รับทำสาย Sub,สายสัญญาณ,สายไฟต่างๆ ครับ(Made by order) หลังจากได้ลองทำสายใช้เองลองถูกลองผิดมาเยอะ...ก็ได้สายเส้นนี้ครับ
ปกติก็ทำให้ในกลุ่มที่เล่นกันอยู่ในห้อง H.I.P. Ware ผลตอบรับดีกว่าสายที่แพงกว่า...ลงลึก..หนัก..รายละเอียดเบสครบ(SET ซับให้ดีก่อนนะลองเข้าไปศึกษาวิธี Set ที่ห้อง H.I.Pได้)
ช่วงนี้ว่างๆเลยรับทำซะเลย...ใครสนใจโทร..081-642-3836 ชวิน..
ผมจะไม่ทำไว้นะครับต้องสั่งก่อนถึงทำ 1-2 วันได้ ส่งEMS ฟรีครับ
ราคา 2 M ประมาณ 3,000 หัว RCA แบบมาตราฐานที่ใส่ให้ผมใช้ หัว CMC ครับ...แบบ1ออก1
ถ้ายาวกว่า 2 M เพิ่มเมตรละประมาณ 700.บาท..จริงๆสายเพิ่มขึ้น 1 เมตร แต่ผมใช้วิธีเบิ้ลสายครับเลยเปลืองค่าสายหน่อย
เหมาะกับคนที่ไม่สนใจยี่ห้อแต่ต้องการคุณภาพที่เหมาะกับราคาครับ
ต้องลองครับ..........

หรือใครต้องการสายสัญญาณ RCA,สายไฟต่างๆที่เหมาะกับระบบของตัวเองลองโทรมาคุยกันได้ครับ....หรือ PM มา ทำได้
ขั้วต่อที่สามารถไปเสียบที่ช่อง L,R ข้างหลังซับได้พอดี และใช้สายแบบ 1ออก1 สูตรของผมถึงจะดีต้องลองหาสั่งในเว๊บดูตัวละประมาณ 500-600
Y แบบเป็นสายก็ไม่ดีมันมีจุดเชื่อมต่อเยอะ
ใครที่มี Y อยู่แล้วก็สั่งแบบ 1 ออก 1 ไปใช้ก็ดีครับ
 

การที่จะใช้ Y connect หรือไม่ขึ้นอยู่การออกแบบของตัวซับ ว่ามีช่องอินพุทอย่างไรซึ่งดูรายละเอียดตามนี้
 
1.ช่องอินพุท แบบ LFE (แบบช่องเดียว )ช่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในระบบสำหรับดูหนังโดยเฉพาะ..คือเมื่อนำสัญญาณมาเข้าที่
ช่องนี้...วงจรภายในซับก็จะตัดระบบจุดตัดความถี่ของซับออก..เหลือเพียงสามารถปรับแต่งแต่เพียง Vol เท่านั้น..เราจะควบคุม
จุดตัดความถี่ใน AVR เท่านั้น..แต่ก็มีซับบางยี่ห้อก็ออกแบบให้สามารถปรับแต่งจุดตัดความถี่ได้ด้วย..ต้องลองศึกษาในคู่มือซับอีกทีข้อดีคือได้เบสที่สะอาดกว่า..แต่ความดังจะน้อยกว่าเสียบสองช่อง..(ซึ่งสามาถปรับชดเชยที่ AVR ได้ครับ)

2.ช่องอินพุท แบบ L , R ( แบบสองช่องสีแดงและสีขาว)ซึ่งช่องนี้ เมื่อนำสัญญาณมาเข้าที่ L , R ก็จะสามารถปรับแต่งค่าต่างๆที่มีอยู่บนตัวซับได้..ไม่ว่าจะเป็น Vol , จุดตัดความถี่ ได้..(แบบนี้เค้าออกแบบมาให้ใช้กับระบบออดิโอ 2.1 ch) ข้อดีคือสามารถปรับแต่งเสียงให้กลมกลืนกับระบบได้ง่ายกว่าแบบ LFE

ซึ่งซับจะให้ ช่องอินพุท มาไม่เหมือนกันบางที่มี 1 ช่อง 2 ช่อง(บางที่ก็กำหนดให้ช่องใดช่องเป็น LFE )หรือบางที่มีมาครบทั้ง 2 แบบ

