโกลด์ โคสต์ของออสเตรเลีย หรือกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ซึ่ง“แอนดรี ดานันจายา”จากโคเปอร์นิก เอ็นจีโอ ซึ่งทำโปรเจคมากมายเกี่ยวกับการผลิตภาพยนต์สารคดีประเด็นสิทธิมนุษยชนเชื่อมั่นว่าบาหลีทำได้

“ตั้งแต่ดีไซเนอร์ด้านเสียงและด้านเสื้อผ้าไปจนถึงช่างภาพถ่ายทำภาพยนต์ ในบาหลีมีผู้มีความสามารถในด้านต่างๆเหล่านี้หลายพันคน หากสตูดิโอต้องการผลิตภาพยนต์ที่มีเนื้อหาต่างประเทศ สามารถเริ่มได้ทันที แม้สตูดิโอจะมีข้อจำกัด แต่ด้วยความที่บาหลีมีทัศนียภาพที่หลากหลาย โปรดิวเซอร์จึงสามารถเลือกที่จะถ่ายทำในโลเคชันที่เหมาะสมได้มากกว่าถ่ายทำในสตูดิโอ”ดานันจายา กล่าว

ดานันจายา กล่าวด้วยว่า ในสตูดิโอผลิตภาพยนต์ทุกแห่งต้องติดตั้งระบบสำรองไฟฟ้าไว้ เพราะฉะนั้นการจ่ายกระแสไฟฟ้าบนเกาะจึงไม่ใช่ปัญหา

ขณะที่“ลาโคทา มอยรา”บริษัทผลิตภาพยนต์สัญชาติสหรัฐที่มีฐานดำเนินงานอยู่บนเกาะบาหลี และเป็นผู้ผลิตภาพยนต์เรื่อง

“Pulau Plastik,”หรือ Rubbish Island สารคดีความยาวเท่าภาพยนต์ที่ตีแผ่ปัญหามลภาวะขากขยะในอินโดนีเซีย มีความเห็นต่อเรื่องนี้คล้ายๆกัน

“บนเกาะนี้มีคนมีความรู้ความสามารถมากมาย หากมีแพลทฟอร์มที่ช่วยกระจายผลงานไปยังกลุ่มผู้ฟังที่กว้างขวางขึ้นจะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจแก่เกาะแห่งนี้มากขึ้น”มอยรา กล่าว

ด้านโอมริ เบน-คานาอัน ชาวฝรั่งเศสจากบาหลีพร็อด โพรดักชั่นเฮาส์ที่ผลิตโฆษณาทางทีวีและเสนอการบริการสำหรับผู้ผลิตสารคดีในราคาตายตัวบนเกาะบาหลี บอกว่า กำลังคิดที่จะเปิดสตูดิโอผลิตภาพยนต์บนเกาะแห่งนี้

“ตั้งแต่เราเริ่มทำธุรกิจเมื่อ5ปีที่แล้ว ก็เจอคำถามมากมายว่าทำไมไม่เปิดสตูดิโอผลิตภาพยนต์ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ผมก็ยังคิดว่าอินโดนีเซียมีความพร้อมและเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นแหล่งผลิตภาพยนต์” เบน-คานาอัน กล่าว

17607


หัวเว่ย ยังมั่นใจประเทศไทย ย้ำชัด คือ ยังเป็นตลาดกลยุทธ์หลักของหัวเว่ย เร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มที่ ขยายส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลเป็นครั้งแรกในไทย ลงทุนต่อเนื่อง 5G คลาวด์ พัฒนาทักษะดิจิทัลในประเทศ สวมบทป๋าดัน หนุนไทยสู่ดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน และผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอาเซียน

เจย์ เฉิน รองประธานหัวเว่ยเอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงเทรนด์ เทคโนโลยีทั่วโลกที่น่าสนใจในยุคนิวนอร์มอล ว่า สองปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับทุกคน การรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดในขณะนี้ทำให้เราเห็นว่าทุกประเทศหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น

ข้อมูลจากรายงาน Global Connectivity Index ฉบับล่าสุดของหัวเว่ยระบุว่า ประเทศที่มีความพร้อมทางด้าน ICT มากกว่าประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้น้อยกว่า ทั้งในแง่ของภาคสังคมและภาคเศรษฐกิจ รวมทั้งยังสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือตลาดประเทศไทย ที่สถานการณ์ระบาดในตอนนี้ทำให้เห็นว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ICT และเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มที่ในช่วงก่อนหน้านี้ มีผลเป็นอย่างยิ่งกับการช่วยให้ประเทศยังคงฟื้นตัวและเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ

3 เรื่องดันไทยขึ้นดิจิทัลฮับอาเซียน

เจย์ เฉิน ระบุว่า ประเทศไทยค่อยๆ ก้าวขึ้นเป็นดิจิทัลฮับในภูมิภาคอาเซียนจากหลายองค์ประกอบ เรื่องแรก คือ ไทยได้พัฒนาแผนเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการเดินตามวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0

เรื่องที่สองคือข้อมูลอ้างอิงจาก Speedtest Global Index 2020 ระบุว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งใน 176 ประเทศในแง่ของความเร็วอินเทอร์เน็ตแบบฟิกซ์บรอดแบนด์ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในแง่การวางโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยี 5G

เรื่องที่สามคือประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคเกษตรกรรม กาคสาธารณสุข ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัล

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านการบ่มเพาะบุคลากรด้านดิจิทัล ซึ่งหัวเว่ยได้มีส่วนสนับสนุนผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น Huawei ASEAN Academy ซึ่งตั้งเป้าบ่มเพาะบุคลากรในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคให้ได้ถึง 300,000 คนภายในระยะเวลาห้าปี และจะมีสัดส่วนในการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสามจากจำนวนบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมทั้งหมด

อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า หัวเว่ยยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและพลังงานดิจิทัลมาเนิ่นนาน ซึ่งได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค โดยส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลของหัวเว่ยได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ทั้งในแง่ของผลประกอบการและส่วนแบ่งตลาด ทั้งในส่วนธุรกิจ Prefabricated Modular Data Center, Smart PV และ Site Power Facility ที่หัวเว่ยถือว่าเป็นผู้นำส่วนแบ่งตลาดในระดับโลก

สำหรับส่วนธุรกิจ mPower หัวเว่ยถือเป็นบริษัทแห่งแรกในโลกที่ส่งมอบนวัตกรรมใหม่ในชื่อว่า X-in-1 ePowertrain ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้แก่รถยนต์พลังไฟฟ้า นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ Modular Power ประสิทธิภาพสูงเป็นจำนวนมากกว่า 300 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยในปี 2563 หัวเว่ยทำยอดขายในส่วนธุรกิจพลังงานจากทั่วโลกได้มากกว่า 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้บริการประชากรถึง 1 ใน 3 จากทั่วโลก

นั่นทำให้หัวเว่ยตัดสินใจขยายส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลสำหรับตลาดประเทศไทยในปีนี้ โดยปัจจุบัน หัวเว่ยได้ให้บริการลูกค้าระดับองค์กรธุรกิจมากกว่า 1,000 รายในตลาดประเทศไทย ทั้งนี้ องค์กรธุรกิจ 35 แห่งจาก 50 แห่ง ได้เลือกหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ในด้านพลังงานดิจิทัล

"หัวเว่ยกำลังสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์สำหรับด้านการบริการ การติดตั้ง และด้านโซลูชันมากกว่า 50 รายในประเทศไทย โดยหัวเว่ยคาดว่าการขยายส่วนธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยสร้างงานในทางอ้อมได้มากกว่า 1,000 ตำหน่งในประเทศไทย ซึ่งหัวเว่ยทีมกับพาร์ทเนอร์หวังว่าเทคโนโลยีชั้นนำและกรณีตัวอย่างการใช้งานในระดับโลกจะสามารถช่วยส่งเสริมประเทศไทยในการขึ้นเป็นผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอาเซียนได้"



ลงทุน 4 ด้านหลักต่อเนื่อง

อาเบล เติ้ง ย้ำด้วยว่า ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย ซึ่งหัวเว่ยจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยใน 4 ด้าน อันได้แก่ ด้านเทคโนโลยี 5G ด้านดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ ด้านพลังงานดิจิทัล และด้านการพัฒนาทักษะดิจิทัล โดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภูมิภาคนี้ให้จงได้

"ในด้านเทคโนโลยี 5G ประเทศไทยได้ขึ้นเป็นผู้นำในเรื่องการริเริ่มติดตั้งเครือข่าย 5G ในระดับภูมิภาคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายรายต่าง ๆ ในไทยที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนี้ ประเทศอื่น ๆ ก็จะเริ่มตามทันไทยในแง่ของการขยายเครือข่าย 5G ต้องการจะเอาชนะในยก 2 ต่อจากนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องผลักดันให้มีอัตราการใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุด เพื่อสร้างงานและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงช่วยเพิ่มสัดส่วนที่เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ซึ่งหัวเว่ยจะสนับสนุนประเทศไทยผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านนวัตกรรม 5G และเสริมสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศ" คุณอาเบลกล่าว

