แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Jessicas

หน้า: 1 ... 986 987 [988] 989 990 ... 1012
17767


อว. เผยไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 47,296,431 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,069 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 348.13 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 98.5%

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,069 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 388 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 183 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 348.13 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (77.8% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 131.45 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 24 กันยายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 47,296,431 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 58.74%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,069 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 24 กันยายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 47,296,431 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 29,998,440 โดส (45.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 16,673,867 โดส (25.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 624,124 โดส (0.9% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 24 ก.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 47,296,431 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 626,896 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 564,904 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 14,749,781 โดส
- เข็มที่ 2 3,501,863 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,240,852 โดส
- เข็มที่ 2 10,229,486 โดส
- เข็มที่ 3 220,340 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 4,583,535 โดส
- เข็มที่ 2 2,468,012 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 424,272 โดส
- เข็มที่ 2 474,506 โดส
- เข็มที่ 3 403,784 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.3% เข็มที่2 116.9% เข็มที่3 87.7%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 47.1% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 71.1% เข็มที่2 52.2% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 55.2% เข็มที่1 28.9% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 32.5% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 29.7% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 12.6% เข็มที่2 7.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 60% เข็มที่2 33.3% เข็มที่3 1.2%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 77.3% เข็มที่2 38% เข็มที่3 1.3% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 98.5% เข็มที่2 45% เข็มที่3 1.9%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 31.5% เข็มที่3 0.6%
- นนทบุรี เข็มที่1 61.1% เข็มที่2 32.1% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 57.6% เข็มที่2 34.2% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 49.1% เข็มที่2 31.7% เข็มที่3 0.8%
- นครปฐม เข็มที่1 39.2% เข็มที่2 21.3% เข็มที่3 0.7%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 32.4% เข็มที่2 19.3% เข็มที่3 0.7%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 62.5% เข็มที่2 29.9% เข็มที่3 0.6%
- ชลบุรี เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 32.2% เข็มที่3 1%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 51% เข็มที่2 27.5% เข็มที่3 0.5%
- เพชรบุรี เข็มที่1 45% เข็มที่2 30% เข็มที่3 0.8%
- ยะลา เข็มที่1 44.5% เข็มที่2 21.9% เข็มที่3 0.7%
- สงขลา เข็มที่1 38.8% เข็มที่2 23.7% เข็มที่3 1.2%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 348,133,639 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 131,457,145 โดส (30.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 47,296,431 โดส (45.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 43,088,582 โดส (21.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 41,573,883 โดส (68.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. เวียดนาม จำนวน 36,152,556 โดส (29.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
6. กัมพูชา จำนวน 24,385,751 โดส (75.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 9,742,585 โดส (11.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,176,863 โดส (77.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 4,826,961 โดส (39%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 432,882 โดส (59.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.60%
2. อเมริกาเหนือ 9.97%
3. ยุโรป 11.62%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.97%
5. แอฟริกา 2.31%
6. โอเชียเนีย 0.53%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,186.58 ล้านโดส (78.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 841.23 ล้านโดส (30.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 387.82 ล้านโดส (60.6%)
4. บราซิล จำนวน 227.16 ล้านโดส (55.1%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 154.97 ล้านโดส (61.4%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (97.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (91.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. อุรุกวัย (87%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. บาห์เรน (85.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. คิวบา (84.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna J&J และ AstraZeneca/Oxford)
6. กาตาร์ (83.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. อิสราเอล (82%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. ชิลี (81.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
9. จีน (78.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (77.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

17768


เลสเตอร์​ ซิตี้​ U-23​ พลาดท่าช่วงทดเวลาบาดเจ็บ​ พ่ายไบรท์ตัน​ แอนด์​ โฮฟ​ อัล​เบี้ยน U-23 ไป​ 1-2 ในศึกพรีเมียร์​ลีก​ 2​ ดิวิชั่น​ 1​ โดย​ 'เจ้ากัน' ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ยังคงได้ออกสตาร์​ท​ตัวจริงต่อเนื่อง

เลสเตอร์​ ซิตี้​ ที่ต้องบุกไปเยือนในเกมนี้ มาในระบบ​ 3-4-3 ​ โดยนายทวารอย่างยาคุบ​ สโตลาร์​ชิค​ และปราการหลังอย่างเชน​ ฟ​ลินน์​ ได้ลงเล่นให้ทีมเป็นเกมแรกในฤดูกาล​นี้​

ขณะที่ 'เจ้ากัน' ธนวัฒน์​ ซึ้ง​จิต​ถาวร, ทาวันด้า​ มาสวานีส และเคซี่ย์​ แม็ค​เค​เ​ที​ยร์​ ยังเป็นตัวหลักของทีมเหมือนเดิม​ ขาดเพียงแค่เจค​ เ​ว​ค​เคลลิ่ง​ ตัวสำคัญ​ในเกมรุกไป

เริ่มเกมเลสเตอร์​ ซิตี้​ พยายามบีบพื้นที่​ กดดันสูง​ แต่ในนาทีที่ 35​ ไบรท์ตัน​ก็เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนจากเจเรมี่​ ซาร์เมียนโต้ที่ได้กดเต็มข้อในกรอบเขตโทษ​เข้าประตู​ไป

เข้าสู่​ครึ่งหลัง​ได้​ 2​ นาที เลสเตอร์​ ซิตี้​ มีการเปลี่ยนตัว​โดยถอด​ 'เจ้ากัน' ธนวัฒน์​ ซึ้ง​จิต​ถาวร​ ออกไปพัก​ และส่ง โอลิเวอร์​ อีวิ่งลงไปเล่นแทน​

