พบเจอกันเป็นประจำทุกๆ สิ้นปี กับการตัดสินผลรางวัล Videophile LCDTVTHAILAND Award ซึ่งปีนี้ก็เป็นประจำปี 2017-2018 ไม่ต้องงนะครับทำไมถึงลาก 2018 มาด้วย นั่นก็เพราะสินค้าส่วนใหญ่ยังคงขายต่อเนื่องไปจนถึงปี 2018 นั่นเอง และตามปกติแล้วไลน์อัพสินค้าใหม่ๆ กว่าจะเปิดตัวกันอีกทีก็เกือบกลางปีโน่นเลย เป็นอีกครั้งที่เว็บไซต์ LCDTVTHAILAND ร่วมกับนิตยสาร Audiophile Videophile ฟันธงรางวัลในแต่ละสาขา ซึ่งแบ่งตามประเภทและระดับราคาอย่างครอบคลุม ตอบสนองทุกระดับงบประมาณของทุกท่าน ในปีนี้ทางด้านทีวีเองถือว่าการแข่งขันดุเดือดมากขึ้น เพราะ OLED TV ไม่ได้ถูกผูกขาดอยู่เพียงแค่แบรนด์เดียวอีกต่อไป ขณะเดียวกัน LED TV ก็พยายามสรรหาเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาสู้ ซึ่งต้องบอกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
ในปีนี้ยังมีรางวัลพิเศษที่ทางทีมงาน LCDTVTHAILAND เราได้จัดขึ้นมาด้วย รางวัลนั้นก็คือผู้ชนะจากงาน Best of The Best TV Shootout 2017 นั่นเอง ในงานนี้เราได้นำทีวีตัวท็อปของแต่ละแบรนด์ แบบไม่จำกัดราคา มาวัดกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย การทดสอบนั้นก็มีหลากหลาย ทั้งความสว่าง ความดำ สีสัน เสียง และลูกเล่นการใช้งานต่างๆ เชื่อว่าใครที่ได้ไปคงจะได้รู้กันด้วยตา และหูตัวเองแล้วว่ารุ่นไหนได้ใจของคนส่วนมากที่สุด เพราะเราได้มีการให้ลงคะแนนโหวตกันด้วย ซึ่งผู้ชนะก็ได้มาจากการโหวตของผู้เข้าร่วมงานนี้เอง
(https://www.lcdtvthailand.com/images/News/2018/Sony_AwardPresent2018_logo-2.jpg) คุณโรมัน และคุณนาวี คุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์ มอบรางวัล Best of the Best TV Award ให้กับมร.ทากุโอะ โคบายาชิ ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์ทีวี และคุณสุวัฒน์ชัย จารุวิทยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด
1) Best of The Best TV Award : Sony OLED TV A1 ทีวีที่ทีมงานยกให้เป็น "ทีวีที่ดีที่สุด ประจำปีนี้คือ Sony OLED TV A1 นับเป็นครั้งแรกของ Sony กับทีวี OLED ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปี 2017 ที่ผ่านมา คุณภาพของภาพก็จัดว่าเหนือชั้นตามสไตล์ OLED ตัวเม็ดพิกเซลสามารถกำเนิดแสงสีเอง ทำให้เวลาแสดงสีดำจึงสามารถทำได้สนิท 100% ซึ่งยิ่งส่งผลให้สีสันที่ถูกขับออกมามีความเจิดจรัสป็อปอัพ หากเทียบกับคู่แข่งอย่าง Panasonic EZ1000T อาจเป็นรองด้านความถูกต้องของสีบ้างและรายละอียดในที่มืดยิ่บย่อย อย่างไรก็ตามโหมดภาพสำเร็จรูปอย่าง Cinema Pro / Home ก็ความแม่นยำสูงตั้งแต่ต้น หากให้เป็นรองก็เป็นรองนิดเดียว ครั้นเมื่อปรับภาพแล้วคุณภาพก็ดีไม่หนีกันเท่าไหร่นัก หรือหากเทียบกับ LG W7/G7 ทางค่ายเกาหลีจะได้เปรียบความสว่าง Peak Brightness ที่สูงกว่าเกือบ 100 nits และรองรับ Dolby Vision HDR แต้ต้นเลยในขณะที่ Sony ต้องรอ Firmware ช่วงต้นปี แต่จุดเด่นที่สุดสำหรับภาพของ Sony A1 คือเรื่อง Motion ภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติกว่าใครเพื่อน อาการสะดุดของภาพแทบไม่มีให้เห็น ฉะนั้นเรื่องภาพจึงไม่มีเจ้าไหนชนะอีกเจ้าแบบเด็ดขาด เรียกว่าคู่คี่สูสีกินกันคนละมุม !