ทั้งนี้ หัวเว่ยได้ลงทุนเป็นเงิน 475 ล้านบาทในโปรเจ็ค 5G EIC เพื่อพัฒนานวัตกรรม 5G สำหรับใช้งานในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ และเพิ่มทักษะให้แก่สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี โดยหัวเว่ยยังได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อจัดงานประชุมสุดยอด 5G Summit ในไทยในปีนี้ เพื่อช่วยวางรากฐานให้แก่อุตสาหกรรมและอีโคซิสเต็มของ 5G ในประเทศ

ซึ่งหัวเว่ยเชื่อว่างานประชุมสุดยอดในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลในประเทศไทยด้วยการประยุกต์ใช้ 5G ในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง นอกจากนี้ หัวเว่ยยังจะได้รับการสนับสนุนจากดีป้าในการสร้างอีโคซิสเต็มของพาร์ทเนอร์เพื่อก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรด้าน 5G และเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับนวัตกรรมและแอปพลิเคชัน 5G ในภาคอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์

"ที่สำคัญคือหัวเว่ยจะยังคงมุ่งมั่นสร้าง อีโคซิสเต็มของ 5G ในประเทศไทยต่อไป เพื่อสร้างนคร 5G ระดับแนวหน้า และมีมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่าย 5G ในขั้นสูง เสริมแกร่งแอปพลิเคชันรวมทั้งนวัตกรรมด้าน 5G เพื่อสร้างโมเดลและคุณค่าใหม่ทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพสูงพอที่จะขึ้นเป็นเมือง 5G แห่งภูมิภาคอาเซียน รองรับการเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 ของไทยที่จะจัดขึ้นในจังหวัดกรุงเทพมหานคร พัทยา และเชียงใหม่" เขากล่าวเสริม

ปีนี้ หัวเว่ยจะลงทุนเป็นเงิน 700 ล้านบาท สำหรับศูนย์ข้อมูลการให้บริการคลาวด์แห่งที่สามในประเทศไทย ซึ่งทำให้หัวเว่ยเป็นผู้ให้บริการ HUAWEI CLOUD ระดับโลกในไทยเพียงรายเดียวที่มีศูนย์ข้อมูลในประเทศถึงสามแห่ง

โดยหัวเว่ยต้องการสนับสนุนด้านการวางจุดยืนให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดูน่าลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในด้านการตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) และการลงทุนในครั้งนี้ยังช่วยสร้างงานใหม่กว่า 200 ตำแหน่ง ด้วยความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในไทยกว่า 200 ราย

ทั้งนี้ หัวเว่ยต้องการจะผลักดันให้ประเทศไทยดูน่าดึงดูดและน่าลงทุนมากขึ้นในสายตาขององค์กรธุรกิจข้ามชาติ ที่ต้องการจะตั้งศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคนี้

หัวเว่ยยังเชื่อว่าหัวใจสำคัญของการผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัลนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ซึ่งทางบริษัทได้ผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผ่านการบ่มเพาะบุคลากรในไทย เพื่อช่วยลดช่องว่างเรื่องการขาดจำนวนบุคลากรด้านดิจิทัลในประเทศไทย ด้วยโครงการพัฒนาอย่าง Huawei ASEAN Academy ประเทศไทย ซึ่งตั้งเป้าฝึกอบรมบุคลากรที่ทำงานด้านไอทีในไทยให้ได้รับทักษะในระดับโลกเป็นจำนวน 100,000 คนภายในเวลา 5 ปีนี้

17608
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  

17610
Boom Gluta กลูต้า ที่โดมเลือก


ดีและปลอดภัยกลูต้าช็อต ช็อตเดียวรู้เรื่อง!!!

ดำกรรมพันธุ์ ผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระ อยากเปลี่ยนลุงป้าเป็นหนุ่มสาวน่ารัก
กลูต้าช๊อต เพียงกล่องเดียว รู้เรื่อง!!!...ดีกว่ากลูกต้าทั่วไป 215 เท่า

ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ21ชนิด ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมนาโนฟา อินฟาเรด เหรียญเงินระดับนานาชาติ

แค่เทใส่ปาก ละลายและดูดซึมทันที พกพาง่ายไม่ต้องชง!!
1 กล่อง 590 จากปกติ 890.- .
เลขที่จดทะเบียน 1311585950607

 Boom Gluta Shots จึงเป็นที่มาของการแก้ปัญหาด้วยการปกป้องจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Boom Gluta Shots" มีส่วนประกอบสำคัญ FIR Glutathione Complex สุดยอดอาหารผิวแห่งปี ที่ได้รับรางวัลจากงาน “Seoul International Invention Fair 2020” ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ผิวขาวกว่ากลูตาทั่วไปถึง 250% .

