ก่อนหน้านี้ได้ผมรับภารกิจจากพระมารดาให้หาซื้อทีวีให้คุณปู่ เนื่องจากทีวีตัวเดิมของปู่นั้นมันเล็กเกินไป(28นิ้ว)
ทำให้ปู่มองเห็นตัวหนังสือต่างๆได้ลำบาก
โดยที่เงื่อนไขในภารกิจมีดังนี้
- หน้าจอ 40 นิ้ว ขึ้นไป
- ราคาไม่เกิน 14000 บาท
- ภาพเคลื่อนไหวต้องไม่ห่วย เพราะปู่ชอบดูกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล
จากการเดินสำรวจนั้นพบว่า จอขนาด 40-43นิ้ว แต่บะยี่ห้อราคาใกล้เคียงกัน
ราคาอยู่ที่ประมาณ 11000 13500 บาท ซึ่งก็อยู่ในงบประมาณ ผมจึงไล่ดูไปทีละยี่ห้อ
LG 42LF560T พี่สาวเชียร์ตัวนี้ เพราะได้เปรียบยี่ห้ออื่นตรงใหญ่กว่า๒นิ้ว และศูนย์บริการอยู่ใกล้บ้านมากๆด้วย
แนวสีก็หวานเย็นเป็นน้ำหวานเฮลบลูบอยส์ตามสไตล์LG
แต่ภาพเคลื่อนไหวนั้นผมเห็นทั้ง ghost และ อาการ judder เวลาแพนกล้องดูแล้วแทบอ๊วก ๕๕๕๕
Toshiba 40L5550VT ตัวนี้สีเป็นธรรมชาติดีรายละเอียดใช้ได้ ภาพเคลื่อนไหวผมเห็น ghost และ judder
แต่ก็ยังเห็นน้อยกว่า LG ตัวข้างบน ปัญหาคือ พี่สาวไม่ชอบยี่ห้อ Toshiba ครับ
Samsung 40J5100 ตัวนี้โดยรวม OKเลยครับ ภาพมีมวลอิ่ม สีดูโดดเด้ง สะใจดี
ภาพเคลื่อนไหวดีกว่าสองตัวข้างบน
sharp 40le265x ตัวนี้ผมให้คะแนนภาพรวมดีกว่าทีวีทุกตัวที่ไซส์40นิ้ว ไม่เกิน 13000 บาทครับ
ภาพดูเป็นธรรมชาติ น้ำหนักภาพที่พอดีไม่โปร่งและไม่อิ่มหนาจนเกินไป รายละเอียดเล็กๆน้อยๆทำได้ดี
ภาพเคลื่อนไหวผ่านครับ
Sony 40R350C เห็นแล้ว เสื่อม ครับ ภาพขาดพลัง ขาดน้ำหนัก ขาดจุดเด่น การไล่สีก็ทำได้ไม่ดี
หลายๆระดับเฉดสีดูกลืนทับกันไปหมด
ภาพดูแย่ลงทุกปีครับ คงประหยัดต้นทุนลงเรื่อยๆ สมแล้วครับที่ขาดทุนเรื่องธุรกิจโทรทัศน์มาตลอด
R series มันคือการฆ่าตัวตายของ sony ชัดๆ ๕๕๕๕
Panasonic 40c400T ภาพไม่ค่อยโดดเด่นครับ ดูเรียบๆ ไปซะหมด ดูชืดๆ ขาดรสชาติในเนื้อสี
ขาดพลังสะกดสายตาที่ดึงดูดให้เราดูภาพ แต่ดีตรงประกัน 2+1 ปี ให้เลย
ผมจึงคิดว่าจะเอา sharp ครับ
แต่พระมารดา เปลี่ยนใจกลางอากาศ อยู่ดีๆก็บอกว่า 40นิ้วมันเล็กไป
ให้ผมหาใหม่ เอา 47นิ้วขึ้นไป โดยเพิ่มงบให้เป็น 18000 บาท
ซึ่งโจทย์มันยากกว่าเดิมครับ เพราะ ไซส์นี้ส่วนใหญ่ ราคา 20000 + ทั้งนั้น(ราคาที่เชียงใหม่)
ผมเลยสำรวจอีกรอบ ไปเจอ Panasonic 50A410 ราคา 20000 หรือ 22000 นี่แหละ
แต่ภาพก็ยังไม่ผ่านในสายตาผมครับ ภาพดูชืดไปหน่อย
แล้วผมก็เจอ Samsung 48J5100 ราคา 17990 บาท
ตัวนี้ภาพเหมือนไซส์40นิ้วเลยครับแต่ได้จอใหญ่ ซึ่งผมก็พอใจในภาพที่ได้ทดสอบ จึงได้จัดตัวนี้มา
