แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Jessicas

หน้า: 1 ... 989 990 [991] 992 993 ... 1012
17823
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: กันยายน 17, 2021, 05:10:42 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

17824


คนจะรวย ตรวจหวยตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล แม่ค้าซื่อสัตย์-แจ้งลูกค้าถูกรางวัลที่หนึ่ง 5 ใบรับ 30 ล้าน ชาวเน็ตแห่แชร์

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ เฉลิมรักษ์ ปิ่นแก้ว ได้โพสต์ข้อความหลังจากที่การประกาศผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 16 กันยายน 2564 พร้อมกับสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ชุด 5 ใบ มาโพสต์ปรากฏว่ามีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ต่อมาผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังคุณเฉลิมรักษ์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ต้นนั้นเป็นแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่ที่หน้าตลาดสดสันกำแพงและที่หน้าตลาด บ้านป่าไผ่ 

ส่วนลูกค้าที่ซื้อหวยออนไลน์ถูกสลากรางวัลที่ 1 ชุด 5 ใบนั้น เป็นลูกค้าขาประจำ ไม่ประสงค์ออกนาม อยู่ที่ในเมืองเชียงใหม่ ได้มาสั่งซื้อสลาก 1 ชุด 5 ใบ และฝากไว้ที่ตน ทุกๆงวด โดยจะโอนเงินมาให้ก่อนและเก็บหวยไว้ที่ตน ปรากฏว่าวันนี้หวยออก รางวัลที่ 1 ตรงกับเลขของลูกค้าที่ซื้อ และหวยก็ยังอยู่ที่ตนจึงได้โทรศัพท์ไปบอกลูกค้าว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 

ทางลูกค้าจึงได้เดินทางมารับสลากกินแบ่งรัฐบาล ในช่วงเย็นวันเดียวกัน และเพื่อเป็นสักขีพยานตนจึงได้ถ่ายภาพลูกค้าและถ่ายภาพตลาดที่ถูกรางวัลที่ 1 ลงใน Facebook ส่วนตัวจนมีคนแชร์ เป็นจำนวนมาก

17828


เปิดเกณฑ์ดึงนักลงทุนต่างชาติศักยภาพสูง ผู้เกษียณที่รายได้ดี พำนักระยะยาวไทย 4 กลุ่ม เป้าหมาย 1 ล้านคน ให้สิทธิภาษีเงินได้ ที่ดิน วีซ่า 5 ปี ดันเงินเข้าระบบ 1 ล้านล้าน กระตุ้นลงทุน 7.5 แสนล้านบาท
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเริ่มดีขึ้นเมื่อดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันที่มีจำนวนลดลง ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลต้องเตรียมมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อเร่งผลักดันในช่วงที่สถานการณ์การระบาดคลี่คลาย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ก.ย.2564 เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยดึงชาวต่างชาติที่มีศักยภาพซื้อหวยออนไลน์สูงเข้าสู่ประเทศไทย ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยตั้งเป้า 5 ปี (2565-2569) มีชาวต่างชาติที่มีรายได้สูง นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ผู้เกษียณอายุที่มีรายได้สูงจากบำนาญมาอาศัยในไทย 1 ล้านคน ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท 

ทั้งนี้ มาตรการที่ ครม.เห็นชอบมีมาตรการที่เกี่ยวกับการออกวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว (Long-term resident visa) เพื่อรองรับผู้มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ได้แก่

1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง โดยต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 5 แสนดอลลาร์ในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) หรือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และมีเงินเดือนหรือเงินบำนาญขั้นต่ำปีละ 8 หมื่นดอลลาร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์ 

2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ โดยมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 2.5 แสนดอลลาร์ ในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือลงทุนทางตรงจากต่างประเทศหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และมีเงินบำนาญขั้นต่ำปีละ 4 หมื่นดอลลาร์ หรือมีเงินบำนาญขั้นต่ำปีละ 8 หม่ื่นดอลลาร์ (กรณีไม่มีการลงทุน) 