รับตัวแทนจำหน่าย/สมาชิก รับสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์มูลค่า 7,990 บาท ฟรี

สนใจติดต่อ
โทร. 0846623662

id line : teerapat999

รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99-gluta.salepage365.com/




17611
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valai[^_^]25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 


17616


ผลสำรวจการดาวน์โหลดทั่วโลกปี 2563 บ่งชี้ว่า “ติ๊กต็อก”แอพพลิเคชันแชร์วิดีโอในจีนติดอันดับ1 ในฐานะเป็นแอพฯที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในฐานะผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจและศึกษาในเรื่องนี้ครั้งแรกในปี 2561

ขณะที่กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้“เทเลแกรม”แอพฯส่งข้อความสัญชาติรัสเซียที่สามารถลบข้อความที่โพสต์ติดหนึ่งใน10 ในปีเดียวกัน เมื่อการระบาดของโรคโควิด-19 ผลักดันให้มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง

ไบท์แดนซ์ เปิดตัวติ๊กต็อกเวอร์ชันต่างประเทศในปี 2560 และปัจจุบัน ยอดการดาวน์โหลดติ๊กต็อกแซงหน้าเฟซบุ๊ค วอทส์แอพ อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ค แมสเซนเจอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของเฟซบุ๊ค แม้แต่ในตลาดสหรัฐ

“ฉันสนุกกับการดูวิดีโอสั้นจากติ๊กต็อกของเหล่าศิลปินที่ไม่สามารถออกไปแสดงคอนเสิร์ตจริงๆได้เพราะการระบาดของโรคโควิด-19”นิน่า ชาวเมืองพอร์ทแลนด์ในสหรัฐวัย 37 ปี กล่าว

อย่างไรก็ตาม บางคนเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกนำไปแชร์ผ่านแอพฯติ๊กต็อกไม่ปลอดภัย เช่นในปี 2563 อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ไบท์แดนซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของติ๊กต่อกขายกิจการในสหรัฐ พร้อมทั้งเรียกร้องให้แบนแอพฯนี้ แต่กระแสความนิยมแอพฯนี้กลับขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งยังมียอดการดาวน์โหลดนำหน้าบริษัทสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆทั้งในยุโรป อเมริกาใต้ และสหรัฐ


เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้เพิกถอนคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่พยายามปิดกั้นการดาวน์โหลดแอพฯติ๊กต็อก และ วีแชท ของจีน เนื่องจากความกังวลในประเด็นเรื่องความมั่นคงของชาติ แต่ถึงแม้จะยกเลิกคำสั่งแบนแต่คำสั่งประธานาธิบดีฉบับใหม่ก็ระบุให้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรับหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบแอพฯจากต่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์และการวิเคราะห์หลักฐานอย่างเข้มงวด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเก็บข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ และความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางทหารหรือหน่วยข่าวกรองของจีน โดยกำหนดระยะเวลาในการทบทวนเรื่องนี้ภายใน 4 เดือน

ภายใต้คำสั่งประธานาธิบดี ยังมีการสั่งการให้หน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ประเมินความเสี่ยงและภัยคุกคาม ในกรณีที่ข้อมูลของสหรัฐอาจถูกต่างชาติเข้าควบคุม และรายงานต่อกระทรวงพาณิชย์เพื่อประกอบการตรวจสอบแอพฯต่างชาติทั้งหมด

ส่วนไลคี (Likee)ของจีน ที่เป็นคู่แข่งของติ๊กต็อก สร้างวิดีโอสั้นที่หลายบริษัทนำไปใช้เพื่อทำแผนการตลาดสินค้าของตัวเองและติดอันดับที่ 8 ในการจัดอันดับยอดการดาวน์โหลดทั่วโลกครั้งล่าสุด

ช่วงเริ่มต้นปี 2564 วอทส์แอพ ประกาศแชร์ข้อมูลข้อความกับเฟซบุ๊คที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้และบริษัท แม้ว่าวอทส์แอพสัญญาว่าจะปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างเพื่อนและครอบครัว แต่ผู้ใช้บางกลุ่มก็เลือกที่จะหันไปใช้บริการแอพฯอื่น

