แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Jessicas

หน้า: 1 ... 250 251 [252] 253 254 ... 256
4519


รัฐบาลสิงคโปร์แถลงวันนี้ (11 ส.ค.) ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวดีเกินคาดในช่วงไตรมาส 2 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ว่าจะเติบโตระหว่าง 6-7% โดยมีปัจจัยหนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ ทั้งในสิงคโปร์และตลาดสำคัญอื่นๆ

กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์เปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 14.7% เมื่อเทียบปีต่อปี สูงกว่าตัวเลข 14.3% ที่รัฐบาลคาดการณ์เอาไว้ และมากกว่าตัวเลข 14.2% ที่นักวิเคราะห์คาดหมาย ทว่ายังคงต่ำกว่าจีดีพีไตรมาส 2/2019 หรือช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ประมาณ 0.6%

รัฐบาลยังได้ปรับคาดการณ์จีดีพีตลอดทั้งปีว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 6-7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เพียง 4-6%

แกเบรียล ลิม ปลัดกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ระบุว่า “เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมที่เปิดกว้างสู่ภายนอก (outward-oriented sectors)”

ลิม ชี้ว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่อิงกับผู้บริโภคโดยตรง (consumer-facing sectors) และลดปัญหาขาดแคลนคนทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องพึ่งแรงงานต่างด้าว

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่ากิจกรรมจะยังคงต่ำกว่าระดับก่อนมีโควิด-19 ไปจนถึงสิ้นปีนี้

กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์ระบุด้วยว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา แต่อัตราการฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งช่วยให้ประเทศเหล่านี้สามารถเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจได้

แม้จะยังคงมาตรการจำกัดทางสังคมบางส่วนไว้ แต่รัฐบาลสิงคโปร์ได้เริ่มวางยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว โดยจะเน้นไปที่การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรมากที่สุด

สถานการณ์โควิด-19 ในสิงคโปร์ยังถือว่าเบากว่าหลายๆ ประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 65,000 คนเศษ และเสียชีวิต 45 คน

ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี 

4520


วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบถุงปันสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564 ให้แก่พนักงานจ้างเหมาบริการ ประกอบด้วย พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาด คนขับรถ และคนสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน รวม 47 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พนักงานในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับถุงปันสุขได้บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ประกอบด้วย ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ รวมไปถึงอุปกรณ์จำเป็นเพื่อการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย และสเปรย์แอลกอฮอล์ เพื่อเป็นประโยชน์ในช่วงที่สถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวัง



ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน จะเห็นว่าทุกคนต่างได้รับผลกระทบในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่ง กพร. ได้รวบรวมเงินจากกลุ่มของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นำไปซื้อของอุปโภคบริโภค ปันน้ำใจแก่พนักงานจ้างเหมาบริการที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำ กพร. เพื่อร่วมบรรเทาค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต พร้อมจัดหาวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่เกิดความเดือดร้อน ทำให้เห็นว่าคนไทยมีน้ำใจไม่ทอดทิ้งกัน พร้อมให้คามช่วยเหลือกันอยู่เสมอ

“แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือน้ำใจจากผู้ให้ที่ได้ส่งต่อเพื่อคลายทุกข์แก่ผู้รับ และขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงบุคลากรทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ แล้วเราจะผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

4521


วิวิด บาย เวอริต้า (Vivid By Verita) บาร์วิตามิน ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจคนรักสุขภาพในเดือนแห่งวันแม่ ตลอด สิงหาคม 2564 นี้ ด้วยโปร กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป (Glutathione Max IV Drip) ซื้อ ดริป 3 ครั้ง แถมฟรี 1 ครั้ง ในราคาเพียง 9,000 บาท++ โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพของวิวิดได้คิดค้นสูตรเฉพาะที่สามารถส่งผ่านประโยชน์จากกลูตาไธโอนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการช่วยชะลอวัยและโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ เพื่อมอบผิวที่สดใส พร้อมภูมิคุ้มกันและสุขภาพที่แข็งแรงสำหรับช่วงเวลาแสนตึงเครียดนี้



นักวิจัยค้นพบว่ากลูตาไธโอนคือกุญแจสำคัญในการทำงานของร่างกายในหลายด้าน ตั้งแต่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการผลิตวิตามินซีและอี ไปจนถึงช่วยดีท็อกซ์ร่างกายจากสารอนุมูลอิสระและโลหะหนัก เช่น ปรอท และอื่น ๆ อีกมากมาย การให้กลูตาไธโอนในระดับที่เหมาะสมผ่านทางเส้นเลือดอย่าง กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป ที่ วิวิด บาย เวอริต้า จึงให้ประโยชน์อย่างมากมาย ดังนี้

- ปกป้องร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่อาจทำลายเซลล์ผิว ระบบไหลเวียนโลหิต และอื่น ๆ
- เสริมสร้างประสิทธิภาพการกำจัดไขมันของตับ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการสะสมของไขมัน แอลกอฮอล์ และโรคตับอื่น ๆ
- ลดอาการที่เกิดจากโรคพาร์กินสันและอาการดื้อต่ออินซูลินที่อาจนำไปสู่โรคเบาหวานประเภท 2



สามารถแบ่งปันสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนที่คุณรัก ด้วยโปรโมชั่น กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ซื้อ ดริป 3 ครั้ง แถม 1 ครั้ง ในราคาเพียง 9,000 บาท++ โดยใช้เวลา 15 นาที ในการเติมดริปแต่ละครั้ง ในบรรยากาศการตกแต่งที่เรียบง่าย สวยงาม ทันสมัย และผ่อนคลาย โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมทางการแพทย์ของ วิวิด บาย เวอริต้า เป็นผู้ให้บริการและดูแล



วิวิด บาย เวอริต้า ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพ ยังคงเปิดให้บริการทางด้านสุขภาพเฉพาะทาง ด้วยการดูแลสุขภาพและฟื้นฟูร่างกายด้วย ไอวี ดริป สูตรเฉพาะที่มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง วิตามินซี ซิงค์สำหรับภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง โคเอ็นไซม์คิวเท็น บำรุงการทำงานของสมอง Rhodiola, Ashwagandha และ Valerian ต่อสู้กับความเหนื่อยล้าและความเครียด แอล – คาร์นิทีน และ Rhodiola ช่วยเรื่องพลังงาน และเมลาโทนิน, กรดอะมิโน 5-HTP, Ashwagandha เพื่อการผ่อนคลายและการนอนหลับ โดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์และการวิจัยและพัฒนาสูตรเพื่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่น กลูตาไธโอน แมกซ์ ไอวี ดริป 3 แถม 1 หรือปรึกษาทผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของเราได้ที่ อีเมล์ [email protected] โทร. 02 003 4918 หรือ ไลน์@: @vividbyverita

4522


กำแพงเพชร – คลังจังหวัดกำแพงเพชรชี้ระเบียบการเงินมีผู้รับผิดชอบแต่ละขั้นตอนชัดเจน..เชื่อเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สสจ.กำแพงเพชร ยักยอกงบโควิดกว่า 12 ล้าน ปกติทำหรืออนุมัติคนเดียวไม่ได้แน่

ความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร โอนเงินเพื่อใช้ในกิจการดูแลป้องกันรักษาการแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดกำแพงเพชร เข้าบัญชีตนเองเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นหน่วยงานต้นสังกัดได้ออกคำสั่งให้ออกไว้ก่อนแล้วนั้น

นางยุภารัตน์ เนื่องจำนงค์ คลังจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่าส่วนตัวยังไม่เห็นข้อมูลรายละเอียดจากหน่วยงานดังกล่าว แต่ในฐานะที่ดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณของจังหวัดผ่านคลัง โดยทั่วไปแล้วจะมีการวางระบบการเงินและบัญชีไว้อย่างชัดเจน

