แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - jbtsaccount

หน้า: 1 ... 10 11 [12]
199
             บ้านเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่ใช้ในการดำรงชีวิต แต่เนื่องจากราคาบ้านมีราคาค่อนข้างสูงคนส่วนใหญ่จึงจะขอกู้สินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์แทนที่จะชำระด้วยเงินสดเต็มจำนวน ซึ่งอาจจะเป็นภาระให้เกิดดอกเบี้ยจ่ายในระยะยาวเป็นจำนวนเงินค่อนข้างมาก ในบทความนี้ได้ทำการรวบรวบเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถ ผ่อนบ้าน ได้หมดไวยิ่งขึ้น

อย่ากู้บ้านที่ใหญ่เกินตัว
             ควรทำการขอวงเงินสินเชื่อให้เหมาะสมกับฐานะทางการเงินไม่ควรกู้จนเกินตัวหรือเต็มวงเงินที่ได้เพราะจะทำให้มีโอกาสนำเงินก้อนมาโปะในส่วนที่เกินได้ยาก วงเงินสินเชื่อที่จะทำการขอนั้นต้องมีความเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของเรา ยิ่งเราใช้วงเงินไปน้อยเท่าไรเรายิ่งเสียดอกเบี้ยน้อยลงเท่านั้น

ทำการโปะ
             ในช่วง 2 - 3 ปีแรกมักจะเป็นช่วงโปรโมชันที่มี “ดอกเบี้ยต่ำ” และหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/rates/viewdetail/4) จะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในระดับปกติจึงทำให้เมื่อนำเงินก้อนไปโปะในช่วงปีแรก ๆ จะช่วยไปตัดเงินต้นได้มากกว่าส่งผลให้สามารถประหยัดค่าดอกเบี้ยไปได้มากกว่าและที่สำคัญทำให้สามารถหมดหนี้ได้ไวกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละบุคคลด้วย

ชำระเพิ่มขึ้นมากกว่าขั้นต่ำในแต่ละเดือน
             เราสามารทำการผ่อนงวด สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มากกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาได้ โดยเงินที่เราเพิ่มเข้าไปนั้นจะช่วยตัดลดเงินต้นของเราได้มากขึ้น และในจำนวนเงินที่เท่ากันการเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำนั้นสามารถช่วยให้สามารถปิดบ้านได้เร็วกว่าการโปะปีละครั้งเสียอีก

รีไฟแนนซ์
             การย้ายแหล่งกู้ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าที่เดิมจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงได้ทำให้เงินที่ผ่อนสามารถตัดเงินต้นได้มากขึ้น แต่ในการเลือก สินเชื่อที่อยู่อาศัย นั้นอาจจะต้องพิจารณาถึงต้นทุนในการดำเนินการด้วย

จ่ายงวดก่อนกำหนด
             ดอกเบี้ยบ้านนั้นมีการคำนวณแบบลดต้นลดดอกเป็นรายวัน ดังนั้นการชำระงวดก่อนกำหนดจึงช่วยลดอัตราดอกเบี้ยไปได้มาก หากงวดชำระของคุณคือช่วงปลายเดือนหรือต้นเดือนถัดไปให้ลองชำระค่างวดในช่วงกลางเดือนดู

ดูอาชีพของคุณว่าจะได้รับส่วนลดหรือไม่
             ธนาคารมักให้ส่วนลดดอกเบี้ยกับบางอาชีพหรือแม้กระทั่งบางองค์กรหรือบางบริษัท ดังนั้นก่อนทำการกู้ควรสอบถามเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ที่คุณอาจจะได้รับหรืออาจจะเป็นโปรโมชันในงานต่าง ๆ ในหลาย ๆ ครั้งที่คุณรีบทำการกู้สร้างบ้านมากเกินไปจะทำให้พลาดสิทธิ์ประโยชน์ดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

             โดยสรุปเทคนิคการผ่อนบ้านให้หมดไวทั้ง 6 เทคนิคนั้นประกอบไปด้วยการกู้บ้านสำหรับ KTB ให้เหมาะสมกับฐานะการเงิน การโปะ การ ผ่อนบ้าน เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน การรีไฟแนนซ์ การจ่ายค่างวดก่อนกำหนดและการตรวจสอบส่วนลดที่คุณมีสิทธิ์ที่จะได้รับด้วย 6 เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น


ที่มาข้อมูล
https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/home-installment-10yrs
https://www.whitecoatinvestor.com/10-ways-to-pay-off-a-mortgage-quickly/
https://www.yourmortgage.com.au/home-loan-guide/24-ways-to-get-the-mortgage-monkey-off-your-back-faster/77843/
https://www.yourmortgage.com.au/home-loan-guide/24-ways-to-get-the-mortgage-monkey-off-your-back-faster/77843/

200
               เชื่อว่าเรื่องที่ทำให้หลายคนหนักใจและไม่กล้าที่จะขอ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับสร้างบ้านหรือซื้อบ้านสวย ๆ เป็นของตัวเองสักหลังนั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องระยะเวลาในการ ผ่อนบ้าน เพราะอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาประมาณ 25 ปี เรียกได้ว่าถ้าซื้อตอนทำงานกว่าจะผ่อนหมดบางคนก็เข้าสู่ตอนเกษียณอายุพอดี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองสักที เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงมีวิธีเตรียมความพร้อมก่อนซื้อบ้านหรือ กู้ปลูกบ้าน มาฝากรับรองว่าผ่อนสินเชื่อหมดเร็วแน่นอน

เตรียมเก็บเงินก้อนเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์
               ถึงแม้ว่าปัจจุบันการขอ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับธนาคารส่วนใหญ่จะปล่อยสินเชื่อบ้านในอัตราที่สูงสุดที่ 90 - 95% สำหรับการซื้อบ้านหลังแรก ทำให้ไม่ต้องเตรียมเงินก้อนจำนวนมากเพื่อวางเงินดาวน์ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ๆ ต้องแลกมาคือ ค่างวดต่อเดือน ระยะเวลาการผ่อนชำระและจำนวนดอกเบี้ยที่มากขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนวางแผนซื้อบ้านจึงควรเก็บเงินเพื่อนำมาใช้เป็นเงินดาวน์อย่างน้อยสัก 20% ของราคาบ้านเพื่อลดยอดที่ต้องกู้จากธนาคาร เพียงเท่านี้ก็จะจ่ายค่างวดน้อยลงและโปะเงินก้อนลดเงินต้นได้ง่ายขึ้นแล้ว

วางแผนเรื่องเงินสำรองให้รัดกุม
               อย่างที่รู้กันดีว่าวิธีง่ายที่สุดที่จะทำให้ผ่อนบ้านให้หมดไวคือ การจ่ายเงินค่างวดสินเชื่อให้มากกว่าจำนวนขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดอย่างน้อย 10 - 20% เพื่อตัดเงินต้นลง อย่างเช่น ธนาคารกำหนดให้จ่ายทั้งสิ้น 10,000 บาท ให้จ่ายเพิ่มเป็น 12,000 บาท ทุกงวด ซึ่งการทำแบบนี้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนจะช่วยให้ระยะเวลาผ่อนบ้านสั้นลงได้หลายปี

ประเมินช่องทางหาเงินก้อน
               การโปะเงินก้อนใหญ่เข้าไปตัดเงินต้นจากยอดเงินกู้บ้านถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดดอกเบี้ยและระยะเวลาการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน เพราะปัจจุบันการ ผ่อนบ้าน จะมีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ยิ่งเราตัดเงินต้นได้มากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ดอกเบี้ยลดลงและระยะเวลาในการผ่อนลดลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นก่อนซื้อบ้านควรประเมินว่าตัวเองสามารถหาเงินก้อนมาโปะเงินต้นได้หรือไม่ หากสามารถทำได้แนะนำให้รีบโปะในช่วงที่ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำก็จะช่วยตัดยอดเงินต้นได้มากขึ้น

               เป็นอย่างไรบ้างสำหรับความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัว หากต้องการ ผ่อนบ้าน ให้หมดอย่างรวดเร็วสามารถเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่งและวางแผนการจ่ายสินเชื่อตามแพลน ก็จะช่วยลดจำนวนปีที่ต้องส่งสินเชื่อไปได้ แต่ขอบอกเลยว่าหากทำทั้งวางเงินดาวน์ จ่ายเกินค่างวด โปะตัดเงินต้นสินเชื่อก้อนใหญ่ร่วมกับการรีไฟแนนซ์เพื่อลดอัตราดอกเบี้ย รับประกันเลยว่าภาระหนี้บ้านจะหมดไปภายในไม่ถึงสิบปีแน่นอน

ที่มาข้อมูล
- https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/147
- https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/home-installment-10yrs
- https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/home-car/buy-your-first-home.html
- https://www.moneybuffalo.in.th/real-estate/ผ่อนบ้าน-คอนโด-หมดเร็ว
- https://thinkofliving.com/คู่มือซื้อขาย/ผ่อนบ้านอย่าวไรเสีย-ดอกเบี้ยน้อยที่สุด-611048
- https://www.sansiri.com/content/view/คำแนะนำกู้บ้าน-รวมวิธีผ่อน-โปะบ้านหมดไว-ฉบับปลอดหนี้ทันใจมนุษย์เงินเดือน/th
- https://www.krungsri.com/th/planyourmoney/must-stories/credit-plan/6-things-should-know-borrow-money-building-house
- https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial
- https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/home-car/new-criteria-home-loans.html

201
              ใครที่กำลังมองหาวิธีการนำเงินไปต่อเงินโดยที่มีความเสี่ยงต่ำ อีกทั้งให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจํา เมื่อทำการฝากเงินตามข้อกำหนดของทางธนาคารนอกจากจะได้ดอกเบี้ยสูงแล้ว ยังไม่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยอีกด้วย นั่นคือเงินฝากประจำ 24 เดือน 36 เดือนและ 48 เดือน ที่จะช่วยมนุษย์เงินเดือนสร้างวินัยให้ตนเอง สามารถนำเงินที่ฝากในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยน้อยนิดไปหมุนเป็นเงินฝากประจำเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยจะมีวิธีการอย่างไรไปติดตามดูกันเลย