3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทยโดยมีรายได้ส่วนบุคคล เช่น เงินเดือนหรือรายได้จากการลงทุนปีละ 8 หมื่นดอลลาร์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหรือปีละ 4 หมื่นดอลลาร์ หากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป, ครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา, ได้รับทุนจาก Series A ที่เป็นการร่วมทุนในเวนเจอร์ฟันด์หรือสตาร์ทอัพ และมีประสบการณ์การทำงาน 5 ปีขึ้นไป

4.กลุ่มที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยมีรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 8 หมื่นดอลลาร์ในช่วง 2 ปีหรือปีละ 4 หมื่นดอลลาร์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป และมีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 5 ปีในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวระดับคุณภาพ เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหารคุณภาพสูง หุ่นยนต์ การบิน เชื้อเพลิงชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์

ทั้งนี้ มาตรการที่สนับสนุน 4 กลุ่มดังกล่าวให้สิทธิทำงานพร้อมวีซ่า ให้คู่สมรสและบุตรได้รับวีซ่าผู้ติดตามไปพร้อมกันด้วย ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ รวมทั้งรายได้ที่นำเข้ามาในปีภาษีเดียวกัน ในอนาคตอาจได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวที่รวมทั้งที่ดิน 

สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้ได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมโดยเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่ากับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% โดยในส่วนนี้มอบให้กระทรวงการคลังกำหนดรายละเอียด

นอกจากนี้ มีมาตรการการแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อดึงชาวต่างชาติ ได้แก่ การกำหนดวีซ่าประเภทพิเศษตามโครงการ การสร้างระบบอำนวยความสะดวกให้รับอนุมัติวีซ่าได้เร็ว การให้สิทธิคู่สมรสและบุตรรับวีซ่าผู้ติดตาม ได้ยกเว้นไม่ต้องรายงานตัวทุก 90 วัน 

รวมทั้งอำนวยความสะดวกการแจ้งย้ายที่อยู่ การกำหนดวิธีการต่อวีซ่า และวิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงสถานะการอยู่อาศัยในไทย ซึ่งให้ผู้ถือวีช่าทำงานได้ตามคุณสมบัติตามที่ได้ขอวีซ่าไว้ ไม่นำข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราส่วนการจ้างงานพนักงานไทยต่อต่างชาติมาใช้กับผู้ถือวีซ่าประเภทนี้ (หลักเกณฑ์จ้างงานต่างชาติ 1 คน ต่อคนไทย 4 คน)

นอกจากนี้ ได้สิทธิลดพิกัดอัตราอากรขาเข้าสำหรับสินค้าประเภทไวน์ สุรา และยาสูบประเภทไวน์ สุรา ยาสูบ และยาสูบประเภทซิการ์ ลงเกินกึ่งหนึ่งเป็นเวลา 5 ปี 

สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับจากมาตรการนี้คาคว่าจะดึงต่างชาติให้ย้ายมาพำนักในไทย 1 ล้านคน และมีเม็ดเงินจากการใช้จ่ายเบื้องต้นคนละ 1 ล้านบาท ช่วยชดเชยรายได้ท่องเที่ยวที่หายไปจากโควิด-19 โดยจะมีการใ้จ่ายเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนและการเก็บภาษีที่เกี่ยวข้อง โดยมีการประมาณช่วง 5 ปี (2565-2569) ดังนี้ 

ปีงบประมาณ 2565 มี 1 แสนคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 1 แสนล้านบาท เพิ่มปริมาณเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ 75,000 ล้านบาท และเพิ่มรายได้ทางภาษี 25,000 ล้านบาท

ปีงบประมาณ 2566 มี 1.5 แสนคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มปริมาณเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ 1.12 แสนล้านบาท และเพิ่มรายได้ทางภาษี 37,500 ล้านบาท

