แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - nemophilanie

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7
37
   เดี๋ยวนี้มีความจำเป็นที่ต้องใส่แมสก์ก่อนออกจากบ้าน ทำให้สาว ๆ หลายคนเจอปัญหาทาลิปสติกแล้วสีติดแมสก์ เกิดเป็นคราบจนไม่กล้าถอดวางกลัวคนอื่นเห็น อีกทั้งปากแห้งและซีดเซียวจากการเสียดสีด้วย ลองมองหา ลิปแมทติดทน ของ ELCA ดี ๆ สักแท่งและเทคนิคทาลิปที่จะติดทนนานตลอดวัน
-   สครับริมฝีปากสัปดาห์ละครั้ง
   หลายคนมีปัญหาริมฝีปากแห้งลอก ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ทาลิปสติกแล้วเป็นขุย การสครับปากด้วยน้ำตาลทรายผสมน้ำผึ้งแล้วขัดเบา ๆ บริเวณริมฝีปากประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออกทำให้ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป ทำให้ปากเรียบเนียนทาลิปได้ไม่ตกร่อง แนะนำให้สครับริมฝีปากสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ช่วยปรับสภาพปากให้เรียบเนียน ไม่เป็นปัญหาสำหรับการทาลิปสติกช่วยให้สีติดทนนานขึ้น
-   ทาลิปมันให้ริมฝีปากชุ่มชื่นอยู่เสมอ
   หลังการสครับปากทุกครั้งอย่าลืมที่จะทาลิปมันบำรุงริมฝีปากให้คงความชุ่มชื้น ลิปบาล์มจัดการกับริ้วรอยและร่องริมฝีปากได้อยู่หมัด ทาเป็นประจำก่อนนอนทำให้ปากดูฉ่ำอวบอิ่มและเนียนนุ่ม ทาลิปสติกแล้วปากนุ่มสวย ลิปสติกเนื้อแมทไม่ลอกเป็นขุยให้กวนใจแน่นอน
-   ทาลิปสติกเนื้อแมทเพียงเลเยอร์เดียว
   การทา ลิปเนื้อแมท ของ ELCA ให้สวยไม่เยิ้มคือทาเพียงเลเยอร์เดียวก่อนบาง ๆ ไม่ควรทาให้เยิ้มหรือชุ่มจนเกินไป จากนั้นรอสักครู่แล้วค่อยทาซ้ำอีกครั้งหากต้องการสีที่เข้มขึ้นและค่อยๆ เบลนด้วยนิ้ว
-   แตะแป้งฝุ่นบนปากให้สีลิปสติกติดทน
หลังจากทาลิปสติกเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้แปรงแตะแป้งฝุ่นบาง ๆ ลงบนริมฝีปาก แป้งจะช่วยเซ็ตตัวกับเนื้อลิปสติกช่วยล็อกสีลิปให้ติดทนแน่นยันเย็น ไม่ต้องเติมซ้ำระหว่างวัน
-   ใช้แปรงวาดเส้นขอบปากให้ชัดเจน
การใช้แปรงแตะเนื้อลิปสติกวาดเส้นขอบปากให้ชัดเจนก่อนระบายให้เต็มริมฝีปากจะช่วยให้ทาลิปได้เป๊ะขึ้น เส้นขอบปากคมชัด

เป็นอย่างไรบ้าง เชื่อว่าเทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้ทำให้หมดปัญหากวนใจเรื่องลิปสติกเลอะแมสก์ ช่วยให้ทาลิปสติกสีสวยติดทนนานตลอดวัน ถอดแมสก์ตอนไหนก็มั่นใจไม่ต้องกลัวเลอะ ซึ่งถ้าถามว่า ลิปยี่ห้อไหนดี ของ ELCA แนะนำลิปสติกเนื้อแมท Lipstick จาก MAC Cosmetic ตัวดังฮอตฮิตติดริมฝีปากจริง ๆ มีเฉดสีให้เลือกมากมาย รับรองว่าต้องอินเลิฟแน่นอน

38
แป้งพัฟในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเรื่องของราคา คุณสมบัติ และแบรนด์ผู้ผลิต สาว ๆ ที่เพิ่งหัดแต่งหน้าอาจจะไม่แน่ใจว่าควรจะเลือก แป้งพัฟคุมมัน จากคุณสมบัติไหนดี วันนี้เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการเลือกแป้งพัฟให้หน้าสวยเป๊ะ ไม่เทา ไม่หมอง มาฝากกัน

