ผมอาจมีความเห็นต่างไปบ้างครับ
 1.การตั้งราคา  ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นของมือสอง  คำว่าถูกหรือแพงไป ไม่มีใครกำหนดราคากลาง เพียงแต่อิงราคาตลาดที่ซื้อขายกันอยู่ ใครที่ลงขายแพงกว่าราคาตลาด กลายเป็นว่าเขาตั้งราคาแพงเกินไป อันนี้ผมว่าไม่แฟร์เท่าไร  ราคาที่ตั้งขายได้หรือไม่นั้น  ลูกค้าเป็นคนตอบ  แพงเกินคุณภาพหรือสภาพ ลูกค้าก็ไม่ซื้อ หรืออาจจะซื้อเพราะชอบ รัก หลงใหล หรือมีอดีตกับของชิ้นนั้นอยากได้มาครอบครองก็เป็นได้
2.การบรรยายสรรพคุณสินค้า  ผมมองเป็นเรื่องปกติ  มันอาจจะสุดยอดสำหรับเขาจริงๆก็ได้ แต่สำหรับเราแล้วไม่  ก็ผ่านเลยไป  สำหรับท่านอื่นมันอาจจะเคมีตรงกันก็ได้  วิจารณญาณแต่ละท่านมีกันอยู่แล้ว  เพราะโดยส่วนมากท่านที่หาของมือสองมักเป็นประเภทที่อย่างน้อยเคยมีประสบการณ์การเล่นมาบ้าง พอดูของเป็น พอฟังเสียงออก  และยอมรับความเสี่ยงของคุณภาพสินค้าเมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายไป  หรืออยากหาอะไรใหม่ๆที่แตกต่างออกไปและราคาไม่ใช่ปัญหา  สำหรับมือมือใหม่แล้วก็มักจะหาของใหม่แกะกล่อง  หรือเหมือนใหม่ยังมีประกันอยู่ เพื่อการันตีความเสี่ยงของคุณภาพสินค้านั้น
3.อย่าไปกำหนดกลไกการตลาดหรือราคากลางของสินค้ามือสองเลยครับ  ให้มันมีช่องว่างในการต่อรอง มีสีสันบ้าง  สำหรับคนเล่นซื้อมือแรกแกะกล่องมา  ใช้ไปซักพักเอามาปล่อยมือสอง  ตั้งราคาก็กระอักเลือดแล้วครับเพราะไม่เคยเกิน 50% ของราคาซื้อ  ส่วนพ่อค้า(ตัวจริง) มีหน้าร้าน มีค่าใช้จ่ายต่างๆมากมาย  การตั้งราคาต่ำกว่าราคานักเล่นก็เป็นเรื่องยาก  ส่วนพ่อค้าขาจร นั่งเฝ้าหน้าเวบ รอช้อนของถูก เอามาปล่อยต่อ  ส่วนต่าง 1,500 – 2,000  ให้ไปเถอะครับ  แลกกับเวลาทั้งวันหรือหลายๆวันจะมาแบบนี้ซักชิ้น  เอาเวลาไปทำเรื่องอื่นดีกว่า
   อยู่ในสังคมเล่นเครื่องเสียงด้วยกัน  อย่าไปเดียดฉันท์กันเลยครับ  มากไปน้อยไปก็กล่าวเตือนกันด้วยความสุภาพจริงใจต่อกัน  สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัจจัยสี่ของมนุษย์  ขาดไปไม่สิ้นลมหายใจ เพียงความสุขทางใจมันอาจลดลงไปบ้างเท่านั้นเอง
ปอลิง. ไม่ได้รู้จักท่านใดเป็นการส่วนตัว ไม่มีส่วนได้เสียใดๆ  เป็นเพียงคนที่หาความสุขจากการเล่นเครื่องเสียง เข้าเวบนี้เพื่อหาความรู้บ้าง หาของมือสองซื้อถูกแพงบ้าง ขายถูกแพงบ้างว่ากันไปครับ........ด้วยความจริงใจ