แต่เงินดังกล่าวทราบว่าเป็นการโอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าหน่วยงานต้นสังกัดคือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกําแพงเพชร เพื่อดำเนินการตามหนังสือสั่งการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องภายในของสำนักงานสาธารณสุข ที่จะต้องบริหารจัดการงบประมาณให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ด้วยหลักการเก็บรักษา-การเบิกจ่าย เงินหลวงนั้น จะมีระเบียบข้อกฎหมายผู้รับผิดชอบในแต่ละระดับที่ชัดเจน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ผู้จัดทำเอกสาร ผ่านหัวหน้างานหรือหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงผู้อนุมัติ ทุกคนต้องมีอำนาจความรับผิดชอบเกี่ยวกับงบประมาณและการดำเนินงานในแต่ละครั้งที่แตกต่างกันไป

ส่วนที่ว่าพนักงานจ้างสามารถที่จะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบได้หรือไม่นั้น ตามระเบียบได้เปิดช่องให้ไว้ว่า หากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานมีคนไม่เพียงพอ ก็สามารถแต่งตั้งพนักงานดังกล่าวให้ดำเนินการที่เกี่ยวกับการเงินได้ แต่ต้องคำนึงถึงความเสียหายของส่วนราชการเป็นหลัก

และการเบิกจ่าย งบประมาณตามกิจกรรมต่างๆ ก็จะมีลำดับขั้นตอน ควบคู่รายละเอียดของเอกสาร เสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องและอนุมัติตามขั้นตอน และหลังจากที่โอนเงินจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างหรือหน่วยงานย่อยแล้ว ก็จะต้องรายงานเสนอรายละเอียดเพื่อเป็นการตรวจสอบอีกครั้ง

ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากกระบวนการทำมือและการทำทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการตรวจสอบที่ถูกต้องตรงกันแล้ว ความผิดพลาดก็ย่อมไม่เกิดขึ้น แต่ในกรณีดังกล่าว คงจะต้องตรวจสอบว่าเกิดจากจุดบกพร่องในขั้นตอนไหนต่อไป และเชื่อว่าการเบิกจ่ายงบประมาณในแต่ละครั้งนั้น ระเบียบ หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายจะทำหรืออนุมัติคนเดียวไม่ได้แน่นอน

4523


หุ้นเช้าปิดลบ 3.01 จุด ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัยคาดหวังเร่งฉีดวัคซีนหนุนคลายล็อก-เปิดประเทศ ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นการชะลอมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยดัชนีฯขึ้นไปแถว 1,550 จุดจากนั้นย่อตัวลงมา แม้ดาวโจนส์ทำนิวไฮตอบรับวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงาน โดยตลาดฯขึ้นต่อไปได้ไม่นานก็ย่อตัวลงในเวลาต่อมา

แต่บ้านเรามีปัจจัยหนุนจากการเร่งฉีดวัคซีนได้มากขึ้นเกิน 4 แสนโดสต่อวัน จึงเกิดความคาดหวังจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู้เร็วขึ้น นำไปสู่การคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศได้เร็วตามมา ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบอย่างไร้ทิศทาง พร้อมแนะติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,539.61 จุด ลดลง 3.01 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.20% มูลค่าการซื้อขายราว 50,980 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด

4524


ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทุกวัน ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกให้มากขึ้นในหลายๆ ชุมชน พร้อมกันนั้นทาง กทม. ก็ได้จัดตั้ง "ศูนย์พักคอย" หรือ Community Isolation ให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับ "ผู้ป่วยโควิด" ที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ ให้มาแยกกักที่ศูนย์ฯ

โดยเมื่อวานนี้ (9 ส.ค.64) มีข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับจำนวนศูนย์พักคอยที่เปิดให้บริการแล้ว พร้อมทั้งจำนวนเตียงทั้งหมดที่มีของแต่ละแห่ง โดยมีทั้งหมด 49 แห่ง แบ่งเป็น 6 โซนทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ดังนี้

1. โซนกรุงเทพฯ เหนือ

เขตบางเขน : ศูนย์กีฬารามอินทรา      มี 150 เตียง
เขตจตุจักร : ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์    มี 180 เตียง
เขตจตุจักร : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยจตุจักร มี 120 เตียง
เขตดอนเมือง : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยดอนเมือง มี 113 เตียง
เขตหลักสี่ : ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่         มี 118 เตียง
เขตสายไหม : วัดราษฎร์นิยมธรรม      มี 170 เตียง
เขตบางซื่อ : วัดมัชฌันติการาม          มี 120 เตียง
เขตลาดพร้าว : อาคารสำนักงานส่งเสริมวิชาการ 2 (พม.) มี 141 เตียง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

เช็ค 26 จุดตรวจโควิด! 'ชมรมแพทย์ชนบท' ลุยภารกิจวันสุดท้าย ย้ำ 'ไม่เสร็จไม่เลิก'
'หมอชนบท'ลงพื้นที่ 'ตรวจโควิด' 26 จุดใน กทม. พบการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่
'ผู้ป่วยโควิด-19' รอเตียงกว่า 2,000 ราย ครองเตียงเกือบ 4 หมื่นราย
อัพเดท 'โควิดวันนี้' 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม.พุ่ง 4,226 ราย
สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

2. โซนกรุงเทพฯ กลาง 

เขตพระนคร : วัดอินทรวิหาร อาคารปฏิบัติธรรม มี 170 เตียง
เขตดินแดง : อาคารกีฬาเวสน์ 2  มี 150 เตียง
เขตดุสิต : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย  มี 52 เตียง
เขตห้วยขวาง : ศูนย์พักคอยตันปัน มี 145 เตียง
เขตวังทองหลาง : วิทยาลัยพาณิชยการอินทราชัย มี 100 เตียง
เขตป้อมปราบฯ : วัดมังกรกมลลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เฉพาะพระ-เณร  มี 20 เตียง
เขตพญาไท : ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชนวัดไผ่ตัน มี 50 เตียง
ราชเทวี : อาคารวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเจ้าพระยา มี 170 เตียง
3. โซนกรุงเทพฯ ใต้

เขตสาทร : วัดสุทธิวราราม มี 70 เตียง
เขตคลองเตย : วัดสะพาน มี 500 เตียง
เขตสวนหลวง : วัดปากบ่อ มี 140 เตียง
เขตบางนา : โรงเรียนเพี้ยนพินอนุสรณ์ มี 99 เตียง
เขตบางคอแหลม : วัดไทร มี 40 เตียง
เขตยานนาวา : โรงเรียนวัดดอกไม้ มี 150 เตียง
เขตวัฒนา : โรงเรียนสุเหร่าบ้านดอน มี 85 เตียง
เขตปทุมวัน : โรงเรียนวัดบรมนิวาส มี 50 เตียง
เขตพระโขนง : วัดบุญรอดธรรมาราม มี 71 เตียง
เขตบางรัก : โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามฯ มี 50 เตียง
4. กรุงเทพฯ ตะวันออก

เขตประเวศ : ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหนองบอน มี 120 เตียง
เขตลาดกระบัง : ร้านจงกั๋วเหยียน มี 200 เตียง
เขตสะพานสูง : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยสะพานสูง มี 140 เตียง
เขตบางกะปิ : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางกะปิ มี 133 เตียง
เขตหนองจอก : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยหนองจอก มี 100 เตียง
เขตบึงกุ่ม : โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ มี 100 เตียง
เขตมีนบุรี : ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มี 200 เตียง
เขตคลองสามวา : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยคลองสามวา  มี 176 เตียง
'พยากรณ์อากาศ' วันนี้ 'กรมอุตุนิยมวิทยา' ชี้ ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง - กทม. มีฝน 40%
สุดเศร้า! สาธารณสุขเมืองกรุงล้มเหลว ล็อกดาวน์ไร้ผล ยอด 'ผู้ติดเชื้อ' พุ่งคนตายเพียบ
จับตาอสังหาฯ“ซอมบี้เฟิร์ม”พุ่งหลังวิกฤติซ้อนวิกฤติต้นทุนพุ่ง-ดีมานด์ลด
5. กรุงธนเหนือ 