แนะนำเทคนิคการเลือก แป้งพัฟคุมมัน ที่ถูกต้อง
   สิ่งสำคัญของการเลือกแป้งที่ใช้แล้วเป็นธรรมชาติและใช้ดีกับบุคคลนั้น ๆ หน้าไม่เทา ไม่หมองระหว่างวันมีเพียง 2 ข้อ ได้แก่
-   เลือกแป้งให้เหมาะกับสภาพผิว
-   เลือกแป้งให้เหมาะกับโทนสีผิว
ซึ่งทั้ง 2 ข้อนี้มีความแตกต่างกัน คือ สภาพผิวหมายถึงลักษณะผิวพื้นฐานของคนนั้น ๆ เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวธรรมดา เป็นต้น ส่วนโทนสีผิวมีความหมายตรงตัวเลยคือ เป็นคนที่มีผิวโทนสีแบบไหน โทนร้อน โทนเย็น หรือโทนธรรมชาติ เป็นต้น จะขอแยกแนะนำเป็นข้อ ๆ เพื่อความเข้าใจง่ายขึ้น

วิธีการเลือก แป้งผสมรองพื้น ให้เหมาะกับสภาพผิว
•   ผิวธรรมดา   
เป็นผิวที่สามารถใช้ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแป้งพัฟผสมรองพื้น แป้งฝุ่น แป้งฝุ่นอัดแข็ง รวมถึงแป้งผสมรองพื้น ก็สามารถใช้ได้ ผิวธรรมดาเป็นผิวที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเหมือนผิวประเภทอื่น ๆ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะใช้แป้งแบบไหนดี แต่สิ่งที่เราควรใส่ใจนั่นคือควรเลือกแป้งที่ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่มีส่วนผสมต้องห้าม หากเป็นมือใหม่ไม่รู้จะเลือกแป้งประเภทไหน แนะนำให้เลือกของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไว้ก่อน เพราะเรามั่นใจได้ว่าแบรนด์ดังจะมีมาตรฐานในการผลิต มิเช่นนั้นคงไม่อยู่ในตลาดได้ยืนระยะยาวนานจนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมากขนาดนี้ ตัวอย่างเช่นแบรนด์ MAC Cosmetic ที่มีแป้งพัฟ แป้งผสมรองพื้น ที่มีให้เลือกหลายรุ่นหลายคุณสมบัติ และสามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภทอีกด้วย

•   ผิวหน้าแห้ง
   คือผิวที่ขาดความชุ่มชื้น จะเห็นได้จากผิวที่ลอก หรือสังเกตจากการแต่งหน้าเครื่องสำอางไม่ค่อยติดหน้า ก่อนจะเลือกแป้งที่เหมาะกับผิวหน้า ต้องหาวิธีแก้ปัญหาผิวแห้งโดยใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และเลือกแป้งที่มีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชื้นให้ผิว และมีส่วนผสมที่บำรุงผิวให้ผิวอิ่มฟู ฉ่ำน้ำ จะช่วยให้แต่งหน้าติดได้ดี

•   ผิวหน้ามัน
   คนที่มีผิวหน้ามันก็มีปัญหาหน้าเยิ้มระหว่างวัน เครื่องสำอางที่เคยประโคมโปะเข้าไปตอนแต่งหน้าก็ไหลเยิ้มไม่เกาะติดหน้า ยิ่งซับก็ยิ่งหลุด ควรเลือกแป้งพัฟคุมมัน ที่มีส่วนผสมควบคุมความมันเพื่อช่วยลดน้ำมันผิวระหว่างวันไม่ให้เยิ้มจนเครื่องสำอางติดไม่ทน ควรเลี่ยงแป้งที่มีส่วนผสมของรองพื้นที่มีระดับการปกปิดขั้นสูงสุด เพราะอาจจะไปทำให้อุดตันผิว จนเกิดสิวอุดตันเป็นปัญหาใหม่ตามมาในภายหลัง

•   ผิวแพ้ง่าย
   ควรเลือกแป้งที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหน้า เช่น ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำมัน น้ำหอม แอลกอฮอล์ เป็นต้น แป้งที่แนะนำนั่นคือแป้งที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

วิธีการเลือก แป้งผสมรองพื้น ให้เหมาะกับโทนสีผิว
การเลือกแป้งตามโทนสีผิว หรือที่หลายคนเรียกว่า Skin Undertone จะช่วยให้หน้าเราไม่วอก ไม่ลอย ไม่เทา เวลาเราลงแป้ง หรือลงรองพื้น ซึ่งการเลือกสีหรือเบอร์ของแป้งและรองพื้นใช้ Skin Undertone เดียวกันจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามี Skin Undertone แบบไหน ให้สังเกตจากสีของเส้นเลือดที่ข้อมือ
-   เส้นเลือดสีเขียวและสีน้ำเงิน มี Skin Undertone ในกลุ่ม Neutral Skintone คือคนที่มีผิวกลาง ๆ
-   เส้นเลือดสีม่วงหรือสีน้ำเงิน มี Skin Undertone ในกลุ่ม Cool Skintone คือคนที่มีผิวชมพู
-   เส้นเลือดสีเขียว มี Skin Undertone ในกลุ่ม Warm Skintone คือคนที่มีผิวเหลือง

