อ้างจาก: hippo77 ที่ มกราคม 08, 2017, 07:10:52 pm

น่าสนใจครับพี่ ไม่ทราบงบประมาณชุดเล็กนี่สักเท่าไหร่ครับ ไม่รวมลำโพง ไม่รวมสายอะครับ

เฉพาะชุดเล็ก 3 ชิ้น หมดไปแค่ราวๆ 8พันกว่าบาท เพราะเล่นของมือสองครับ

1. Raspberry Pi2 ตัวละพันกว่าบาท
ตอนนี้จะเป็นรุ่นใหม่ Raspberry Pi3 แรงขึ้น และมี WiFi กับ Bluetooth ในตัว
ใช้ไฟจาก adapter ชาร์จมือถือ แนะนำให้ใช้ที่ชาร์จ Samsung 2A แท้  
(ของผมใช้ร่วมกับภาคจ่ายไฟ DAC เป็นแบบ Linear PSU ทำเอง หมดไปอีกราวๆ 3พัน)

ส่วน Volumio2 โหลดใช้งานได้ฟรี ติดตั้งใน Micro SD https://volumio.org/introducing-volumio-2/

2. FX-Audio D802C มือสองตัวละ 4พัน (ของใหม่ประกันไทย 5,500 แต่ถ้าสั่ง AliExpress จากจีน จะราวๆ 4พันกว่าๆ)

3. Wharfedale Amber 20.1 มือสอง 3พัน

หา Int. Amp + ลำโพงอีกคู่เลยดีกว่าครับ

ผมก็แยกชุด แต่เป็นชุดเล็กประหยัดไฟ เปิดฟังเพลงกินไฟไม่ถึง 10W เสียงก็ต่างไปอีกแนวเลย

(เฉพาะ AVR แค่เปิดเฉยๆ ก็กินไฟแถวๆ 80W แล้ว ยังไม่รวม sub)


ตัวเล่น Raspberry Pi2 ลง Volumio2 OS ใส่ในเคสอลูมิเนียม (ตัวบนเป็น DAC ต่อกับ AVR) ใช้อยู่ใน Network Audio Player หลายยี่ห้อ

เล่น Native DSD ได้ ถ้าต่อกับ DAC ที่รองรับ DSD

Raspberry Pi เปล่าๆ ตัวละพันกว่าบาท พอเอามาทำเครื่องเล่นเพลง ขายกันราคาหลักหมื่น


การใช้งาน ต่อ USB ไปเข้าที่ Amp



สั่งงานผ่าน smart phone หรือ browser เล่นไฟล์เพลงได้ทั้งจากตัวเครื่อง (Micro SD Card) หรือผ่าน network เปิด Web Radio ก็ได้



Direct Digital Amp (DDX) ตัวเล็ก ไม่ต้องใช้ DAC เพราะขยายจากสัญญาณ Digital ได้โดยตรงเลย (คนละแบบกับ Class D, Class T)

รับสัญญาณจาก USB, Coax, Optical, Bluetooth และ Analog (ผ่าน ADC)

อ้างจาก: hippo77 ที่ ธันวาคม 04, 2015, 04:21:42 pm

ขอบคุณท่านทั้งสองสำหรับข้อมูลครับ. ตัวเลขที่ผมเปิดน่าจะไม่ผิดปกติอะไร
ขอถามเพิ่มครับ จากจุดที่เรานั่งฟัง ความดังของแต่ละลำโพงควรเปนเท่าไหร่ครับ เหนท่านpeach_9เซ็ทที่75db จะได้ลองเซ็ทบ้างครับ ตอนนี้levelผมไม่ได้+หรือลบเลย

อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมใช้ 737 เหมือนกันนะครับไม่ได้ใช้ Mic set ครับ

1. เปิดเครื่อง เอามือไปหมุนที่โวลุ่มหน้าเครื่อง หมุนไปเรื่อยๆจนถึง 70-80 น่าจะได้หรือมากกว่านั้นก่อนถึงคำว่า Volume Max จะมีขึนหน้าจอ AVR ว่า "Ref" นั่นคือจุดที่ความดังที่คุณจะมาตั้งความดังลำโพงให้ได้ 75db