ปีงบประมาณ 2567-2569 มีปีละ 2.5 แสนคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ปีละ 2.5 แสนล้านบาท เพิ่มปริมาณเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ ปีละ 1.87 แสนล้านบาท และเพิ่มรายได้ทางภาษี ปีละ 62,500 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า โดยรวมแล้วนอกจากมีเงินจากการจับจ่ายใช้สอยของชาวต่างชาติในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านบาท จากชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาวในไทย เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท สร้างรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท

“ไทยมีผู้เชี่ยวชาญเพียงพอให้ภาคธุรกิจที่มุ่งส่งเสริม ซึ่งสอดคล้องแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (2561-2580) ในประเด็นอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล”

ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบตามที่ สศช.เสนอให้ประเมินผลสัมฤทธิ์ภาพรวมโครงการทุก 5 ปี รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและการถือของที่ดินให้สิ้นสุดหลังจากวันที่เริ่มบังคับใช้แล้ว 5 ปี รวมทั้งให้ประเมินมาตรการต่างๆ เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศก็พิจารณาขยายเวลาการบังคับใช้ออกไปได้ตามความเหมาะสม

17829


แล้วเรากำลังเข้าสู่ไตรมาสสี่ สุดท้ายของปีนี้ บทความ "มุมคิดมหภาค" จะขอฉายภาพเศรษฐกิจของภูมิภาคหลักของโลกและมุมการลงทุนปลายปี 2021 ดังนี้

ความเป็นไปของฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว (DM):
ธนาคารกลางสหรัฐ: เฟดมีแนวโน้มจะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรหรือทำ QE  Taper ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือว่าเร็วกว่าคาดเล็กน้อย โดยที่น่าจะใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือนจนสิ้นสุด QE ของรอบนี้ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3 ปีหน้า จากการที่หลายคนมองว่าจีดีพีสหรัฐจะเติบโตน้อยกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อจะออกมาสูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี อย่างไรก็ดี หากมีการสะดุดในส่วนของเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐในกลางเดือนตุลาคมนี้ ก็อาจทำให้แผนเปลี่ยนไปจากนี้ได้

ธนาคารกลางยุโรป: แม้อีซีบีจะออกตัวลด QE ก่อนเฟด โดยคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี ประกาศลดมูลค่าการซื้อพันธบัตรต่อเดือนในโครงการ QE ในส่วนสู้โควิด (PEPP) จากการประชุมอีซีบี วันที่ 9 กันยายน 2021 ทว่าอีซีบีน่าจะยังต้องใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจนานกว่าเฟดไปอีกอย่างน้อย 1 ปี 

เยอรมัน: การเลือกตั้งผู้นำเยอรมันใหม่ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่พรรค SPD ภายใต้การนำของโอลาฟ โชลท์ซ รัฐมนตรีคลังเยอรมัน จะได้เก้าอี้ในสภาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ มีผลในเชิงลบต่อตลาดหุ้นของเยอรมันเล็กน้อย เนื่องจากพรรค SPD เน้นรัฐสวัสดิการมากกว่าพรรค CDU ของอังเจล่า แมร์เคิล ผู้นำเยอรมันและหัวหน้าพรรค CDU อย่างไรก็ดี ผมยังมองว่าโอกาสที่อามิน ลาร์เช็ตต์ ทายาททางการเมืองของนางแมร์เคิลจะนำพรรค CDU ชนะการเลือกตั้งยังมีอยู่ไม่น้อย  

ญี่ปุ่น: การสรรหาผู้นำใหม่ของญี่ปุ่นที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ แน่นอนว่าจะเป็นผลดีต่อนโยบายการกระตุ้นของภาครัฐและเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงต่อไป รวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่นน่าจะมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินใหม่ๆออกมาอีกชุดหนึ่ง อาจจะเป็นไปได้ว่าจะออกมาภายในสิ้นปีนี้หรืออย่างช้าในช่วงต้นปีหน้า