ทำให้ต้องมาพิจารณาปัจจัยรองอื่นเสริมเข้าไป อย่างเช่นนวัตกรรมลำโพง Acoustic Surface ที่ให้หลักการสั่นเพื่อกำเนิดเสียงบนหน้าจอ เสียงพุ่งออกมาจากกลางจอเสมือนโรงหนังจริง แถมคุณภาพเสียงดีเทียบเท่าลำโพง Soundbar ตัวเป็นๆ ทั้งที่ไร้ซึ่งตัวลำโพงให้เห็นด้านหน้า รวมถึงระบบปฎิบัติการ Android TV เวอร์ชั่นล่าสุด 7.0 ที่เพียบพร้อมที่สุดทั้งคุณภาพและปริมาณของแอพส์จาก Google Play Store รวมถึงความสามารถของ Chromecast ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้สมบูรณ์แบบที่สุด และระบบการค้นหาด้วยคำสั่งเสียงทั้งภาษาไทยและอังกฤษที่แม่นยำที่สุด สุดท้ายคือดีไซน์แบบ One Slate เหมือนกระจกสี่เหลี่ยมแผ่นเดียว ดูดีเรียบหรูทุกการติดตั้งไม่ว่าจะตั้งโต๊ะหรือแขวนผนัง ทั้งหมดคือเหตุผลที่ส่งให้ Sony OLED TV - A1 ผงาดขึ้นเหนือคู่แข่งใน ภาพรวม ดีที่สุดพร้อมยังคงสมดุลครบทุกด้าน จึงคว้ารางวัล Best of The Best TV Award รางวัลทีวีที่ดีที่สุดไปครองในปีนี้
(https://www.lcdtvthailand.com/images/News/2018/Award2017samsung_2_web.jpg) คุณโรมัน พร้อมกับคุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์ มอบรางวัล Best 4K LED TV Award ให้กับคุณ นันทพล ผู้สันติ ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์ และคุณชารียา เข็มทอง ผู้จัดการสินค้ากลุ่มโทรทัศน์
4) Best 4K LED TV : Samsung QLED TV Q9F Samsung Q9F คือ QLED TV ตัวท็อปมาพร้อมกับเทคโลยี Quantum Dot ชนิดใหม่ที่ใช้วัสดุเป็นโลหะ Metal Alloy ทำให้สามารถก้าวทะลุขีดจำกัดเดิมของ SUHD TV ไปได้ไกลอีกขั้น ทั้งระดับ ความสว่างสูงสุด Peak Brightness ที่สูงทะลุ 1800 nits (สูงที่สุดในปัจจุบัน) ค่าขอบเขตสีหรือ Color Space ที่กว้างกว่า 98% ของมาตรฐาน DCI-P3 พ่วงค่าปริมาตรสีหรือ Color Volume ที่สามารถคงความเข้มข้นของสีในทุกช่วงความสว่างไว้ได้ดี โดยเฉพาะตอนสว่างพีคมากๆสีก็ยังสดไม่ซีด ซึ่งทั้ง 3 ค่าทำได้สูงที่สุดในปัจจุบันหากเทียบกับทีวีทุกรุ่นทุกแบรนด์ มุมการกระจายแสงของเม็ดพิกเซลถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ทำให้มุมมองการรับชมกว้างขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ส่วนระดับความดำก็มีฟีเจอร์ Edge LED Local Dimming ที่ช่วยดิมไฟได้เนียนตา โดยสรุปด้านภาพก็ผ่านมาตรฐาน Ultra HD Premium แบบขาดลอย เหนือชั้นกว่า LED TV ทุกตัวในท้องตลาดอย่างไร้ข้อกังขา เสริมด้วยลูกเล่นการเชื่อมต่อแบบ สายล่องหน หรือ Invisible Connection พร้อมกล่อง One Connect