สายSub ประกอบแบบ 1 ออก 1 จะมีทิศทางลูกศรบอกครับ(ด้านปลายทางให้ลูกศรชี้เข้าไปที่ Sub)

สายSub ประกอบแบบ 1 ออก 2 จะไม่มีทิศทางลูกศรบอก......ด้านต้นทางจะเป็นRCAหัวเดียว( AMP)......ด้านปลายทางจะเป็น RCA 2 หัว L,R ( SUB) เสียบเข้าที่ช่องL,R ของ SUB ได้เลยครับ

หรือสั่งสายแบบ 1 ออก1 ไป แต่ sub มีแต่แบบ L กับ R ไม่มีช่อง LFE แบบนี้ ให้เสียบที่ช่องไหนของ L กับ R ก็ได้ครับ
แต่โดยปกติจะเสียบที่ช่อง L ครับ...Vol อาจจะเบากว่าเสียบสองช่อง..แต่ได้เบสที่สะอาดกว่า..ถ้าหมุน Vol ที่ซับแล้วความดังยังไม่ได้ก็ไปเพิ่มที่ AVR ครับเพราะซับบางตัวออกแบบมาต้องการรับสัญญาณที่ส่งมามากกว่าทั่วไปยกตัวอย่างพวก JBL ต้องการสัญญาณจาก AVR มากซักหน่อยและต้องหมุน Vol ดูมากกว่าปกติประมาณ บ่าบโมงถึงสองโมงแล้วแต่สภาพห้อง
แต่พวกพาราดามหมุนนิดเดียวก็ดังแล้วเพราะเกนของAmpมันสูงอยู่แล้วป้อนสัญญาณนิดเดียวก็สนั่นลั่นทุ่งแล้วแต่มันก้ตามมาด้วยความเพี้ยนถ้าเราเร่งมากเกินไป
(ปกติ Vol ที่ซับหมุนเพิ่มได้ครับแต่ไม่ควรเกิน ประมาณ 2 นาฬิกา 75% ของ Vol สูงสุด)


[img]รับทำสาย Sub,สายสัญญาณ,สายไฟต่างๆ ครับ(Made by order) หลังจากได้ลองทำสายใช้เองลองถูกลองผิดมาเยอะ...ก็ได้สายเส้นนี้ครับ
ปกติก็ทำให้ในกลุ่มที่เล่นกันอยู่ในห้อง H.I.P. Ware ผลตอบรับดีกว่าสายที่แพงกว่า...ลงลึก..หนัก..รายละเอียดเบสครบ(SET ซับให้ดีก่อนนะลองเข้าไปศึกษาวิธี Set ที่ห้อง H.I.Pได้)
ช่วงนี้ว่างๆเลยรับทำซะเลย...ใครสนใจโทร..081-642-3836 ชวิน..
ผมจะไม่ทำไว้นะครับต้องสั่งก่อนถึงทำ 1-2 วันได้ ส่งEMS ฟรีครับ
ราคา 2 M ประมาณ 3,000 หัว RCA แบบมาตราฐานที่ใส่ให้ผมใช้ หัว CMC ครับ...แบบ1ออก1
ถ้ายาวกว่า 2 M เพิ่มเมตรละประมาณ 700.บาท..จริงๆสายเพิ่มขึ้น 1 เมตร แต่ผมใช้วิธีเบิ้ลสายครับเลยเปลืองค่าสายหน่อย
เหมาะกับคนที่ไม่สนใจยี่ห้อแต่ต้องการคุณภาพที่เหมาะกับราคาครับ
ต้องลองครับ..........

หรือใครต้องการสายสัญญาณ RCA,สายไฟต่างๆที่เหมาะกับระบบของตัวเองลองโทรมาคุยกันได้ครับ....หรือ PM มา ทำได้


แต่จะเอาสูตรของผม 1 ออก 1 จะดีกว่า

ขั้วต่อที่สามารถไปเสียบที่ช่อง L,R ข้างหลังซับได้พอดี และใช้สายแบบ 1ออก1 สูตรของผมถึงจะดีต้องลองหาสั่งในเว๊บดูตัวละประมาณ 500-600
Y แบบเป็นสายก็ไม่ดีมันมีจุดเชื่อมต่อเยอะ
ใครที่มี Y อยู่แล้วก็สั่งแบบ 1 ออก 1 ไปใช้ก็ดีครับ
 