ในภาพรวม เศรษฐกิจฝั่ง DM ค่อนข้างจะเป็นบวก โดยที่มีความเสี่ยงอยู่ตรงการปรับโทนลงจาก โหมดการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินอย่างสุดโต่งท่ามกลางโควิด 19 ค่อยๆกลับเข้าสู่ โหมดการใช้ดอกเบี้ยเป็นอาวุธ อย่างที่เป็นเศรษฐกิจยามปกติที่เราคุ้นเคยกัน

ฝั่งประเทศกำลังพัฒนา (EM):
จีน: นโยบายเศรษฐกิจพยายามที่จะปรับโทนจากที่ใช้มาตรการกระตุ้นภายในประเทศ อาทิ การลด RRR หรือ อัตราส่วนสำรองต่อเงินฝากที่บังคับโดยทางการ และ มาตรการดอกเบี้ยต่ำในบางจุด จากธนาคารกลางจีน มาสู่การใช้มาตรการด้านต่างประเทศ อาทิ การเปิดให้เงินทุนต่างชาติและเงินทุนซื้อหวยออนไลน์จากคนรวยในประเทศไหลเข้าออกจากจีนมากขึ้น เพื่อหลักเลี่ยงฟองสบู่ 

รวมถึงการเริ่มปล่อยให้มีการ default ของตราสารหนี้ของบริษัทเอกชนจีน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของจีนให้ไม่จ่ายดอกเบี้ย

ในภาพรวม เศรษฐกิจจีนไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากวิกฤติโควิดมากนัก จึงหันมาปรับนโยบายด้านสังคม โดยการออกกฎหมายต่างๆ เพื่อเน้นความเท่าเทียมของประชาชนชาวจีนทั่วประเทศ

ด้านมุมมองในการลงทุน สำหรับในไตรมาสสี่ ปี 2021 ผมยังมองว่าความร้อนแรงของตลาดหุ้นในฝั่ง DM จะลดลงจากช่วงเกือบ 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่ตลาดหุ้น DM  โดยรวมขึ้นไปประมาณร้อยละ 14-18 ทั้งนี้ ผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 ต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในฝั่ง DM ได้ลดลงมาเป็นอย่างมาก แม้จะยังไม่นิ่งเสียทีเดียว ส่งผลให้มาตรการการกระตุ้นทั้งด้านนโยบายการเงิน และการคลังของธนาคารกลางและรัฐบาลค่อยๆมีการลดขนาดของโครงการลงเช่นกัน จะมากหรือน้อยแล้วแต่ว่าตัวเลขเศรษฐกิจรวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ ในประเทศนั้นๆ จะออกมาดีมากน้อยแค่ไหน 


นอกจากนี้ การที่กูรูหลายคนมองอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของสหรัฐและยุโรปแม้ว่าจะสูงขึ้นมากในปีนี้ ทว่ายังมองว่าปรากฏการณ์เงินเฟ้อดังกล่าวเป็นแค่เพียงชั่วคราว อันส่งผลมาจากปัจจัยราคาน้ำมัน ปัจจัยด้าน Supply Disruption และภาคบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวและค้าปลีก ที่เพิ่งเปิดเป็นครั้งแรกหลังปิดมากว่า 1 ปี 

ผลกระทบทั้งหมดต่อเงินเฟ้อที่สูงแบบผิดปกติในขณะนี้ น่าจะเริ่มซาลงราวในช่วงกลางปีหน้านั้น จนสถานการณ์เศรษฐกิจน่าจะกลับมาเป็นเหมือนช่วงปกติมากขึ้น ตรงนี้ จะส่งผลให้ธนาคารกลางหลักอย่างเฟดและอีซีบี กล้าที่จะออกจากโหมด QE เร็วขึ้น จนฝั่งสหรัฐภายใต้เฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีหน้า อันเป็นผลให้ตลาดหุ้นฝั่ง DM  อาจต้องลดค่า P/E เฉลี่ยของตลาดลงจากช่วงวิกฤติโควิด