คุณสมบัติแป้งผสมรองพื้นที่ดี ต้องให้การปกปิดรอยต่าง ๆ ได้ดี ไม่หลุดลอกระหว่างวัน ไม่เป็นคราบหรือตกร่องผิว มีเฉดสีให้เลือกหลายแบบและมีรุ่นที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้ใช้ให้เลือก

หากเราเข้าใจหลักการข้างต้นแล้ว ก็จะทำให้เราเลือกแป้งพัฟแต่งหน้าได้สวยเป๊ะได้ ไม่ต้องกลัวหน้าหมอง หน้าเทาจากการเลือกแป้งไม่ตรงกับผิวหน้าอีกต่อไป เพื่อผิวเนียนสวย ปกปิดเยี่ยม ใช้แป้งพัฟยี่ห้อไหนดี แนะนำเลือกใช้ Powder Foundation จาก MAC Cosmetic ที่ให้การปกปิดได้เรียบเนียน  ติดทนนาน เกลี่ยง่าย ช่วยคุมมัน ให้ระดับการปกปิดที่ต้องการ

39
หนึ่งในไอเทมที่ต้องมีบนโต๊ะเครื่องแป้งของสาว ๆ ที่ขาดไม่ได้คือรองพื้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยกลบร่องรอยและรอยดำรอยแดง เสกผิวหน้าใสเพียงแค่ไม่กี่ปาด แต่รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วรองพื้นคืออะไร มีคุณสมบัติอะไรบ้าง และจะเลือก รองพื้นยี่ห้อไหนดี จึงจะเหมาะกับผิวหน้ามากที่สุด วันนี้เราจะพาสาว ๆ ไปรู้จักรองพื้น พร้อมทั้งแบ่งปันเทคนิคเลือก รองพื้นคุมมันที่ดีที่สุด ให้หน้าสวยเป๊ะเนียนใสตลอดวัน

รองพื้นคืออะไร คำถามยอดฮิตของมือใหม่
รองพื้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน สม่ำเสมอ และช่วยกลบรอยไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ บนใบหน้า รองพื้นมีหลายประเภท เช่น แบบทินท์ แบบเหลว แบบครีม หรือแบบแป้ง นอกจากนี้ ยังมีหลายสูตรให้เลือกใช้ตามสภาพผิวและความต้องการส่วนบุคคล ทั้งแบบเนื้อแมทท์ที่มีคุณสมบัติติดทนนาน หรือแบบโกลว์ที่ให้ลุคฉ่ำวาวเหมาะกับคนผิวแห้ง

รู้ก่อนใช้ รองพื้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง
รองพื้นมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละแบรนด์ ซึ่งสาว ๆ ควรพิจารณาส่วนประกอบตรงนี้ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ สิวอุดตัน หรือปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา โดยส่วนผสมยอดนิยมในรองพื้น อาทิ Tocopheryl Acetate (Vitamin E) เพื่อช่วยต้านริ้วรอยแห่งวัย หรือ Titanium Dioxide เพื่อช่วยปกป้องรังสี UV ทั้งนี้ สาว ๆ สามารถศึกษาส่วนประกอบของรองพื้นได้ในเว็บไซต์หรือบรรจุภัณฑ์ของรองพื้น เพื่อให้ได้รองพื้นที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด

3 วิธีเลือกซื้อรองพื้นที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อหน้าเนียนกริบตลอดวัน
•   เลือกรองพื้นให้เหมาะกับทั้งสภาพผิวและเฉดสีผิวของตนเอง
•   เลือกรองพื้นเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวที่สุดขึ้นมาก่อน 1 เฉดสี จากนั้นให้เลือกเฉดสีที่เข้มกว่าและสว่างกว่าที่เลือกไว้ตอนแรกอย่างละ 1 เบอร์ขึ้นมาด้วย
•   ขั้นตอนสุดท้าย ลองเทียบสีรองพื้นกับหน้าของตนเองโดยตรง อย่าเทียบกับสีมือ เพราะสีมือหรือสีแขนเมื่อเทียบกับสีผิวหน้าแล้วจะไม่เท่ากัน โดยปาดรองพื้นทั้ง 3 เฉดสีที่เลือกไว้บริเวณคางหรือสันกราม และเลือกสีที่เนียนเข้ากับผิวมากที่สุด


เพียงทำตามขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้ คุณก็จะได้ผลิตภัณฑ์รองพื้นที่เหมาะกับตัวเอง และข้อดีของการเลือกรองพื้นให้เหมาะกับตัวเองคือได้ลุคที่เนียนกริบ สวยเป๊ะ หน้าไม่วอกไม่เทา สร้างความมั่นใจได้ตลอดวัน และถ้าคุณกำลังมองหาว่า รองพื้นยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยสร้างผิวสวย สุขภาพดี เราขอแนะนำ Liquid Foundation จาก MAC Cosmetic รองพื้นคุมมันปกปิดทุกรอยบนใบหน้า สามารถเกลี่ยลงผิวและเซ็ตตัวได้สวยรวดเร็ว ทำให้ผิวทั้งชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากมลภาวะทางแสงแดด เรียกได้ว่าขวดเดียวเอาอยู่ครบ

40
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาหากมีความประมาท ถึงแม้เราใช้ชีวิตไม่ประมาท คนรอบตัวอาจนำพาเหตุไม่คาดคิดจนส่งผลทำให้ร่างกายเราได้รับผลกระทบได้ ซึ่งการทำประกันอุบัติเหตุจะช่วยคุ้มครองเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษากรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับเรา โดยบทความนี้จะบอกถึงข้อดีของการทำประกันอุบัติเหตุ รวมถึงในท้ายบทความจะบอกวิธีจ่ายเบี้ยประกันโดยใช้บัตรเครดิตด้วยวิธีการต่าง ๆ สำหรับข้อดีของการทำประกันอุบัติเหตุมีดังนี้

1.   แบ่งเบาค่าใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ สำหรับกรณีเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากไม่มีประกันอุบัติเหตุอาจจะต้องจ่ายค่ารักษาแพง แต่หากทำประกันไว้ก็ไม่ต้องกังวลใจเนื่องจากบริษัทประกันจะจ่ายค่ารักษาให้
2.   เบี้ยประกันไม่แพง
การทำประกันอุบัติเหตุนั้นการจ่ายเบี้ยประกันหากคิดเป็นรายปีจะจ่ายไม่ถึงหมื่น จะ จ่ายเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต หรือจะติดต่อชำระเป็นเงินสดที่สาขาใกล้บ้านก็ได้ จะได้รับความคุ้มครองอย่างคุ้มค่า สามารถเลือกโรงพยาบาลได้หลากหลาย หากเกิดอุบัติเหตุสามารถเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ได้เลือกไว้ โดยบริษัทประกันเป็นผู้จ่ายค่ารักษาให้ แต่ต้องอยู่ในวงเงินความคุ้มครองที่ได้เลือกไว้
3.   เบี้ยประกันคงที่
จ่ายเบี้ยประกันราคาเดียวไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นตลอดอายุสัญญา การจ่ายเบี้ยประกันแบบคงที่ทำให้บริหารเงินมาจ่ายเบี้ยประกันได้ดีขึ้น และเพื่อความสะดวกสามารถ จ่ายเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต ได้
4.   ได้รับเงินชดเชย
กรณีที่ต้องนอนโรงพยาบาล ไปทำงานไม่ได้ จะได้เงินชดเชยรายวัน ทำให้มีรายได้เข้ามาแม้ไม่ได้ไปทำงาน หรือกรณีประสบอุบัติเหตุจนพิการ หรือถึงขั้นเสียชีวิต หากกรมธรรม์ที่ทำระบุวงเงินไว้เท่าไหร่ ก็จะได้รับเงินชดเชยตามนั้น
5.   ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
หลายบริษัทประกันชีวิต ทำให้การทำประกันอุบัติเหตุเข้าถึงกับบุคคลทั่วไปได้ง่าย โดยการไม่ต้องตรวจสุขภาพ ทำให้สมัครได้ง่ายเพื่อรับสิทธิประโยชน์ในการคุ้มครอง
6.   ลดความเสี่ยงให้กับชีวิต
แต่ละอาชีพมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตมากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งการทำประกันอุบัติเหตุจะช่วยรองรับค่าใช้จ่ายในกรณีที่เกิดอุบัติขึ้นกับคุณ ทำให้อุ่นใจได้แม้ในวันที่ต้องนอนโรงพยาบาลรักษาตัว
7.   ครอบครัวได้รับการดูแล
กรณีได้รับอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ครอบครัวจะได้เงินก้อนชดเชยในส่วนนี้ ทำให้อุ่นใจได้ว่าคนข้างหลังจะไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย สามารถนำเงินไปดำรงชีวิตได้

รายชื่อบริษัทประกันชีวิตบางส่วน
•   ไทยประกันชีวิต
•   กรุงเทพประกันชีวิต
•   กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต
•   เอไอเอ ประเทศไทย