ที่ช่วยจัดการสายสัญญาณให้เป็นระเบียบสวยงาม สุดท้ายคือระบบปฎิบัติการ Tizen OS ที่มีการปรับแต่งให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้นด้วย One Remote ที่สามารถควบคุมได้หลายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับทีวีผ่านช่อง HDMI และแอพ TV Plus ที่มีช่องเกาหลีให้ดูสมนาคุณให้รับชมฟรีกว่า 30 ช่อง ทั้งหมดนี้จึงส่งให้ Samsung QLED TV Q9F ได้รับรางวัล Best 4K LED TV Award ไปครอง
6) Best Value 4K LED TV Award : TCL LED TV C2US TCL 55C2US คือ 4K LED Android TV รุ่นรองท็อปจากแบรนด์ดังจากแดนมังกร ถึงแม้เป็นซีรีส์สูง แต่ราคาขายก็จริงจะสูงกว่า 4K รุ่นเริ่มต้นราคาถูกสุดไม่กี่พันบาทเท่านั้น แล้วถามว่ามันคุ้มค่าอย่างไร ? ก็ขอตอบว่าเป็น Android TV แท้ๆที่ราคาถูกสุดในท้องตลาด (ค่าลิขสิทธิ์ Android TV ค่อนข้างสูง จึงต้องตั้งราคาขายสูงทุกแบรนด์) แถมยังอัดทุกฟีเจอร์มาให้เต็มคราบอีก บางจุดเหนือกว่าค่ายญี่ปุ่นที่ริเริ่ม Android TV ก่อนด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นจาก Google Play Store, ความสามารถของ Chromecast ในการเชื่อมต่อกับมือถือ, รีโมทแบบ Air Mouse เป็นลูกศรเคลื่อนไหวตามทิศทางที่เราแกว่ง และ รองรับการค้นหาด้วยเสียงทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สเป็คด้านภาพเป็นทีวี 4K ที่รองรับภาพ HDR คุณภาพของภาพก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลางเหมาะสมกับราคา ไม่ได้มีอะไรให้ติหรือชมเป็นพิเศษ ส่วนระบบเสียงเป็น Speaker Bar ที่ออกแบบโดย Harman/Kardon ซึ่งมีสไตล์เสียงแบบจัดจ้าน แต่ก็เกลาลงให้เป็นธรรมชาติตามใจชอบได้ด้วยเมนูปรับแต่งเสียงด้านใน สุดท้ายคือดีไซน์แบบ Edgeless ขอบบางเฉียบ สวยหรูขึ้นจากดีไซน์เมื่อหลายปีก่อนมาก และของแถมที่ช่วยเติมเต็มคำว่า คุ้มค่า คือระยะเวลารับประกันยาวนานถึง 5 ปีเต็ม ทางทีมงานจึงฟันธงมอบรางวัล Best Value 4K LED TV Award ทีวี 4K ที่คุ้มค่าที่สุดแห่งปีให้กับ TCL C2US ไปครอง
7) Best Budget 4K LED TV Award : LG UJ652T & Samsung MU6300 รางวัลทีวี 4K ระดับเริ่มต้นราคาถูกที่ดีที่สุด ปีนี้ทีมงานขอมอบให้กับ 2 รุ่นนี้ได้แก่
(https://www.lcdtvthailand.com/images/News/2018/Sony_AwardPresent2018_logo-3.jpg) คุณชานม และคุณนาวี อินทรสังขนาวิน บรรณาธิการบริหาร นิตยสารออดิโอไฟล์ วีดีโอไฟล์ มอบรางวัล Best Full HD LED TV Award ให้กับมร.ทากุโอะ โคบายาชิ และ คุณปรัชญา นันทปถวี