เขตบางกอกน้อย : วัดศรีสุดาราม  มี 80 เตียง
เขตทวีวัฒนา : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยทวีวัฒนา  มี 114 เตียง
เขตคลองสาน : อาคารกิจไพบูลย์ อิมพอร์ต  มี 150 เตียง
เขตธนบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ  มี 94 เตียง
เขตจอมทอง : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยจอมทอง  มี 70 เตียง
บางพลัด : โรงเรียนบางยี่ขัน  มี 91 เตียง
เขตบางกอกใหญ่ : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางกอกใหญ่  มี 50 เตียง
เขตตลิ่งชัน : โรงเรียนวัดตลิ่งชัน  มี 56 เตียง
6. กรุงธนใต้

เขตบางแค : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค  มี 150 เตียง
เขตบางขุนเทียน : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางขุนเทียน มี 120 เตียง
เขตทุ่งครุ : ศูนย์สร้างสุขทุกวัยทุ่งครุ มี 51 เตียง
เขตทุ่งครุ : โรงเรียนสอนศาสนามูฮัมมะดียะห์ มี 60 เตียง
เขตภาษีเจริญ : ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย มี 140 เตียง
เขตหนองแขม : โรงเรียนมนต์จรัสสิงห์อนุสรณ์ มี 100 เตียง
เขตราษฎร์บูรณะ : ศูนย์พักคอยโกดัง บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ มี 200 เตียง
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ Call Center สายด่วน 1330 สปสช. และ "สายด่วนโควิด" ของทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ รวบรวมมาให้ทราบกันด้วย โดยจะรับเคสผู้ป่วยโควิดในกรุงเทพฯ เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาล 2 แบบ คือ 1) การกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation และ 2) การกักตัวในชุมชนที่ศูนย์พักคอย หรือ Community Isolation

1. กรุงเทพฯ เหนือ

จตุจักร 0 2026 3100
ดอนเมือง 0 2026 3122
บางเขน 0 2026 3166
บางซื่อ 0 2026 3233
ลาดพร้าว 0 2026 3499
สายไหม 0 2026 3500
หลักสี่ 0 2026 6800

2. กรุงเทพฯ กลาง

ดินแดง 0 2092 7016
ดุสิต 0 2092 7121
ป้อมปราบศัตรูพ่าย 0 2092 7313
พญาไท 0 2092 7580
พระนคร 0 2092 7643
ราชเทวี 0 2092 7701
วังทองหลาง 0 2092 7910
สัมพันธวงศ์ 0 2094 1429
ห้วยขวาง 0 2096 9112

3. กรุงเทพฯ ใต้

คลองเตย 0 2096 2823
บางคอแหลม 0 2096 2824
บางนา 0 2096 2825
บางรัก 0 2096 2826
ปทุมวัน 0 2096 2827
พระโขนง 0 2096 2828
ยานนาวา 0 2096 2829
วัฒนา 0 2096 2830
สวนหลวง 0 2096 2831
สาทร 0 2096 2832



4. กรุงเทพฯ ตะวันออก

คลองสามวา 0 2096 9202
คันนายาว 0 2483 5000
บางกะปิ 0 2483 5001
บึงกุ่ม 0 2483 5002
ประเวศ 0 2483 5003
มีนบุรี 0 2483 5004
ลาดกระบัง 0 2483 5005
สะพานสูง 0 2483 5006
หนองจอก 0 2483 5007

5. กรุงธนเหนือ

คลองสาน 0 2023 9900
จอมทอง 0 2023 9911
ตลิ่งชัน 0 2023 9922
ทวีวัฒนา 0 2023 9933
ธนบุรี 0 2023 9944
บางกอกน้อย 0 2023 9966
บางกอกใหญ่ 0 2023 9977
บางพลัด 0 2023 9988

6. กรุงธนใต้

ทุ่งครุ 0 2483 5008
บางขุนเทียน 0 2483 5009
บางแค 0 2483 5010
บางบอน 0 2483 5011
ภาษีเจริญ 0 2483 5012
ราษฎร์บูรณะ 0 2483 5013
หนองแขม 0 2483 5014

----------------------

อ้างอิง : ศบค.(7 ส.ค. 64), สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (9 ส.ค. 64)

4525


รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมประกวดราคาจ้างบริหารจัดการอาคารจอดแล้วจร 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต มูลค่าราว 37 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม มูลค่า 120 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิรัชมงคล มูลค่าราว 61 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี รฟม.ได้กำหนดให้เอกชนผู้สนใจร่วมประกวดราคาในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต เตรียมยื่นข้อเสนอผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ส่วนโครงการรถไฟฟ้ามหานครทั้ง 2 สายนั้น จะกำหนดภายหลัง เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนร่างเอกสารประกวดราคา แต่เบื้องต้นทุกโครงการจะต้องแล้วเสร็จ เพื่อจัดหาเอกชนเข้ามาบริหารตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้

“สัญญาจ้างบริหารอาคารจอดแล้วจรทั้ง 3 โครงการ มีอายุสัญญา 3 ปี โดยจะเริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 – 1 ต.ค. 2567 ซึ่งเอกชนจะต้องรับหน้าที่บริหารจัดเก็บค่าบริการจอดรถ การรักษาความสะอาด ตลอดจนจัดการจราจรและดูแลพื้นที่ของ รฟม.ให้เป็นระเบียบ เพื่อรองรับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ”

สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนประกวดราคานั้น รฟม.กำหนดราคาที่ยื่นข้อเสนอ ให้น้ำหนักคำนวณคะแนนข้อเสนอด้านราคาเท่ากับ 30 คะแนน และข้อเสนอด้านเทคนิค คุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟม. น้ำหนักเท่ากับ 70 คะแนน โดยผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 70 คะแนน รฟม.จึงจะพิจารณาข้อเสนอด้านราคา


ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค คุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟม. 100 คะแนน แบ่งออกเป็น คะแนนผลงานของผู้ยื่นข้อเสนอ 60 คะแนน แผนการบริหารจัดการอาคารจอดแล้วจร 20 คะแนน ประสบการณ์การทำงานของผู้จัดการอาคารจอดแล้วจร 10 คะแนน และข้อเสนออื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการอีก 10 คะแนน

ทั้งนี้ รฟม.จะพิจารณาให้คะแนนผลงานและประสบการณ์ของผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 1 ผลงานในการบริหารจัดการอาคารหรือลานจอดรถที่ประกอบด้วยงานจัดเก็บค่าบริการจอดรถ โดยใช้เครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ งานรักษาความสะอาด และงานจัดการจราจรดูแลพื้นที่จอดรถ ซึ่งเป็นผลงานที่สิ้นสุดระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยหากมีผลงานบริการจอดรถ 1,501 ช่องจอดขึ้นไป จะได้คะแนนสูงสุดอยู่ที่ 60 คะแนน

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า อาคารจอดแล้วจรที่ รฟม.นำมาเปิดประกวดราคานี้ ถือเป็นอาคารที่อยู่ในส่วนของรถไฟฟ้าที่มีสถิติการเดินทางสูงต่อเนื่อง และถือเป็นอาคารจอดแล้วจรในย่านชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัย มีผู้เดินทางค่อนข้างมาก เช่น โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม มีอาคารจอดแล้วจรจุดใหญ่อย่าง สถานีรถไฟฟ้าคลองบางไผ่ ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ส่วนสายเฉลิมรัชมงคล มีลานจอดรถใจกลางเมือง อย่างสถานีลาดพร้าว รัชดาภิเษก พระราม 9 และสถานีสุขุมวิท เป็นต้น