หากเปรียบเทียบระหว่างกัน ต้องบอกว่าเศรษฐกิจยุโรปยังไม่ได้ออกจากวิกฤติโควิดแต่อย่างใด และยังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรที่จะไปถึงจุดนั้น ทว่าวิวัฒนาการของการฟื้นตัวเศรษฐกิจยุโรป เป็นไปในทิศทางและด้วยความเร็วที่ดีกว่าคาด ในขณะที่ ทางสหรัฐเองถือว่าเศรษฐกิจได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นกว่าทางยุโรปไปหนึ่งขั้นแล้ว โดยอย่างน้อยโอกาสที่จะกลับไปสู่โหมดถดถอย ถือว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ ณ ตรงนี้

กระนั้นก็ดี ยังไม่แน่นอนว่าทิศทางเศรษฐกิจจะดีเช่นนี้ขึ้นไปเรื่อยๆหรือไม่ โดยส่วนหลักต้องขึ้นกับคุณภาพการจัดการของ Delta Variants จากหน่วยงานสาธารณสุขฝั่งยุโรปในช่วงเวลาถัดไป ซึ่งตรงนี้ จะเป็นตัวบอกของแนวโน้มของตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2022

ส่วนด้านการลงทุนของตลาด EM เอง ในภาพรวม ก็ยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก  จากการที่สถานการณ์โควิดของฝั่ง EM ยังแรงกว่า DM

สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปี ยังน่าจะถูกโควิดระลอกนี้และต่อไป เป็นตัวดึงทำให้เกิดความผันผวน รวมถึงฟันด์โฟลว์จากต่างชาติไม่ได้ไหลเข้าฝั่งอาเซียนมากเท่าไหร่นัก จากการที่สถานการณ์โควิดที่ดูยังหนักกว่าภูมิภาคอื่นๆของโลก.

17830
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: กันยายน 16, 2021, 01:47:15 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

17833
ติดต่อ ทราย 086.792.7929

ขายที่ดินสวย 105 ตารางวา ทำเลดี ถนนสาครธนากร อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม


อยู่ ต.โพรงมะเดื่อ (ลำพยา) เข้าซอยข้างร้านลมโชยไปแค่ 150 เมตร ด้านหลังมีทางออกสามารถออกไปถนน 

รถไฟตะวันตกได้ ใกล้ถนนมาลัยแมน เหมาะสำหรับ สร้างที่อยู่อาศัยเอง หรือทำธุรกิจห้องเช่า 

เจ้าของขายเอง ราคา 2,300,000- บาท(ไม่แพงตารางวาละ 22,000 บาท )ติดต่อ ทราย 0867927929

https://goo.gl/maps/jWc382QdDEkZbU9YA

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=61&t=7857718











17834


นายพัลลภ บุญศิริ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผู้ประกอบการไทย บีโอไอ เปิดเผยว่า บีโอไอเตรียมจัดสัมมนาออนไลน์หัวข้อ “จับสัญญาณอนาคตการลงทุนใน CLMVI” หนึ่งในกิจกรรมสัมมนาภายในงาน SUBCON Thailand 2021 เพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนไทยเกี่ยวกับลู่ทางการลงทุนซื้อหวยออนไลน์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย

ทั้งนี้พบกับ 5 วิทยากรซึ่งเป็นตัวแทนจากสภาธุรกิจไทยในประเทศ CLMVI อีกทั้งยังเป็นนักลงทุนไทยที่ไปประกอบธุรกิจและประสบความสำเร็จในต่างประเทศ ประกอบด้วย นางสาวนฤมล รินเรืองสิน กรรมการสภาธุรกิจไทย - กัมพูชา นายฉลองชัย ชยุตระพงศ์ รองประธานสภาธุรกิจไทย - ลาว/รองนายกสมาคมนักธุรกิจไทยใน สปป. ลาว นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย - เมียนมา นายราเกส ซิงห์ กรรมการเลขาธิการสภาธุรกิจไทยเวียดนาม และนายรัชชุ์นภ พจนาวราพันธุ์ ผู้แทนจากสภาธุรกิจไทย - อินโดนีเซีย

สำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสัมมนาจะได้ทราบข้อมูลสถานการณ์การลงทุน และความรู้ในการไปประกอบธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนที่เป็นปัจจุบัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกไปลงทุนอันจะนำไปสู่การขยายธุรกิจ และสร้างเครือข่ายนักลงทุนไทยในการไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ สัมมนาดังกล่าวจะจัดขึ้นวันอังคารที่ 21 กันยายน 2564 เวลา 13.30 – 16.00 น. ผ่านระบบ Zoom Webinar ผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่ https://bit.ly/3tl5DLk สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0-2553-8111 ต่อ 6797

17835


เมื่อวันที่ 13 ก.ย.64 รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของเดือนก.ย.64 กระทรวงการคลังมีแผนจะเร่งกู้เงินในส่วนของ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเติมอีก 72,313 ล้านบาท เพื่อให้มีวงเงินกู้ครบถ้วนตามกรอบโครงการที่ได้รับการเห็นชอบจาก ครม.วงเงิน 980,826 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98% ของวงเงินกู้ 1 ล้านล้าน เนื่องจากในเดือนก.ย.นี้ จะเป็นเดือนสุดท้ายที่คลังมีอำนาจกู้เงินได้ตามที่กฎหมายระบุไว้ ส่วนการกู้เงินตามพ.ร.ก.กู้เงินฉบับใหม่ 5 แสนล้านบาท คลังได้เริ่มทยอยกู้ไปแล้ว 7.4 หมื่นล้านบาท

"ปัจจุบันคลังกู้เงินตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านไปแล้ว 908,513 ล้านบาท ยังไม่ครบกรอบวงเงินโครงการที่ ครม.อนุมัติ ดังนั้นสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) จะต้องมีหน้าที่กู้ซื้อหวยออนไลน์ให้ครบตามโครงการที่อนุมัติไว้ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยวิธีการกู้เงินจะไม่มีการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ แต่จะใช้เครื่องมือการกู้เป็นพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วสัญญาใช้เงิน (พี/เอ็น)"

ส่วนการเบิกใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ขณะนี้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 849,466 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณเยียวยา แต่หลังจากนี้โครงการต่างๆทั้งเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หรือด้านสาธารณสุข ยังมีเวลาที่จะสามารถเบิกใช้จ่ายได้จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.64 ซึ่งได้ยินว่ามีอีกหลายโครงการที่เตรียมจะเบิกใช้ในเร็วๆนี้ โดยเฉพาะงบด้านสาธารณสุข

"ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ได้ให้อำนาจกระทรวงการคลังสามารถกู้เงินได้จนถึง 30 ก.ย.นี้ และให้โครงการที่จะขอใช้เงินจะต้องผ่านการเห็นชอบจาก ครม.ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ด้วย ส่วนโครงการที่ผ่าน ครม.ไปแล้ว ยังมีสิทธิเบิกใช้เงินได้ไปจนถึงสิ้นปีปฏิทิน อย่างไรก็ตามกรณีมีบางโครงการที่ล่าช้าเบิกจ่ายงบไม่ทัน ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ หรือทำไม่ได้ตามแผนนั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่จะมีการทบทวนปรับปรุงการใช้จ่าย หรือตัดงบบางโครงการให้เกิดความเหมาะสมได้" แหล่งข่าว กล่าว

ด้าน นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค.ได้เตรียมพร้อมสำหรับแผนงานเกี่ยวกับการเปิดรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับสวัสดิการรัฐเพิ่มเติม(ผู้ถือบัตรคนจน) ซึ่งระยะเวลาที่จะเปิดให้ลงทะเบียนนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับนโยบาย โดยแผนงานดังกล่าวจะต้องมีการนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการประชารัฐที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานและเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในลำดับถัดไป ซึ่งก็คงจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้

ผอ.สคค. กล่าวว่า การลงทะเบียนครั้งนี้ จะเป็นการเปิดให้มีการลงทะเบียนทั้งในส่วนของผู้ถือบัตรคนจนเดิมและเปิดรับรายใหม่ เพื่อคัดกรองผู้มีสิทธิถือบัตรคนจน เนื่องจาก ขณะนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อาจมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจนต้องขอรับสวัสดิการรัฐเพิ่มเติม