ช่วงท้ายในนาทีที่​ 85​ เลสเตอร์​ ซิตี้​ มาตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะได้หลุดเข้าไปซัดในกรอบเขตโทษ​ของ เคซี่ย์​ แม็ค​เค​เ​ที​ยร์

เกมทำท่าว่าจะจบลงที่​ 1-1 แต่ในช่วงทดเวลานาทีที่​ 4​ เจ้าถิ่นก็มาได้ประชัยจากลูกยิงจ่อ ๆ หน้าปากประตูของแอนดริว​ มอราน​ จบเกม เลสเตอร์​ ซิตี้​แพ้ไป​ 1-2​ อย่างน่าเสียดาย

สำ​หรับ​ตารางคะแนน​หลังผ่านไป​ 5 เกมเลสเตอร์​ ซิตี้​ ชุ​ด​ U-23​ มี​ 5 คะแนน​​ อยู่อันดับ​ที่​ 9 ของ​ตาราง​การแข่งขัน​ ขณะโปรแกรมในลีกนัดต่อไป​ เลสเตอร์​ ซิตี้​ ชุด​ U-23​ จะได้เปิดสนาม​ 'คิง​ เพาเวอร์​ ส​เตเดี้ยม' รับการมาเยือนของลีดส์​ ยู​ไนเต็ด​ ในวันศุกร์ที่​ 1​ ตุลาคม​นี้

17769


น้องใหม่วงการเน็ตบ้านอย่าง "เอไอเอส ไฟเบอร์" (AIS Fibre) เคยเชื่อว่าตัวเองจะขึ้นไปนั่งสวยในกลุ่ม Top 3 ของตารางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์รายใหญ่ที่สุดของไทยได้ในต้นปี 64 ความหวังนี้ไม่ใช่ฝันกลางวันเพราะตลาดมีปัจจัยบวกสูงมาก ผลจากอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญกับหลากมิติชีวิตคนไทยในยุค "นาว นอร์มัล"

อนิจจา แม้จำนวนผู้ใช้ที่ AIS Fibre รวบรวมมาได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 64 จะถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว แต่ AIS Fibre ก็ไม่อาจขึ้นเป็นที่ 3 ในตารางได้ เพราะการรวมตัวกันของ "2 องค์กร" ทำให้จำนวนสัดส่วนฐานผู้ใช้ของคู่แข่งเกิดเปลี่ยนแปลงไป AIS Fibre จึงยังไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Top 3 ของตลาดเน็ตบ้านไทยอย่างที่ฝันไว้

ถึง AIS Fibre จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ทุกคนรู้ดีว่า 2 องค์กรที่เป็นหนามตำใจของ AIS Fibre ก็คือบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ NT ซึ่งมีฐานลูกค้าหลังการควบรวมราว 1.7 ล้านราย สูงกว่า AIS Fibre ที่ตั้งเป้าเดิมไว้ว่าต้องทำให้ได้ 1.6 ล้านรายในปี 64 เพื่อให้ชนะทีโอทีซึ่งเวลานั้นมีลูกค้าเน็ตบ้าน 1.5 ล้านราย

ขณะนี้ AIS Fibre มีผู้ใช้บริการ 1.53 ล้านราย ทำสถิติเติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาด แม้จะน้อยนิดเมื่อเทียบกับฐานลูกค้าของบริษัทแม่อย่าง ‘แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส’ ที่มีจำนวนผู้ใช้งาน 43.2 ล้านเลขหมายในไทยก็ตาม

หากรอบนี้ AIS Fibre ไม่มีหนามมาขวางกั้นอีก บริษัทเชื่อว่าต้นปี 65 จะสามารถแซงคู่แข่งขึ้นเป็นเบอร์ 3 ของตลาดได้ เมื่อนั้น AIS Fibre จะได้ชื่อว่าสามารถขึ้น Top 3 วงการเน็ตบ้านไทยได้ใน 7 ปีหลังจากเริ่มเปิดให้บริการเมื่อปี 2558

สำหรับปีที่ 6 ย่างสู่ขวบปีที่ 7 AIS Fibre เตรียมพร้อมเต็มที่เพื่อเร่งตักน้ำในจังหวะบุญหนุนนั่นคือภาวะเวิร์กฟอร์มโฮม (WFH) ที่ช่วยดันให้ตลาดเติบโตสวนทางสัญญาณกำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว

***ผลบุญโควิด

กิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS ยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ทุกระลอกมีผลผลักดันจำนวนผู้ใช้เน็ตบ้านไทยเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ที่เห็นชัดคือปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตบ้านของ AIS เพิ่มขึ้นกว่า 40%โดย 3พื้นที่ที่คนใช้อินเทอร์เน็ตบ้านสูงสุดคือกรุงเทพฯและปริมณฑล รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคกลาง และภาคเหนือ

กิตติ งามเจตนรมย์ 
กิตติ งามเจตนรมย์

ปริมาณการใช้เน็ตบ้านในต่างจังหวัดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเกิดจากคนไทยเดินทางกลับภูมิลำเนามากขึ้น กลายเป็นแต้มบุญที่ AIS Fibre จะสามารถเก็บเกี่ยวจากการเปิดให้บริการครบ 77 จังหวัดทั่วไทย