2. Download app มือถือ แอนดรอย หรือ IOS ก็ได้ชื่อแอพ "dB Volume แอพสีออกน้ำเงินๆ แล้วตั้ง Respond เป็น Slow + ตั้ง Weighting เป็น C ครับ

3. เปิดแอพมือถือ นั่งตรงจุดนั่งฟังแล้วถือแก้วเหล้า เอ้ย!ไม่ใช่ อิอิ   กดปุ่ม HOME ที่รีโมทไปที่ Level Speaker ไล่ + และ - ลำโพงทุกตัว Front ซ้าย ขวา / Center / Surround / Sub จนครบ ให้ได้ 75 dB ทุกตัว แต่ Center ผมตั้ง 76-77 dB นะเพราะว่าสไตล์ผมชอบ center มากหน่อยนิสนึง อิอิ

4. แล้วค่อยไปใส่แผ่น Set เสียงถ้าไม่มีหาตลับเมตรวัด Speaker Config อีกที เป็นอันจบ

เพียงเท่านี้รับรองว่าดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ

สงสัยตรงไหน LINE ID : Rath_9

ตอบเจ้าของกระทู้ครับ
ถ้าสนใจจริงๆๆ ลองโทรสอบถามเฮียแสง (ร้านแสงชัย เกษตร) นะครับ ผมเพิ่งถามไปทางเมล์ เฮียตอบช้าไป ผมไปสอยมาสะก่อน..

ส่วนเรื่อง Onkyo รุ่นไหนขี้ร้อน ก็รุ่นนี้ ยันรุ่นหน้าเลยครับ เพราะว่าภาคขยายเสียงเขาออกแบบมาอยู่ด้านกลางๆๆ เครื่อง แยกออกจากภาคควบคุมต่างๆๆ แล้วเอาพัดลมระบายความร้อนอยู่กลางเครื่องระบายลมร้อนออกทางฝาด้านบน ถ้าเอาเครื่องเข้าตู้ก็จะร้อนหน่อยครับ..แต่คงไม่มีผลอะไรมากนัก ให้ดีก็วางด้านนอกชั้น เรื่องนี้ก็หมดปัญหา ถ้าเทียบกับ AVR ยี่ห้ออื่นๆๆ เขาออกแบบมาส่วนใหญ่คิดพัดลมระบายความร้อนอยู่ด้านหลังเครื่องนะครับ เลยเปรียบว่า เครื่องไม่ร้อน แต่ Onkyo ขี้ร้อนไปหน่อย...อิอิ....

ผมขอแชร์ประสพการณ์ครับ ทั้ง Yamaha และ Onkyo (ผมเพิ่งไปถอยมาใหม่รุ่น 737)
ถ้าชอบดูหนังสะส่วนใหญ่ ก็คงเป็น Yamaha แต่ถ้าดูหนังและฟังเพลง ผมให้ Onkyo เลยครับ

ยิ่งถ้าเจ้าของกระทู้ว่าจะไปติดที่ห้องนอนด้วยแล้ว ผมว่าคงไม่ค่อยได้ดูหนังมากสักเท่าไร คงฟังเพลงสะส่วนใหญ่ ผมเชียร์ Onkyo เลยครับ (ดูหนัง ก็สู้พอไหวครับ)
ส่วนว่าจะเล่นรุ่นไหน ระหว่างซีรี่ 6 กับ 7 ,ซี่รี่ 7 ย่อมดีกว่าแต่ราคาก็สูงขึ้นตามตัว ถ้าไม่ติดเรื่องงบมากนั้น ผมว่าเล่นรุ่นใหญ่ไปเลยครับ เพราะจะอยู่กับเรายาวๆๆ, ย้ายไปห้องใหญ่กว่า ก็โอแล้ว ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเสียตังค์ใหม่...ครับ

อย่างว่าผมเพิ่งถ่อย Onkyo 737 มาใหม่ แหม่ติดใจกับเสียงเพลงมาก ดูหนังก็ไม่น่าเกลียด...(ถูกใจ เพลินกับครอบครัวเลย)....