การที่จะใช้ Y connect หรือไม่ขึ้นอยู่การออกแบบของตัวซับ ว่ามีช่องอินพุทอย่างไรซึ่งดูรายละเอียดตามนี้
 
1.ช่องอินพุท แบบ LFE (แบบช่องเดียว )ช่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในระบบสำหรับดูหนังโดยเฉพาะ..คือเมื่อนำสัญญาณมาเข้าที่
ช่องนี้...วงจรภายในซับก็จะตัดระบบจุดตัดความถี่ของซับออก..เหลือเพียงสามารถปรับแต่งแต่เพียง Vol เท่านั้น..เราจะควบคุม
จุดตัดความถี่ใน AVR เท่านั้น..แต่ก็มีซับบางยี่ห้อก็ออกแบบให้สามารถปรับแต่งจุดตัดความถี่ได้ด้วย..ต้องลองศึกษาในคู่มือซับอีกทีข้อดีคือได้เบสที่สะอาดกว่า..แต่ความดังจะน้อยกว่าเสียบสองช่อง..(ซึ่งสามาถปรับชดเชยที่ AVR ได้ครับ)

2.ช่องอินพุท แบบ L , R ( แบบสองช่องสีแดงและสีขาว)ซึ่งช่องนี้ เมื่อนำสัญญาณมาเข้าที่ L , R ก็จะสามารถปรับแต่งค่าต่างๆที่มีอยู่บนตัวซับได้..ไม่ว่าจะเป็น Vol , จุดตัดความถี่ ได้..(แบบนี้เค้าออกแบบมาให้ใช้กับระบบออดิโอ 2.1 ch) ข้อดีคือสามารถปรับแต่งเสียงให้กลมกลืนกับระบบได้ง่ายกว่าแบบ LFE

ซึ่งซับจะให้ ช่องอินพุท มาไม่เหมือนกันบางที่มี 1 ช่อง 2 ช่อง(บางที่ก็กำหนดให้ช่องใดช่องเป็น LFE )หรือบางที่มีมาครบทั้ง 2 แบบ

สายSub ประกอบแบบ 1 ออก 1 จะมีทิศทางลูกศรบอกครับ(ด้านปลายทางให้ลูกศรชี้เข้าไปที่ Sub)

สายSub ประกอบแบบ 1 ออก 2 จะไม่มีทิศทางลูกศรบอก......ด้านต้นทางจะเป็นRCAหัวเดียว( AMP)......ด้านปลายทางจะเป็น RCA 2 หัว L,R ( SUB) เสียบเข้าที่ช่องL,R ของ SUB ได้เลยครับ

หรือสั่งสายแบบ 1 ออก1 ไป แต่ sub มีแต่แบบ L กับ R ไม่มีช่อง LFE แบบนี้ ให้เสียบที่ช่องไหนของ L กับ R ก็ได้ครับ
แต่โดยปกติจะเสียบที่ช่อง L ครับ...Vol อาจจะเบากว่าเสียบสองช่อง..แต่ได้เบสที่สะอาดกว่า..ถ้าหมุน Vol ที่ซับแล้วความดังยังไม่ได้ก็ไปเพิ่มที่ AVR ครับเพราะซับบางตัวออกแบบมาต้องการรับสัญญาณที่ส่งมามากกว่าทั่วไปยกตัวอย่างพวก JBL ต้องการสัญญาณจาก AVR มากซักหน่อยและต้องหมุน Vol ดูมากกว่าปกติประมาณ บ่าบโมงถึงสองโมงแล้วแต่สภาพห้อง
แต่พวกพาราดามหมุนนิดเดียวก็ดังแล้วเพราะเกนของAmpมันสูงอยู่แล้วป้อนสัญญาณนิดเดียวก็สนั่นลั่นทุ่งแล้วแต่มันก้ตามมาด้วยความเพี้ยนถ้าเราเร่งมากเกินไป
(ปกติ Vol ที่ซับหมุนเพิ่มได้ครับแต่ไม่ควรเกิน ประมาณ 2 นาฬิกา 75% ของ Vol สูงสุด)