นี่จึงเป็นจังหวะที่“เทเลแกรม”แอพส่งข้อความที่เบื้องต้นได้รับการพัฒนาในรัสเซียแต่ตอนนี้มีฐานดำเนินงานในเยอรมนี ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ7 โดยผู้ใช้สามารถใช้งานได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ล่าสุดเมื่อเดือนเม.ย.ปี 2563 เทเลแกรมมีจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกต่อเดือนสูงถึง 400 ล้านคน และมีผู้ใช้รายใหม่วันละกว่า 1.5 ล้านคน

เทเลแกรมมีจุดเด่นหลายอย่างที่ไม่มีในแอพฯ อื่น ๆ เริ่มจากสามารถสร้างกลุ่มแชทขนาดใหญ่ที่รองรับคนจำนวนมหาศาลได้สูงสุดถึง 200,000 คน หรือสามารถสร้างเป็นแชนเนลสำหรับส่งข้อมูลกระจายข่าวสารให้กลุ่มคน โดยการแชททั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่ม ข้อความจะถูกเข้ารหัสไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเจาะเข้ามาอ่านได้


แอพฯเทเลแกรมได้รับความนิยมอย้างมากในกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงและในไทยที่ต้องการปฏิบัติภาระกิจโดยให้รอดพ้นจากการถูกตรวจจับของรัฐบาล

ส่วนดิสคอร์ด(Discord)แอพฯแชททางเกมออนไลน์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ7 อานิสงส์จากการที่ผู้คนจำเป็นต้องกักตัวเองในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 แอพฯนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชอบเล่นเกมไว้พูดคุยกันตอนออนไลน์และได้รับทุนก่อตั้งจากโซนี กรุ๊ปและบรรดาบริษัทให้บริการด้านสื่อสังคมออนไลน์

ขณะที่ในจีน แอพฯที่มียอดดาวน์โหลดอันดับ1 คือ โต่วอิน ที่ถือเป็นติ๊กต็อกเวอร์ชั่นจีนของไบท์แดนซ์ อันดับ2 วีแชท แอพส่งข้อความของเทนเซนต์ อันดับ3 คิวคิว แอพแชทของเทนเซนต์ อันดับ 4 วีโชว์ แอพวิดีโอสั้นของเทนเซนต์ อันดับ 5 เรด อินสตาแกรมและอีคอมเมิร์ซเวอร์ชั่นจีน

อันดับ 6 เว่ยโป๋ ทวิตเตอร์เวอร์ชั่นจีน อันดับ7 โต่วอิน โวแคลโน อิดิชันวิดิโอสั้นของไบท์แดนซ์ อันดับ 8 โซโกว พินอิน อินพุท เมททอด ระบบอินพุทข้อมูลด้วยภาษาจีน อันดับ 9 จื่อหู แอพสื่อโซเชียลในรูปแบบถาม-ตอบ และอันดับ10 โซล แอพฯบริการค้นหาเพื่อนสำหรับคนเจน Z

ส่วนในญี่ปุ่น ยอดดาวน์โหลดอันดับ1 เป็นของไลน์ ของญี่ปุ่น อันดับ2 อินสตาแกรมของสหรัฐ อันดับ3 ติ๊กต็อกจากจีน อันดับ 4 ทวิตเตอร์จากสหรัฐ อันดับ 5 พินเทอร์เรสต์จากสหรัฐ อันดับ 6 เฟซบุ๊คจากสหรัฐ อันดับ 7 ทาวน์ไวไฟ บาย จีเอ็มโอ ของญี่ปุ่น อันดับ 8 แพร์สจากสหรัฐ อันดับ9 ดิสคอร์ดจากสหรัฐ และอันดับ10 ยาฮู เมลจากญี่ปุ่น

17617
Boom Gluta กลูต้า ที่โดมเลือก


ดีและปลอดภัยกลูต้าช็อต ช็อตเดียวรู้เรื่อง!!!

ดำกรรมพันธุ์ ผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระ อยากเปลี่ยนลุงป้าเป็นหนุ่มสาวน่ารัก
กลูต้าช๊อต เพียงกล่องเดียว รู้เรื่อง!!!...ดีกว่ากลูกต้าทั่วไป 215 เท่า

ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ21ชนิด ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมนาโนฟา อินฟาเรด เหรียญเงินระดับนานาชาติ

แค่เทใส่ปาก ละลายและดูดซึมทันที พกพาง่ายไม่ต้องชง!!
1 กล่อง 590 จากปกติ 890.- .
เลขที่จดทะเบียน 1311585950607

 Boom Gluta Shots จึงเป็นที่มาของการแก้ปัญหาด้วยการปกป้องจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Boom Gluta Shots" มีส่วนประกอบสำคัญ FIR Glutathione Complex สุดยอดอาหารผิวแห่งปี ที่ได้รับรางวัลจากงาน “Seoul International Invention Fair 2020” ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ผิวขาวกว่ากลูตาทั่วไปถึง 250% .