บัญชีเงินฝากประจำ
              เกือบทุกธนาคารจะมีผลิตภัณฑ์เงิน ฝากประจําปลอดภาษี ไว้คอยบริการให้กับลูกค้ารายบุคคล ที่มีความสนใจสร้างวินัยในการออมโดยการฝากเงินเป็นประจำในทุก ๆ เดือน เมื่อครบตามที่กำหนดก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/rates/viewdetail/28) ที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์อีกทั้งปลอดภาษีอีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกให้มนุษย์เงินเดือนที่ต้องการออมเงินภายในระยะเวลา 2 ถึง 4 ปี เมื่อครบกำหนดก็จะได้เงินก้อนออกมาไว้ใช้จ่ายหรือเพื่อการลงทุนต่อไปในอนาคต

จุดเด่นของบัญชีเงิน ฝากประจําปลอดภาษี
              นอกจากจะเป็นการสร้างวินัยให้กับผู้ฝากด้วยจำนวนที่เท่ากันในทุกเดือนแล้ว ยังรู้จักการออมเงินแบบถูกวิธีด้วย ซึ่งเป็นการใช้เงินไปทำงาน ยกตัวอย่าง หากคุณมีเงินฝากปลอดภาษีในบัญชี 50,000 บาทโดยเงิน 50,000 บาท นี้ไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใด ๆ หากอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ภายในระยะเวลา 2 ปี ก็จะทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพียง 0.25 ต่อปี เท่านั้น ในขณะที่หากนำเงิน 50,000 บาทมาหมุนฝากบัญชีฝากประจำในอัตราเดือนละ 2,000 บาท เท่า ๆ กันทุกเดือน ตลอดระยะเวลา 24 เดือน จะใช้เงิน 48,000 บาท เมื่อครบกำหนดก็จะได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์เสียอีก นี่คือหนึ่งในวิธีนำเงินเย็นที่อยู่ในบัญชีมาหมุนและ ฝากประจําปลอดภาษี เพื่อให้เงินไปทำงานดีกว่าอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ที่นับวันดอกเบี้ยมีแต่จะต่ำลงเรื่อย ๆ

              บัญชีเงินฝากประจํา  จะมีการออมคล้าย ๆ กับการทำประกัน แต่ใช้ระยะเวลาการฝากเพียงแค่ 2 ถึง 4 ปีเท่านั้น ในขณะที่เงินฝากประกันชีวิตต้องฝากถึง 10-20 ปีเป็นต้นไป หากคุณคิดที่จะใช้เงินก้อนและต้องการหมุนเงินในระยะสั้น การเปิดบัญชีฝากประจำสามารถช่วยให้คุณเก็บเงินก้อนได้

              สำหรับใครที่มีเงินเย็นและต้องการหมุนเงินไปสู่บัญชีเงินฝากประจํา ที่มีความเสี่ยงต่ำให้ผลตอบแทนสูง แนะนำการฝากเงินแบบประจำ สามารถติดต่อธนาคารที่คุณเป็นเจ้าของบัญชีได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังสามารถสอบถามกับทางธนาคารถึงการฝากเงินหรือการลงทุนแบบใดที่ให้ผลตอบแทนสูงที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นสลากออมสิน, สลาก ธกส., พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นกู้, กองทุน, ตราสารหนี้ และอื่น ๆ ทั้งนี้ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน แต่ถ้าต้องการความปลอดภัย ไร้ความเสี่ยง เงินฝากประจำ คือคำตอบที่ดีที่สุด

ที่มาข้อมูล
-   https://aommoney.com/stories/wisechoice/10-บัญชีเงินฝากประจำได้ดอกเบี้ยสูงปลอดภาษี/19950#km65u92325
-   https://www.efinancethai.com/advertorial/AdvertorialMain.aspx?release=y&name=ad_201901081752

202
         ในบรรดาการยื่นข้อกู้เงินซื้อบ้านสร้างบ้าน สินเชื่อบ้านข้าราชการ มีโอกาสอนุมัติผ่านง่ายมาก เพราะเป็นสายงานที่มีตำแหน่งหน้าที่มั่นคง จำนวนรายได้ต่อเดือนแน่นอน มีธนาคารหลายแห่งเข้าร่วมโครงการออกสินเชื่อสวัสดิการกู้ซื้อบ้านสำหรับข้าราชการ ยื่นกู้เงินได้หลายสถาบันจึงมีโอกาสกู้ผ่านได้ไม่ยาก ทั้งยังมีดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษอีกด้วย ลองมาดูกันว่าขั้นตอนที่ต้องรู้เพื่อยื่นขอสินเชื่อบ้านข้าราชการมีอะไรบ้าง

1. เตรียมเงินให้พร้อมก่อนขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย
   เมื่อวางแผนกู้บ้าน (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/personal/loan/housing-loan/) หรือสร้างบ้าน ก่อนอื่นต้องรู้ราคาบ้านหรืองบประมาณการก่อสร้างเพื่อเตรียมข้อมูลไว้เนิ่น ๆ สำหรับยื่นกู้กับธนาคาร ควรเก็บออมเงินไว้สักก้อนสำหรับการกู้ซื้อบ้านจะต้องมีเงินดาวน์เพราะธนาคารส่วนใหญ่ปล่อยกู้สูงสุด 90% ของราคาบ้านหรืองบประมาณก่อสร้าง ถ้าโครงการสร้างบ้านในฝันราคา 2 ล้านจะได้เงินกู้มากที่สุด 1.8 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 200,000 บาทต้องเตรียมเงินไว้ให้เรียบร้อย สำหรับการกู้ปลูกบ้านส่วนใหญ่จะต้องเริ่มก่อสร้างไปแล้วประมาณหนึ่งธนาคารจึงไฟเขียว สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และจ่ายเงินตามมาใช้เป็นเงินหมุนในการสร้างต่อไป จึงต้องเก็บออมสำหรับจ่ายให้ผู้รับเหมาในครั้งแรกประมาณ 2%0-30% ของมูลค่าบ้านที่ก่อสร้าง

2. เคลียร์ประวัติการเงินของตัวเองให้ดี
   เก็บเงินสักก้อนไว้ในบัญชีธนาคารหรือมีรายได้โอนเข้ามาสม่ำเสมอ เมื่อต้องอื่นเอกสารบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ธนาคารจะเห็นว่ามีเงินอยู่ในบัญชีตลอดเวลา นอกจากนี้ประวัติการชำระหนี้ย้อนหลัง 2 ปีมีการชำระหนี้ตรงเวลา ไม่ติดแบล็กลิสต์ หากปลอดจากหนี้สิน ปลอดหนี้บัตรเครดิต จะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติดีที่สุดมีโอกาสผ่านอนุมัติง่าย ระหว่างวางแผนซื้อบ้านหรือกู้ปลูกบ้านก็ตาม

3. รู้ความสามารถในการผ่อนจ่ายของตัวเอง
   มีรายได้ประจำหรือเงินเดือนเท่าไร มีความสามารถในการผ่อนบ้านจ่ายได้เท่าไร โดยนำรายได้ต่อเดือนมาคูณด้วย 60 เท่าของรายได้เพื่อหาราคาบ้านหรือค่าก่อสร้างที่กู้ซื้อได้ ตัวอย่างเช่น กรณีวางแผนสร้างบ้านนำรายได้ 30,000 บาท x 60 = 1.8 ล้านบาท เป็นวงเงินกู้ซื้อบ้านหรืองบประมาณสร้างบ้านที่เหมาะจะยื่นกู้กับทางธนาคาร ถ้าเงินเท่านี้ไม่เพียงพออาจต้องมีผู้กู้ร่วม จากนั้นคํานวณค่างวดบ้านที่ต้องชำระในแต่ละเดือนในเหมาะสมกับตนเอง

4. พิจารณาวิธีคิดดอกเบี้ยบ้าน
   เมื่อต้องกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคารต้องเลือกแผนการเงินแบบไหนดีระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ จ่ายอัตราเดิมตลอด หรือเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เปลี่ยนแปลงไปตามที่ธนาคารประกาศ โดยเลือกยื่นขอ สินเชื่อที่อยู่อาศัย กับธนาคารที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยตามแบบที่ต้องการอย่างน้อย 3 แห่งเพื่อเป็นทางเลือกที่ช่วยผ่อนแรงให้มากที่สุด ช่วยไม่ให้เงินตึงมือต้องจ่ายค่างวดลำบากไปอีกหลายปี

5. เตรียมเอกสารยื่นกู้ซื้อหรือปลูกบ้านกับธนาคาร
   การเตรียมเอกสารประกอบด้วยเอกสารการกู้สร้างบ้านของ KTB ทั่วไป ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สลิปเงินเดือน , สำเนาบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, สำเนาบัญชีเงินฝาก อีกส่วนเป็นเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้าน ได้แก่ แบบแปลนบ้าน, ใบอนุญาตก่อสร้าง, สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างและโฉนดที่ดินหรือถ้ามีบ้านเป็นของตัวเองอาจใช้ สินเชื่อบ้านแลกเงิน เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้ไม่ยากเลย


ที่มาข้อมูล
   - https://blog.ghbank.co.th/prepare-for-construction-loans/
   - https://www.ddproperty.com/กู้เงินสร้างบ้าน-กู้กับธนาคารไหน-ให้ผ่านง่าย-6608
   - https://www.thaihometown.com/loans/5918/
   - https://www.ddproperty.com/คู่มือซื้อขาย/เตรียมเอกสารให้พร้อม-ขอสินเชื่อบ้านไม่ยาก-4363
   -https://www.krungsri.com/th/planyourmoney/must-stories/credit-plan/4-steps-to-success-home-loan