มาแล้วครับ....สายไฟที่สั่งเข้ามาแล้วสายหมด...มันกลับมาแล้ว.....หนักแน่น...ทรงพลัง..
สำหรับสายไฟที่จะใช้กับ...AVR...จอภาพ...โปรเจคเตอร์...เครื่องเล่น BD DVD.....ฯลฯ
โทรคุยกันได้ครับ...เพราะสายไฟที่ทำมามันไม่สามารถใช้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้..ครับ(ที่ประกอบข้างบนเน้นให้ใช้กับซับครับ)

ยกมาจากที่ผมเคยโพสต์ไว้

สายทุกแบบทุกแบนด์มีดีมีด้อยต่างกันไปสำคัญที่ว่าข้อดีหรือข้อด้อยมันไปช่วยเสริมกับแอมป์หรือลำโพงของระบบเราให้เราฟังแล้วเราชอบเท่านั้น....ไม่มีถูกหรือผิด...ชอบเสียงแบบไหนใช้แบบนั้น

เอามาว่ากัน(ความเห็นส่วนตัวนะ)......ตามที่เคยได้รับรู้มา...เค้าประมาณว่าสายตัวนำประเภททองแดงมีคุณลักษณะที่ให้เบสที่ดีกว่าพวกสายที่มีตัวนำเป็นเงิน แต่ตัวนำที่เป็นเงินก็ให้เสียงที่มีรายละเอียดสดใสกว่าทองแดง...เลยทำให้มีหลายสายหลายยี่ห้อที่พยายามเอาข้อดีของตัวนำแต่ละตัวมารวมกัน..เช่นเป็นสายทองแดงเคลือบเงินบ้าง....เคลือบนิเกิลบ้าง.....แต่ถามว่าแบบไหนดี....ไม่รู้ต้องลองแมทกับระบบเองว่าระบบขาดอะไรบ้าง...แต่มันยังมีเรื่องเกี่ยวกับลักษณะของตัวนำเข้ามาเกี่ยวข้องอีก...สายตัวนำแกนเดียวหรือสายทีมีหน้าตัดใหญ่จะให้เสียงเบสที่ดีมิดเบสดีแต่ย่านสูงกลางสูงอาจจะไม่ทอดไกลนัก...และถ้าตัวนำแกนแข็งใหญ่ไปหรือหน้าตัดใหญ่ไปเบสก็จะช้าเสียงย่านสูงจะหุบไปเลย....พวกที่ผลิตเลยแก้โดยใช้แกนเดียวแต่เส้นเล็กตีเกลียวกันเพื่อช่วยในย่านกลางและสูงโดยที่ยังได้เบสที่ดีอยู่
ส่วนสายตัวนำที่เป็นฝอยหรือหน้าตัดเล็กๆจะให้รายละเอียดและเสียงที่เปิดโปร่งให้เสียงย่านสูงที่ดีกว่า...สายเดียวแกนแข็ง
แต่ก็ยังมีตัวแปรเรื่องความบริสุทธ์ของตัวนำอีกที่จะทำให้เสียงดีหรือไม่.....(เริ่มโง่แล้วค้นไม่ไหวละคงต้องไปเกิดใหม่เรียนเคมี...ฟิสิกต์...โครงสร้างอะตอม..อนูต่าง..เกินความสามารถ)
(ยิ่งบริสุทธ์มากยิ่งแพงมากพวกจุดทศนิยมเยอะๆๆเช่น 99.99999% เป็นต้น)
-ยกตัวอย่างบางยี่ห้อทำขนาดของตัวนำในสายเส้นเดียวกันให้มีขนาดและลักษณะที่ไม่เหมือนกันคือจะมีสายเดียวแกนแข็งร่วมกับสายฝอยๆแต่สายเดียวแกนแข็งไม่ใช่เส้นเดียวแต่อาจจะเป็นแกนแข็งเส้นเล็กๆที่พันเกลียวเข้าด้วยกันแล้วมีสายฝอยพันเกลียวอีกที่(พวกMonsterรุ่นใหญ่ๆหน่อย)
มาดูพวกสายตัวนำที่มีสายฝอยอย่างเดียวก็จะให้รายละเอียดดีเปิดโปร่งแต่จะเบสจะน้อยไปหน่อย ยิ่งสายฝอยที่มีพวกตัวนำที่เป็นเงินมาเกี่ยวข้องเบสหายไปเลย(พวก แวน แดน ฮู เคลือบเงินรุ่นเล็กๆ แต่รุ่นใหญ่ถึงเคลือบเงินแต่ตัวนำมีขนาดใหญ่เลยทำให้ได้เบส)
เห็นไหม....monster เบสดีกว่ากลางอิ่มกว่า แวน แดน ฮู แต่เสียงจะไม่เปิดโปร่งและรายละเอียดเท่า แวน แดน ฮู (เมื่อเทียบรุ่นใกล้เคียงกัน)
จากลักษณะของตัวนำก็พอเดาบุคลิกของเสียงพอได้...(แต่ต้องลองฟังอยู่ดี)..ใครชอบแบบไหนใช้แบบนั้น
- มาดูสายไบวายกันบางยี่ห้อเค้าแยกสายตัวนำย่าน Low กับ ย่าน Hi ออกจากกันเลย คือย่าน Low จะใช้สายแกนแข็งเส้นเล็ก......ตีเกลียว
แต่ย่าน Hi จะใช้สายฝอย....( ตัวอย่าง พวก Furut... ).....ใส่ให้ถูกละ
แต่บางยี่ห้อก็ไม่ได้แยกชนิดตัวนำแยกสีไว้เฉยๆ(คลี่สายดูก่อนนะบางที่มันอยู่แกนใน)....ก็ใส่ไปใส่เหมือนกันทั้ง L และ R ละ
พวกสายสำเร็จที่แพงหน่อยเข้าหัวสำเร็จมาแล้วก็เสียบเลยเพราะเค้าแยก Low,Hi มาแย้วลุย