รับตัวแทนจำหน่าย/สมาชิก รับสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์มูลค่า 7,990 บาท ฟรี

สนใจติดต่อ
โทร. 0846623662

id line : teerapat999

รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99-gluta.salepage365.com/




17618
รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอลการ์ดราคาส่ง
ราคาถูก ราคาเบา ราคาโรงงาน
มีเลขที่จดแจ้ง ได้มาตรฐาน 
ราคาเริ่มต้น 15 บาท/ชิ้น
สนใจติดต่อ  https://lin.ee/nXGuYwR
โทร. 0863754112

17619
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  

17620


เปิดจองวัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) รอบพิเศษ ของโรงพยาบาลเครือพริ้นซิเพิล เริ่มตั้งแต่วันที่ 8-12 สิงหาคม 2564 นี้ จนกว่ายอดจองจะเต็ม เพราะมีจำนวนจำกัด เช็คเงื่อนไขอื่นๆ ดังนี้


โรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์

สถานะ : เปิดให้จองวัคซีนตั้งแต่ วันที่ 8-12 ส.ค. 64  (ตั้งแต่ตอนนี้ จนกว่าจำนวนจำกัดจะเต็ม)

เปิดรับลงทะเบียน: 8 ส.ค. 64 เวลา 8.00น.

ปิดรับลงทะเบียน: 12 ส.ค. 64 เวลา 12.00น.

บุคคลทั่วไปที่สนใจลงทะเบียนฉีดวัคซีนทางเลือก “โมเดอร์นา” สามารถลงทะเบียนกับทางโรงพยาบาลได้ โดยจะต้องเสียค่าบริการเอง 

ราคาต่อเข็ม: จำนวน 1,650 บาท / เข็ม และราคาจำนวนสองเข็ม 3,300 บาท (ราคานี้เป็นไปตามข้อกำหนดของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน)

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

รายละเอียดการลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนทางเลือก Moderna “ล็อตเพิ่มเติม”: 


1.เข้าสู่เว็บไซต์: โดยเตรียมข้อมูลดังต่อไปนี้ “เลือกลงรายบุคคลหรือในนามองค์กร, ข้อมูลส่วนตัวผู้ลงทะเบียน พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชน และเบอร์โทรศัพท์มือถือ และอีเมล์ที่ใช้งานอยู่”


2.กดปุ่ม “ลงทะเบียนจองวัคซีน ล็อต 2” เพื่อทำการกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนจองวัคซีนโมเดอร์นา เจเนอเรชั่น 1 ล็อต 2/ โดยหากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ห้ามปิดหน้าจอ เพราะลำดับการจัดสรรจะถูกนำไปอยู่ท้ายสุดใหม่ ให้ทำการรอเพราะมีผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก


3.เลือกโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือเพื่อทำการเข้ารับวัคซีน และหากต้องการลงทะเบียนให้คนอื่นให้ทำการลงใหม่อีกครั้ง

4.กรอกข้อมูลของผู้ลงทะเบียนให้ครบถ้วน เช่น บัตรประชาชน เบอร์มือถือ อีเมล์ หากไม่มีอีเมล์ หลังจากลงทะเบียนแล้วให้กรอก [email protected] แล้วติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อรับข้อมูลการยืนยันการจอง


5.เลือกประเภทและจำนวนโดสที่ต้องการจอง โดยมีทั้ง “ฉีดวัคซีนใหม่” (Full Dose) สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนเลย และ “ฉีดกระตุ้น” (Booster Dose) สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่ต้องการฉีดกระตุ้น


6.ทบทวนและยืนยันข้อมูลการลงทะเบียน โดยกดยืนยันข้อมูล เมื่อทำรายการสำเร็จแล้วระบบจะสส่งรายละเอียดไปยังอีเมล์ของท่านภายใน 48 ชั่วโมง หากไม่ได้รับอีเมล์ ให้ตรวจสอบในถังสแปม/ และเมื่อถึงกำหนดชำระเงิน จะมี SMS แจ้งเตือน ให้ท่านเข้าชำระเงินอีกครั้ง

คำแนะนำเบื้องต้นในการเลือกฉีดวัคซีนโมเดอร์นา: หากท่านรับวัคซีนเข็มที่ 2 มาแล้วและมีความประสงค์ในการรับวัคซีนชนิด mRNA ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือน (อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง ตามผลการวิจัยที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์หรือประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข) และหากมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งระยะห่าง ระยะเวลาให้บริการ และเงื่อนไขอื่นๆ รพ.จะแจ้งให้ทราบภายหลัง