พอมาถึงบ้านแกะกล่องประกอบขาตั้งเสร็จเรียบร้อย ก็ทดสอบภาพเลยครับ
อุปกรณ์ในการทดสอบ
hd player himedia 910B
สาย hdmi kaiboer L series
ปลั๊กผนังตราช้างโง่ๆๆ 60 บาท
ปลั๊กราง data กากๆ ไม่ถึงร้อยบาท
ไม่ต้องใช้กรองไฟแพงๆ ไม่ต้องใช้ปลั๊กแพงๆครับ เป็นการทดสอบแบบลูกทุ่งๆนี่แหละ
ประสิทธิภาพที่ออกมาจะได้เอาไปอ้างอิงในการทดสอบเหมือนชาวบ้านทั่วไปได้
โหมดภาพสำเร็จรูปมีทั้งหมด4โหมด
ไม่ว่าโหมดไหนภาพจะออกแนวสว่างจ้า backlight สูงปรี๊ด พุ่งทะลวงสายตา จนแทบทะลุท้ายทอย
ซึ่งผมดูได้อยู่โหมดเดียวครับ คือ โหมด ภาพยนตร์ ที่ให้ภาพใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่าโหมดอื่นๆ
ภาพจากสัญญาณ HD 1080p ของ 48J5100 นั้นให้ภาพที่อิ่มเอิบ นวลเนียน มีมวลสาร
การไล่สีทำได้ดีมากๆ รายละเอียดในที่มืดถ้าเป็นโหมดอื่นๆจะดำจม
แต่สำหรับโหมดภาพยนตร์จะเห็นรายละเอียดในเงาของภาพได้ดีมากๆครับ
Skintone หรือสีผิวคนดูฉ่ำ โดดเด่น เด้ง-ดึ๋ง-ดั๋ง ดูน่ากินดีครับ
ยิ่งดูหนังAVนี่เพิ่มความหื่นกว่าดูledยี่ห้ออื่นที่ผมใช้มาเยอะเลย ๕๕๕
J5100ไม่มีระบบแทรกเฟรมภาพ ภาพเคลื่อนไหวจะเห็น judder อยู่บ้าง
แต่ถึงกระนั้น ภาพเคลื่อนไหวของ J5100 ก็มิได้ดูแย่นะครับ ผมดูได้เรื่อยๆไม่เวียนหัว
คือภาพHD 1080p นี่เป็นรอง sony 55HX750 ซึ่งเป็น LED ที่ผมใช้อยู่อีกตัวอยู่ไม่มากครับ
ถ้าเปิดภาพ HD 1080i 720p ที่อัดจากรายการสดต่างๆ หรือ youtube ทีวีจะเริ่มฟ้องครับ
คือภาพต้นฉบับถ้ามาแบบแย่ๆ ก็จะเห็นการแตกของภาพมากยิ่งขึ้น
ซึ่งเป็นปกติของทีวีระดับบ๊วยครับเพราะชิป processer มันไม่ได้อัจฉริยะเหมือนรุ่นสูงๆ
(ถ้าเป็นทีวีรุ่นสูงๆ เปิดกับภาพประเภทนี้จะดูเนียนขึ้น)
สำหรับผมกับราคาค่าตัวไม่ถึงสองหมื่นถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ
แม้ว่าจะเป็นรุ่นรองบ๊วยแต่ภาพไม่บ๊วยตามครับ
Samsung 485100
ข้อดี
- ภาพ HD 1080p อยู่ในระดับดีเกินตัว (เฉพาะกรณีที่ห้องไม่ได้คุมแสง)
- การใช้งานไม่ยุ่งยาก
- ราคาไม่แพง
- โหมดภาพสำเร็จรูป ภาพยนตร์ ให้สีสันและรายละเอียดที่ดี ไม่ต้องปรับอะไรมาก
- ลำโพงเสียงดีใช้ได้ เปิดได้ดัง เสียงดีกว่า led รุ่นท๊อปบางยี่ห้อเสียอีก
ข้อเสีย
- ถ้าดูในห้องมืดสนิท ภาพจะห่วยลงมาก เพราะระดับสีดำยังทำได้ไม่ดี
- เปิดไฟล์ห่วยๆ ภาพก็ห่วยตาม
- ตัวอักษรและโลโก้ของเมนู ไม่คม ไม่ชัด ไร้ความสวยงาม
- ปุ่มคำสั่งต่างๆบนรีโมทวางตำแหน่งชิดกันเกินไป ใช้งานไม่คล่องตัว และรีโมทควรมีขนาดใหญ่กว่านี้