......แนวทางข้างบนก็สามารถนำไปพิจารณาพวกสายไฟหรือสายสัญญาณต่างๆได้นะ.....แต่สุดท้ายก็ต้องลองฟัง.......

สายสัญญาณต่างๆครับ

รับทำ สาย Analog RCA .....
สำหรับ จาก Pre ไป Power หรือ จาก เครื่องเล่น CD ,BD, DVD ไป Int Amp , AVR
ก่อนสั่งต้องแจ้งให้ผมทราบก่อนว่าใช้กับอะไรบ้าง .. AMP,AVR ,Pre ,Power,CD,BD
พร้อมทั้งยี่ห้อเพราะแต่ละยี่ห้อหรือแต่ละแบนด์มีบุคคลิกแนวเสียงที่ไม่เหมือนกัน..
สายก็จะใช้สายบุคคลิกไม่เหมือนกันครับเพื่อความแม็ทของระบบ
ผมก็จะประกอบสายให้โดยความเหมาะสมกับระบบที่ท่านใช้อยู่ครับ
และก็ราคาความเหมาะสมกับชุดของท่าน

ตัวอย่าง สาย RCA นี่ใช้หัว RCA ทอง 24 k (ไม่ใช่ชุปนะครับ) ของ Japan รุ่นเก่าค้างสต็อกที่เริ่มหายาก
เส้นนี้ผมใช้ต่อจาก Dac ไปเข้า AVR ครับ

pic

เสียงฟังด้วยหู....และเห็นได้ด้วยตา....มันเป็นวิทยาศาสตร์...ไม่ต้องสะกดจิต..ไม่ต้องชี้นำ

ปรับให้ได้ตามมาตราฐานตามขั้นตอนตั้งแต่....ตรวจสภาพห้อง.การต่อสาย...การวางตำแหน่งลำโพง/เช็คเฟสทุกแชลแนล...การวางตำแหน่งซับวูฟเฟอร์
ปรับแต่งเสียง..ทุกอย่างเป็นไปตามระบบของมัน....แล้วมาลองฟังกันว่าถ้าค่าที่เราเห็นในเครื่องมือลักษณะเสียงเป็นอย่างไร
ถูกใจหรือไม่แล้วจึงมาวิเคราะห์มาฟังกันกับเจ้าของระบบว่า...นี่คือค่าที่ถูกต้องนะ...ถ้าจะเอาถูกใจ..จะเพิ่มค่าไหน..ชอบเสียงไหนเพิ่มจะเอาถูกใจ
อย่างไรก็ได้...แต่ต้องอยู่ในฐานของความมาตราฐานก่อน....ครับ

ยินดีใช้บริการทุกระดับ ครับ ไม่ว่าจะเป็นชุดเล็กชุดใหญ่ ก็ใช้บริการได้ครับ

ชวิน  081-642-3836  

บริการรับปรับระบบเสียงตามมาตราฐาน HAA(Home Acoustic Alliance)
โดย AV Pro Anaysis Tools