หมายเหตุ:

-กรุณาศึกษาขั้นตอนการลงทะเบียนในโพสต์นี้ก่อนทำการลงทะเบียน

-การเปิดจองและชำระเงินครั้งนี้ เป็นไปตามมติสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ให้ทำการสำรวจปริมาณความสนใจเข้ารับวัคซีนโมเดอร์นา เพื่อนำส่งข้อมูลให้ทางองค์การเภสัชกรรม

-แบบฟอร์มลงทะเบียนนี้ สามารถใช้เพื่อลงทะเบียนแสดงความสนใจเบื้องต้นในการเข้ารับวัคซีนโมเดอร์นา ล็อตเพิ่มเติม คาดพร้อมให้บริการไตรมาสที่ 1 ในปี 2565 โดยการลงทะเบียนของท่านจะถูกจัดเข้าลำดับคิว ในการจัดสรรวัคซีน เมื่อมีความคืบหน้า ทางโรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

-ทางโรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จะทำการจัดสรรวัคซีน ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนตามลำดับการลงทะเบียนแสดงความสนใจ

รายละเอียดการจอง :  โรงพยาบาลเครือพริ้นซิเพิล1  หรือ โรงพยาบาลเครือพริ้นซิเพิล2

ติดต่อ :  028048959

17622


เงินบาท” ปิดตลาดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. อ่อนค่าที่่ระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์ และนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาคเอเชียที่ 10.3% โดยระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าสุดที่ 33.39 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ3ปี             

‘บาทอ่อน’จากปัจจัยในปท.-ศก.ถดถอย       

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center (EIC)ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า  สถานการณ์เงินบาทที่อ่อนค่าเร็วและมีความผันผวนในระยะสั้น มาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก คือ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการแพร่ระบาดโควิด ระลอก 3 ยังรุนแรงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมานี้  รวมถึงการกลับมาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบ 8 ปี และยังมีแนวโน้มเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยนอกประเทศเข้ามากดดัน  

ทั้งนี้ยังต้องติดตามการคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19รอบนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ ปัจจุบันยังคงคาดการณ์เงินบาทในปีนี้ที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ภายใต้กรณีฐาน คาดว่าจีดีพีปีนี้ที่ 0.9% สามารถคุมการแพร่ระบาดได้ในช่วงต้นถึงกลางไตรมาส 4 ปีนี้ มีการกระจาย วัคซีนได้มากขึ้น เศรษฐกิจค่อยๆปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้  ทำให้เงินบาทน่าจะกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บางในช่วงปลายปี แต่ทั้งปีนี้ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่กรณีเลวร้าย โควิด-19ยังแพร่ระบาดต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4  ยังล็อกดาวน์ต่อเนื่อง ผลกระทบลามสู่อุตสาหกรรมกระทบส่งออกทำให้ ธปท. มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ได้  ทำให้จีดีพีปีนี้ ติดลบ 0.4% ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องในครึ่งปีหลังและสิ้นปีนี้อ่อนค่าทะลุ 33 บาทต่อดอลลาร์

นายยรรยง กล่าวว่า สถานการณ์เงินบาทอ่อนค่าในปีนี้ จะยังไม่กระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย เพราะเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  สามารถดูแลได้ จากปัจจุบันที่มีทุนสำรองฯ อยู่ในระดับสูง ทำให้สามารถเข้ามาดูแลให้เงินบาทอ่อนค่าแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่ผันผวนมากนัก ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออกอีกด้วย ช่วงให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19ที่มีภาระต้นทุนอื่นๆ เพิ่มขึ้น


‘เดลตา’ระบาดแรงฉุดศก.ติดลบ   

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า ธนาคารปรับมุมมองทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าขึ้นในระยะสั้น ไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ จากเดิมที่ 32.50บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสหลุด 33.50 บาทต่อดอลลาร์ได้  

ทั้งนี้จากปัจจัยการแพร่ระบาดโควิด-19สายพันธุ์เดลตาที่รุนแรงขึ้น จนมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเร่งตัวขึ้น ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย มีควาามเสี่ยงมากขึ้นที่จะติดลบต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน หากการแพร่ระบาดลามสู่ภาคอุตสาหกรรมและอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยซึ่งนักลงทุนกังวลจุดนี้ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีโอกาสลดคิวอีในปีนี้

แต่หากคุมการแพร่ระบาดโควิดรอบนี้ได้ภายในเดือน ส.ค.หรือเดือนก.ย.นี้ น่าจะเริ่มเห็นสัญญาณยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงได้ เหลือระดับ 1 หมื่นคน นักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มกลับมาได้ คาดว่า หลังจากนั้น สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย ทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าไปมากหรืออาจกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ 

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่าที่คาดจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ทั้งผลกระทบโควิด-19สายพันธุ์เดลตายังลามในไตรมาส 4 ปีนี้ ล็อกดาวน์ต่อเนื่องทั้งปี และลามสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นจนกระทบส่งออก แม้เงินบาทอ่อนค่าก็ไม่ได้ช่วยส่งออกได้ เพราะส่งออกไทยสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันแล้ว ส่งผลให้จีดีพีปีนี้ติดลบ 

รวมถึงยังไม่สามารถจัดหาและกระจายวัคซีนได้ตามเป้าหมายในปีนี้  แน่นอนว่าหากสถานการณ์ยังเลวร้ายในเดือนส.ค.นี้ ธปท.มีโอกาสจะลดดอกเบี้ยนโยบายได้ในการประชุมครั้งหน้าเดือนก.ย. ทำให้ความน่าสนใจสินทรัพย์ในรูปเงินบาทลดลงอีก 

ทั้งหมดเป็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่กดดัน เงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องไปแตะ 34 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ต้องรอจับตาสถานการณ์คุมการแพร่ระบาดกลางเดือนส.ค.นี้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน

แนะขยาย ‘ล็อกดาวน์’ ถึงสิ้นปี

นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี ธนาคารทหารไทยธนชาต เปิดเผยว่ ช่วงครึ่งปีหลังนี้เงิินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าขาเดียว คือไม่กลับมาแข็งค่าอีกรอบ โดยสิ้นปีนี้มองกรอบค่าเงินบาทที่ระดับ  33.50 -34.00 บาทต่อดอลาร์

จากปัจจัยยอดผู้ติดเชื่อใหม่ในประเทศยังพุ่งสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค  และดุลบัญชีเดินสะพัดยังขาดดุลต่อเนื่องในระดับสูง รวมถึงเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น 

หากเฟดมีความมั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐและส่งสัญญาณพร้อมลดคิวอี  ที่สำคัญในช่วงปลายปีนี้ มองว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นชัดเจนการแพร่ระบาดสายพันธุ์เดลตาไม่มีผลกระทบมากเมื่อเทียบกับฝั่งประเทศเกิดใหม่ แน่นอนว่า มีโอกาสที่เงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องไปถึงปีหน้ามองไว้ที่ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์

“เราต้องรอประเมินสถานการณ์คุมโควิด-19กลางเดือนส.ค.นี้ก่อนว่า จะคุมได้มากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนี้มองว่า ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่เพิ่มขึ้นและน่าจะไปถึงจุดสูงในเดือนก.ย.หรือเดือน ต.ค.จะนั้นสถานการณ์น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น มาตรการล็อกดาวน์น่าจะขยายต่อถึงสิ้นปีนี้และโอกาสที่จะเปิดประเทศปลายปีนี้เป็นไปไม่ได้ ทำให้มีโอกาสปรับลดจีดีพีปีนี้จากเดิมคาดไว้ที่  0.9%” 

“กรุงศรีโกล.มาร์เก็ตส์” ประเมินกรอบค่าเงินบาทไตรมาส 3 ปีนี้ ยังอ่อนค่าที่ 33.25 บาทต่อดอลลาร์ จากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันน่าจะสูงสุดในไตรมาส 4  กระจายวัคซีนลาช้า ยังมีมาตรการล็อกดาวน์  และเฟดเล็งถอนคิวอีในปีนี้  แต่คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32.75บาทต่อดอลลาร์ จากเงินบาทน่าจะสะท้อนปัจจัยเชิงลบไปพอสมควร แต่หากสถานการณ์โควิดในประเทศยังไม่ดีขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้ แน่นอนว่า ทิศทางเงินบาทยังอ่อนค่ากว่าที่คาดและต่อเนื่องไปถึงสิ้นปีนี้ 

ดอลล์แข็งค่ารับจ้างงานสหรัฐแกร่ง

ขณะที่ ดอลลาร์สหรัฐ ยังคงแข็งค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจาก นักลงทุนขานรับสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือน ก.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.58% แตะที่ 92.7918

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.20 เยน จากระดับ 109.75 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9150 ฟรังก์ จากระดับ 0.9061 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2559 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2494 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1835 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3877 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3932 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7352 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7404 ดอลลาร์

บรรดานักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด

 โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

หน้า: 1 ... 977 978 [979] 980 981 ... 995