ADVERTISEMENT


"เมื่อครั้งที่เราเปิดให้มีการลงทะเบียนรับบัตรคนจนในรอบแรก เราก็ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อเราส่งเสริมการประกอบอาชีพ และอุดหนุนมาตรการต่างๆ จากภาครัฐ จะทำให้เรามีคนมีรายน้อยที่ขอรับสวัสดิการรัฐลดลง แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นระยะ 2 ปีนี้ ก็อาจทำให้ไม่เป็นไปตามที่คาด"

อย่างไรก็ดี การเปิดให้ลงทะเบียนรอบนี้ เราจะใช้เกณฑ์รายได้ครอบครัวมาเป็นตัวชี้วัด ซึ่งก็อาจจะช่วยคัดกรองบุคคลที่ไม่สมควรได้รับสวัสดิการรัฐได้มากขึ้น ซึ่งเกณฑ์รายได้ครอบครัวที่ว่านี้ จะต้องรอการพิจารณาในระดับนโยบายก่อน

ทั้งนี้ สำหรับหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ในการรับลงทะเบียน เบื้องต้น จะเป็นแบงก์รัฐ ส่วนสวัสดิการรัฐที่จะได้เพิ่มเติมนั้น ในครั้งนี้ เรายังไม่ได้มีการพิจารณา ซึ่งต้องรอให้มีการลงทะเบียนเรียบร้อยก่อน

17836
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: กันยายน 15, 2021, 09:46:09 am »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

17837


การปั่นหุ้นในหลายคดีมีกรรมการบริษัทจดทะเบียนเป็นหัวโจก หรือหัวหน้าแก๊ง และกฎหมายขีดวงลงโทษเฉพาะบุคคลที่กระทำความผิดซื้อหวยออนไลน์เท่านั้น โดยที่กรรมการบริษัทฯ รายอื่นไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ

เช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) การขึ้นบัญชีดำ ลงโทษเฉพาะกรรมการบริษัทจดทะเบียนที่กระทำความผิด เป็นบุคลากรในตลาดทุนเท่านั้น โดยไม่ครอบคลุมถึงกรรมการบริษัทฯ คนอื่นๆ

ทั้งที่กรรมการบริษัททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประธานกรรมการ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ หรือกรรมการอื่นๆ ควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่กระทำผิด โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการสร้างราคาหุ้น ซึ่งสร้างความเสียหายให้ประชาชนในวงกว้าง

จะอ้างว่ากรรมการบริษัทจดทะเบียนไม่รู้ไม่เห็นพฤติกรรมการปั่นหุ้น ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่น่าจะถูกเสียทีเดียว

เพราะหุ้นตัวใดที่มีการปั่น ทำไมกรรมการบริษัทจดทะเบียนจะไม่รู้ ในเมื่อเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดและทำงานร่วมกัน และรู้พฤติกรรมกันดี

กรรมการบริษัทจดทะเบียนบางคนมีจิตสำนึกดี มีศักดิ์ศรี ตระหนักในความรับผิดชอบต่อสังคม จะทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแทนประชาชนผู้ลงทุน โดยจะไม่ร่วมสังฆกรรมบริษัทจดทะเบียนที่ไร้ธรรมาภิบาล มุ่งเอาเปรียบนักลงทุน ทั้งการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น หรือปั่นหุ้น

กรรมการบริษัทจดทะเบียนที่ดี แสดงสปิริต โดยลาออกจากตำแหน่ง หากกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนกระทำความผิด

แต่กรรมการบริษัทจดทะเบียนจำนวนไม่น้อยเป็นเพียงมือปืนรับจ้าง ไม่มีสำนึกของมืออาชีพ ไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีความตระหนักในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนผู้ลงทุน และยอมเป็นหุ่นเชิดให้แก๊งปั่นหุ้น เพื่อแลกเศษเงินปีละไม่กี่แสนหรือไม่กี่ล้านบาท