นอกจากพื้นที่  โควิด-19ยังเปลี่ยนระยะเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตบ้านของคนไทย โดยพลิกจากเคยหนาแน่นช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มาเป็นหนาแน่นทุกวัน ขณะที่จำนวนอุปกรณ์เชื่อมต่อซึ่งจากเดิมมีเฉลี่ย 5 เครื่องต่อครัวเรือน ก็เพิ่มขึ้นเป็น 10 เครื่อง สะท้อนว่าคนไทยต้องเพิ่มหน้าจอสำหรับออนไลน์ในบ้านให้มากขึ้นเพื่อรับชมความบันเทิง ประชุมออนไลน์ เล่นเกมออนไลน์ รวมถึงซื้อสินค้าอีคอมเมิร์ซ

"การเติบโตของเน็ตบ้านมีผลกระทบต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือเล็กน้อย เชื่อว่ารูปแบบการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยเปลี่ยนไปเพราะการเวิร์กฟรอมโฮม การใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนในเชิงปริมาณ แต่การใช้โมบายอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือก็จะยังมีการใช้งานอยู่ คือกระทบบ้างแต่ไม่ได้กระทบจนไม่มีการใช้งานเลย"





ภาวะนี้หนุนนำให้ AIS Fibre มีผู้ใช้งานมากขึ้น ย้อนไปเมื่อช่วงสิ้นปี 63 บริษัทมีผู้ใช้งาน 1.34 ล้านราย คิดเป็น 13.6% ของตลาด แต่ด้วยพลังของลูกค้าย้ายค่ายและฐานผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ ทำให้ดาวรุ่งอย่าง AIS Fibre มีลูกค้า 1.53 ล้านรายในช่วงครึ่งแรกปี 64 คิดเป็นสัดส่วนเติบโต 7.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก

อัตราเติบโต 7.3% นี้สูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยของตลาดรวมการใช้งานอินเทอร์เน็ตบ้านของไทย นับตั้งแต่ปี 2558 ประเทศ ไทยมีฐานผู้ใช้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตทั้งหมด 6.23 ล้านราย มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 4% ต่อปี จนกระทั่งเกิดโควิด-19 ตลาดเน็ตบ้านจึงเติบโตราว 5% ในปี 64 คิดเป็นผู้ใช้รวมในไทย 11.48 ล้านราย

เพื่อเอาชนะแชมป์ Top 3 ในตารางอย่าง True Online, 3BB และ NT บริษัทจำเป็นต้องวางเป้าหมายทางธุรกิจของ AIS Fibre ให้โตก้าวกระโดดมากกว่าเดิมรอบนี้ AIS Fibre เปิดเกมต้องการ สร้างมาตรฐานใหม่ โดยเคลมว่าเพื่อให้อุตสาหกรรมเน็ตบ้านเติบโตอย่างยั่งยืน





แม้จะลงมาเล่นที่ระดับราคา 399 บาทต่อเดือน แต่ AIS Fibre พยายามชูเรื่องงานบริการที่เหนือกว่า เพื่อตอบโจทย์ภาวะที่โควิด-19 ทำให้โครงข่ายอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญในโลกของภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคการศึกษา ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ AIS Fibre ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพด้านงานบริการ เพราะจะเป็นประโยชน์อย่างยั่งยืนมากกว่าการแข่งขันด้านราคาเพียงด้านเดียว

กลยุทธ์ล่าสุดที่บริษัทจะยึดเป็นแกนคือ ‘Service Innovation’ โดยประกาศว่าจะเน้นการจับมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้ AIS Fibre สามารถมอบบริการคุณภาพทุกขั้นตอนภายใน 24 ชั่วโมง

***ลูกค้ารอไม่เกิน 1 วัน

เป้าหมายของ AIS Fibre คือการทำทุกวิถีทางที่จะส่งมอบประสบการณ์ และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้เชื่อมต่ออย่างราบรื่น ทั้งการเพิ่มความเข้มข้นเรื่องพัฒนาคุณภาพสัญญาณโครงข่าย การขยายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมมากขึ้น และที่สำคัญคือ การยกระดับคุณภาพงานบริการที่แตกต่าง

‘ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา มีการแข่งขันเรื่องราคาอย่างรุนแรง AIS Fibre เป็นคู่แข่งรายใหม่แต่ก็ไม่อยากแข่งขันในเรื่องเดียวกัน เราต้องการสร้างนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนมุมมอง และผลักดันให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างมั่นคง เชื่อว่าจะเป็นจุดที่ทำให้อุตสาหกรรมเติบโตไปด้วยกัน’ กิตติระบุ



แม้จะเป็นช่วงที่แนวโน้มกำลังซื้อช่วงนี้เริ่มชะลอตัว AIS Fibre ยังเชื่อว่าลูกค้าจะไม่ดูที่ราคาอย่างเดียว จึงตั้งเป้าหมายจะออกแพ็กเกจให้ลูกค้าเลือกใช้งานอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า ร่วมกับกลยุทธ์ Service Innovation ที่ถูกวางเกมให้ใช้พลังของทุกส่วนงานทั้ง พนักงาน, ทีมงานขาย, พนักงาน Call Center, พนักงานหน้าร้าน, ทีมงานติดตั้ง, ทีมงาน support รวมทั้ง พันธมิตรทางธุรกิจ ที่ผสานการทำงานด้วยเทคโนโลยี และ Automatic Process ที่เชื่อมต่อกันทั้งระบบ ตั้งแต่ระบบหน้าบ้านที่ติดต่อกับลูกค้า จนถึงระบบหลังบ้านที่จัดการทั้งหมด รวมถึงการทำ Dashboard & Monitoring Tools ที่ช่วยติดตามผล อัปเดทสถานการณ์การดูแลลูกค้าแต่ละบ้านให้เป็นไปตามเงื่อนไข และสามารถแก้ไขทันทีหากเกิดปัญหา