203
           หลายคนอาจเคยได้ยินคำบอกเล่าจากคนรู้จัก ว่าหากไม่มีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดอยู่ในมือในวันที่ประสบเหตุฉุกเฉิน ก็คิดไม่ออกว่าจะผ่านพ้นวิกฤตมาได้อย่างไร หรืออาจเคยได้ยินว่า หากยื่นขอสินเชื่อส่วน บุคคลครั้งนั้นไม่ผ่าน ตอนนี้บ้านก็อาจจะยังซ่อมไม่เสร็จ ทั้งหมดนี้คือประโยชน์ของ สินเชื่อเงินสด ที่คุณอาจยังไม่เห็นความสำคัญในขณะนี้
           ผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ล้วนเป็น สินเชื่อเงินสด ทั้งสิ้น แต่สิ่งนี้คืออะไร เป็นประโยชน์อย่างไร ทำไมผู้คนจึงนิยมถือครองผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไว้ เราไปดูพร้อม ๆ กัน

สินเชื่อเงินสด คืออะไร?
           สินเชื่อชนิดนี้มีอีกหนึ่งชื่อเรียกคือ สินเชื่อเงินด่วน เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่ยื่นขออนุมัติได้ในเวลาสั้น ๆ เมื่อเทียบกับการขอสินเชื่อชนิดที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อsmeของ KTB หรือสินเชื่อธุรกิจ โดยผู้ขอสินเชื่อจะได้รับเงินสด หรือเงินสดโอนเข้าบัญชีจากสถาบันการเงิน แล้วทำหน้าที่ผ่อนชำระหนี้คืนสถาบันการเงินในภายหลังพร้อมดอกเบี้ย

           สินเชื่อเงินด่วน มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร?
มีทั้งหมด 3 ประเภท ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

1)   บัตรเครดิต
- ใช้รูดซื้อสินค้าและบริการแทนการใช้เงินสด
- ระยะปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 55 วัน
- วงเงิน 2-3 เท่าของรายได้ต่อเดือน
- อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 20% ต่อปี
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากมาย เช่น กดเงินสดออกมาใช้ได้ (คิดค่าธรรมเนียม 2-4%) ผ่อนชำระค่าสินค้าและบริการที่รูดซื้อไปในภายหลังได้ตามเงื่อนไขของบัตร รับส่วนลดพิเศษ และสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานหลายเดือน สำหรับสินค้าที่เข้าร่วมรายการ การใช้แต้มสะสมในบัตรแลก rewards ตามต้องการ
- ใช้เสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น เมื่อประกันแจ้งว่าให้จ่ายค่ารักษาด้วยตนเองก่อน ค่อยมาทำเรื่องเบิกภายหลัง หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องซื้อของเดี๋ยวนั้น แต่ยังไม่มีเงินสดอยู่กับตัว
- สมัครบัตรเครดิตได้ทันที หากเงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงินกำหนด แม้จะมีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ก็โทรไปขอยกเว้นได้ในหลายกรณีด้วยกัน

2)   บัตรกดเงินสด
 - ใช้กดเงินสดออกมาใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
 - วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน
 - อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 28% ต่อปี
 - เหมาะกับการใช้งานในลักษณะที่เร่งใช้เงินก้อน เพราะให้วงเงินสูงกว่าบัตรเครดิต คล่องตัวกว่าเพราะได้รับมาในรูปแบบเงินสด สามารถนำไปใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ทั้งยังสามารถเบิกถอนเงินได้ตลอด 24 ชม.
 - ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี แต่ควรมั่นใจว่าจะสามารถปิดหนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูงและคิดเป็นรายวัน
 - สมัครบัตรกดเงินสดได้ทันที หากเงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงินกำหนด หากไม่กดเงินสดออกมา ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด

3)   สินเชื่อส่วนบุคคล
- ยื่นขอสินเชื่อเมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้เงินก้อนใหญ่
- วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน หรืออาจสูงกว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงิน และปัจจัยอื่น ๆ ในเวลานั้น
- อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 28% ต่อปี แต่ด้วยการแข่งขันกันระหว่างสถาบันการเงิน ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงจึงอาจสูงไม่ถึง 28% ต่อปี
- ระยะเวลาผ่อนชำระหนี้สูงสุด 5 ปี หรืออาจสูงกว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงิน และโปรโมชันส่งเสริมการขายในช่วงเวลานั้น
- เหมาะกับการใช้เงินก้อนใหญ่ แต่มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนไม่มาก การผ่อนชำระในระยะยาวมากขึ้น จะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ให้สามารถนำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นอื่น ๆ ด้วยได้ ไม่จำเป็นต้องรัดเข็มขัดมากจนเกิดความเครียดตามมา
- ควรสมัครเมื่อเกิดเหตุจำเป็นต้องใช้เงินก้อน ปัจจุบันสถาบันการเงินใช้เวลาพิจารณาอนุมัติไม่นานเท่าในอดีต อาจใช้เวลาราว 3- 5 วันทำการ

           จากคุณสมบัติของสินเชื่อทุกประเภทที่กล่าวมา จะสังเกตได้ว่าแต่ละผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันออกไป บัตรกดเงินสดเปรียบเหมือนวงเงินสดฉุกเฉิน เบิกถอนได้ตลอด 24 ชม. บัตรเครดิตช่วยเสริมสภาพคล่องให้การซื้อสินค้าและบริการเป็นไปได้อย่างราบรื่น คุ้มค่าทุกการใช้จ่าย ส่วนสินเชื่อSME (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/content/sme) ก็ให้เงินก้อนใหญ่ แต่ผ่อนชำระได้ในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม การสมัครสินเชื่อเหล่านี้ ควรมีรายได้ประจำที่แน่นอน และแสดงเอกสารหลักฐานได้อย่างชัดเจน รวมถึงมีประวัติการชำระหนี้อยู่ในระดับดี ไม่ควรมีประวัติผิดนัดชำระหนี้มาก่อน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการสมัครจึงควรรักษาวินัยทางการเงินให้อยู่ในระดับดี เพื่อช่วยให้สมัครสินเชื่อผ่านได้ง่ายขึ้น และย่นระยะเวลาพิจารณาอนุมัติให้สั้นลง


ที่มาข้อมูล
-   https://moneyhub.in.th/article/cash-loan-4/
-   https://moneyhub.in.th/article/why-we-should-use-cash-card/
-   https://www.moneyguru.co.th/personal-loan/articles/5ข้อควรรู้ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล/

204
         ในปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินถูกพัฒนาให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ใครที่ต้องการ โอนเงิน แบบข้ามจังหวัดหรือ โอนเงินต่างธนาคาร จะไม่ต้องกังวลกับค่าธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายให้กับธนาคารอีกต่อไป เพราะสามารถใช้วิธีการ “ โอนเงินผ่านแอพ ” หรือ “ โอนเงินผ่านมือถือ ” ได้อย่างสะดวกง่ายดาย โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้บริการเหมือนกับการโอนทางหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารหรือ โอนเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็ม

         เพราะแอปพลิเคชันที่ธนาคารต่าง ๆ ได้พัฒนามาให้ลูกค้าใช้บริการบนสมาร์ทโฟนนั้นจะมีเมนูรองรับการทำทุกธุรกรรมทางการเงินอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงิน  โอนเงิน ถอนเงินโดยไม่ใช้บัตรเอทีเอ็ม การยื่นกู้เงิน รวมถึงการแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ แต่กระนั้นการทำธุรกรรมดังกล่าวก็จะมีเงื่อนไขปลีกย่อยที่แอปพลิเคชันของแต่ละธนาคารกำหนดไว้ เช่น การจำกัดวงเงินที่จะโอนในแต่ละครั้ง รวมถึงจำนวนเงินที่จะสามารถโอนได้ในแต่ละวัน เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่ต้องการ โอนเงินผ่านมือถือ หรือ โอนเงินผ่านแอพ ของธนาคาร จึงต้องเปรียบเทียบเงื่อนไขการให้บริการต่าง ๆ ให้เกิดความชัดเจนก่อน

         สำหรับกรณีของ 4 แบงก์ใหญ่ที่ให้บริการโอนเงินผ่านทางมือถือได้กำหนดเงื่อนไชสำคัญในการให้บริการไว้ดังนี้
•   ธนาคารกรุงไทย มีแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT สำหรับให้บริการบนมือถือสำหรับออมทรัพย์ โดยสามารถโหลดมาไว้ใช้ได้ทั้งระบบแอนดรอยด์และ IOS ซึ่งมีเงื่อนไขการ โอนเงิน ภายในบัญชีของตนเองที่อยู่ในธนาคารกรุงไทยด้วยกันโดยไม่จำกัดจำนวนครั้งของการโอนในแต่ละวัน แต่กรณีเป็นการ โอนเงินผ่านแอพ Krungthai NEXT ไปให้บุคคลอื่นภายในธนาคารกรุงไทยหรือการ โอนเงินต่างธนาคาร จะต้องมีวงเงินโอนรวมกันไม่เกิน 5 แสนบาทต่อวัน ส่วนกรณีโอนไปยังบัญชีต่างธนาคารจะมีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 699,999 บาทต่อครั้ง แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่ทำรายการได้สูงสุดต่อวัน ซึ่งธนาคารได้แยกตามกลุ่ม Segment ของลูกค้า อาทิ ประเภท Normal จะโอนได้ 1 แสนบาทต่อวัน ประเภท Platinum จะโอนได้ 5 ล้านบาทต่อวัน เป็นต้น แต่หากผู้ใช้บริการต้องการขยายเพดานการ โอนเงินผ่านแอพ ไปต่างธนาคารก็สามารถเพิ่มวงเงินได้ในแอปพลิเคชัน KrungThai NEXT นั่นเอง

•   ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้นำระบบ Mobile Banking มาให้บริการด้วยแอปพลิเคชัน SCB EASY ซึ่งให้ผู้ใช้บริการสามารถโอนภายในบัญชีของตนเองที่เป็นบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ได้โดยไม่จำกัดจำนวนรายการและจำนวนบัญชีต่อวัน แต่กรณีที่ต้องการ โอนเงินผ่านมือถือ ไปยังบุคคลอื่นที่ใช้บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จะสามารถใช้บริการทางแอปนี้ได้โดยจำกัดวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคนต่อวัน ส่วนกรณีที่ต้องการ โอนเงินต่างธนาคาร  จะมีเพดานกำหนดไว้ไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อรายการและกรณีโอนผ่านระบบพร้อมเพย์ (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/personal/cash-management/ktb-promptpay/169) จะจำกัดวงเงินไว้ที่ 2 ล้านบาทต่อรายการ แต่ทั้งนี้ผู้ใช้บริการแอป SCB EASY สามารถเปลี่ยนวงเงินที่ต้องการทำธุรกรรมได้ผ่านฟังก์ชันที่มีอยู่ในแอปพลิเคชันได้