4526


โดยปกติเราไม่ค่อยได้ยินข่าวประเทศจากเอเชียกลางอย่างอุซเบกิสถานมากนัก แต่เมื่อกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา กรุงทาชเคนต์ของอุซเบกิสถาน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติหัวข้อ “เอเชียกลางและเอเชียใต้: การเชื่อมต่อ ความท้าทาย และโอกาสระดับภูมิภาค” ถือว่าจัดได้ถูกที่ถูกเวลา มีประเทศเข้าร่วมถึง 50 ประเทศ เช่น ตุรกี อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน รัสเซีย อินเดีย จีน และสหรัฐอเมริกา  รวมถึงตัวแทนจากองค์การระหว่างประเทศ กลุ่มคลังสมองเด่นๆ สถาบันการเงิน บริษัท ภาคธุรกิจอีกกว่า 30 องค์กร

ที่สำคัญคือผู้นำหลายคนมาพบกันในเวทีนี้ อาทิ ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถาน นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน แห่งปากีสถาน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียสุพรหมณยัม ชัยศังกระรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย และหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ในช่วงเวลาที่เกิดข้อพิพาททางภูมิรัฐศาสตร์โดยมีเอเชียเป็นศูนย์กลาง เวทีนี้จึงเป็นการแสดงถึงความวิตกกังวลร่วมกัน แล้วแสวงหาเจตจำนงร่วมบนเส้นทางเอเชียกลาง-ใต้ ที่จะเป็นพื้นที่สำคัญของระบบระหว่างประเทศในอนาคต ผ่านการประกาศ“ปฏิญญาทาชเคนต์แห่งเอเชียใหม่"

ประธานาธิบดีชาฟเคท เมอซิโยเยฟแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน แสดงสุนทรพจน์ครั้งประวัติศาสตร์ ขนานนามเอเชียกลางและเอเชียใต้ว่า “สะพานแห่งการสนทนา” ระหว่างผู้คนกับอารยธรรม เป็น “เส้นทางสายไหมอันยิ่งใหญ่” โดยได้เน้นย้ำถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ตอบโต้ข้อสรุปเรื่องการปะทะกันของอารยธรรมว่า เอเชียกลางและเอเชียใต้ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนยากจน ตรงกันข้ามที่นี่คือศูนย์กลางแห่งอารยธรรม วิทยาศาสตร์ ความมั่งคั่ง ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามนุษย์ ตัวชี้วัดพื้นฐานที่สุดดูได้จาก เมืองและถนนหนทาง (บนเส้นทางสายไหมในประวัติศาสตร์) ภูมิภาคนี้สามารถฟื้นคืนความมั่งคั่งและมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างอารยธรรม

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

เอเชียกลางและเอเชียใต้ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่ของคนป่าฆาตกร หรือมีปัญหาความมั่นคงอย่างที่ถูกตีตรา ในทางกลับกันที่นี่เป็นศูนย์กลางของความมั่นคง เสถียรภาพ ความยุติธรรม อดทนอดกลั้น และอยู่ร่วมกันมาหลายร้อยปี

ทั้งยังเป็นภูมิภาคที่ยึดประชาชนและมนุษยธรรมเป็นศูนย์กลาง ผู้คนต่างศาสนา อิสลาม พุทธ ฮินดู และอื่นๆ จึงอยู่ร่วมกันมานานหลายศตวรรษ กลายเป็นหุ้นส่วนทางชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมหลากสีสัน โครงสร้างทางภูมิวัฒนธรรมเช่นนี้ที่กำลังถูกทำให้กลายเป็นความขัดแย้ง แท้จริงแล้วมีประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันมาก ทุกคนในพื้นที่สังเกตเห็นได้ ด้วยเหตุนี้จึงควรตระหนักถึงศักยภาพด้านการท่องเท่ี่ยวระหว่างเอเชียกลางและเอเชียใต้ และควรขยายการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม

เอเชียกลางและเอเชียใต้เป็นที่ตั้งแห่งเอกภาพ ไม่ใช่การปะทะกันของอารยธรรมอย่างที่เคยมีคนว่าเอาไว้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่เอเชียกลางและเอเชียใต้ต้องจับ “จิตวิญญาณเส้นทางสายไหม” ไว้ให้ได้เพื่อร่วมมือกัน และต้องปรับปรุงความสัมพันธ์ที่เริ่มขาดหายกันไปซึ่งยังไม่สายเกินไป

ภายใต้บริบทนี้ อุซเบกิสถานยุคใหม่จึงดำเนินการภายใต้กรอบความรับผิดชอบของประเทศ ชี้วัดได้จากกระบวนการความร่วมมือใหม่ที่อุซเบกิสถานพัฒนากับเพื่อนบ้าน ด้วยเชื่อว่า ความเข้าใจและความร่วมมือนี้จะโดดเด่นไปทั่วภูมิภาคสะท้อนถึงความพยายามทั้งหมดที่ทำ

ประธานาธิบเมอร์ซิโยเยฟกล่าวด้วยว่า โครงการที่ตนเสนอต่อที่ประชุม เน้นความร่วมมือเป็นพื้นฐาน เป็นส่วนเสริมมิใช่แข่งขันกับโครงการที่ทำมาก่อน ทั้งยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทางในแง่ของการเปิดศักยภาพความร่วมมือที่ครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์อย่างกว้างขวางยิ่ง ตัวอย่างเช่น เส้นทางแคสเปียน-เอเชียกลาง-เอเชียใต้ที่เป็น “หัวใจแห่งเอเชีย” เส้นทางรถไฟสาย Tirmidhi-Mazar-i-Sharif-Kabil-Peshawar ที่ครอบคลุมอุซเบกิสถาน อัฟกานิสถาน และปากีสถาน เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่สุดเข้ากันได้กับโครงการสายแถบและเส้นทางซึ่งไม่ควรประเมินเฉพาะมิติทางเศรษฐกิจ-พาณิชย์เท่านั้น โดยเฉพาะในประเด็นอัฟกานิสถาน

“เส้นทางการคมนาคมนี้จะมีประสิทธิภาพในความร่วมมือระหว่างภูมิภาค สร้างสันติภาพและเสถียรภาพและพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศนี้” ประธานาธิบดีอุซเบกิสถานย้ำโดยพิจารณาจากมิติของอัฟกานิสถาน

กล่าวโดยสรุป สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีชี้ให้เห็นว่า อุซเบกิสถานปรารถนาสร้างสันติภาพและเสถียรภาพ สถาปนาความสัมพันธ์อันกว้างขวางและลึกซึ้งระหว่างเอเชียกลางกับเอเชียใต้ การประชุม “เอเชียกลางและเอเชียใต้: การเชื่อมต่อระดับภูมิภาค ความท้าทายและโอกาส” ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าภาพเท่านั้น แต่เน้นย้ำผลประโยชน์ร่วมที่สำคัญในแง่การส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในอัฟกานิสถาน

“อัฟกานิสถานไม่ได้มีความหมายแค่เอเชียกลางหรือเอเชียใต้เท่านั้น แต่เป็นประโยชน์สำหรับทวีปเอเชียโดยรวมและโครงการที่พัฒนาขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือนี้” ประธานาธิบดีอุซเบกิสถานกล่าวทิ้งท้าย

4527


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ในประเทศที่ยังน่าเป็นห่วง อีกทั้ง คลัสเตอร์โรงงานกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงที่พบผู้ติดเชื้อใหม่อย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายโรงงานต้องปิดดำเนินการชั่วคราวและกระทบการผลิตในทันที