"AIS Fibreใช้ AI ดูแลลูกค้า และดูผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้ใช้ ตลอดจนปัญหาของลูกค้ามานาน มีการนำเอาฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาแก้ปัญหา ทั้งหมดนี้ถือว่าเราเริ่มต้นนำเทคโนโยลีอัตโนมัติมาใช้แล้ว และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในหลายรูปแบบ"

AIS Fibre ย้ำว่าตัวเองเป็นผู้เล่นรายแรกและรายเดียวในการนำงานบริการขึ้นมาเป็นแกนสำคัญในการแข่งขันจนสามารถเบียดขึ้นมาเกือบจะนั่งเก้าอี้ Top 3 ได้สำเร็จ สำหรับปีนี้และปีหน้า AIS Fibre จะเน้นชู 3 จุดขายงานบริการ ได้แก่การแก้ปัญหาภายใน 24 ชม. ด้วยระบบให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด การติดตั้งเร็วที่บริษัทจะพร้อมเข้าติดตั้งเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้เร็วที่สุด และช่างนัดตรงต่อเวลา ทั้งการติดตั้ง การให้บริการ หรือการเข้าไปดูแลเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้งานในทุกกรณี

นอกจากนี้ AIS Fibre ยังระบุว่าอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อหาแนวทาง Synergy ธุรกิจสายพลังงานของกัลฟ์ (Gulf) เข้ากับบริการเน็ตบ้านในอนาคต โดยยอมรับว่าการ Synergy จะเกิดขึ้นแน่นอนหลังจากที่ Gulf เข้าถือหุ้นใหญ่ของบริษัทแม่ แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร

แนวโน้มเหล่านี้ย้ำว่า AIS Fibre มีโอกาสเติบโตอีกมาก แต้มบุญสะสมที่ทำไว้แล้วหรือกำลังเริ่มทำก็ยังมีเต็มมือ และกรรมก็ไม่ได้บดบังมากนักเท่าไรด้วย เพียงแต่ต้องรอเวลาอีกนิดหน่อยเท่านั้น.

17770


การแข่งขันฟุต.รีโว่ ไทยลีก 2021 นัดที่ 4 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2564 เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดสนาม ธันเดอร์โดม สเตเดียม พบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

เริ่มเกมเพียง 14 นาที เมืองทอง ได้ฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวา ซาร์ดอร์ เปิด.ยาวเข้าเขตโทษ ปวีร์​ ตันฑะเตมีย์ ล้มลงยกเท้าถีบใส่ ชาติชาย แสงดาว เกมดำเนินต่อไปสักพัก ก่อนที่ผู้ตัดสินจะไปดู VAR และชี้ให้เจ้าถิ่นจุดโทษ ก่อนที่ วิลเลี่ยน พอพพ์ สังหารจุดโทษเข้าไป เมืองทอง ขึ้นนำ 1-0

จากนั้น นาทีที่ 41 จากจังหวะบุกต่อเนื่องของทีมเยือน นรากร นุ่มจันทร์สกุล เปิด.ให้ แดร์เลย์ วิ่งมาดีดด้วยซ้ายส่ง.ตุงตาข่ายให้ ราชบุรี ตามตีเสมอ 1-1 พร้อมหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ช่วงท้ายเกม เจสซี่ เคอร์แรน พา.ขึ้นมาก่อนเปิดโด่งเข้าเขตโทษให้ วิลเลี่ยน พอพพ์ ขึ้นโขกเสียบโคนเสาเข้าไป ช่วยให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะหมดเวลาแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่นที่เปิดบ้านเอาชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 2-1 ซึ่งเป็นการเก็บชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลนี้ของ กิเลนผยอง

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด : สมพร ยศ (GK), สุพร ปีนะกาตาโพธิ์, ลูคัส โรช่า, ชาติชาย แสงดาว, บุญทวี เทพวงค์, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พิชา อุทรา, ธีระพล เยาะเย้ย, ซาร์ดอร์ มีร์ซาเยฟ, วิลเลี่ยน พอพพ์, อดิศักดิ์ ไกรษร

ราชบุรี มิตรผล เอฟซี : กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (GK), จิรวัฒน์ ทองแสงพราว, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์, ประวีณวัช บุญยงค์, เกียรติศักดิ์ เจียมอุดม, นรากร นุ่มจันทร์สกุล, ปฐมชัย เสือสกุล, เซบาสเตียน วูธริช, สิทธิโชค กันหนู, สตีเฟ่น ลองจิล, แดร์เลย์

17771
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: กันยายน 25, 2021, 01:54:34 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

17773


“บ้านปู เน็กซ์” จัดโครงการ “มูฟมี อาสาขนส่ง”
นำรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า “มูฟมี” รับผู้ที่หายป่วยจากโควิด-19 ส่งกลับบ้านฟรีอย่างปลอดภัย
สานต่อภารกิจกองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด

เพราะเราห่วงใย อยากให้ทุกคนปลอดภัย ‘บ้านปู เน็กซ์’ จับมือ ‘UMT’ จัดโครงการ ‘มูฟมี อาสาขนส่ง’ ภารกิจภายใต้กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19 นำรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ‘มูฟมี’ (MuvMi) ให้บริการรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว พาส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย นำร่องให้บริการโรงพยาบาลในสังกัด สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เมดิคอล แคมปัสอีก 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพญาไท 1 โรงพยาบาลพญาไท 2 โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน 