•   ธนาคารกสิกรไทย ให้บริการด้วยแอปพลิเคชัน K PLUS ซึ่งสามารถ โอนเงินผ่านมือถือ ไปยังบัญชีของตนเองที่เป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทยได้โดยไม่จำกัดรายการและจำนวนเงิน แต่หากต้องการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นที่มีบัญชีอยู่ในธนาคารกสิกรไทยหรือโอนไปยังธนาคารอื่น จะสามารถโอนได้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อรายการและกำหนดเพดานสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อวัน โดยแอปพลิเคชันนี้มีฟังก์ชันให้เพิ่มวงเงินได้ตามความต้องการเช่นเดียวกัน

•   ธนาคารกรุงเทพ ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน Bualuang mBanking พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้สามารถโอนภายในบัญชีของตนเองที่เป็นบัญชีธนาคารกรุงเทพได้โดยไม่จำกัดรายการและไม่จำกัดบัญชีต่อวัน แต่หากต้องการจะโอนไปยังบัญชีของบุคคลอื่นที่มีบัญชีธนาคารกรุงเทพหรือ โอนเงินต่างธนาคาร จะสามารถทำได้ในวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อรายการ แต่การโอนผ่านมือถือของธนาคารนี้จะต้องมีวงเงินรวมสูงสุดตามที่ได้กำหนดไว้โดยไม่สามารถเปลี่ยนวงเงินทางแอปพลิเคชันได้เหมือนกับธนาคารอื่น

         การเปรียบเทียบเงื่อนไขการให้บริการทางแอปพลิเคชันของธนาคาร เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีสุดในการทำธุรกรรมทางการเงินยุคดิจิทัล อย่าลืมสมัครธนาคารออนไลน์ของ KTB ไว้ด้วยล่ะ หรือสมัครพร้อมเพย์เพื่อให้สะดวกในการใช้จ่าย


ที่มาข้อมูล
-   https://www.page365.net/all-articles/mobile-banking-for-merchant
-   https://techsauce.co/tech-and-biz/changing-no-fee-on-thailand-online-banking

205
          “บ้าน” ถือเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่สำคัญในการดำรงชีวิตของเราทุกคน นอกจากจะเป็นที่กินอยู่หลับนอนได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังเป็นที่ที่เราสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระอีกด้วย แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฝืดเคืองอย่างปัจจุบัน การจะซื้อบ้านมือหนึ่งหลังใหม่เอี่ยมสำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องเกินตัวไปหน่อย ด้วยเหตุนี้ บ้านมือสอง ที่เป็น ทรัพย์สินรอการขาย ของธนาคารต่าง ๆ หรือที่เรียกว่า บ้าน NPA จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านดี ๆ แต่ราคาไม่แพง รวมถึงนักลงทุนที่ชอบช้อนซื้อทรัพย์สิน NPA ของธนาคารต่าง ๆ เช่น ทรัพย์สินรอการขายของธนาคารกรุงไทย หรือบ้าน NPA (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/content/contact-us/properties-for-sale) กรุงไทย มักมีบ้านทำเลดีหลุดจำนองมาให้ได้ช้อนซื้อกันเป็นประจำ  อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างล้วนมีสองเหรียญเสมอ วันนี้เราจึงจะลองไปสำรวจข้อดี-ข้อควรระวังที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อทรัพย์สิน NPA

ข้อดีของการซื้อบ้าน NPA
   - ได้บ้านราคาถูกกว่าบ้านใหม่: เนื่องจากบ้านเป็นทรัพย์สินที่มีค่าเสื่อมราคาจากความชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ยิ่งมีอายุมากยิ่งราคาถูก

   - ได้เห็นบ้านจริงก่อนซื้อ: ได้เห็นสภาพของบ้าน รวมถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ใช่แค่ในภาพตัวอย่างหรือโมเดลเท่านั้น
   - ทำเลดีกว่าบ้านใหม่: บ้านมือสองมักเป็นบ้านที่ถูกสร้างก่อนบ้านใหม่ ๆ ทำให้ส่วนใหญ่มีทำเลดีกว่า เช่น อยู่บริเวณปากซอย หรือย่านใจกลางเมือง เป็นต้น

   - ขอสินเชื่อง่ายกว่า: ในกรณีที่ต้องการกู้ซื้อ บ้าน NPA กับสถาบันการเงินจะสามารถทำได้สะดวกว่า เพราะสถาบันการเงินจะเสนอวงเงินเกี่ยวกับวิธีคิดดอกเบี้ยบ้านต่ำกว่าสินเชื่อทั่วไป เช่น การกู้ซื้อบ้าน NPA กรุงไทย กับธนาคารกรุงไทยจะสามารถทำได้สะดวกกว่ากู้ซื้อบ้านใหม่ เพราะบ้านหลังนั้นเป็น ทรัพย์สินรอการขายของธนาคารกรุงไทย อยู่แล้ว และธนาคารย่อมต้องการลดภาระจากสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั่นเอง

   - โปรโมชั่นเพียบ: ธนาคารที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเพื่อรอการขาย มักมีโปรโมชั่นต่าง ๆ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียม หรือส่วนลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เนื่องจากธนาคารพยายามปล่อยทรัพย์สินที่ไม่เกิดรายได้เหล่านี้ออกไปโดยเร็วนั่นเอง

ข้อควรระวังของการซื้อบ้าน NPA

   - บ้านสภาพทรุดโทรม: การซื้อบ้าน NPA ที่เป็นทรัพย์ธนาคารมาก่อน อาจได้บ้านที่มีสภาพเก่าหรือทรุดโทรมกว่าบ้านทั่วไป ซึ่งการจะเข้าอยู่อาศัยได้ต้องใช้เงินและเวลาในการปรับปรังส่วนต่าง ๆ ทั้งงานโครงสร้าง, งานไฟฟ้า, งานสาธารณูปโภคต่าง ๆ ฯลฯ จนบางคนเสียเงินปรับปรุง บ้านมือสอง มากกว่าตอนที่ซื้อบ้านมาจากธนาคารเสียอีก

   - ปัญหากับเจ้าของเก่า: แน่นอนว่าบ้าน NPA ที่เป็น ทรัพย์ธนาคาร มาก่อน จำนวนไม่น้อยเป็นบ้านที่เจ้าของเก่าของเอาไปจำนองกับธนาคารเพื่อกู้เงินหรือค้ำประกันธุรกรรมทางการเงิน เมื่อผิดสัญญาหรือชำระหนี้เงินกู้ไม่ได้ก็ถูกธนาคารยึดมาขายทอดตลาด จุดนี้เองอาจทำให้เรามีปัญหากับเจ้าของเก่าในกรณีที่เจ้าของเก่าดื้อแพ่งไม่ยอมย้ายออก ซึ่งอาจต้องเสียเงินและเวลาฟ้องร้องกันอีกหลายขั้นตอนนั่นเอง


ที่มาข้อมูล
-   https://www.dotproperty.co.th/blog/เปรียบเทียบให้เข้าใจ-ข้อดี-ข้อเสีย-และข้อควรระวังในการลงทุนกับ-npa
-   https://thinkofliving.com/คู่มือซื้อขาย/อยากซื้อบ้านมือสองราคาดี-ต้องรู้อะไรบ้าง-634369/

206
               ปัจจุบันการโอนเงินต่างธนาคารหรือ โอนเงินข้ามจังหวัด สามารถทำได้อย่างสะดวกง่ายดาย โดยไม่ต้องไปดำเนินการที่ธนาคารหรือที่ตู้เอทีเอ็มและไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนด้วย เพราะสามารถใช้วิธีการ “ โอนเงินผ่านแอพ ” ของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากคนยุคใหม่ เพราะเพียงแค่มีแอปพลิเคชันธนาคารบนโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนก็สามารถ โอนเงิน ได้ทุกที่ทุกเวลา ถือว่าสะดวกและรวดเร็วมาก

               การ โอนเงินผ่านมือถือ ไม่ว่าจะโอนภายในธนาคารเดียวกัน โอนเงินต่างธนาคารหรือโอนข้ามจังหวัด ก็ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารที่ให้บริการแต่อย่างใด แต่กระนั้นในเงื่อนไขของการ โอนเงินต่างธนาคาร และ โอนเงิน ข้ามเขตจังหวัด จะมีการกำหนดในเรื่องของเพดานวงเงินสูงสุดในการทำรายการต่อวันที่แต่ละธนาคารจะมีความแตกต่างกันไปและผู้ใช้บริการควรดูข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบก่อนเสมอ โดยขอยกเงื่อนไขสำคัญของ 4 ธนาคารใหญ่ที่กำหนดไว้สำหรับการ โอนเงินผ่านแอพ ได้แก่
 
               1.   ธนาคารกรุงไทย กับแอปพลิเคชัน “KrungThai NEXT” มีเงื่อนไขให้ผู้ใช้บริการสามารถโอนระหว่างบัญชีของตนเองในธนาคารกรุงไทยได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อวัน แต่ในกรณีที่ต้องการโอนไปยังบัญชีของบุคคลอื่นที่มีบัญชีอยู่ในธนาคารกรุงไทยหรือโอนไปยังธนาคารอื่นจะสามารถทำได้รวมกันไม่เกิน 5 แสนบาทต่อวัน ส่วนการโอนไปต่างธนาคารจะมีวงเงินสูงสุดให้ 699,999 บาทต่อครั้ง แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกินกว่าวงเงินที่สามารถทำรายการได้สูงสุดต่อวันตาม Segment ของบัญชีลูกค้า อาทิ กรณีกลุ่ม Normal โอนเงินข้ามธนาคารได้ 1 แสนบาทต่อวัน เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากผู้ใช้บริการต้องการเพิ่มเพดานวงเงินในการโอนก็สามารถขอเพิ่มวงเงินผ่าน Mobile Banking จาก KTB ในส่วยของ KrungThai NEXT ได้ด้วยตนเอง