8) Best Full HD LED TV Award : Sony LED TV W750E รางวัลทีวีความละเอียด Full HD 1080p ที่ดีที่สุดประจำปีตกเป็นของ Sony W750E ซึ่งเจ้า W750E จัดว่าสวนกระแสทีวีความละเอียด Full HD ของทุกค่ายที่พยายามลดต้นทุนเพื่อขายราคาถูก แต่ W750E กลับจัดเต็มทุกอย่างให้ลูกค้าอย่างเกินคาด มากจนทีวี 4K รุ่นเริ่มต้นจากหลายค่ายยังอาย ไม่ว่าจะเป็นการรองรับภาพแบบ HDR (เล่นเกมส์ 1080p HDR จาก PS4 Pro ได้) ใช้เทคโนโลยี Triluminos ขยายขอบเขตการแสดงเฉดสีให้กว้างยิ่งขึ้น ซึ่งหากตั้งเทียบกับพวกทีวี Full HD ราคาประหยัดจะเห็นความแตกต่างเรื่องคุณภาพของภาพและสีสันอย่างชัดเจน มี Internet TV ที่อาจจะไม่แฟนซีเท่า Smart TV แบบเต็มรูปแบบนัก แต่ก็ให้แอพส์หลักที่ใช้กันประจำมาครบถ้วน เช่น YouTube / Netflix / Opera Browser แถมยังมี วิทยุ FM ให้จูนผ่านเสาอากาศมาฟังเล่นอีกด้วย จัดเต็มจนล้นทะลักเช่นนี้ ก็ขอมอบรางวัล Best Full HD LED TV Award ให้ไปครองแบบไร้คู่แข่งเลย
(https://www.lcdtvthailand.com/images/News/2018/Sony_AwardPresent2018_logo-4.jpg) คุณโรมัน และคุณชานม มอบรางวัล Best Smart TV Award ให้กับมร.ทากุโอะ โคบายาชิ และ คุณปรัชญา นันทปถวี
9) Best Smart TV Award : Sony Android 7.0 Sony Android TV เป็นเจ้าเดียวในตอนนี้ที่อัพเกรดเวอร์ชั่นไปเป็น 7.0 อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ค่ายอื่นยังเป็น 6.0 อยู่ ยังอัพเป็น 7.0 ไม่ได้ จุดเด่นของ Android TV คือเรื่อง คุณภาพและปริมาณ ของแอพส์ใน Google Play Store ยังคงเป็นที่สุดเหนือ Smart TV ทุกค่ายอยู่ พร้อมลูกเล่นที่โดดเด่นมากมายไม่ว่าจะเป็น Chromecast Built-in เชื่อมต่อมือถือและสามารถโยนคอนเทนต์ไปแสดงบนทีวีได้อย่างลื่นไหลที่สุด ระบบการค้นหาด้วยคำสั่งเสียง Voice Search ที่แม่นยำที่สุดซึ่งรองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สามารถใช้จอย Dual Shock ของ PS4 ควบคุมทีวีและเกมส์ที่ดาวโหลดมาลงเครื่องได้ ส่วนฟีเจอร์ของ 7.0 ที่เหนือกว่า 6.0 ก็ได้แก่ฟีเจอร์การทำภาพซ้อนภาพ Picture In Picture และ Quick Switch Between Apps สามารถเลือกสลับใช้งานแอพส์อื่นๆได้โดยไม่ต้องออกจากแอพเดิมที่ใช้งานอยู่ สำหรับการใช้งานอาจจะไม่ง่ายที่สุดก็จริงเหมือนพวกที่ให้รีโมท Air Mouse ให้แต่ต้น แต่ด้วยลูกเล่นการใช้งานสารพัดนึกที่อัดแน่นมาให้ ทำให้ยังนำค่ายอื่นไปกว่าหนึ่งก้าวใหญ่อยู่ดี จึงของมอบรางวัล Best Smart TV Award ให้กับ Sony Android 7.0 ไปครอง