นอกจากให้บริการรับผู้ที่หายป่วยพาส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ยังเดินหน้าให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยร่วมกับเครือข่าย Food For Fighters ขนส่งอาหาร และถุงยังชีพไปแจกจ่ายยังชุมชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมนำชุดยาและอุปกรณ์จำเป็น (Home Isolation Kits) มอบให้ผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้าน นอกจากนี้ยังร่วมกับมูลนิธิ Let’s be heroes ขนส่งถุงยังชีพเพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังชุมชนต่างๆ อย่างทั่วถึง

นางสาวกนกวรรณ จิตต์ชอบธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส-กลุ่มธุรกิจยานพาหนะไฟฟ้า บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “จากการทำโครงการ EV Car Sharing for Caring สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าให้บุคลากรทางการแพทย์ ใช้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนามบุษราคัมที่ผ่านมา บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Smart Energy Solutions) ต้องการสานต่อความช่วยเหลือไปยังประชาชนทั่วไป ชุมชนที่เกิดคลัสเตอร์ และร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการรักษาหายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีผู้ได้รับความเดือดร้อนที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ในชุมชนต่าง ๆ รวมถึงผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน



โดยร่วมมือกับ บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด หรือ UMT สตาร์ทอัพไทยผู้ให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี ริเริ่มโครงการ ‘มูฟมี อาสาขนส่ง ห่วงใยโดยกองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ’ นำบริการ Ride Sharing รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี จำนวน 20 คัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโซลูชันฉลาดใช้ เพื่อทำสองภารกิจหลักภายใต้โครงการนี้ ภารกิจแรกคือ รับผู้ที่หายป่วยจากโรงพยาบาลพาส่งกลับที่พักอาศัยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และภารกิจที่สอง คือ ขนส่งอาหารจำนวน 60,000 กล่อง ถุงยังชีพจำนวน 4,000 ชุด ชุดยาและอุปกรณ์จำเป็น 5,000 กล่อง นำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 2 เดือน ถือเป็นความตั้งใจของเรา ที่อยากให้ผู้ที่หายป่วยได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เดือดร้อนได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น

ดร.กฤษดา กฤตยากีรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ในฐานะผู้ดูแลระบบการให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี ซึ่งเป็นรถพลังงานสะอาด 100% ช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ร่วมกับบ้านปู เน็กซ์ ผ่านโครงการ ‘มูฟมี อาสาขนส่ง’ โดยบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในส่วนของบริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมีที่รองรับการเดินทางได้ 100 ทริป / วัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่หายป่วยเดินทางอย่างปลอดภัย ด้วยมาตรการเว้นระยะห่าง รับผู้โดยสาร 1 คนต่อ 1 คัน มีฉากใสกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารและพนักงานขับรถได้รับวัคซีนครบทุกคน พร้อมมาตรการรักษาความสะอาด โดยการฉีดพ่นฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังการใช้บริการ และมีสเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือให้บริการบนรถทุกคัน เราเชื่อว่าหากทุกคนร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็จะสามารถก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ซึ่งเราหวังว่า โครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนและกำลังใจให้ผู้ที่หายป่วยกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง”



สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาโควิด-19 ที่โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลพญาไท 1 โรงพยาบาลพญาไท 2 และโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ได้รับการตรวจรับรองจากแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว หากต้องการใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MuvMi เพื่อลงทะเบียน และสำรองการเดินทางล่วงหน้า 1 วัน ภายในเวลา 18.00 น. ของวันที่จอง เพื่อใช้บริการในวันถัดไป* โดยเส้นทางให้บริการของรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี ครอบคลุม 6 ย่านหลักทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ 1.จุฬา-สามย่าน 2.อารีย์-ประดิพัทธ์ 3.พหลโยธิน-ลาดพร้าว 4.เกาะรัตนโกสินทร์ 5.นานา-อโศก-พร้อมพงษ์ 6.เกษตร-เสนานิคม

ตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) อยู่เคียงข้างคนไทย ร่วมก่อตั้งกองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทยสู้ภัย COVID-19 ขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน พร้อมสนับสนุนงบประมาณให้บริษัทลูกอย่าง บ้านปู เน็กซ์ เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ส่งมอบความช่วยเหลือให้กับคนไทยในยามวิกฤตินี้
#BanpuNEXT #บ้านปูเน็กซ์ #โซลูชันพลังงานฉลาด #eMobility #มูฟมีอาสาขนส่ง #กองทุนมิตรผลบ้านปูฯ

*รอบการรับส่งตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น.
*ให้บริการผู้โดยสาร 1 คน ต่อ 1 คัน หากต้องการเดินทางมากกว่า 1 คนต้องเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน
*ระยะทางจากโรงพยาบาลถึงที่พักไม่เกิน 15 กิโลเมตร

17774


อุดร ดวงเดชา ซีเนียร์โปรจากเชียงใหม่ เซฟพาร์หลุมสุดท้าย ก่อนจบด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 208 เฉือนชนะ ธรรมนูญ ศรีโรจน์ คว้าแชมป์ไทยซีเนียร์ ทัวร์ รายการ "เอ็นเอสดีเอฟ-ไทย ซีเนียร์ หัวหิน โอเพ่น 2021" ที่สนามหลวงหัวหิน กอล์ฟ คอร์ส จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา

สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพอาวุโสไทย จัดการแข่งขันไทยซีเนียร์ ทัวร์ รายการ "เอ็นเอสดีเอฟ-ไทย ซีเนียร์ หัวหิน โอเพ่น 2021" ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 20-22 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ผลปรากฎว่า อุดี ดวงเดชา โปรวัย 50 ปีจากเชียงใหม่ จบด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 208 แชมป์รายการที่ 3 ติดต่อกันในทัวร์นี้ พร้อมรับเงินรางวัลไป 120,000 บาท โดยเฉือนชนะ ธรรมนูญ ศรีโรจน์ ซีเนียร์โปรจากชลบุรี ไปเพียงสโตรคเดียว

ทางด้าน สมบูรณ์ ลีลาฐิติกุล และ ธานินทร์ นิ่มโอษฐ จบด้วยสกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 215 รั้งอันดับ 3 ร่วม แบ่งเงินรางวัลคนละ 55,000 บาท โดยที่มี อุดม พูลสวัสดิ์ ตามมาที่อันดับ 5 ที่สกอร์รวมอีเวนพาร์ 216 รับเงินรางวัล 40,000 บาท

17777


สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. ได้จัดการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ SACIT Award 2021 ภายใต้หัวข้อ “ผ้าไทยใส่ได้ทุก Gen” โดยมีวัตถุประสงค์ในการเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความสามารถด้านการออกแบบแฟชั่น และเครื่องแต่งกาย ได้นำเสนอแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบแฟชั่น และเครื่องแต่งกายผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย ใส่ได้จริง เข้ากับวิถีชีวิตคนในยุคปัจจุบันมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ และส่งเสริมให้ผ้าไทยเป็นที่รู้จัก จนเกิดเป็นค่านิยมให้คนทั่วไปหันมาสวมใส่ผ้าไทยมากขึ้น เพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่ผ้าไทย นำไปสู่การต่อยอดผลงานเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

การประกวดในปีนี้มี แบ่งเวทีออกเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ เหนือ กลาง ใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อกระจายฐานความสนใจผ้าไทยไปในทุกภาค นำเสนอเรื่องราวอัตลักษณ์ของผ้าไทยในแต่ละภาคถ่ายทอดผ่านการออกแบบเป็นชุดแฟชั่น ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่าว่า 700,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับการส่งเสริม พัฒนาและอบรมองค์ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่วงการแฟชั่น

ในวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2564 เวลา 14.00-16.00 น. จะมีการตัดสินและประกาศผลการประกวด ในรูปแบบ SACIT Virtual Fashion Runway ผ่านทาง Facebook : SACIT Award 2021 และ Facebook : สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย นำผลงานที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายทั้งสิ้น 130 ผลงาน จัดแสดงเป็นแฟชั่นโชว์แบบ Virtual ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพื่อสอดรับกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นการจัดกิจกรรมแบบ New Normal ภายใต้แนวความคิดหลัก ‘อุโมงค์แห่งกาลเวลา’ ที่จะพาผู้ชมเดินทางข้ามผ่านกาลเวลาของผ้าไทย ที่คนในทุก Generation ในทุกยุคทุกสมัยสามารถสวมใส่ผ้าไทยในได้อย่างสวยงามในชีวิตประจำวัน โดยมีคณะกรรมการส่วนกลางได้แก่ นายพรพล เอกอรรถพร รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) , รศ.(พิเศษ) ระพี ลีละสิริ , รศ.ดร.น้ำฝน ไล่สัตรูไกล , นางจิราพร ศรีสอ้าน และ นายดนัย อุ่นอนันต์ รวมถึงคณะกรรมการส่วนภูมิภาคร่วมตัดสินผลงาน โดยการแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ได้นายอิศร์ อุปอินทร์ แฟชั่นสไตล์ลิสต์ ชั้นนำของประเทศมาเป็นผู้ควบคุม พร้อมด้วยนายแบบนางแบบชั้นนำในแต่ละ Generation มาร่วมแสดงแบบ อาทิ โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร , ไบรอน บิชอพ , ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ , เข็ม-กฤตธีรา อินพรวิจิตร , มาร์ติน มอรี่ , มารีญา พูลเลิศลาภ , แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ , มิเรียม ศรพรหมมาศ , เอเลี่ยน อาณาดา , หงส์-หยก ศิริมาตย์

ร่วมติดตามชม ลุ้น และให้กำลังใจผู้ประกวด SACIT AWARD 2021 ได้ในวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2564 เวลา 14.00 – 16.00 น. ในการประกวดรอบชิงชนะเลิศ แบบ SACIT Virtual Fashion Runway ได้ทาง Facebook : สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย และ SACIT Award 2021 โดยสามารถร่วมโหวตชุดที่คุณชื่นชอบเพื่อเป็น Popular Vote ได้ทาง www.facebook.com/Sacitaward2021 และ www.sacictaward2021.com/vote-teams.html ได้ตั้งแต่วันนี้-25 กันยายน 2564 เวลา 15.00 น.