               2.   ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้บริการ โอนเงินผ่านแอพ ที่ชื่อ “SCB EASY” โดยสามารถโอนเงินระหว่างในบัญชีของตนเองที่อยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์ได้โดยไม่จำกัดรายการและไม่จำกัดบัญชีต่อวัน ส่วนกรณีการ โอนเงิน ไปยังบุคคลอื่นที่มีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์จะสามารถทำได้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคนต่อวัน กรณี โอนเงินต่างธนาคาร จะสามารถทำได้สูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อรายการ โดยรวมกันแล้ววงเงินสูงสุดจะต้องไม่เกิน 2 ล้านบาท ส่วนกรณีที่เป็นการ โอนเงิน ผ่านระบบพร้อมเพย์จะสามารถทำได้ไม่เกินกว่า 2 ล้านบาทต่อคนต่อวัน แต่กระนั้นหากต้องการเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงเพดานวงเงินก็สามารถดำเนินการผ่าน SCB EASY ได้ด้วยตนเอง

               3.   ธนาคารกสิกรไทย ให้บริการ โอนเงินผ่านมือถือ ผ่าน Mobile Banking ด้วยแอปพลิเคชันที่ชื่อ “K PLUS” ซึ่งแอปนี้จะสามารถโอนเงินภายในบัญชีของตนเองที่เป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทยด้วยกันได้โดยไม่จำกัดรายการและไม่จำกัดวงเงิน ส่วนการ โอนเงินผ่านมือถือ ไปยังบัญชีของบุคคลอื่นที่มีบัญชีธนาคารกสิกรไทยหรือโอนไปยังธนาคารอื่นจะมีเพดานวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 5 แสนบาทต่อรายการและสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อวัน อย่างไรก็ตามผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนแปลงวงเงินได้ด้วยตนเองผ่านช่องทาง K PLUS

               4.   ธนาคารกรุงเทพ ให้บริการ โอนเงินผ่านมือถือ (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/content/personal/krungthai-next/how-to-transfer) ด้วยแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “Bualuang mBanking” ซึ่งแอปนี้ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขการโอนภายในบัญชีของตนเองที่มีอยู่ในธนาคารกรุงเทพ สามารถโอนได้โดยไม่จำกัดรายการและไม่จำกัดบัญชีต่อวัน แต่หากต้องการโอนไปยังบัญชีของบุคคลอื่นที่มีบัญชีของธนาคารกรุงเทพหรือ โอนเงินต่างธนาคาร จะมีเพดานวงเงินสูงสุด 5 หมื่นบาทต่อรายการ ทั้งนี้การ โอนเงินผ่านแอพ Bualuang mBanking นี้จะมีวงเงินสูงสุดตามที่ได้กำหนดไว้โดยไม่สามารถเปลี่ยนวงเงินได้เองเหมือนกับแอปของธนาคารอื่น ๆ


               การเลือกแอปของธนาคารเพื่อใช้บริการทำธุรกรรมการเงินนั้นต้องดูเงื่อนไขข้อกำหนดต่าง ๆ ให้ละเอียดเพื่อจะได้ใช้บริการนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ นี้ได้อย่างตรงตามความต้องการ


ที่มาข้อมูล
-   https://www.page365.net/all-articles/mobile-banking-for-merchant
-   https://techsauce.co/tech-and-biz/changing-no-fee-on-thailand-online-banking

207
        ปัจจุบันการขอ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สามารถทำได้ง่ายขึ้นเพราะมีการแข่งขันระหว่างสถาบันทางการเงินออกโปรโมชันต่าง ๆ มากมาย เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ส่งผลให้ลูกค้าได้มีทางเลือกและเปรียบเทียบข้อมูลมากขึ้น ตลอดจนเงื่อนไขที่บรรดาสถาบันการเงินเหล่านั้นหยิบยกมาให้เพื่อเป็นข้อต่อรองในการขอ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และน้อยคนนักจะรู้เคล็ดลับในการเลือกสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับตนเอง ดังนั้นทางเรามี 4 เคล็ดลับในการเลือกธนาคารเพื่อขอสินเชื่อมาแชร์ข้อมูลให้ทุกคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อบ้านได้เป็นแนวทางดังนี้

1.   อัตราดอกเบี้ย
   เป็นที่รู้กันว่าแต่ละสถาบันการเงินมักมีโปรโมชันการให้สินเชื่อ กู้ปลูกบ้าน มี วิธีคิดดอกเบี้ยบ้าน ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่, อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้นหรืออัตราดอกเบี้ยลอยตัว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ผู้กู้ควรใส่ใจและฝึกคํานวนค่างวดบ้านและวิธีคำนวณดอกเบี้ยบ้านเพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านเอง เนื่องจากบางครั้งแม้อัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยจะเท่ากันแต่รู้หรือไม่ว่า หากอัตราดอกเบี้ยทบต้นในปีแรกที่ได้ต่ำสุดก็จะช่วยให้ผู้กู้ลดการจ่ายอัตราดอกเบี้ยลง ไปเพิ่มในส่วนของเงินต้นและที่สำคัญการรีไฟแนนซ์บ่อย ๆ ก็จะช่วยทำให้ผู้กู้ได้รับโปรโมชันในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/rates/viewdetail/4) ใหม่ด้วยเช่นกัน

2.   เงื่อนไขต่าง ๆ ที่ธนาคารยอมให้กู้
   โดยปกติแล้วการ กู้ปลูกบ้าน หรือ สินเชื่อบ้านแลกเงิน มักจะมีเงื่อนไขพ่วงในการขอสินเชื่อทุกครั้ง ซึ่งผู้กู้จะต้องพิจารณาและเปรียบเทียบให้ดี มิเช่นนั้นแล้วอาจเสียผลประโยชน์และเป็นข้อผูกมัดในระยะยาวก็เป็นได้ เพราะบางครั้งการที่ผู้กู้จะสามารถกู้เงินได้อย่างสะดวกและโดยง่ายนั้นอาจมีเงื่อนไขให้ต้องลำบากใจ นั่นคือการทำประกันชีวิตเพราะโดยลำพังค่างวดบ้านก็สูงพออยู่แล้วสถาบันการเงินยังให้ต้องทำประกันชีวิตอีกซึ่งถือว่าเป็นภาระของผู้กู้เป็นอย่างมาก

3.   ค่าใช้จ่ายในการกู้
   ทุกธนาคารจะต้องมีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บในการขอสินเชื่อ ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายในการกู้เงินสร้างบ้าน เช่น ค่าประเมินมูลค่าหลักประกัน, ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้, ค่าธรรมเนียมการไถ่ถอน เป็นต้น ซึ่งผู้กู้จะต้องเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองทั้งหมดและนำเสนอต่อรองกับทางธนาคารได้

4.   หลักประกันในการใช้กู้เงิน
   ในการขอสินเชื่อต่าง ๆ สถาบันการเงินจะทำการสำรวจและประเมินสินทรัพย์ราคาพร้อมที่ดิน ซึ่งผู้กู้จำเป็นจะต้องนำโฉนดที่ดินหรือบัญชีเงินฝากอื่นมาใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เพราะหากผู้กู้ไม่มีเอกสารหรือหลักทรัพย์ในการค้ำประกันอาจส่งผลให้การกู้เงินเป็นไปอย่างล่าช้าหรือพิจารณาไม่ผ่านก็เป็นได้

   นอกจาก 4 เคล็ดลับที่กล่าวมาข้างต้นที่ผู้กู้สามารถนำไปประยุกต์ใช้และเปรียบเทียบข้อมูลการขอสินเชื่อของแต่ละธนาคาร อย่าลืมที่จะประเมินความสามารถของตนเองในการผ่อนชำระเงินคืนด้วย อย่ากู้เงินที่เกินความสามารถของตนเองเพราะมักจะมีปัญหากู้ไม่ผ่านอยู่เสมอ ในขณะที่ใครมีอาชีพรับราชการ เครดิตดี ไม่มีปัญหาทางการเงิน การยื่นขอ สินเชื่อบ้านข้าราชการ ก็จะสามารถทำได้ง่ายและวงเงินกู้มักจะได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปอีกด้วย


ที่มาข้อมูล
-   https://www.ddproperty.com/กู้เงินสร้างบ้าน-กู้กับธนาคารไหน-ให้ผ่านง่าย-6608
-   https://www.thaihometown.com/loans/5918/

208
         วันนี้เราจึงมีวิธีเตรียมความพร้อมก่อนซื้อบ้านหรือกู้ปลูกบ้าน มาฝากรับรองว่าผ่อนสินเชื่อหมดเร็วแน่นอน



•   เตรียมเก็บเงินก้อนเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์

ถึงแม้ว่าปัจจุบันการขอ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับธนาคารส่วนใหญ่จะปล่อยสินเชื่อบ้านในอัตราที่สูงสุดที่ 90 - 95% สำหรับการซื้อบ้านหลังแรก ทำให้ไม่ต้องเตรียมเงินก้อนจำนวนมากเพื่อวางเงินดาวน์ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ๆ ต้องแลกมาคือ ค่างวดต่อเดือน ระยะเวลาการผ่อนชำระและจำนวนดอกเบี้ยที่มากขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนวางแผนซื้อบ้านแลกเงินจึงควรเก็บเงินเพื่อนำมาใช้เป็นเงินดาวน์อย่างน้อยสัก 20% ของราคาบ้านเพื่อลดยอดที่ต้องกู้จากธนาคาร เพียงเท่านี้ก็จะจ่ายค่างวดน้อยลงและโปะเงินก้อนลดเงินต้นได้ง่ายขึ้นแล้ว



