Review สายไฟ JPS GPA2 AC CORD*บทความนี้ผมเขียนไว้นานมากแล้ว ประมาณช่วงปี ๒๕๕๔ ซึ่งตอนนั้นกระแส JPS จากเวป piyanas มาแรงมากสายไฟเส้นนี้เป็นสายไฟที่ผมเล็งไว้นานมากแล้ว
ว่าจะซื้อมาลองดูสักครั้ง เห็นนักเล่นบางกลุ่มเขาชอบเสียงของสาย JPS กันหนักหนา
ส่วนมากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สายของ JPS รายละเอียดดีมากๆใช้แล้วฟังเพลงอะไรก็ไพเราะไปหมด
แต่สายของ JPS นี่ จะเยี่ยมสมคำร่ำลือหรือไม่ ขอเริ่มทดสอบกันเลยครับ
ราคาสายไฟเส้นนี้ ประมาณ 7,xxx บาท
เมื่อผมได้ของมาแล้วพบว่า...
กล่องบรรจุภัณฑ์เป็นกล่องกระดาษแข็ง ดูแล้วแพ๊คเกจภายนอกห่วยไปหน่อย เมื่อเทียบกับสายไฟราคาระดับนี้ ๕๕๕
แกะกล่องออกมาข้างในมีถุงพลาสติกห่อสายอย่างดีไว้ครับ
สายไฟเส้นนี้เป็นสีฟ้าอ่อน ยาว ๒ เมตร ขนาด 12 AWG
ผลิตจากอเมริกา เข้าหัว-ท้ายเคลือบเนื้อทอง(เหลือง?)hospital grade
ตัวสายมีความยืดหยุ่นสูงมาก ทำให้สะดวกต่อการใช้ในที่แคบๆด้วย
การใช้ในชั่วโมงแรก ผมลองต่อกับจอ LCD 32และ23นิ้ว ดู ปรากฎว่าสายเส้นนี้
ให้รายละเอียดของภาพดีเยี่ยมครับ แต่ภาพยังดูแห้งๆกระด้างๆอยู่
ทดสอบกับระบบเสียงปรากฎว่ารายละเอียดเสียงดี แต่colorของเสียงยังวูบวาบอยู่มาก(สีสันเยอะเกินไป)
ผมเลยเบิร์นสายไปมากกว่า ๒๐๐ ชั่วโมง
แล้วจึงกลับมาทดสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ซึ่งก็ผ่านไปจากวันแรกที่ได้สายไฟมาเป็นเวลา เกือบ ๒ อาทิตย์
ทดสอบกับระบบภาพโดยต่อผ่าน จอ LCD 32และ23นิ้ว ดูอีกครั้ง สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
คือ เฉดสีครับ ให้สีสันที่สด โปร่ง เกลี้ยงและใส ภาพดูสะอาดสะอ้านมาก
ความสว่างนี่เพิ่มขึ้นจากสายยี่ห้ออื่นเยอะเลย โทนสีขาวดูขาวและเนียนมากๆ
(ผิดกับสายหลายๆยี่ห้อที่ให้สีเข้มข้น แต่สีขาวจะอมเหลือง และสีเหลืองจะอมแดง)
โทนสีออกไปทางโทนเย็น ซึ่งดูแล้วทำให้รู้สึกว่าภาพเปิด กว้าง โล่ง ดูมีชีวิตชีวา
จุด Noise แทบจะไม่มีเลย มันลด noise ได้ดีกว่าสายไฟทุกเส้นที่ผมมีอยู่ทั้งหมด
รายละเอียดภาพในส่วนที่เล็กที่สุดเช่นปลายเส้นผมก็สามารถถ่ายทอดออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
โดยที่เราไม่ต้องไม่เพ่งสายตาดูให้เมื่อยเลย
ทดสอบกับระบบเสียงด้วยการต่อสายไฟเส้นนี้เข้ากับ integrated AMP พบว่า
สายเส้นนี้มีบุคลิกเฉพาะตัวที่สูงมากๆ ไม่มียี่ห้อไหนเหมือนหรือคล้ายเลย
คือ นักร้อง และนักดนตรีจะมีลีลาเฉพาะของตัวเอง
โดยนักร้อง ก็จะร้องเพลงได้อารมณ์เหมือนประมาณว่ามีความสุขที่ได้ร้อง
นักดนตรีก็เล่นได้อย่างมีลีลาไหลลื่นต่อเนื่อง
เหมือนกับได้ค่าจ้างในการเล่นดนตรีมาแพงมาก ประมาณนั้น ๕๕๕๕๕
โทนเสียงออกไปทางสว่างเจิดจ้า
สปีด แรงปะทะ ค่อนข้างพอดิบพอดีไม่มากและไม่น้อยไป
เสียงเบสนุ่มนวล กลมกลึงขึ้นรูปร่างเป็นลูกๆดีมาก
เสียงกลางลื่นไหล ราวกับมีน้ำมันหล่อลื่นมาเลี้ยงไว้ตลอดเวลา ๕๕๕
เสียงแหลม รายละเอียดเยอะ ระยิบระยับดีมาก