17778


นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้หารือกับภาคเอกชน 5 สมาคมท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทย สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ และสมาคมสปาไทย และตัวแทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อหารือแนวทางจัดทำมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ขาดสภาพคล่องและประสบปัญหาทางการเงินอย่างเร่งด่วนจากวิกฤติโควิดตั้งแต่ปี 2563

การหารือครั้งนี้ภาคเอกชนมีข้อเสนอหลายเรื่องต้องการให้ภาครัฐพิจารณาการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยเสนอวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 ธนาคารรัฐ ยอมรับว่ามีวงเงินที่เตรียมไว้แล้ว ขอดูเงื่อนไขที่เอกชนเสนอมา เช่น การค้ำประกันไขว้ และการผ่อนปรนต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะรวบรวมข้อมูลและรายชื่อผู้ประกอบการที่ต้องการขอสินเชื่อ ส่งให้ สศค. ภายในสัปดาห์หน้า พิจารณาจัดทำเป็นมาตรการทางสินเชื่อเฉพาะในรูปแบบใดนั้นอยู่ที่กระทรวงการคลังจะพิจารณา

“ข้อเสนอต่างๆ ของเอกชน ที่ประชุมฯ ไม่ขัดข้องอะไร แต่ขอดูข้อมูลชัดเจนก่อน โดยธนาคารออมสินจะเข้ามาช่วยเหลือคู่ขนานกับการปล่อยสินเชื่อของเอสเอ็มอีแบงก์ที่เอกชนจะไปยื่นขอสินเชื่อได้อีกทาง”

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นหากกระทรวงการคลังรับข้อเสนอในการจัดวงเงินสินเชื่อเฉพาะมาให้ได้ในช่วงต้นเดือน ต.ค. จะช่วยให้เอกชนมีสภาพคล่องไปดำเนินธุรกิจรองรับการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวเสริมว่า สมาคมฯ จะออกแบบสอบถามส่งถึงสมาชิกที่เคยทำเรื่องขอกู้แล้วไม่ผ่าน และขอให้สมาชิกระบุถึงประเด็นปัญหาที่ไม่สามารถกู้ได้ จากนั้นรวบรวมและสรุปข้อมูลส่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ สศค.เพื่อแก้ไขในเชิงนโยบายต่อไป

นอกจากนี้ ธปท.ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ว่า ได้มีการพิจารณาให้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ออกนโยบายทำวงเงินค้ำประกันธุรกิจเอสเอ็มอีสูงสุด 100% ทำให้ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมสนับสนุนมาตรการฟื้นฟูผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว ไม่มีข้อกังวลเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เนื่องจาก บสย.เข้ามาค้ำประกัน 100% อีกเรื่องคือการพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ จากรายได้ในปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งพยายามให้ผ่อนปรนเกณฑ์นี้

“ธปท.ออกนโยบายและทำหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ชัดเจน ฉะนั้นจะไม่มีผลต่อการพิจารณาในเรื่องเครดิตของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งในอนาคตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในช่วงที่ผ่านมาที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมีข้อกังวล และมองว่าเรื่องธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความเสี่ยงสูง จึงให้ความสำคัญในการพิจารณาค่อนข้างต่ำ เมื่อตัดประเด็นนี้ออกไป ธปท.เชื่อว่าน่าจะช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้มากขึ้น”

หลังจากนี้ สมาคมฯ จะเชิญธนาคารออมสินกับเอสเอ็มอีแบงก์มาพบปะสมาชิกและเจรจาเป็นรายต่อราย โดยธนาคารทั้ง 2 แห่ง มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลายรูปแบบที่ใกล้เคียงกับที่ 5 สมาคมท่องเที่ยวขอไปก่อนหน้านี้ โดยธนาคารออมสินมีวงเงินเหลือ 3,000 ล้านบาท เอสเอ็มอีแบงก์ มีวงเงินเหลือกว่า 1,000 ล้านบาท ที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจท่องเที่ยวในเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นกรณีขอพิจารณารายได้ในปี 2562 และในทางปฏิบัติเรื่อง NPL ผู้ประกอบการที่มี NPL หลังวันที่ 31 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป ถือว่าได้รับการยกเว้นเงื่อนไขพิจารณาเรื่อง NPL ทั้งนี้หากผู้ประกอบการยังมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอื่นๆ สามารถนำมาค้ำประกันได้ หรือต้องการใช้วงเงินค้ำประกันจาก บสย.ก็ใช้วงเงินค้ำประกันได้ถึง 100%

อย่างไรก็ตามทั้ง 5 สมาคมท่องเที่ยวยังต้องการให้รัฐบาลจัดตั้งวงเงินกู้ใหม่อีก 10,000 ล้านบาท และให้พิจารณาตามเงื่อนไขที่ขอไปก่อนหน้านี้ เช่น ไม่มีการพิจารณาเรื่อง NPL อยากให้ค้ำประกันระหว่างบุคคลหรือนิติบุคคลไขว้กัน หรือใช้ทรัพย์สินที่ปลอดหนี้ เช่น รถ และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เป็นส่วนหนึ่งในการค้ำประกัน

17779
  LUMPINI Centerสุขุมวิท77 ใกล้BTSอ่อนนุช  ใกล้BTSอ่อนนุช เพียง800ม. ขายถูกกู้ได้สูง ถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง

    LUMPINI Centerสุขุมวิท77ขายถูกกู้ได้สูง ถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง ขายเพียง 1.42 ล้านบาท (ฟรีค่าโอน)     LUMPINI Centerสุขุมวิท77ขายถูกกู้ได้เต็ม
    LUMPINI Centerสุขุมวิท77ขายถูกกู้ได้สูง ขายถูกกู้ได้สูง ถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง ขนาด 28 ตร.ม      LUMPINI Centerสุขุมวิท77ขายถูกกู้ได้เต็มคอนโดทำเลทอง ทำเลดี ใกล้ห้าง Big C อ่อนนุช500ม. ราคานี้ ขายถูกกู้ได้สูง ถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง ขายเพียง 1.42 ล้านบาท (ฟรีค่าโอน) พร้อมเฟอร์นิเจอร์เข้าอยู่ได้เลย 

 ขายLUMPINI Centerสุขุมวิท77 ใกล้BigCอ่อนนุช  
 
คอนโดลุมพินีเซ็นเตอร์สุขุมวิท77  ใกล้ห้าง Big C อ่อนนุช500ม. คอนโดคุ้มค่า ถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง ราคา 1.42 ล้านบาท (ฟรีค่าโอน)
–ห้องสภาพเดิมสวยสะอาดพร้อมเฟอร์นิเจอร์เข้าอยู่ได้เลย
-ขนาด 28 ตร.ม. ตึก D ชั้น 8
-ค่าส่วนกลาง 22 ฿/ ตรม.