สำหรับการ จ่ายประกันบัตรเครดิต นั้นในปัจจุบันหลายบริษัทประกันชีวิตจะมีให้บริการ จ่ายเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต ซึ่งทำให้สะดวกสบายในการจ่ายเบี้ยประกัน ยิ่งบริษัทไหนมีแอปพลิเคชันด้วยแล้ว ก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปแล้วเข้าไปชำระเงินเบี้ยประกันได้

จ่ายประกัน AIA บัตรเครดิต บัตรไหนดี?
มีหลายคนที่ทำประกันอุบัติเหตุกับเอไอเอ ประกันชีวิต แล้วยังไม่มีบัตรเครดิต แต่อยากทำบัตรเครดิตไว้เพื่อจ่ายเบี้ยประกัน แล้วการ จ่ายประกัน AIA บัตรเครดิต จะใช้บัตรของธนาคารไหนดี สำหรับคำตอบของคำถามนี้บอกได้เลยว่าขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน โดยแต่ละธนาคารจะมีการออกบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน ดังนั้นให้ตรวจสอบโปรโมชั่นที่คุณต้องการจากธนาคารว่าคุณจะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้างจากการใช้บัตร แล้วค่อยตัดสินใจทำบัตรเครดิต เพียงเท่านี้ก็สามารถ จ่ายประกัน AIA บัตรเครดิต ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

การ จ่ายประกันบัตรเครดิต ทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
•   ติดต่อชำระเบี้ยประกันในสาขาที่ตัวแทนประจำอยู่
•   ติดต่อชำระเบี้ยประกันที่สำนักงานใหญ่
•   หากบริษัทประกันชีวิต มีแอปพลิเคชันให้ดาวน์โหลดเพื่อใช้ในการ จ่ายประกันบัตรเครดิต ให้ดาวน์โหลดมา แล้วทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในการใช้แอป เพื่อการจ่ายเบี้ยประกันที่สะดวกสบายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเพียงแค่มีสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต

ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น การทำประกันอุบัติเหตุจะทำให้เราอุ่นใจเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านนี้อาจมากจนเราจ่ายไม่ไหว แต่หากการทำประกันอุบัติเหตุไว้จะได้รับการดูแลค่ารักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในสัญญา

41
การได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองในวันหยุดโดยไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตัว มีเวลาชงกาแฟหอม ๆ อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือจะดูซีรีส์เรื่องโปรด เป็นความสุขง่าย ๆ ใกล้ตัวในวันพักผ่อน สำหรับคอกาแฟนมหากมีอุปกรณ์พร้อมอยู่ที่บ้านทั้งเครื่องชงกาแฟและ เครื่องตีฟองนม มาลองเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เป็นคาเฟ่ส่วนตัวด้วยเมนูง่าย ๆ ที่ใครชงก็อร่อย

เมนูกาแฟร้อนทุกเมนูจะเริ่มต้นจากเอสเพรสโซ่ช็อต แนะนำให้ใช้เป็นกาแฟอาราบิก้าคั่วกลางเข้มบด 1 ช็อต หรือหากใช้กาแฟแคปซูลก็สามารถเลือกรสชาติกาแฟได้ตามชอบ ไม่ควรเติมหวานด้วยน้ำเชื่อมหรือไซรัป แต่ปรับรสชาติหวานได้ด้วยน้ำตาลทราย 
1.   คาปูชิโน่ ร้อน กาแฟนมรสชาติกลมกล่อม เน้นฟองนมนุ่มละมุนลิ้น 
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) นมร้อนครึ่งแก้ว และฟองนมครึ่งแก้ว
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่แก้ว คาปูชิโน่ ตามด้วยนมร้อน ½ แก้ว และท็อปด้วยฟองนมด้านบนอีก ½ แก้ว โรยผงโกโก้เพื่อตกแต่ง หากใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลจะได้ช็อตกาแฟ 40 มล. เมื่อสกัดกาแฟช็อตลงถ้วยกาแฟเรียบร้อยแล้วตามด้วยฟองนม เพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาลทราย ปิดท้ายด้วยการโรยผงโกโก้เพื่อตกแต่ง

2.   ลาเต้ร้อน กาแฟนมรสชาติเบา ฟองนมไม่มากเท่าคาปูชิโน่
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) นมร้อนเกือบเต็มแก้ว และฟองนม
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่ถ้วยกาแฟ ตามด้วยนมร้อนเกือบเต็มแก้ว จากนั้นตักฟองนมท็อปด้านบนด้วยความหนาไม่เกิน 1 เซนติเมตร ตกแต่งเป็นลาเต้อาร์ตได้ตามชอบ หากใช้เครื่องชงแคปซูลแนะนำให้เลือกเป็นกาแฟลุงโกซึ่งจะได้ลาเต้แก้วใหญ่จุใจเพราะเมื่อสกัดแล้วให้น้ำกาแฟมากถึง 110 มล. หรือ 4 ออนซ์ จากนั้นเติมนมร้อนประมาณ 220 มล. ท็อปด้วยฟองนมบาง ๆ