ความจำเป็นในการเพิ่มผลิตภาพการผลิตและแรงกดดันจากผลกระทบวิกฤติโควิดที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นให้ผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีการตื่นตัวในการปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ในสายการผลิตสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart factory) โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและลดการพึ่งพาแรงงานคน

 โดยในช่วงเวลา 5 ปีก่อนวิกฤติโควิด (2016-2019) มูลค่าการนำเข้าระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมของไทยเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2% ต่อปี ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นผลจากการใช้เทคโนโลยีที่กระจุกตัวอยู่ในโรงงานขนาดใหญ่หรือโรงงานที่ตั้งโดยนักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง อีกทั้ง ผู้ประกอบการไทยยังมีความกังวลในความพร้อมของระบบอัตโนมัติและทักษะของบุคลากร แต่หลังจากที่ภาคการผลิตในไทยต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านแรงงานจากผลกระทบของวิกฤตโควิดตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 เป็นต้นมา มูลค่าการนำเข้าระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเติบโตกว่า 7%YOY จาก 1.72 พันล้านบาทในปี 2019 เป็น 1.84 พันล้านบาทในปี 2020 และการนำเข้าเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 40%YOY

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2021 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีการนำเข้าระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสะท้อนถึงการตื่นตัวของภาคการผลิตในไทยที่เห็นความสำคัญของ Smart factory มากขึ้น เพื่อฝ่าวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่และให้การผลิตเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความมั่นใจในการใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างเทคโนโลยี 5G ได้ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานใน EEC 100% แล้ว รวมถึงผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งมีการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแบบสาย (FTTx) และจัดตั้งศูนย์ Data center ในพื้นที่โครงการพร้อมรองรับการใช้งานในระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ทันสมัย


แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อการปรับเปลี่ยนภาคการผลิตสู่การเป็น Smart factory รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยมีความพร้อมรองรับการใช้งานเทคโนโลยี แต่การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัล และการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการลงทุนด้านดิจิทัลของผู้ประกอบการไทยให้มากขึ้นยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา ด้วยจำนวนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของไทยมีไม่มากนักในปัจจุบัน 

โดยจากรายงาน Future of Jobs ของ World Economic Forum พบว่ามีเพียง 55% ของแรงงานไทยที่มีทักษะด้านดิจิทัล ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดการยกระดับทักษะแรงงานให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอและการผลิตแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลอย่างจริงจังอาจต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับความต้องการแรงงานเหล่านี้ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ การสร้างแรงจูงใจในการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้ประกอบการไทยยังต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐในการลดภาระการลงทุนเพื่อดึงดูดความต้องการใช้งาน รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเห็นประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการใช้งานจริง ซึ่งการยกระดับภาคการผลิตของไทยสู่โรงงานอัจฉริยะนั้น นอกจากจะทำให้เกิดการรับรู้ถึงการปรับตัวของภาคการผลิตในไทยเพื่อฝ่าวิกฤติโควิดแล้ว ยังสะท้อนถึงความพร้อมของไทยในการรองรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมไฮเทคในอนาคตได้อีกด้วย

4528


นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 ส.ค.64 ระบุ จำเป็นต้องมีการวิจัยรักษาโควิด-19 ด้วยฟ้าทะลายโจรซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น โดยว่า "เมื่อวานนี้ ทีมผู้วิจัย (ชาวไทย) ซึ่งได้ทำวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ที่สรุปผลได้ว่าฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิด19แล้วมีผลดีลดการเกิดปอดอักเสบได้ ได้ขอถอนนิพนธ์ต้นฉบับของตนเองที่รอตีพิมพ์กลับคืนจากคลังวารสารรอตีพิมพ์ (medRxiv) ด้วยเหตุผลว่ามีความผิดพลาดในการคำนวณค่านัยสำคัญของความแตกต่าง (p-value) จึงของดการเผยแพร่ไว้ก่อนเพื่อป้องกันการนำผลวิจัยไปใช้ด้วยสำคัญผิด

เจาะลึกลงไปอีกหน่อยก็คือในงานวิจัยนั้นรายงานว่า กลุ่มผู้ใช้ฟ้าทะลายโจร 29 คน เป็นปอดอักเสบ 0 คน กลุ่มที่ใช้ยาหลอก 28 เป็นปอดอักเสบ 3 คน คำนวณนัยสำคัญของความแตกต่างได้ p=<0.039 ซึ่งเป็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ (ตัดกันที่ p=<0.05)

แต่หากคำนวณอย่างถูกต้องแท้จริงแล้วค่านัยสำคัญจริงๆคือ p=0.1 แปลไทยให้เป็นไทยก็คือจะต้องเปลี่ยนคำสรุปผลวิจัยเป็น “การใช้ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมได้ไม่แตกต่างจากใช้ยาหลอก”

ระหว่างที่งานวิจัยใหม่นี้ยังไม่ออกมา ชาวไทยเราก็ต้องอาศัยข้อสรุปใหม่ล่าสุดที่ว่า “ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมในคนไข้โควิด-19ได้ไม่แตกต่างจากยาหลอก” ไปพลางๆ ก่อนนะครับ และที่หมอสันต์เคยบอกว่าหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดตอนนี้พอแล้วนั้น ก็ต้องถอนคำพูด และขอใช้คำพูดใหม่ว่า

“หลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดตอนนี้ยังมีไม่พอ ต้องรอการวิจัยซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น”

4529


เมื่อเร็วๆนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2564 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธาน ผลประชุมส่วนหนึ่งเห็นชอบเพิ่มเติมเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ให้เพียงพอและจูงใจเอกชน ลงทุนต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมจำนวน 7 แห่งตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี 4 แห่ง และ จังหวัดระยอง 3 แห่ง 

พื้นที่โครงการรวมประมาณ 8,000 ไร่ มีพื้นที่รองรับประกอบกิจการรวมประมาณ 6,000 ไร่ โดยมีเป้าหมายเงินลงทุนรวมประมาณ 3 แสนล้านบาท ภายใน 10 ปี (2564 – 2573) ได้แก่ เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรม รูปแบบนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมจำนวน 5 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี 3 แห่ง ในจังหวัดระยอง 2 แห่ง

จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษจำนวน 1 แห่ง ได้แก่ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จังหวัดระยอง เห็นชอบ เปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ (พัทยา) หรือ EECmd โดยขยายพื้นที่เพิ่ม 18.68 ไร่ เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท

4530


ริมถนนนักลงทุน เสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้ '3กระแสร้อนแรง' แวดวง 'ตลาดหุ้นไทย' วัคซีนทิพย์หมอบุญ-หุ้น DELTA ราคาสวิงวันแรก หลังหลุด Cash Balance ก่อนปิดท้าย GULF ปิดดีลซื้อ INTUCH ขึ้นแท่นหุ้นใหญ่ 42.25%

๐ ประเด็นร้อนแรงสุดในรอบสัปดาห์นี้คงต้องยกให้ 'วัคซีนไฟเซอร์' ของ 'หมอบุญ วนาสิน' เจ้าของ บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่หมอบุญออกมายอมรับว่านำเข้าวัคซีน mRNA ไม่สำเร็จ หรือจะบอกว่า 90% นำเข้าไม่ได้แล้ว เพราะติดอุปสรรคจากภาครัฐและยังมีข้อจำกัดในหลายๆ เรื่อง ทั้งที่จ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไว้แล้วและโดนยึดเงินมัดจำจากนายหน้าไปแล้ว