สิ่งอำนวยสะดวกของโครงการ
-สระว่ายน้ำ
-ห้องออกกำลังกาย
-สนามเด็กเล่น
-ห้องเรียนรู้
-ที่จอดรถ
-ร้านซักรีด
-7-Eleven (เซเว่น อีเลฟเว่น)

ทำเลทอง สถานที่สำคัญ ใกล้เคียง
– BTS อ่อนนุช ระยะทาง 900ม. (เดินได้)
– Big C Extra อ่อนนุช ระยะทาง 500 เมตร
– เทสโก้โลตัส สุขุมวิท 50 (อ่อนนุช) ระยะทาง 1 กม.
– ซีคอนสแควร์ (เทสโก้โลตัส) ระยะทาง 6.3 กม.
– ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ ระยะทาง 7.1 กม.
– พาราไดซ์พาร์ค ศรีนครินทร์ ระยะทาง 7 กม.
– สวนหลวง ร.9 ระยะทาง 11.4 กม.

สนใจ
ติดต่อ จิ๊บ 062-939-2515 (เจ้าของขายเอง)
Line ID : wucharapongb


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://ipostcondo.com/ขายถูกคอนโดลุมพินีเซ็น/

คำค้น
ขายถูกคอนโดลุมพินีเซ็นเตอร์สุขุมวิท77,ขายคอนโดใกล้BTSอ่อนนุชเพียง800เมตร, ขายคอนโดใกล้ห้างBigCอ่อนนุช500ม, คอนโดลุมพินีเซ็นเตอร์สุขุมวิท77ขายถูกกู้ได้สูง, คอนโดลุมพินีเซ็นเตอร์สุขุมวิท77ถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง,

17780
ทานข้าวออแกนิค ที่มีค่าน้ำตาลต่ำ ทำไมถึงดีกับสุขภาพคุณแม่มีครรภ์
กลุ่มข้าวอินทรีย์) ถึงแพงกว่าข้าวธรรมดา     การปลูกข้าวอินทรีย์   เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวอินทรีย์  ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น  อย่างยิ่งกับการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยซึ่งมีมากมายหลากหลายในปัจจุบัน  รวมถึงผลผลิตจากระบบเกษตรอินทรีย์ที่เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคทั้งหลายให้ความไว้วางใจ  แต่ก็ยังมีคำถาม ข้อสงสัย ติดอันดับยอดนิยมจากผูบริโภคว่า  “ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ถึงราคาแพงกว่า ทั่วไป ทั้งที่ข้าวในนาผลิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีต้นทุนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง”    'ข้าวอินทรีย์' ดีต่อสุขภาพ  ข้อมูลจากเวปไซด์ขององค์กรการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวถึงข้อเท็จจริงบางประการ ข้าวปลอดสารสุรินทร์ที่เป็นเหตุผลของราคาผลผลิตและสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สูงกว่าเอาไว้  ดังนี้- ฟาร์มเกษตรอินทรีย์มีขนาดเล็ก ใช้แรงงานต่อหน่วยในการผลิตมากกว่าฟาร์มทั่วไป (สาเหตุหนึ่งที่ต้นทุนการผลิตสูง)
- ค่าใช้จ่ายในขบวนการหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรอินทรีย์ ปลูกข้าวอินทรีย์  สูงกว่าเพราะในการขนส่ง หรือแปรรูปจะต้องแยกออกจากผลผลิตทั่วไปอย่างชัดเจน
- ปริมาณของข้าวเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างน้อย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าต่อหน่วยของ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์  ออกสู่ตลาดนั้นสูงกว่าผลผลิตทั่วไป
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ทำให้เกษตรกรได้รายได้ที่เป็นธรรมและพอเพียง
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค  มีการจัดการมาตรฐาน คุ้มครองสัตว์เลี้ยงในฟาร์มได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
- และสุกท้ายที่สำคัญที่สุด ข้าวเกษตรอินทรีย์มีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้บริโภค
เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา  




ข้าวฮอร์ (HOR)  ข้าวเกษตรอินทรีย์ ได้รับมาตรฐาน 
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้"  จากกรมการข้าว  จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ในประเภทของ 
2.1  ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)  
2.2  ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)  
2.3  ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวเกษตรอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย  ข้าวเพื่อสุขภาพ
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : www.hor.boutique
Facebook :   www.pinterest.com/horboutique/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ ขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์  ข้าวหอมมะลิออแกนิคส่งทั่วไทย
1.  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
3. ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
6.  ข้าวมะลินิลออแกนิค
7. ข้าวไรซ์เบอรี่   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิก

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค  #ข้าวออแกนิก #ข้าวอินทรีย์ 
#ข้าววสุขภาพ  #ข้าวเกษตรอินทรีย์
 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 
 

17781
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: กันยายน 24, 2021, 10:56:13 am »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

หน้า: 1 ... 986 987 [988] 989 990 ... 1012