•   วางแผนเรื่องเงินสำรองให้รัดกุม

อย่างที่รู้กันดีว่าวิธีง่ายที่สุดที่จะทำให้ผ่อนบ้านให้หมดไวคือ การจ่ายเงินค่างวดสินเชื่อให้มากกว่าจำนวนขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดอย่างน้อย 10 - 20% เพื่อตัดเงินต้นลง อย่างเช่น ธนาคารกำหนดให้จ่ายทั้งสิ้น 10,000 บาท ให้จ่ายเพิ่มเป็น 12,000 บาท ทุกงวด ซึ่งการทำแบบนี้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนจะช่วยให้ระยะเวลาผ่อนบ้านสั้นลงได้หลายปี



•   ประเมินช่องทางหาเงินก้อน

การโปะเงินก้อนใหญ่เข้าไปตัดเงินต้นจากยอดเงินกู้ถือว่าเป็นวิธีคำนวณดอกเบี้ยบ้านที่ดีที่สุดในการลดดอกเบี้ยและระยะเวลาการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน เพราะปัจจุบันการ ผ่อนบ้าน จะมีวิธีคิดดอกเบี้ยบ้าน (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/147) แบบลดต้นลดดอก ยิ่งเราตัดเงินต้นได้มากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ดอกเบี้ยลดลงและระยะเวลาในการผ่อนลดลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นก่อนซื้อบ้านควรประเมินว่าตัวเองสามารถหาเงินก้อนมาโปะเงินต้นได้หรือไม่ หากสามารถทำได้แนะนำให้รีบโปะในช่วงที่ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำก็จะช่วยตัดยอดเงินต้นได้มากขึ้น



         เป็นอย่างไรบ้างสำหรับความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัว หากต้องการ ผ่อนบ้าน ให้หมดอย่างรวดเร็วสามารถเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่งและวางแผนการจ่ายสินเชื่อตามแพลน ก็จะช่วยลดจำนวนปีที่ต้องส่งสินเชื่อไปได้ แต่ขอบอกเลยว่าหากทำทั้งวางเงินดาวน์ จ่ายเกินค่างวด โปะตัดเงินต้นสินเชื่อก้อนใหญ่ร่วมกับการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย รับประกันเลยว่าภาระหนี้บ้านจะหมดไปภายในไม่ถึงสิบปีแน่นอน



ที่มาข้อมูล
-   https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/147
-   https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/home-installment-10yrs
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/home-car/buy-your-first-home.html
-   https://www.moneybuffalo.in.th/real-estate/ผ่อนบ้าน-คอนโด-หมดเร็ว
-   https://thinkofliving.com/คู่มือซื้อขาย/ผ่อนบ้านอย่าวไรเสีย-ดอกเบี้ยน้อยที่สุด-611048
-   https://www.sansiri.com/content/view/คำแนะนำกู้บ้าน-รวมวิธีผ่อน-โปะบ้านหมดไว-ฉบับปลอดหนี้ทันใจมนุษย์เงินเดือน/th
-   https://www.krungsri.com/th/planyourmoney/must-stories/credit-plan/6-things-should-know-borrow-money-building-house
-   https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial
-   https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/home-car/new-criteria-home-loans.html

209
               คุณกำลังวางแผนกู้เงินธนาคารสร้างบ้านจาก KTB ในฝันอยู่หรือเปล่า เกิดความกังวลว่าจะขอ สินเชื่อที่อยู่อาศัย กับธนาคารไหนดีที่มีโอกาสไฟเขียวปล่อยกู้ให้ง่าย ๆ ได้จำนวนเงินตรงกับความต้องการที่สุด ขอเสนอเทคนิคการเลือกธนาคารเพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่าการกู้บ้านจะผ่านง่ายและอัตราดอกเบี้ยตรงใจอย่างแน่นอน

               -ก่อนอื่นต้องมองหาสถาบันการเงินที่ให้กู้ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เท่านั้นแต่ยังรวมถึงสินเชื่อสำหรับการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยบนที่ดินของตัวเองด้วย ธนาคารแต่ละแห่งมีเงื่อนไขและข้อเสนออัตราดอกเบี้ยแตกต่างกัน ควรศึกษารายละเอียดสำหรับการกู้เงินสร้างบ้านของแต่ละธนาคาร นำมาเปรียบเทียบพิจารณาข้อเสนอที่ดีที่สุด

               -เลือกธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ให้ไม่ยากและมีสาขาตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่ดินที่จะปลูกบ้าน ทำให้การเตรียมเอกสารและติดต่อยื่นขอกู้ทำให้สะดวกมากขึ้น เมื่อยื่นข้อกู้เงิน ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินราคาใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ถ้าสถานที่ปลูกบ้านอยู่ใกล้กับธนาคารก็จะผ่านขั้นตอนนี้อย่างรวดเร็วง่ายดาย อีกทั้งการรับเงินไม่ได้จ่ายเงินเต็มวงเงินตั้งแต่ครั้งแรกแต่จะเบิกจ่ายเป็นงวด ๆ ทำให้การติดต่อกับธนาคารสะดวกมากขึ้น

               -การเตรียมเอกสารการกู้มีเทคนิคหลายอย่าง โดยเฉพาะการแสดงความพร้อมจากเอกสารแบบแปลนบ้าน ใบอนุมัติก่อสร้าง สัญญาผู้รับเหมา โฉนดที่ดินเป็นชื่อของผู้กู้ จะทำให้ได้รับการอนุมัติผ่านง่ายขึ้น

               -การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยถือเป็นจุดสำคัญ เพราะแต่ละธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยและโปรโมชั่นแตกต่างกันไป การเลือกอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารมีผลต่อการ คํา น วน ค่า งวด บ้าน มีให้เลือกทั้งอัตราดอกเบี้ยคงที่และอัตราดอกเบี้ยลอยตัว หากเลือกอัตราดอกเบี้ยคงที่จะเป็น วิธี คิด ดอกเบี้ย บ้าน ง่าย ๆ จ่ายค่างวดเท่ากันทุกเดือนหรือจ่ายแบบลดต้นลดดอกทำให้ประหยัดเงินในการจ่ายดอกเบี้ยและหนี้บ้านหมดเร็วขึ้น ส่วนการเลือกดอกเบี้ยไม่คงที่ทำให้จ่ายแต่ละงวดไม่เท่ากัน ผู้กู้ต้องยอมรับความเสี่ยงในกรณีที่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นจะต้องมีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่มีข้อดีตรงที่การปรับตัวเพิ่มของดอกเบี้ยในอนาคตทำให้มีการชำระเงินเกินและอาจจ่ายหนี้หมดเร็วก่อนกำหนด

               -เลือกกู้กับธนาคารที่มีบัญชีเงินเดือนอยู่ เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ได้สินเชื่อง่าย หรือใช้บ้านและที่ดินที่เป็นของตัวเองในการขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน ทำให้มีโอกาสกู้เงินเพื่อสร้างบ้านง่ายขึ้น รวมถึงได้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ต่ำด้วย

               -สำหรับคนทำงานภาครัฐสามารถยื่นขอ สินเชื่อบ้านข้าราชการ มีโอกาสอนุมัติผ่านเร็วและดอกเบี้ยต่ำ แต่ก็ควรมีธนาคารสำรองไว้ 2-3 แห่งเพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุดเช่นกัน

               เปรียบเทียบข้อมูลอัปเดทล่าสุดก่อนตัดสินใจเลือกธนาคารแต่ละแห่งอย่างรอบคอบควรเลือกขอสินเชื่อบ้านที่ไหนดี ไม่เพียงผ่านการอนุมัติ สินเชื่อที่อยู่อาศัย ง่ายและได้รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บริหารจัดการหนี้ได้ง่ายด้วย


ที่มาข้อมูล
   - https://blog.ghbank.co.th/prepare-for-construction-loans/
   - https://www.ddproperty.com/กู้เงินสร้างบ้าน-กู้กับธนาคารไหน-ให้ผ่านง่าย-6608
   - https://www.thaihometown.com/loans/5918/
   - https://www.ddproperty.com/คู่มือซื้อขาย/กู้เงินสร้างบ้าน-กู้กับธนาคารไหน-ให้ผ่านง่าย-6608

210
ทุกวันนี้การ โอนเงินต่างประเทศ ทำได้ง่ายและสะดวกปลอดภัยโดยไม่ต้องเดินทางไปธนาคาร อยากโอนเงินไปต่างประเทศเมื่อไร หยิบมือถือขึ้นมาโอนเงินออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันง่าย ๆ ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง อัตราการจ่ายค่าธรรมเนียมย่อมเยากว่าการโอนเงินผ่านระบบ SWIFT หรือตัวแทนรับโอนเงิน เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงินผ่านแอปฯ ทำได้อย่างไร ดีอย่างไร มีคำแนะนำมาฝากกันดังนี้

1.โอนเงินสะดวกกว่าเดิม
ขั้นตอนการใช้บริการเริ่มต้นง่าย ๆ เมื่อมีบัญชีธนาคารแล้ว ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์หรือไอแบ็งกิ้งบนมือถือ โอนเงินไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไปธนาคารสาขา ทำรายการได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

2.รวดเร็วกว่า
ระยะเวลาที่เงินเข้าบัญชีปลายทางขึ้นอยู่กับธนาคารในประเทศปลายทาง ตั้งแต่ 1 วันจนถึงไม่เกิน 5 วันทำการ ทางฝั่งผู้รับโอนจะได้รับเงินสะดวกง่ายดาย

3.โอนเงินครอบคลุมหลายวัตถุประสงค์ ดังนี้
-ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาในต่างประเทศ
-ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางของนักเรียน
-ส่งเงินไปต่างประเทศหรือกลับประเทศ
-ค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยว

4.ลดขั้นตอนการโอนยุ่งยาก
ผู้โอนเงินใช้แอปพลิเคชันโอนเงินไปปลายทางจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ ในการทำธุรกรรม โอนเงินต่างประเทศ เป็นเงินสกุลเดียวกับบัญชีของผู้รับเงินปลายทาง

