คุยกันครับ

ปูเรื่อง: พอดี 65F8000 มีปัญหาจอเล่น 3D ไม่ได้ แต่ 2D ดูได้ปกติ samsung เสนอค่าซ่อมมาประมาณ 26,000 บาท จึงเป็นสาเหตุให้ผมเริ่มมองหา 65 นิ้วตัวใหม่ทดแทน และเป็นที่มาของการตระเวนตามร้านเพื่อขอทดสอบรุ่น top ต่างๆ ที่อยู่ในงบที่ตั้งไว้ ซึ่งยุคนี้ผมไม่อยากจ่ายเกิน 1 แสนแล้ว ไม่ไหวแล้วครับ และเงื่อนไขสำคัญต้องมี 3D ครับ ไม่งั้นแผ่น blu ray 3D ที่สะสมมาตลอด 6 ปี จะเอามาเปิดเป็น 2D ก็ไม่ใช่เรื่อง

ย้อนกลับไป 6 ปีที่แล้ว ผมซื้อ LG 55LX9500 ในราคาที่วันนี้ซื้อ DX900 ได้เลย แต่ถ้าผมซื้อ Dx900 มันเหมือนกับว่าผมกำลังจะได้ LX9500 มาอีกตัวหรือเปล่า เพราะว่าผลจากการไปลองเล่นดู ผมว่ามันมี characters หลายๆอย่างคลายกันมากๆ ดังนนี้

มันเป็นระบบ Full array LED with local dimming เหมือนกัน ข้อดีคือ ฉากที่ควรจะดำ มันดำสนิทได้ดีจริง แต่ ภาพของมันให้ข้อด้อยที่ผมขัดใจแบบที่เคยเจอมาใน LX9500 เลย คือ

- อาการ Banding เวลาภาพมีควารเคลื่อนไหวเร็ว การเปิดปิดหลอด LED มันตอบสนองไม่ทัน จะเห็นเงาเทาเป็นโซนๆ!!!!

- แม้คนขาย DX900 จะโม้ว่านี่คือเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งผมก็เปิดใจนะเพราะหวังว่า 6 ปีผ่านไปจะแก้ไขเรื่องต่อไปนี้ได้แล้ว แต่พบว่า อาการ blooming ของแสงรอบๆวัตถุในฉากตัดกับพื้นหลังมืดๆ มันไม่มืดจริง ทำให้สีของวัตถุมันไม่คม แต่ถ้าปิด local dimming มันก็ทำให้วัตถุดูซีดไม่ แย่กว่า Edge อีกเพราะ direct LED แสงมันยิงเข้าตาทำให้สีจากเม็ด LCD จืดลง DX900 เดินมารอยแผลของรุ่นพี่อย่าง LX9500 เป๊ะๆเลย ปัญหานี้ทำให้ดูไปนานจะล้าตามาก โดยเฉพาะถ้าเปิด sub title จอบริเวณ 1/4 ของ zone ล่างจะเรื่องแสงตลอด สีบริเวณนั้นก็ไม่สด  HDR effect ถูก compromised อย่างชัดเจนมาก

- จาก blooming ทำให้รายละเอียดในที่มืดหายไปเยอะเลยแหละครับ เป็นอาการเดียวกับ LX9500 เป๊ะๆเลย

- จอร้อนมากๆ มากแบบที่ว่ายืนห่าง 2 เมตร ยังรู้สึก มั่นใจว่า ถ้าใครซื้อไปใช้แบบไม่เปิดแอร์ มีปัญหาแน่นอน ทั้งตัวเราที่จะรู็สึกว่าห้องร้อน และตัวทีวีจะไปเร็วแน่ๆ ผมฟันธงว่าใครซื้อตัวนี้มา ต้องเปิดแอร์เวลาใช้งานนะครับ

- เรื่องสี ผมยอมรับว่า แค่แว๊บแรกที่เห็นภาพหน้าร้านแต่ไกลๆ ผมยังไม่รู้หรอกว่าเจ้านี่คือ DX900 แต่ผมก็มั่นใจว่าภาพแบบนี้มันคือดีงามมาก ที่จะต่อกรกับ KS9000 ของ samsung ได้สบาย สีสรรของภาพคือจุดแข็งของ DX900 จริงๆครับ (sony X9300D สู้ไม่ได้จริงๆ แต่ผมอาจจะซื้อตัวนี้แทนเพราะ งบที่จำกัด แล้วภาพแม้จะรู้ว่าคนละ level กับสองตัวนั่น แต่ยอมรับได้) ถ้า KS9000 มี 3D ผมคงเลือกมันเป็นตัวแรก

- 3D ของ DX900 นี่ชนะเลิศครับ เป็น active ที่น่าจะสมบูรณ์แบบแล้วแหละ ดีกว่า F8000 อีกคือไม่กระพริบเลย และเนียนมาก มิตินิ่งมาก ผมยังไปลอง 3D ใน LG 4K ทั้ง OLED และ LED ก็พบว่าpassive ใน 4K ก็ยังแตกนะครับ ดังนั้น passive ภาพเนียนละเอียดมาก DX900 ถ้าอยากได้มันมากๆก็เพราะ 3D ที่ดีเยี่ยมนี่แหละครับ

- DX900 ในราคา 115,000 ผมรู็สึกว่าไม่คุ้ม เทคโนโลยียังไปไม่ไกลจากเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จุดด้อยมาครบเลย แต่จุดดีเรื่องสีสรรก็ดีขึ้นจริงตามมาตรฐานปี 2016 แต่กระะนั้น ทำให้ผมต้องถามตัวเองว่า จะตัด OLED C6 ทิ้งไปหรือถ้าต้องจ่ายเกินงบที่ตั้งไว้ พอดูเรืองงบ ทำให้ sony x9300D กลับมามีเสน่ห์มากมาย

สรุปถ้าไม่มีข้อจำกัดเรื่องงบ ผมคงจะสอย OLED E6 ตามด้วย DX900 และ X9300D เป็นอันดับ 3 แต่เมื่อมีเรื่องงบเข้ามาเป็นตัวแปร ลำดับก็ย้อนกลับทิศกันไปเลยครับ  ส่วน KS9000 ก็คงไม่ซื้อเพราะไม่มี 3D มันบ้าไหม samsung ปีนี้ แล้ว samsung ปีนี้การตลอดมันเอาเปรียบมาก ไม่นำเข้า ks8000 มาขาย แต่เอาตัวด้อยเริ่มต้น ks7500 เข้ามาวางในราคา ks8000  ปกติ series 8000 ภาพจะ spec เดียวกับ 9000 แต่จะเป็จอแบนครับ



สรุปแล้วยังคิดไม่ตกครับ ว่าจะซื้อตัวไหน หรือจะซ่อม F8000 แล้วเอาตังค์เปลี่ยน sofa ใหม่โดยไปอัญเชิญ lazy boy 3 ที่นั่งเข้าห้องรับแขกดีกว่า...

เสาร์นี่จะไปร่วมงาน TV shootout น่าจะให้คำตอบผมได้ชัดขึ้น

ขอบคุณที่อ่านกันครับ ท่านใดมีคำแนะนำอะไร ก็เชิญแนะนำได้ตามสะดวกเลยครับ