3.   มอคค่าร้อน กาแฟผสมโกโก้หรือช็อกโกแลตลงตัวด้วยความหอม เข้มข้น กลมกล่อม
สูตรที่ 1 สำหรับเครื่องชงกาแฟทั่วไป   
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) โกโก้ผสม 30 มล. และนมสดรสจืด 60 - 90 มล. (โกโก้ผสม เตรียมได้จากการผสมผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำร้อน 4 ออนซ์ และนมผสม 2 ออนซ์ สำหรับนมผสมเตรียมได้จากการผสมนมข้นหวานและนมข้นจืดในอัตราส่วน 2:1 โดยทั้งโกโก้ผสมและนมผสมสามารถทำเก็บไว้ใช้กับเมนูอื่นได้)
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่แก้วกาแฟ ตามด้วยโกโก้ผสม ส่วนนมสดรสจืดนั้นนำไปเป่าร้อนด้วย ที่ทำฟองนม ของ Nespresso แล้วเทใส่แก้วกาแฟ ตกแต่งด้วยผงโกโก้เล็กน้อย
สูตรที่ 2 สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูล   
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (40 มล. / แนะนำให้ใช้กาแฟแคปซูล Livanto) นมสดเย็น 20  มล. นมร้อน 80 มล. ผงช็อกโกแลต 8 กรัม และผงโกโก้
วิธีการชง : นำนมสดเย็นทั้งหมดมาทำฟองนมเตรียมไว้ก่อนโดยใช้ เครื่องตีฟองนม จากนั้นสกัดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่ลงไปในถ้วยกาแฟที่มีผงช็อกโกแลตอยู่ แล้วเทนมร้อนตามลงไป ตักฟองนมวางด้านบน ตกแต่งด้วยผงโกโก้ พร้อมเสิร์ฟ

จะเห็นได้ว่ากาแฟนมแต่ละเมนูนั้นชงง่ายมากกว่าที่คิด แค่มีเครื่องชงกาแฟและ เครื่องสำหรับทำฟองนม ติดบ้านไว้ก็จะได้ดื่มกาแฟนมแก้วโปรดทุกครั้งที่ต้องการ หากฝึกมือจนคล่องขึ้นแล้วอย่าลืมนัดเพื่อนฝูงคอกาแฟมาจอยและจิบกาแฟด้วยกันในวันหยุดนะคะ

ชมรายละเอียดเพิ่ม
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection

42
   ในบรรดาเครื่องสำอางประเภทแป้งทาหน้านั้นหลัก ๆ ก็จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ แป้งฝุ่น และ แป้งผสมรองพื้น ซึ่งแป้งแต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป วันนี้เราจึงอยากจะมาเอาใจมือใหม่หัดแต่งหน้ากันด้วยทริคเลือกใช้แป้งว่าเราควรเลือกแป้งแบบไหนถ้าอยากแต่งหน้าสวยเป๊ะติดทนได้ตลอดวัน ถ้าอยากรู้แล้วก็ตามไปดูพร้อมกันได้เลย

แป้งฝุ่น คืออะไร
   แป้งฝุ่นก็คือแป้งแบบผงเนื้อเนียนนุ่มบางเบามีลักษณะโปร่งแสง ไม่มีคุณสมบัติในการปกปิด เหมาะเอาไว้เช็ตรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ให้เกาะติดกับผิว โดยแป้งฝุ่นจะมีทั้งแบบแมตต์ที่ช่วยควบคุมความมัน กับแบบผสมชิมเมอร์ที่ช่วยให้ผิวโกลว์ดูมีมิติ นอกจากนั้นยังมีแป้งฝุ่นแบบอัดแข็งที่ง่ายต่อการพกพาช่วยซับมันระหว่างวัน

แป้งรองพื้นหรือแป้งพัฟคืออะไร
แป้งพัฟหรือแป้งผสมรองพื้นเป็นแป้งตลับแบบอัดแข็งที่ภายในเนื้อแป้งมีส่วนผสมของรองพื้นมาด้วยในตัว จึงมีลักษณะเป็นแบบ 2in1 ทาครั้งเดียวได้ทั้งแป้งและรองพื้น คุณสมบัติของแป้งจึงเน้นการปกปิดที่แนบเนียนและติดทน ช่วยกลบจุดด่างดำและความหมองคล้ำ พร้อมทั้งยังช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนกระจ่างใสขึ้นเป็นธรรมชาติ