๐ แต่เรื่องนำเข้าวัคซีนเหมือนไม่สำเร็จของ 'หมอบุญ' ทุกคนจะรับรู้แล้ว ทว่าราคาหุ้น THG ที่วิ่งไปไหนต่อไหนแล้วในช่วงก่อนหน้านี้คงห้ามให้คนสงสัยไม่ได้... ฉะนั้น ทั้ง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยต้องส่งหนังสือให้หมอบุญ และ THG รีบชี้แจงด่วนๆ ส่งผลให้ราคาหุ้น THG ร่วงหนัก หลังราคาหุ้นทำ 'จุดสูงสุด' ที่ราคา 33.50 บาท (เมื่อ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา) เรื่องแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดในตลาดหุ้น แต่มีมานานแล้ว 

๐ เป็น 'หุ้นมหาเทพ' ในแง่ของการเคลื่อนไหวราคาขึ้น-ลง สำหรับ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ปิดท้ายสัปดาห์ (6 ส.ค.) ราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหว 'ร้อนแรง' อีกครั้ง สวนทางดัชนีหุ้นไทยร่วง !! ฟาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุ สาเหตุที่ทำให้ราคา 'หุ้น DELTA' ปรับตัวขึ้นมองได้รับปัจจัยหนุน หลังหลุดมาตรการกำกับการซื้อขาย ทั้งการห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance ตั้งแต่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาเป็นวันแรก ที่สามารถซื้อด้วยบัญชีมาร์จิ้นได้ 

๐ ร้อนถึง !! 'ดร.ภากร ปีตธวัชชัย' เอ็มดี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องออกมาดับความร้อนแรงหุ้น DELTA แต่หัววันด้วยการเตือนผู้ลงทุนระมัดระวังก่อนเข้าซื้อขายในหุ้น DELTA หลัง 6 ส.ค.ที่ผ่านมา สภาพการซื้อขายมีความผันผวนต่อเนื่อง ดังนั้น ก็อาจจะเข้าเงื่อนไขมาตรการกำกับการซื้อขายในระดับ 3 ได้ โดยที่ผู้ลงทุนต้องซื้อด้วยบัญชี cash balance ห้ามนำหลักทรัพย์ DELTA มาวางเป็นหลักประกันในการเพิ่มวงเงิน และห้ามซื้อขายแบบ net settlement

๐ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ปิดดีลซื้อ หุ้น อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 จำนวน 42.25% แล้ว 'ยุพาพิน วังวิวัฒน์' แย้มคาดในไตรมาส 3 ปี 64 จะเริ่มบันทึกงบของ INTUCH เข้ามาในงบรวมของ GULF ภายหลังได้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ โดยได้หุ้นมาจำนวน 23.32% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้นที่บริษัทถืออยู่เดิม ส่งผลให้บริษัทถือหุ้น INTUCH รวมเป็น 42.25% ในเบื้องต้นบริษัทจะได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท จากกรณีที่ INTUCH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 1.23 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 2 ก.ย. 64 

๐ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ สำหรับ บมจ. ธนพิริยะ หรือ TNP ล่าสุดโชว์ตัวเลข 'กำไรสุทธิ' ไตรมาส 2 ปี 2564 สวยหรูอยู่ที่ 43.94 ล้านบาท เติบโต 56.10% 'ธวัชชัย พุฒิพิริยะ' นายใหญ่ TNP ยิ้มแก้มปริรับยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น และ การขยายสาขาใหม่เสริม แย้มโควิด-19 หนุนดีมานด์โตหลังประชาชนกักตุนสินค้า บวกมาตรการรัฐกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการต่างๆ ผลงานสวยหรูเฉกเช่นนี้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาทต่อหุ้น XD 3 ก.ย.นี้ !!

4531


วันนี้ (8 ส.ค.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมพูดคุยในกิจกรรม “โสดออนซูม” เปิดหน้าจอ รอเจอหน้าจริง ณ Visualize Lab โครงการนาซ่าสตรีท ถนนรามคำแหง กรุงเทพมหานคร ว่า นโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่ เป็นหนึ่งในนโยบายพัฒนาคุณภาพประชากร ที่มีแนวคิดมาจากความเข้าใจในวิถีชีวิตคนโสดที่มุ่งให้ความสำคัญกับการทำงาน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต โอกาสในการพบเจอกับเพื่อนต่างสาขาอาชีพมีน้อย ได้เจอเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ใช้ชีวิตกับโทรศัพท์ และโซเชียล มีเดีย การพบปะกันในช่องทางออนไลน์ก็มีความเสี่ยงมาก ทำให้มีคนโสดแบบไม่ได้ตั้งใจจำนวนมาก สอดคล้องกับผลการศึกษาจากโครงการเจริญพันธุ์และสุขภาวะ พบว่า คนไทยต้องการมีคู่รักหรือคู่สมรส ร้อยละ 63.3 แต่ในความเป็นจริงคนไทยมีคู่เพียงร้อยละ 53.9 โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ไม่มีคู่รักคือ ไม่เจอคนที่ใช่
“โจทย์สำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันคือ ทำอย่างไรให้คนไทย “มีสมดุลในชีวิต เพื่อสร้างครอบครัวให้มีคุณภาพ” เพราะการสร้างสมดุลให้กับชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องงาน เงิน หรือ สุขภาพ เท่านั้น การมีเพื่อนที่ดี หรือ มีคนพิเศษเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีพลังใจในการสู้กับปัญหาและอุปสรรคได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่พวกเรา ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การให้กำลังใจกันและกันเป็นสิ่งสำคัญมาก การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่หาคู่ แต่เราทำหน้าที่เปิดโอกาสให้คนโสดได้มีโอกาสพบเจอกันในช่องทางที่เหมาะสม เน้นการสร้างเครือข่าย การพัฒนาศักยภาพ และการให้ความรู้เพื่อให้คนโสดเลือกคู่ที่ “พอดี” กับตัวเอง ลดการหย่าร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้ครอบครัวที่จะเกิดขึ้นมีความแข็งแรง ตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัว” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว  

ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย ได้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่อย่างมีคุณภาพ ควบคู่ไปกับนโยบายพัฒนาคุณภาพประชากรในด้านอื่นๆ อาทิ การส่งเสริมให้คู่รักที่ต้องการมีบุตร มีการวางแผน มีการเตรียมความพร้อมก่อนมีบุตร การช่วยเหลือให้คู่รักที่ประสบปัญหามีบุตรยาก เข้าถึงการรักษาภาวะมีบุตรยาก การดูแลสุขภาพของแม่และเด็ก ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ถึงหลังคลอด เพื่อให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย การส่งเสริมให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ดีเพื่อให้มีพัฒนาการที่สมวัย มีสติปัญญาดี ซึ่งการเลือกคู่ที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นของการ สร้างครอบครัวคุณภาพ และไม่ได้ดำเนินการแบบมาตรการเดี่ยว ๆ แต่ดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่จำเป็น การสร้างความรอบรู้ด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ กิจกรรม“โสดออนซูม” ในรูปแบบออนไลน์ผ่านทางเพจวิวาห์สร้างชาติครั้งนี้ เป็นการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จัดขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายคนโสดรุ่นใหม่ ที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างกัน เป็นกำลังใจให้กัน และร่วมสร้างสิ่งที่ดีให้กับสังคม ซึ่งอาจจะพัฒนาไปเป็นคู่รัก หรือคู่สมรสได้ในอนาคต ซึ่งกิจกรรมนี้ยังไม่สิ้นสุด เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะมีการจัดกิจกรรมที่พบเจอกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพและให้ความรู้สำหรับคนที่ตกลงคบหากันต่อไป