ตลาดหลักทรัพย์ไม่ควรต้องใช้มาตรการที่เข้มงวด เพื่อกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนแต่อย่างใด หากกรรมการบริษัทจดทะเบียนมีความเป็นมืออาชีพ และมีจิตสำนึกในการรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนส่วนใหญ่

แต่เพราะการไร้สำนึกของกรรมการบริษัทจดทะเบียน ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะปีนี้ ซึ่งมีหุ้นที่อยู่ในข่ายการสร้างราคานับ 100 บริษัท

แม้ฐานะการเงินย่ำแย่ หุ้นบางตัวถูกติดเครื่องหมาย C ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องหลายปี และไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งทะยานร้อนแรงอย่างไร้เหตุผล

หุ้นบางตัวเคยถูกดำเนินคดีในความผิดปั่นหุ้น แต่ราคากลับถูกลากขึ้นโดยไม่มีปัจจัยใดสนับสนุน

หุ้นนับ 10 ตัวถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเพื่อดับความร้อนแรงของราคา แต่กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการลากราคาหุ้นยังไม่หยุดพฤติกรรม ลากราคาหุ้นขึ้นต่อไป โดยไม่สนใจการถูกตรวจสอบการซื้อขายหรือถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด

ตั้งแต่ต้นปีมีหุ้นนับ 100 บริษัทที่ถูกประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย เพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างผิดปกติ และถูกจับตาว่าน่าจะมีกลุ่มคนเข้าไปสร้างราคา

คำถามคือ คณะกรรมการบริษัทจดทะเบียนที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย มีสำนึกความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้ลงทุนที่เข้ามาซื้อขายหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่ตัวเองนั่งเป็นกรรมการอยู่หรือไม่

มีความรู้สึกละอายบ้างหรือไม่ที่นั่งเป็นกรรมการในบริษัทจดทะเบียน ซึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายการปั่นหุ้น

คิดบ้างไหมว่ากำลังทำตัวเป็นลูกสมุนรับใช้แก๊งปั่นหุ้น ซึ่งปล้นเงินประชาชนผู้ลงทุน

และมีความตระหนักบ้างหรือไม่ ในการช่วยเหลือผู้ลงทุนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแก๊งปั่นหุ้น หรือก้มหน้าก้มตารับเงินที่แก๊งปั่นหุ้นประเคนให้เพียงอย่างเดียว

ถ้ากรรมการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่หรือทั้งหมดไม่เห็นแก่เงิน ไม่ยึดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว แต่มีจิตสำนึกถึงความเสียหายของประชาชนผู้ลงทุน โดยคิดว่า นักลงทุนทุกคนคือคนในครอบครัวเดียวกันที่จะต้องปกป้องคุ้มครอง การลงทุนในตลาดหุ้นคงบริสุทธิ์ยุติธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่

แก๊งปั่นหุ้นในชุดสูท ภายใต้คราบกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนคงไม่มีที่ยืนในตลาดหุ้น และไม่สามารถสร้างหายนะให้นักลงทุนได้

แต่เพราะกรรมการบริษัทจดทะเบียนบางส่วนไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีความเป็นมืออาชีพ แต่เป็นเพียงมือปืนรับจ้างขาดสำนึกในความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้ลงทุน

ทุกวันนี้หุ้นปั่นจึงเต็มไปหมด และไม่มีกรรมการบริษัทจดทะเบียนหน้าไหนแสดงความละอายที่ทำงานรับใช้แก๊งปั่นหุ้น

บรรดากรรมการบริษัทจดทะเบียนที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เคยถามตัวเองบ้างไหม

คุ้มหรือไม่กับอาชีพรับจ้างเป็นหุ่นเชิด เพียงเพื่อแลกเศษเงินจากแก๊งปั่นหุ้นในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน

หน้า: 1 ... 989 990 [991] 992 993 ... 1012