(https://post.greatist.com/wp-content/uploads/sites/3/2020/02/321044_2200-732x549.jpg)
คนเราทุกคนนั้นเกิดมาก็ต้องหายใจและต้องการอากาศในการหายใจกันทั้งสิ้น หากเราไม่มีการหายใจนั่นก็หมายความว่าเราได้เสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งในการหายใจของเรานั้นคือการสูดก๊าซออกซิเจน (Oxygen) เข้าสู่ร่างกายซึ่งก๊าซออกซิเจนนั้นถือเป็นก๊าซที่จำเป็นต่อร่างกายของเรา โดยในร่างกายของเรานั้นจะมีกลไกควบคุมระดับออกซิเจนในเลือดจากระบบประสาทส่วนกลาง ระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบสารเคมีในเลือดมากมายเต็มไปหมด ซึ่งถ้าหากเรามีออกซิเจนในเลือดต่ำ นั่นก็หมายความว่าแรงดันของออกซิเจนในเลือดเรานั้นต่ำกว่าปกติ หรือว่าค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดเรานั้นวัดค่าได้น้อยกว่าปกติ โดยค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดนั้นเป็นค่าที่บอกว่าออกซิเจนที่อยู่ในเลือดมีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของเรานั่นเองหากว่าค่าออกซิเจนในเลือดเราต่ำเกินไป ดังนั้นจึงมีการคิดค้นและใช้งานเครื่องวัดก๊าซออกซิเจน (https://www.pico.co.th/?names=product&buid=2&pgid=202)ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Pulse Oximeter หรือที่เรียกว่าเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ซึ่งมีการใช้กันอย่างมากหลายตามโรงพยาบาลต่าง ๆ
การทำงานของเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximeter)
ปัจจุบันในการวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดหรือ Oxygen Saturation นั้นจะมีการใช้เครื่องวัดก๊าซออกซิเจนหรือเครื่องมือที่เรียกว่า Pulse oximeter เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด โดยเครื่องวัดก๊าซออกซิเจนชนิดนี้นี้เป็นเครื่องมือที่มีการรวมการวัดระดับออกซิเจนและคลื่นการไหลเวียนโลหิตเข้าด้วยกัน โดยการทำงานของเครื่องมีดังนี้
1. โดยในการทำงานของตัวเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดนี้จะฉายคลื่นผ่านนิ้วของผู้ป่วยแล้ววัดร้อยละของฮีโมโกลบินที่จับอยู่กับออกซิเจนในเลือดทั้งเลือดแดงและเลือดดำแล้วเอามาคำนวณค่า
2. ซึ่งการใช้งานนั้นง่ายมากเพียงแค่ใช้ตัวเครื่องจับที่นิ้วของผู้ป่วยก็สามารถบอกได้แล้วว่าออกซิเจนในร่างกายของผู้ป่วยนั้นมีปริมาณเท่าใด ซึ่งจะเป็นการช่วยวินิจฉัยภาวะร่างกายเบื้องต้นของผู้ป่วยได้ดี และแม่นยำขึ้น
นอกจากนี้แล้วในการใช้เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดตามที่เราพบเห็นในโรงพยาบาลหรือคลินิกสถานพยาบาลต่าง ๆ แล้วนั้นปัจจุบันสามารถหาซื้อเครื่องตัวนี้มาใช้วัดเองได้ที่บ้านแล้ว ซึ่งหากมีไว้วัดเองก็ทำให้เรารู้ถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ และสามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ดีกว่า ดังคำที่เขาบอกว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนั่นเอง