ทางด้าน นายแพทย์โอฬาริก มุสิกวงศ์ กรรมการแพทยสภา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาการดำเนินงานในเรื่องของการ Matching จะดำเนินการผ่านบริษัทจัดหาคู่ที่เป็นภาคเอกชน การออกแบบกิจกรรมมีความน่าสนใจ ตั้งแต่กระบวนการรับสมัครที่ให้สิทธิการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเท่าเทียมมีรูปแบบที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการหาคู่เป็นหลัก แต่มุ่งเน้นในการสร้างเครือข่ายคนโสด ซึ่งสามารถต่อยอดได้ในอนาคต การที่ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมอย่างจริงจังนอกจากจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้าร่วมกิจกรรม ยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้สังคมตื่นตัว และมีทัศนคติที่ดีต่อการมีคู่ และผมคิดว่าความตั้งใจที่ดี กระบวนการที่ดี จะเป็นประโยชน์ และส่งผลทางบวก สิ่งที่ทุกคนจะได้คือ “เพื่อน” ส่วนเรื่อง “คู่” เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส เพราะไม่ว่าอย่างไร ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป

4532
ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป


 ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากสถานการณ์โควิดได้ที่  www.jitasa.care

 ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด เว็บ JITASA.CARE จิตอาสาดูแลไทย (สำหรับอาสาสมัคร)  ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19

เว็บ ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป
.
สายด่วนสถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด (กรุงเทพมหานคร),แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation),
แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

และ ข้อมูลติดต่อฉุกเนิน ต่างๆเช่น

-สายด่วนกรมการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยในการหาเตียง โทร 1668
-สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินทันที /โทร 1669
-สายด่วน สปสช. ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล โทร 1330
-ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร 1111
-สบายดีบอต หาเตียง Line Official: https://bit.ly/Covid-SaBaiDee
-กรุงเทพมหานคร Line ID: @bkkcovid19connect หรือ https://bit.ly/Covid-BKK
-เราต้องรอด Facebook: www.facebook.com/savethailandsafe Line ID: @iwillsurvive หรือ https://bit.ly/ Covid-iwillsurvive
-โควิดติดล้อถึงเตียง Facebook: www.facebook.com/CC.Kontumngan


และข้อมูลอื่นๆ คลิก JITASA.CARE 

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://prakasfree.website/ข้อมูลการติดต่อหน่วยงา/



คำค้น
#ช่วยเหลือโควิท, #ร่วมกันช่วยเหลือคนเดือดร้อนจากโควิท19, สายด่วน สถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด,
แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation), แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19
 

4533


วานนี้ (6 ส.ค.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวสวิสอย่างมาก ล่าสุดได้ทำจดหมายแสดงความเสียใจไปถึงสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ยอมรับว่ากรณีนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ไม่ควรเกิดขึ้นในปัจจุบันที่ประเทศไทยเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เปิดเมืองภูเก็ตนำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวแบบไม่กักตัวในช่วงที่โรคโควิด-19 ยังมีการระบาดทั่วโลก ซึ่งกำลังถูกจับตาจากหลายๆ ประเทศในโลกนี้ว่าจะเดินไปได้ขนาดไหน หากสำเร็จ หลายประเทศก็จะเดินตามทำแซนด์บ็อกซ์แบบประเทศไทย หากไม่สำเร็จก็จะนำจุดอ่อนไปแก้ไข

“เรื่องนี้ถือว่าเราผิดพลาดและไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”

ในฐานะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งมีกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่จ่ายเยียวยาให้ได้ภายใต้หลักเกณฑ์สูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมดูแลการส่งร่างของผู้เสียชีวิตกลับประเทศ และดูแลญาติผู้เสียชีวิตที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย

ทั้งนี้ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยทางนายกฯกำชับให้ดูแลเรื่องนี้ และสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาติดตามเรื่องที่ภูเก็ตด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะประสานเพื่อขอความร่วมมือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร ให้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนอีก

พร้อมขยายผลไปยังพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” ซึ่งเปิดโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงโครงการ “กระบี่ อีเวน มอร์ อะเมซิ่ง” เปิดพื้นที่นำร่อง 3 เกาะใน จ.กระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล และโครงการ “พังงา พร้อมต์” นำร่องด้วยเขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ที่สองโครงการหลังเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยววันที่ 15 ส.ค.นี้ ใช้สูตร 7+7 คือเปิดให้เที่ยวเชื่อมโยงจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่พื้นที่นำร่องในสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา คาดเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมโยงจริงตั้งแต่ 22 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

“ผมจะโทรศัพท์ประสานไปยังผู้ว่าราชการทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา ให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศไทย รวมทั้งจะหารือกับนายกฯเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น เพราะหากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่สะดุดกลางคัน คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4 ปีนี้และไตรมาส 1 ปี 2565 เพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ท่องเที่ยวแก่จังหวัดภูเก็ตมากกว่าเดือน ก.ค.ที่นักท่องเที่ยวนำเงินมาใช้จ่าย 829 ล้านบาท สร้างเงินหมุนเวียนราว 2,000 ล้านบาท” รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว

4534


มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ของรัฐบาลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ต และสื่อออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนย้ายมาอยู่บนหน้าจอในโลกออนไลน์เกือบ 100%

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากพฤติกรรมดังกล่าวก็คือ ร่องรอย หรือ "รอยเท้าดิจิทัล (Digital footprint)" ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานบนอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม ทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้นำมาสร้างกลลวงโดยฉวยโอกาสจากสถานการณ์ปัจจุบัน


นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS อธิบายว่า ช่วงที่ผ่านมา AIS พบว่ามีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการร้องเรียนเกี่ยวกับการโดนหลอกลวง และภัยไซเบอร์ต่างๆ จากผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น ฟิชชิ่ง โดยปลอมลิงค์จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้คนสนใจเข้าไปกรอกข้อมูล หรือแม้แต่ SMS ลวง ที่อาศัยเหตุการณ์ปัจจุบันเช่น ไฟไหม้, โรคระบาด, เงินเยียวยา, วัคซีน มาเป็นตัวล่อ ทำให้คนที่ไม่ทันต่อเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพเกิดความเสียหายจากการใช้งานขึ้นอย่างมากมาย

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ AIS ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยจากการทำงานของ AIS อุ่นใจ Cyber พบข้อมูลสำคัญว่า ทุกๆ การใช้งานบนออนไลน์ ทำให้เกิด รอยเท้าดิจิทัล หรือ Digital footprint ทิ้งไว้ในทุกที่ซึ่งแน่นอนว่านี่คือสารตั้งต้นที่ทำให้ผู้ใช้งานฝากข้อมูลสำคัญต่างๆ ไว้โดยไม่รู้ตัว มีผลทำให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้ประโยชน์ตรงนี้มาสร้างรูปแบบการหลอกลวงจนสร้างความเสียหายได้"

AIS อุ่นใจCyber มีความห่วงใยลูกค้าและคนไทยในการใช้งานอินเตอร์เน็ตและออนไลน์ทุกรูปแบบ จึงขอย้ำเตือนถึงช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นจากการเหยียบย่ำบนออนไลน์จนสร้างเป็นรอยเท้าข้อมูลในทุกที่อาจทำให้มิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลของเราไปใช้งานในทางที่ผิดทั้งไม่ว่าจะต่อตัวเองหรือผู้ใช้งานอื่นก็ตาม


ฉะนั้นเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตทุกรูปแบบต้องมีสติ ไม่โพสรูปหรือข้อความที่สุ่มเสี่ยงต่อการบอกที่ตั้ง รวมถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ และบอกตัวเองเสมอว่าทุกกิจกรรมที่เราทำมีรอยเท้าฝากไว้เสมอ เพื่อการใช้งานที่อุ่นใจไร้ภัยไซเบอร์

"เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า Digital footprint ทำให้แบรนด์รู้จักและเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีอีกมุมที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะ Digital footprint หรือ รอยเท้าดิจิทัล อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสารพัดรูปแบบได้ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการใช้งานทุกขั้นตอนเพื่อลดช่องโหว่ในการใช้ประโยชน์จากการใช้งานของมิจฉาชีพ"

4535
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ ‘น้ำมันแกลลอน’ สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)

https://youtu.be/cZRFXCcpzo0

4536


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อยู่ระหว่างทำแผนสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ระยะที่ 2) ปี 2565-2569 เพื่อใช้ดูแลสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อจากแผนระยะที่ 1 (2561-2564) 

ทั้งนี้ แผนระยะที่ 2 จะมีความชัดเจนในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นการวางแผนในช่วงที่มีการประกาศใช้แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดการใช้พื้นที่ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม การพัฒนาเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ดิจิทัล และการป้องกันสาธารณภัย

รายงานข่าวจาก สผ.ระบุว่า ขณะนี้การจัดทำแผนอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใน จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง โดยได้มีการสรุปปัจจัยที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมในอีอีซี 6 ด้าน คือ

1.ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งในเขตเกษตรกรรม มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อการพัฒนา ส่งผลให้พื้นที่ทางการ เกษตรถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สิ่งปลูกสร้างและทิ้งร้างว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการลดลงของผลผลิตอาหารในพื้นที่ ส่วนในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มจาก 4.15 ล้านคน ในปี 2562 เป็น 5.85 ล้านคน ในปี 25670 โดยประชากร 53% อาศัยอยู่ในเขตเมือง (ปี 2562) ซึ่งผลิตอาหารเองไม่ได้และต้องพึงพาแหล่งอาหารจากพื้นที่เกษตรกรรม 

2.สุขภาพ เขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมมีพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไปเป็นแบบเมือง ได้แก่ การกิน การสูบบุหรี่ มลพิษทางอากาศ การดื่มแอลกอฮอล์ และพฤติกรรม เนือยนิ่ง ส่งผลต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยอีอีซีมีพฤติกรรมการบริโภคแบบเมืองเพิ่มจาก 11.12% ในปีงบประมาณ 2556 เป็น 14.89% ในปีงบประมาณ 2563 และหากอัตรการเพิ่มยังไม่เปลี่ยนแปลงคาดการณ์ว่าปี 2570 จะเพิ่มเป็น 18.66% 

ขณะที่สถานการณ์ด้านมลภาวะทางอากาศเป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมลพิษภาพรวมอยู่ระดับมาตรฐาน แต่มีเกินค่ามาตรฐานบ้างในบางพื้นที่และบางเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโรงงานหนาแน่น โดยพื้นที่สีเขียวที่เป็นแนวทางการลดและบรรเทามลภาวะในพื้นที่เมืองที่มีความหนาแน่นสูงมีสัดส่วนพื้นที่ที่น้อยกว่าค่าที่ควรจะเป็นสำหรับการสร้างสภาพอากาศที่ดีในเมือง

3.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้นไม้ทั่วไป 1 ต้น ดูดซับ CO2 ได้ 21 กิโลกรัมต่อปี แต่หากต้นไม้มีอายุ 100 ปี จะ ดูดซับ CO2 ได้ 1 ตันต่อปีต่อต้น พื้นที่ป่าไม้ในเขตอีอีซีจาก 12.50% ในปี 2556 เป็น 12.39% ในปี 2563 นั่นหมายถึงประสิทธิภาพการกักเก็บ คาร์บอนในอีอีซีต่ำลง โดยแนวทางการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำจำเป็นต่อการพัฒนาพื้นที่ ในขณะที่ไทยมีเป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20-25% ภายในปี 2573 เท่ากับเป้าหมายการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอีอีซีอยู่ที่ 6.9-8.6 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

4.นโยบายหรือโครงการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในอีอีซีพบว่า พื้นที่เกษตรกรรมลดลง 4.9% ในช่วงปี 2556-2563 ในขณะที่พื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 27.41% พื้นที่พาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น 35.64% และพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 28.98% นับว่าเป็นแรงกดดันของทุกภูมินิเวศ ทั้งนี้ขึ้นกับทำเลที่ตั้งของโครงการพัฒนาต่างๆ

5.ประชากร นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคน ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านคนในปี 2562 ส่งผลต่อการบุกรุกและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในพื้นที่ธรรมชาติหากขาดการบริหารจัดการที่ดีพอ ในขณะที่ประชากรแฝงในพื้นจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้นจาก 538,000 ในปี 2562 เป็น 1.15 ล้านคน ในปี 2570 ซึ่งหมายถึงความต้องการบริโภคทรัพยากรและการปล่อยของเสียออกสู่พื้นที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อความเปราะบางของพื้นที่ในการเปลี่ยนแปลง และความมีอยู่ของอาหารในพื้นที่

6.สถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เขตพื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งน้ำมีคุณภาพเสื่อมโทรม คือ คลองนครเนื่องเขต คลองท่าไข่ จ.ฉะเชิงเทรา , คลองตำหรุ คลองพานทอง จ.ชลบุรี และแม่น้ำประแสร์ แม่น้ำระยอง จ.ระยอง ในขณะที่พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรม 168,166 ไร่ คิดเป็น 10.06% และน้ำต้นทุนอยู่ที่ 1,215 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งไม่พอความต้องการที่มากถึง 2,375 ล้าน ลบ.ม.

ปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย กล่าวว่า แผนสิ่งแวดล้อมอีอีซีจะไปผูกพันกับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในโครงการในอีอีซี ซึ่งต้องพิจารณาถึงระยะเวลาการศึกษาให้สั้นลงและให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งบางครั้งไม่สอดคล้องกับงบประมาณ เช่น การพัฒนาถนนเลียบชายฝั่ง การสร้างสะพานข้ามคลองหรือแหล่งน้ำ

ทั้งนี้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอีอีซีจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมใหม่ คือ ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะจากกระบวนการการผลิต ขยะชีวภาพ ซึ่งต้องมีกระบวนขจัดให้ถูกต้อง ดังนั้นต้องพิจารณากระบวนการจัดขยะให้ชัดเจนในแผนจัดการสิ่งแวดล้อม และต้องไม่เพิ่มขั้นตอนอีกเพราะจะทำให้ผู้ลงทุนลังเลและไม่อยากลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลายโรงงาน ดังนั้นจึงอยากให้มีความชัดเจนในแผนการขจัดขยะทั้งระบบ

ส่วนการบริหารจัดการแหล่งน้ำที่ปัจจุบันใช้น้ำรวมกันทั้งการบริโภคและอุตสาหกรรม เช่น อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ซึ่งแหล่งน้ำในภาคตะวันออกที่ดีที่สุด คือ อ่างเก็บน้ำประแสร์ เพราะต้นน้ำไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ไม่มีปนเปื้อน ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างแหล่งน้ำผลิตประปาเพื่ออุปโภคบริโภคและแหล่งน้ำอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมาหอการค้าไทยเสนอโครงการเดินท่อน้ำจากแหล่งน้ำเพื่อเป็นระบบปิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเมื่อถึงโรงกรองน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา

นอกจากนี้การบริหารทรัพยากรทางชายฝั่งที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาการรั่วไหลน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมัน หรือเรือบรรทุกสินค้า หรือเรือบรรทุกของเสียทำของเสียรั่วลงทะเลและซัดมาเกยตื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งควรมีแนวทางจัดการเรื่องนี้ ส่วนปัญหาอากาศต้องการให้รัฐบาลปัดฝุ่น พ.ร.บ.อากาศสะอาดกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันหลายโรงงงานดูแลจัดการเรื่องนี้แล้วก็ตาม

หน้า: 1 ... 250 251 [252] 253 254 ... 256