11) The Winner - Best of The Best TV Shootout 2017 : Sony OLED TV - A1 หลังจากการประเมินคุณภาพของทีวีอย่างละเอียด รอบด้าน จากทั้งผู้เข้ามร่วมงานและกรรมการพิเศษ ในปีนี้ทีวีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดและคว้ารางวัลชนะเลิศคือ Sony OLED TV A1 ด้วยผลโหวต 29 จาก 64 ท่าน คิดเป็น 45.3% สูงสุดในบรรดาทีวี 5 รุ่นจาก 5 แบรนด์ที่เข้าร่วมชิงชัย เหตุผลหลักที่ผู้โหวตเทใจให้ Sony OLED TV A1 คือหากเปรียบเทียบเรื่องคุณภาพของภาพกับ OLED TV แบรนด์ข้างเคียง ก็จะมีดีมีด้อยคละเคล้ากันไป สังเกตจุดต่างที่ทำให้ชนะขาดได้ค่อนข้างยาก ทำให้คะแนนด้านภาพมีความสูสีใกล้เคียงกันจนต้องไปวัดกันที่ด้านอื่นเสริม ซึ่งเหตุผลที่ผู้โหวตเขียนลงกระดาษก็จะชื่นชอบนวัตกรรม ไร้ลำโพง หรือ Acoustic Surface ซึ่งยิงเสียงออกจากกลางจอได้จริง โดยไม่ต้องมีลำโพงตัวเป็นๆมาวางเกะกะ รวมถึงลูกเล่น Android TV ที่ยืดหยุ่นสูงที่สุดในการเชื่อมต่อกับมือถือและโยนคอนเทนต์เข้าไปเล่น และการค้นหาวีดีโอและคลิปด้วยคำสั่งเสียงที่แม่นยำที่สุด ซึ่งลูกเล่นที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสิ่งผู้โหวตเล็งเห็นว่ามันมีประโยชน์และสามารถใช้งานได้จริงกว่าลูกเล่นของเจ้าอื่นๆจึงทำให้ Sony OLED TV A1 เข้าวินในครั้งนี้ ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง !
Best of The Best 4K Blu-ray Player Award : OPPO UDP-205 ที่สุดสำหรับ 4K HDR Blu-ray Player กับคุณสมบัติที่สร้างมาเพื่อ Videophile และ Audiophile อย่างแท้จริง จนกลายมาเป็นเครื่องเล่นระดับอ้างอิงของทีมงาน LCDTVTHAILAND เพื่อใช้ประกอบการรีวิวทดสอบทีวีและเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ต่างๆ
Best Value 4K Blu-ray Player Award : Panasonic DMP-UB400 หากเทียบเรื่องความคุ้มราคาของเครื่องเล่น UHD Blu-ray จากหลายๆ แบรนด์ คงหนีไม่พ้น Panasonic DMP-UB400 เป็นเครื่องเล่นรุ่นเริ่มต้น ราคาน่าคบหา ไม่หนีจากรุ่นเริ่มต้นของแบรนด์อื่นๆ เท่าไรนักแต่ให้คุณสมบัติด้านภาพและเสียงน่าสนใจ ดีไซน์ภายนอกดูดี ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรับชมภาพแบบ 4K HDR แท้ๆ จากแผ่น UHD Blu-ray ได้ไม่ยาก
เครื่องเล่นนี้สามารถให้สีที่อิ่มสด แสดงความเจิดจรัสของ HDR ได้ดีกว่า 4K Blu-ray Player รุ่นเริ่มต้นทั่วไป และนอกจากการรับชมผ่านแผ่น UHD Blu-ray แล้ว ยังเพิ่มตัวเลือกการรับชมด้วยฟีเจอร์สมาร์ทที่มี แอพฯ อย่าง Netflix สามารถให้ภาพแบบ 4K HDR ได้เช่นกัน รวมถึงการรองรับไฟล์หนังหลายสกุลยอดนิยม ด้านช่องต่อก็ครับครัน ให้ HDMI Output มาถึง 2 ช่อง แยกภาพและเสียง ทั้งหมดนี้ยืนยันความคุ้มค่าต่อราคาเป็นอย่างมาก