5.ผู้รับเงินได้รับเงินเต็มจำนวน
การโอนเงินมีค่าธรรมเนียมซึ่งหักจากทางฝั่งผู้โอน หมายความว่าธนาคารจะตัดบัญชีของผู้โอนให้เรียบร้อยก่อนจะทำรายการโอนเงินไปต่างประเทศ ทางผู้รับจึงได้รับเงินเต็มจำนวน เมื่อทำรายการเสร็จและเงินเข้าบัญชีผู้รับเงินปลายทางแล้ว จะส่งการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชันให้ผู้โอนเงินได้ทราบทันที

6.ไม่ต้องแนบหลักฐานการโอนเงินใด ๆ
ทุกรายการโอนเงินมีการบันทึก e-Slip โดยอัตโนมัติเป็นหลักฐานการทำธุรกรรมบนแอปพลิเคชันในมือถือเพื่อแชร์ยืนยันให้ผู้รับเงินปลายทางได้ทราบว่ามีการโอนเงินเรียบร้อย โอนแล้วรู้เร็วทันใจ

7.การโอนเงินออนไลน์มีวงเงินข้อจำกัด
การโอนเงินทางออนไลน์มีวงเงินการโอนด้วย จำนวนเงินสูงสุดขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของธนาคารปลายทางในต่างประเทศซึ่งมีข้อจำกัดด้านจำนวนเงินต่อครั้งต่อเดือน ก่อนใช้บริการธนาคารออนไลน์ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนเปิดบัญชีธนาคารที่รองรับความต้องการได้ตรงจุดที่สุด

8.อัตราการจ่ายค่าธรรมเนียมถูกกว่า
ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน (เพิ่มเติม: https://krungthai.com/th/corporate/cash-management/transfer-and-payment-services/102) ไปต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชันราคาประมาณ 150-350 บาทต่อรายการ อัตราค่าธรรมเนียมถูกกว่าการโอนเงินผ่านระบบ SWIFT หรือตัวแทนรับโอนเงิน แต่ยังคงแพงกว่าค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านระบบ Western Union และ MoneyGram ซึ่งมีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 100 บาท ส่วนการโอนเงินผ่านเคาน์เตอร์คิดค่าธรรมเนียมตามวงเงินที่โอนซึ่งคิดราคาปานกลาง ไม่ถูกหรือแพงมาก

9.แอปพลิเคชันของแต่ละธนาคารแตกต่างกัน
ควรศึกษาและเปรียบเทียบแอปพลิเคชันและรายละเอียดของแต่ละธนาคาร ตรวจสอบโปรโมชั่นฟรีต่าง ๆ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมรายการโอนเงินต่างประเทศไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด

การใช้แอปพลิเคชันทางการเงินเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ขอเพียงเลือกธนาคารที่มีบริการที่เหมาะสมตรงกับความต้องการ ก็จะได้รับประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด


ที่มาข้อมูล
- https://www.posttoday.com/finance-stock/money/444402
- https://www.loftgirl.com/2509/วิธีโอนเงินไปต่างประเท/
- https://rabbitfinance.com/blog/credit-card/how-to-global-transfer
- https://www.proextron.com/article/183/รับเงินโอนจากต่างประเทศ-ทำได้อย่างไรบ้าง

211
        เราเชื่อว่าเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาอยู่เสมอ ทว่าการดำรงชีวิตในทุกวันไม่มีใครสามารถให้การรับประกันถึงความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การทำงานกับเครื่องจักรหรือการขับขี่บนท้องถนนก็อาจจับพลัดจับผลูให้เกิดอุบัติเหตุโดยที่ไม่ตั้งใจได้ ดังนั้นการมีเครื่องมือเพื่อช่วยทำให้หนักกลายเป็นเบาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการใช้ชีวิต ซึ่งการทำ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยทำให้เราเบาใจในเรื่องนี้ได้

   ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลของ KTB หรือ ประกัน pa คือการซื้อความคุ้มครองด้านการเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุจนเป็นสาเหตุให้ต้องเข้าไปทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยที่ ประกัน pa จะให้การชดเชยด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หรือกรณีที่มีการสูญเสียอวัยวะ พิการหรือเสียชีวิตตามแต่ประเภทของกรมธรรม์ที่ซื้อไว้ หลายคนอาจตั้งคำถามว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องมี ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล? ต่อไปนี้คือข้อดีของการมี ประกัน pa ไว้ติดตัว

1.   ในเมื่อเราไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าอยู่ดี ๆ เราอาจจะเกิดอุบัติเหตุเข้าตอนไหน แถมอุบัติเหตุแต่ละอย่างใช้การรักษาไม่เหมือนกัน มากบ้าง น้อยบ้างตามแต่กรณี ดังนั้นการมีประกันคือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปเร่งหาค่ารักษาในยามฉุกเฉินเนื่องจากประกันให้ความคุ้มครองในส่วนนี้

2.   แทนที่จะกลัวว่าเราต้องเสียค่าเบี้ยประกันทิ้งเปล่าไปฟรี ๆ อยากให้คิดมากกว่าว่าค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันนั้นสูงเพียงใด การแลกค่าเบี้ยประกันเพียงปีละไม่ถึง 2,000 บาทย่อมมีความคุ้มค่ากับการต้องเร่งหาค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียวอยู่แล้ว

3.   ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายจะเป็นแบบคงที่ตลอดอายุสัญญาคือจ่ายเท่าไหนเท่านั้นไม่มีการปรับเพิ่มตามอายุเหมือนประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต

4.   อย่างที่บอกว่าชีวิตมีความเสี่ยง ดังนั้นประกันอุบัติเหตุจะช่วยเป็นเกราะผ่อนหนักให้เป็นเบาด้านค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรักษาตัวได้ เพราะนอกจากจะได้รับการชดเชยด้านค่ารักษาพยาบาลแล้ว หากเกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตผู้ทำประกันก็จะได้รับการชดเชยในส่วนนี้ด้วย

5.   ถึงเงื่อนไขในการรับประกันภัยของแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นการรับประกันในส่วนที่เราคาดไม่ถึงได้ เช่น การถูกฆาตกรรมหรือโดนลอบทำร้าย ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ตัวเองทำผิดเงื่อนไขสัญญา เช่น ฆ่าตัวตายหรือก่อจราจลด้วยจึงจะได้รับการชดเชย

        โดยรวมแล้วอาจพูดได้ว่าการมีประกันส่วนบุคคลนี้คือการซื้อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว อย่างน้อยแทนที่จะต้องเร่งหาเงินก้อนเพื่อรักษาตัว การได้รับการชดเชยจากบริษัทประกันก็ดีกว่าเป็นไหน ๆ

ที่มาข้อมูล   https://www.bolttech.co.th/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5

212
         การตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินก้อนให้ได้ตาม Goal นั้นต้องอาศัยความมีวินัยและความมุ่งมั่นที่สูงมาก ซึ่งแต่ละคนก็มีหลากหลายวิธีในการเก็บเงินให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะหักเงินเก็บออมเข้าบัญชีทุกเดือน หรือหยอดกระปุกทุกวัน หรือเลือกเก็บแบงค์ 50 หรือแบงค์ใหม่ เป็นต้น ไม่ว่าจะเก็บออมวิธีไหนสุดท้ายแล้วหากเรามีวินัยในตัวเองมากพอทุกวิธีการเก็บก็พาให้เราไปสู่ Goal ที่ตั้งไว้ได้ทั้งนั้นแต่จะถึงเร็วหรือช้าได้เงินเก็บออมมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับวิธีการที่เลือก มีวิธีการเก็บออมเงินในรูปแบบนึงที่ช่วยให้ถึง Goal ได้ตามเป้าและภายในช่วงเวลาที่กำหนดแน่นอนนั่นก็คือการออมเงินในรูปแบบของการ ฝากประจำ แต่จะเลือก ฝากประจำ แบบไหนให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และได้ดอกเบี้ยสูงวันนี้ SCB มีแผนการออมของบัญชีเงินฝากประจำมาแนะนำ

การฝากประจำคืออะไร

การออมเงินในรูปแบบของการฝากประจำนั้นมี 2 ลักษณะคือการฝากประจำแบบทั่วไปกับฝากประจำแบบปลอดภาษี ทั้ง 2 แบบต่างกันคือ

•   การฝากประจำแบบทั่วไป คือการฝากเงินเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียวโดยไม่มีการทำธุรกรรมใด ๆ อย่างการถอน การโอนเงิน ภายในระยะเวลาตามที่ตกลงกันไว้ก่อนเปิดบัญชี มีระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ 0.25 – 2% ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่ดูเหมือนจะน้อยแต่ถ้ามาพิจารณาถึงจำนวนวงเงินที่ฝากหลักแสน หลักล้านแล้วนั้นถือว่าดอกเบี้ยที่ได้รับไม่น้อยเลยภายในระยะเวลาตามเงื่อนไขและนอกจากจะได้ดอกเบี้ยที่แน่นอนแล้วยังมีความปลอดภัยสูง หากเทียบกับ การลงทุน ก็ถือเป็น การลงทุน ที่ได้กำไรกลับมาอย่างแน่นอนและรู้ผลกำไรจากการคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากได้ล่วงหน้าอีกด้วย ยิ่งฝากนานยิ่งได้ดอกเบี้ยสูง แต่ต้องเสียภาษีจากตามเงื่อนไขของ bank of thailand คือ 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ

•   การฝากประจำแบบปลอดภาษี คือการฝากเงินทุกเดือนในจำนวนเท่า ๆ กันตามระยะเวลาที่ทำสัญญาในตอนเปิดบัญชีและจะไม่ทำธุรกรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการถอน การโอนเงิน เกี่ยวกับบัญชีดังกล่าวนอกจากการฝากเงินเข้าทุกเดือนตลอดระยะเวลาที่ฝากและไม่ต้องเสียภาษีตามเงื่อนไขของ bank of thailand อีกด้วย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ที่ 0.25 – 0.15 % ก็ไม่ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของบัญชีออมทรัพย์ปกติ ระยะเวลาในการฝากก็เริ่มต้นที่ 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน ยิ่งฝากมากก็ยิ่งได้ดอกเบี้ยสูง