ระบบเสียง Home Theater ในปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมกันมากขึ้น..หลายๆคนเริ่มเล่น..เริ่มปรับแต่งตั้งค่าเซ็ทอัพ..กัน
โดยอาจจะเรียนรู้และได้รับการบอกกล่าวต่อๆกันมาหรืออาจจะหาข้อมูล..ในเว็บไซค์ต่าง..เพื่อปรับเซ็ทอัพให้ระบบของตัวเองให้ได้ดีที่สุด
จนเป็นที่พึ่งพอใจแล้ว...แต่จะรู้ได้อย่างไรละว่า..สิ่งที่เราทำไปหรือปรับไปนั้น..อยู่ในมาตราฐานของเสียง..ที่แต่ละสตูดิโอ..หรือ
ภาพยนต์/คอนเสริท นั้นๆ..จะบอกเราว่าเสียงที่บันทึกมา..ที่ตามมาตราฐานที่บันทึกมาเป็นอย่างไร...
มีทางออกครับ...คือปรับระบบชุดเครื่องเสียงของเราให้ใกล้เคียงกับมาตราฐานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้..
.เมื่อนั้นเราจะชมภาพยนตร์หรือคอนเสริท..เสียงที่เค้าบันทึกมา..เราก็จะได้ยินอย่างที่เค้าบันทึกมาในสตูดิโอนั้นเอง
คือทำให้มันเกิด..มาตราฐานทั้งสองด้านนั้นเอง....
เสียงที่ได้หลังจากการปรับแต่งแล้ว..เสียงจะตอบสนองความถี่ราบเรียบ..ไม่มีย่านเสียงใดที่โด่งล้ำเสียงอื่น
clarity, focus, envelopment, response, dynamic, consistency..ตำแน่งนั่งฟัง...ตำแหน่งวางซับ..ตำแหน่งวางลำโพงต่างๆ
จะได้รับการปรับแต่งโดย AV Pro Anaysis Tools....ที่ละขั้นตอน...เห็นได้ด้วยกราฟแสดงผล(ดูภาพประกอบด้านล่างครับ)....ได้ยินด้วยหูถึงความแตกต่าง....ไม่ต้องสะกดจิต...ไม่ต้องชักนำใดๆ

ครับ...เสียงทุกเสียง...แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน...เปรียบเทียบเป็นวงดนตรี..ก็จะบอกว่า..
ก็ให้เล่นดนตรีโน็ตเดียวกันจังหวะเดียวกันให้หมดก่อน..เป็นมาตราฐานเดียวกันซะก่อน..ดนตรีมันก็จะเล่นไปในทางเดียวกัน
ส่วน..นักร้องก็จะร้องไปตามจังหวะที่มีมาตราฐานที่นักดนตรีเล่นนั้นเอง...ถึงแม้จะเอานักร้องคนอื่นที่มีแนวเสียงคนละแนวมาร้อง
แต่ก็ยังร้องในจังหวะมาตราฐานเดียวกัน....แต่เสียงที่ได้ของนักร้องอาจจะมีน้ำเสียงหรือแนวเสียงไม่เหมือนกัน
แต่มันก็ยังอยู่ในมาตราฐานของเพลงนั้นเองครับ

เพราะฉนั้น...เรามาทำให้ระบบเรามีมาตราฐานกันก่อน...แล้วค่อยๆปรับสิ่งที่ชอบที่ถูกใจเข้าไป..แล้วเราจะมีความสุขไปกับมันบนพื้นฐานของเสียงที่ได้มาตราฐาน...ครับ


(โทรมาคุยกันก่อนครับ..ต้องทราบรายละเอียดของแต่ละห้องก่อนปรับแต่งครับ...เรื่องราคาก็ว่ากันตามซิสเต็มของท่านที่ใช้งานอยู่
เพื่อที่ท่านที่ใช้ซิสเต็มไม่ว่าจะเป็นชุดเล็กหรือชุดใหญ่อย่างไร..ก็สามารถปรับให้เข้ากับค่าที่เป็นมาตราฐานได้เหมือนกันครับ)

ชวิน 081-642-3836

ปรับเซ็ทด้วยเครื่องมือมาตราฐาน