เลือกใช้แป้งฝุ่น หรือ แป้งผสมรองพื้น ดีกว่ากัน
แป้งฝุ่นกับแป้งพัฟมีจุดเด่นกันคนละแบบขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของเรา ถ้าอยากเช็ตเมคอัพให้ติดทน ไม่ต้องการการปกปิดเพิ่ม ต้องการความเป็นธรรมชาติ หรือแต่งหน้าวันเบา ๆ เน้นช่วยคุมมันก็ต้องเลือกแป้งฝุ่น แต่หากต้องการสะดวกรวดเร็ว ปกปิดได้ดี ปาดทีเดียวจบก็ต้องยกให้แป้งผสมรองพื้น หรือหากต้องการพกพาง่าย เติมระหว่างวัน ไม่ปกปิดก็ต้องเลือกแป้งฝุ่นอัดแข็ง
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นแป้งพัพหรือแป้งฝุ่น เราควรเลือกที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวเรามากที่สุด เช่น หากผิวมันก็ควรเลือกแป้งฝุ่นหรือ แป้งพัฟคุมมันกันเหงื่อ ที่เป็นแบบเนื้อแมตต์ ก็จะยิ่งช่วยให้ผิวหน้าโกลว์ใสเปล่งประกายความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่ว่าจะแป้งพัฟคุมมัน หรือแป้งฝุ่น สุดท้ายแล้วไม่มีสูตรสำเร็จว่าแป้งแบบไหนดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการการใช้งานของเรา บางทีเราสามารถใช้แป้งทั้งสองร่วมกันก็ยังได้หากวันไหนที่ต้องการการปกปิดขั้นสุด สเต็ปแรกเราจะทาแป้งฝุ่นก่อนเพื่อเซ็ตผิวให้ควบคุมความมัน สเต็ปต่อมาจึงค่อยทาแป้งพัฟเพื่อการปกปิด ที่สำคัญคือการมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หากคุณยังไม่รู้ว่าจะแป้งพัฟแบรนด์ไหนดี ขอแนะนำ Powder Foundation จาก MAC Cosmetic สวยได้แบบมั่นใจ ปลอดภัย ติดทน

43
ใครที่ตามหาประกันเหมาจ่าย ที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว SCB Protect ขอแนะนำประกันสุขภาพออนไลน์ อีซี่ เฮลท์ ท็อป อัป ที่เหมาะตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุ ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันฯ แต่ยังคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายส่วนแรกทั้งหมด

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย คืออะไร และทำไมจึงสำคัญสำหรับบุคคลทุกวัย?
ปัญหาด้านสุขภาพสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ประกันเหมาจ่าย จะช่วยบริหารความเสี่ยงในการแบกรับค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาพยาบาลเป็นอย่างดีเมื่อเจ็บป่วย โดยเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมถึงค่าบริการอื่น ๆ เมื่อเข้ารับการรักษา

คุณสมบัติหลักของ ประกันเหมาจ่าย อีซี่ เฮลท์ ท็อป อัป
อีซี่ เฮลท์ ท็อป อัป ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกับผู้ที่มีอายุ 20 – 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่เป็นเสาหลักของบ้าน หากบุคคลเหล่านี้เจ็บป่วยอาจส่งผลกระทบทำให้ขาดรายได้หลักที่จะต้องนำมาใช้จ่ายในครัวเรือน
ความคุ้มครองของ อีซี่ เฮลท์ ท็อป อัป เป็นการคุ้มครองแบบเหมาจ่ายสูงสุดตามวงเงินที่เลือก 3 แพ็กเกจ คือ ความคุ้มครอง 500,000 บาท คุ้มครองชีวิต 150,000 บาท, ความคุ้มครอง 1,000,000 บาท คุ้มครองชีวิต 150,000 บาท และความคุ้มครอง 1,500,000 บาท คุ้มครองชีวิต 150,000 บาท โดยลักษณะการจ่ายค่าเบี้ยประกันเป็นการจ่ายรายครั้งให้ความคุ้มครองนาน 1 ปี และค่าเบี้ยประกันคำนวณจากเพศและอายุของผู้เอาประกันโดยเฉพาะ สมัครง่าย ๆ บนเว็บไซต์ https://online.scbprotect.co.th/e-health?paymentFrequency=YEARLY
เริ่มคุ้มครองการเป็นผู้รับการรักษาแบบ Out Patient Department หรือ opd คือ ไม่มีความจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยกลุ่มโรคที่นับเป็น opd คือ ไข้หวัดธรรมดา, ผดผื่นคัน, หกล้ม, มีดบาด, ปวดท้องจากโรคกระเพาะ เป็นต้น หลังจากจ่ายค่าเบี้ยประกัน 30 วันแล้ว และในส่วนของผู้รับการรักษาแบบ In Patient Department หรือ ipd คือ กลุ่มผู้รักษาที่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล โดยกลุ่มผู้ป่วย ipd คือ ผู้ที่เป็นโรคเนื้องอก ถุงน้ำ มะเร็งทุกชนิด ริดสีดวงทวาร ไส้เลื่อนทุกชนิด ต้อเนื้อหรือต้อกระจก การตัดทอนซิลหรืออดีนอยด์ นิ่วทุกชนิด เส้นเลือดขอดที่ขาและเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โรคเหล่านี้จะได้รับความคุ้มครองก็ต่อเมื่อพ้น 120 วัน หลังจากทำประกันแล้ว
หากต้องการให้สมาชิกในครอบครัวมีความคุ้มครองในการรักษาพยาบาลที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมประหยัดค่าเบี้ยประกัน ไม่ต้องตรวจสุขภาพ และคุ้มครองค่าตรวจทั้งก่อนและหลังรักษาตัวในโรงพยาบาล ประกันสุขภาพเหมาจ่าย อีซี่ เฮลท์ ท็อป อัป เป็นประกันที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายที่ควรมีไว้ให้สมาชิกทุกคนในครอบครัว