         หากจะเปรียบเทียบกันระหว่างการฝากประจำกับ การลงทุน ในรูปแบบอื่น การลงทุนในรูปแบบอื่นนั้นอาจจะมีผลตอบแทนหรือผลกำไรที่สูงกว่าการฝากประจำแต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ยิ่งเงินปันผลหรือผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็ยิ่งสูงตามและไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าจะได้กำไรอย่างแน่นอน เงินทุนที่ลงไปก็อาจจะได้คืนเต็มจำนวนที่ลงทุนหรือขาดทุนกลับมาก็ได้ซึ่งต่างกันกับการฝากประจำที่อาจจะมีผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่น้อยกว่าแต่ความเสี่ยงถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและก็ได้รับการคุ้มครองเงินต้นที่ฝากแบบเต็มจำนวนจาก bank of thailand อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ขอฝากการลงทุนโดยกองทุนรวม (เพิ่มเติม: https://www.scb.co.th/th/personal-banking/investment/fund/mutual-funds.html) เพื่อการออมหรือ SSF ไว้ด้วยล่ะ

213
        สำหรับคนชื่นชอบการทางท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ จากโลกกว้างแต่ยังกังวลในเรื่องความพร้อมของค่าใช้จ่าย ควรมองหาตัวช่วยทางการเงินดี ๆ ที่จะลดข้อจำกัดดังกล่าว ซึ่งการใช้บัตรเครดิตประเภทที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว เพราะโปรบัตรเครดิตที่โดนใจ ทั้งประเภทเพิ่มสิทธิพิเศษต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวและการคืนกำไรช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

        SCB MY TRAVEL  ยืนหนึ่งในกลุ่ม บัตรเครดิต สำหรับการท่องเที่ยว
        โดยปกติแล้ว ในการใช้จ่ายผ่าน credit card จะมีแต้มสะสมหรือคะแนนให้กับผู้ถือบัตร ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดให้การใช้จ่ายทุก ๆ  25 บาทจะได้รับแต้มสะสม 1 คะแนน สำหรับเก็บไว้แลกสินค้า, บริการ หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แต่สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตร SCB MY TRAVEL ใบนี้ เพียง 20 บาท ก็จะได้รับแต้มสะสมเพิ่มเป็น 2 คะแนนทันที นั่นจึงทำให้สะสมคะแนนได้มากและรวดเร็วกว่า ซึ่งสามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลหรือส่วนลดร้านค้าเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวได้มากกว่า รวมถึงแพคเก็จทัวร์, ห้องพักโรงแรมและรถเช่าด้วย
   บัตรใบนี้ยังให้ส่วนลดพิเศษ สำหรับการแลกเงินที่บูธ SCB Exchange ทุกสาขาด้วย (ยกเว้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมืองและภูเก็ต)
   ที่สำคัญคือ หากใช้บัตร SCB MY TRAVEL ซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางระหว่างประเทศก็จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี ให้อุ่นใจตลอดการเดินทางด้วย
        เปลี่ยนค่าใช้จ่าย บัตรเครดิต เป็น ตั๋วโดยสาร & ห้องพักโรงแรมฟรี     
   โปรบัตรเครดิต แบบนี้ถือว่าโดนใจนักท่องเที่ยวแบบสุด ๆ เพราะค่าใช้จ่ายผ่านบัตรใบนี้ สามารถแลกเป็นไมล์สะสมของ 3 สายการบินชั้นนำได้แก่ การบินไทย, แอร์เอเซียและบางกอกแอร์เวยส์ ได้ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้
        1. ไมล์สะสมของการบินไทย ( Royal Orchid Plus) สามารถนำค่าใช้จ่ายทุก ๆ 17 บาทต่อเซลล์สลิปเปลี่ยนเป็นไมล์สะสมได้ 1 ROP
        2.คะแนนสะสมของสายการบินแอร์เอเซีย (Air Asia Big Point) สามารถเปลี่ยนค่าใช้จ่ายทุก 15 บาทเป็นคะแนนสะสม 1 Air Asia Big Point
        3. คะแนนสะสมของสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ (Flyer Bonus Point) สามารถเปลี่ยนค่าใช้จ่ายทุก 20 บาท เป็นคะแนนสะสม 1 Flyer Bonus Point
   
        ยิ่งสะสมแต้มของสายการบินเหล่านี้ได้มากเท่าไหร่ ก็จะสามารถนำไปแลกเป็นบัตรโดยสารบินฟรีได้เร็วเท่านั้น นักเดินทางจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะใช้จ่ายผ่านบัตรใบนี้แทนเงินสด เพื่อแลกตั๋วบินฟรีออกเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และหากนำรางวัลห้องพักโรงแรมหรือรถเช่ามาใช้พร้อมกันด้วยก็เท่ากับได้เดินทางท่องเที่ยวแบบฟรีทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน, โรงแรมและรถเช่าเลยทีเดียว
   
        สมัครบัตรเครดิต ได้ง่าย ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า
   การ สมัครบัตรเครดิต SCB MY TRAVEL เพื่อรับสิทธิประโยชน์ดี ๆ แบบนี้ สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงใช้หลักฐานคือ บัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านและหลักฐานรายได้ที่ไม่ต่ำกว่า 35,000 บาทต่อเดือน โดยสามารถ สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ รวมถึง ผ่านทางแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพ่ท์มือถือ พร้อมส่งหลักฐานต่าง ๆ ในการ สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ ได้ทันที โดยไม่ต้องนำไปยื่นที่สาขาของธนาคาร
        บัตรเครดิต ใบนี้ ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและยังจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีด้วย หากว่ามีรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเป็นวงเงิน 300,000 ต่อปี แต่อย่าลืมศึกษาโปรบัตรเครดิต เผื่ออาจเป็นบัตรเครดิตเติมน้ำมันจากสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศได้ด้วย

214
    เชื่อว่าหลายคนก็ต้องอยากจับจองเป็นเจ้าของ iPhone12 แต่วันนี้เอไอเอสได้เตรียม Hot Deal โปรโมชัน iPhone12 โดยเฉพาะ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งเป็นรุ่นสุดโปรที่หลายคนหมายปอง ดังนั้น จึงขอเอาใจคนรักสมาร์ตโฟนด้วย โปรโมชัน iPhone 12 Pro และ โปรโมชัน iPhone 12 Pro Max ที่บอกได้เลยว่าสาวก Apple ไม่ควรพลาด โดยเริ่มต้นดีลสุดคุ้มที่เชื่อว่าจะต้องโดนใจคนที่อยากเป็นเจ้าของ iPhone12 แต่ต้องการแบ่งจ่ายสบาย ๆ โดยเอไอเอสจัดให้กับโปรโมชัน ผ่อนไอโฟนเครื่องเปล่า จ่ายสบาย ๆ นานถึง 24 เดือน และหากระยะเวลาผ่อนยังไม่ถึงใจ บัตรเครดิตบางธนาคารยังเตรียมข้อเสนอพิเศษสุดด้วยการมอบโปรโมชันผ่อนชำระสูงสุดถึง 40 เดือน ซึ่งถือเป็นดีลที่โดนใจและตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับใครที่ไม่ต้องการจ่ายเงินก้อน

    นอกจากโปรโมชัน ผ่อนไอโฟนเครื่องเปล่า แล้ว คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการดูหนังฟังเพลงผ่านสมาร์ตโฟน รวมถึงมีไลฟ์สไตล์ติดโซเชียลที่ต้องแชทและแชร์เรื่องราวน่าสนใจเสมอ ทำให้ค่ายมือถือชื่อดังอย่างเอไอเอสเตรียมแพ็กเกจค่าเน็ตค่าโทรคุ้ม ๆ ได้แก่ แพ็กเกจรายเดือนราคาพิเศษสำหรับผู้ที่เปิดเบอร์ใหม่ เพียงชำระค่าบริการล่วงหน้าตามเงื่อนไขก็ได้ส่วนลดค่าเครื่องได้แบบจุใจ อีกทั้งยังรับสิทธิ์ชม YouTube Premium ฟรีสูงสุด 6 เดือน ทำให้ทุกการดูหนังฟังเพลงไม่ต้องมีโฆษณาคั่นอีกต่อไป และพิเศษสุดสำหรับใครที่ย้ายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน นอกจากจะได้เป็นเจ้าของเครื่อง iPhone 12 ราคาพิเศษแล้วยังได้ส่วนลดค่าเครื่องเพิ่มอีก 1,000 บาท คุ้มแบบนี้แล้วจะพลาดมาเป็นครอบครัวเดียวกันได้อย่างไร

    ใครที่เป็นเจ้าของบัตรเครดิตธนาคารไหน เตรียมตัวรับข้อเสนอดี ๆ กันได้เลย เพราะเอไอเอสจัดเต็มดีลสุดโดนกว่า 10 ธนาคาร มอบความพิเศษแบบคุ้มค่า โดยนอกจากจะมีโปรโมชันผ่อนสบายแล้ว ยังมอบเครดิตเงินคืนตามเงื่อนไข บอกเลยว่างานนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

    โปรโมชันจัดเต็มขนาดนี้ ใครที่อยากเป็นเจ้าของ iPhone ใหม่จากเอไอเอสด้วย โปรโมชัน iPhone 12 Pro Max หรือ โปรโมชัน iPhone 12 Pro รวมถึงโปรโมชัน iPhone รุ่นอื่น ๆ จากเอไอเอส บอกเลยว่าห้ามพลาดติดตามข่าวการจำหน่าย iPhone12 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และพุ่งตัวมายังเอไอเอส พร้อมรับ Hot Deal แบบเทพ ๆ ที่เอไอเอสเตรียมมอบความคุ้มค่าให้แก่แฟนคลับ Apple เพื่อให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนสุดเจ๋งได้ง่ายยิ่งขึ้นแบบที่ใครก็ให้ไม่ได้



แหล่งที่มาข้อมูล

https://www.ais.co.th/iphone/promotion_creditcard_iphone11pro.html

หน้า: 1 ... 10 11 [12]