การเก็บตัวของหางเสียงค่อนข้างเป็นกลาง คือไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป
เวทีเสียงจะเด่นไปแนวกว้าง บรรยากาศเสียงที่ห้อมล้อมเสียงหลักสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดาย
ฟังเพลงร้องก็ได้ ฟังเพลงบรรเลงก็ดี ดูหนังก็สนุก เก็บรายละเอียดหยุมหยิมได้ดีมากครับ
ด้วยลีลาในน้ำเสียง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะนี่แหละทำให้ฟังแล้วเพลิน
เหมาะอย่างยิ่งที่จะฟังเพลงแนว BOSSA และ JAZZ
ผมลองเปลี่ยนสายไฟเส้นนี้ไปเสียบกับ แหล่งอื่นๆ เช่น cd player
หรือ preamp ผลที่ได้ก็ออกมาคล้ายๆกันกับการต่อเสียบ จาก integrated amp ครับ
สายเส้นนี้จึงสารพัดประโยชน์จริงๆ เพราะสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง
รายละเอียดของเสียงนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก แม้แต่สายไฟเส้นละสองหมื่นกว่าบาทบางยี่ห้อ
ยังให้รายละเอียดเสียงได้ไม่มากเท่าสายไฟเส้นนี้เลย
และทั้งหมดนี่คือข้อดีของสายเส้นนี้
คราวนี้มาถึงข้อเสียกันบ้าง
ซึ่งข้อเสียจริงๆแล้ว มันก็ยืนอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับข้อดีแหละครับ
นั่นก็คือ เฉดสีที่ออกไปทางโทนสว่าง สด ใส มากเกินไป
คนที่ชอบภาพแบบโทนอุ่น หนา เข้มข้น ก็คงไม่ชอบโทนสว่างแบบนี้แน่นอน
เพราะความสว่างระดับนี้ ผมดูนานๆแล้วจะเกิดอาการปวดตา ทั้งๆที่ตั้ง contrast ของทีวีไว้ต่ำมากแล้ว
อีกทั้งเฉดสีที่ สด ฉ่ำ เกินจริง ติดโทนฟ้านิดๆ ทำให้อุณหภูมิของภาพไปโทนเย็น
จึงดูไม่ธรรมชาติ อย่างเช่น เราดูภาพดอกไม้อยู่ มันจะเหมือนกับว่า
ดอกไม้นั้นไม่ใช่ดอกไม้ของจริง ออกไปในแนวดอกไม้ที่ทำจาก animation เสียมากกว่า ประมาณนี้แหละครับ
ข้อเสียในเรื่องเสียง ก็อยู่บนพื้นฐานของข้อดีเช่นเดียวกับภาพ
คือ ลีลาเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ในอย่างหนึ่งเมื่อมีคนชอบก็ย่อมมีคนไม่ชอบ
สายไฟเส้นนี้ จะให้อารมณ์เสียงคนร้องที่มีความสุข และเสียงเครื่องดนตรี
ที่มีความสดชื่นมีชีวิตชีวา ซึ่งถ้าพิจรณาในการฟังเน้นเชิงอารมณ์ลึกๆ เช่น
เราฟังเพลงเศร้าแต่นักร้องกลับร้องอย่างมีความสุข
แบบนี้มันก็ขัดแย้งกันครับ ไม่ว่าจะเปิดเพลงไหน นักร้องนักดนตรีก็กระชุ่มกระชวยไปซะหมด
ทำให้รสชาติของดนตรีจากต้นฉบับที่เขาต้องการสื่อมันผิดเพี้ยนไปด้วยครับ
และข้อเสียในจุดสุดท้าย นั่นคือ สเกลเสียงของคนร้องตรงกลางเวทีที่ถอยหลังไปอยู่
ในระนาบเดียวกับวงดนตรีแถวกลาง
จึงทำให้สเกล อิมเมจ ของคนร้องเล็กลง รวมถึงรายละเอียดในเสียงร้อง
ก็น้อยลงตามไปด้วย ในหลายๆเพลงเสียงร้องจะโดนเสียงดนตรีกลบความโดดเด่นไปเลย
ผิดกับสายไฟส่วนใหญ่ในท้องตลาดที่มักจะให้เสียงคนร้องตรงกลางเวที มีสเกลเสียงที่ใหญ่
และโดดเด่นกว่าเสียงดนตรีที่ประกบอยู่ซ้ายขวา
ซึ่งข้อเสียข้อสุดท้ายนี้ นักเล่นเครื่องเสียงที่ชอบฟังเสียงร้องใหญ่ๆ อิ่มๆ มีมวล มีน้ำหนัก อาจจะไม่ชอบครับ