การใช้ AVR
ข้อที่ 1.        อ่านคู่มือก่อนครับ

จขกท.น่าจะขยายรายละเอียดซักนิดนะครับ
พื้นที่เป็นอย่างไร ขนาดห้อง แนวเสียงที่ชอบ ยี่ห้อในดวงใจที่มองเป็นพิเศษ ของเดิมมีอะไรอยู่แล้วบ้าง  มีแล้วจบรึเตรียมการขยับขยายในอนาคตเมื่อมีกระสุน  หลายๆท่านในนี้จะได้แนะนำแบบเข้าเป้าครับ

ใช้ 1912 อยู่กับ bostonครับ ไปกันได้ดี  เลือกลำโพงที่มีเนื้อ ลงลึกซักนิด เพราะ แอมป์เดนอน ออกแนวกระชับ สดใส ปลายกรุ้งกริ้ง แต่ลงได้ไม่ลึกมากนัก psb image เป็นตัวเลือกที่น่ามองอีกตัว  มือสองราคาไม่แรงด้วย คุณภาพเกินคุ้ม

จึ้ก

แวะมาลงรูปครับ

ดุนนนน

ต้องถามตัวเองก่อนครับว่า จะเอาแบบลงทุนครั้งเดียวจบตามที่งบมี  หรือ ลองเล่นลองศึกษาไปพร้อมกับมัน
ถ้าเป็นอย่างแรก 1.  ตระเวณฟังให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  พร้อมสอบถามราคาไปด้วย แต่อย่าเพิ่งซื้อจนกว่าจะแน่ใจว่าชอบแนวนี้แน่ๆ  แนวเสียง บุคลิกแต่ละยี่ห้อ หลายๆท่านจำแนกแจกแจงไว้เกือบครบแล้วครับ ที่เหลือ ตัวเราตัดสินใจจิ้มเอาให้เต็มงบที่เราตั้งไว้
                      2. เมื่อได้มันมันมาแล้ว ใช้ให้คุ้ม โดยฝึกหัดตั้งค่า ปรับค่าต่างๆสังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  ช่วงนี้ขอให้ลืมคำว่า " คัน " เอาไว้ก่อนครับ  แล้วมีความสุขกับชุดที่เรามีดีกว่า หาหนัง หาคอนเสริทมาดู แล้วเพลิดเพลินไปกับมัน
แต่...... ถ้าเป็นแบบหลังและเป็นมือใหม่  1. ซื้อชุดประหยัด ดูสเปคที่ไม่แย่เกินไป รองรับรูปแบบเสียงใหม่ๆได้ครบ ไม่ต้องถึงกับ atmos  หรือภาพ 4k  เพราะชุดแรก ดีไปหมดละครับ แต่มันไม่ใช่ชุดสุดท้าย
                                                     2. ล่องเล่นลองปรับ ให้คิดว่าดีที่สุดเท่าที่ชุดนี้มันทำได้แล้ว  ค่อยคิดถึงคำว่า " คัน " จะขยับขยายอะไรก้อตามสะดวกเท่าที่งบไปถึงและใจอยากได้ ถึงเวลานี้นตัวเราก้อมีทักษะมากพอที่จะใช้มันได้อย่างคุ้มค่าตัวแล้วครับ
         ปล.ผมเคยเจอบุคคลทั้งสองประเภทเป็นพรรคพวกกัน  คือ  ซื้อมาแล้ว ไปช่วยติดตั้งให้ ตั้งค่าให้  แล้วจากนั้นก้อดูอย่างเดียวจริงๆ คืออยู่อย่างไงก้ออย่างั้นใช้อย่างเดียว  กับอีกประเภท  คือคันตลอด ขยันเปลี่ยนโน่น นี่ นั่น สิ่งที่ได้กลับมาไม่เห็นว่ามันจะคุ้มกับที่จ่ายไปซักเท่าไร  ถามว่าตั้งค่ายังงัยบ้าง  เจ้าตัวกดรีโมทยังไม่ถูกในบางฟังชั่นเลย 

.................เล่นเครื่องเสียงไม่มีวันจบ  มันจบที่ใจเรา....................