ชมรายละเอียดที่เว็บไซด์
https://online.scbprotect.co.th/content/what-is-ipd-and-opd

44
   โลกเราทุกวันนี้มักมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หรือไม่ก็โรคโควิด-19 ที่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้หายไปสักทีเดียว ยังมีโรคภัยไข้เจ็บที่แอบแฝงมากับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ทันได้รู้ตัว ข้อสุดท้ายนี่ร้ายแรงที่สุดเพราะหากเจ็บป่วยขึ้นมาค่ารักษาพยาบาลก็สูงตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษาพยาบาลไปด้วย เราสามารถลดภาระด้านค่าการรักษาพยาบาลด้วยการทำ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย วันนี้เราจะมาแนะความสำคัญของ ประกันเหมาจ่าย ที่คู่ควรมีไว้ในครอบครองกัน

   การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในวัยทำงานที่ต้องหารายได้มาจุนเจือครอบครัว บางทีก็ลืมไปว่าสุขภาพของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะว่าคนเราต้องมีสุขภาพดีมาก่อนถึงจะมีแรงกำลังในการหารายได้มาใช้จ่าย ด้วยเหตุนี้การทำประกันสุขภาพจึงได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ทั้งนี้ เบี้ยประกันสุขภาพ ในปัจจุบันก็มีหลายแพ็กเกจให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วย เมื่อเทียบกับการนำเงินออมมาใช้ในการรักษาพยาบาลกับการมีประกันสุขภาพถือว่าคุ้มกว่ามาก เพราะค่าใช้จ่ายที่ใช้การรักษาพยาบาลแบบ opd คือ ผู้ป่วยนอก กับ ipd คือ ผู้ป่วยใน มีความแตกต่างกันอย่างมาก กล่าวคือ

•   opd คือ (Out Patient Department) ลักษณะของอาการเจ็บป่วยที่เข้ามาทำการรักษาในโรงพยาบาลแบบไม่ต้องนอนพัก คือหาหมอ รับยาแล้วกลับบ้านได้เลย สำหรับผู้ป่วยแบบ OPD นี้ประกันสุขภาพจะให้ความคุ้มครองด้านค่าปรึกษาแพทย์และค่ายากลับบ้าน และยังครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลจากโรคที่ต้องอยู่ดูอาการในโรงพยาบาลหลังทำการรักษาไม่เกิน 6 ชม. อีกด้วย ยกตัวอย่าง ประกัน OPD คุ้มครบ จบหายห่วง ประกัน FWD ของ SCB Protect แผนผลประโยชน์ 2 ล้านบาทต่อปีจะได้รับการชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกจำนวน 6,000 บาทต่อปีกรมธรรม์และยังได้รับความคุ้มครองโรคร้ายแรงด้วย

•   ipd คือ (In Patient Department) จะเป็นลักษณะของการเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมากกว่า 6 ชม. ขึ้นไป ซึ่งโดยปกติจะต้องประกอบไปด้วย ค่าห้อง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ ค่าพยาบาล รวมไปถึงการตรวจรักษาที่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการรักษาต้องสูงกว่า OPD อย่างมาก แต่ยังมีตัวช่วยอย่าง ประกันสุขภาพออนไลน์ อีซี่ เฮลท์ ท็อป อัป แผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายของ FWD จาก SCB Protect ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแบบ IPD ได้มาก ยกตัวอย่างแผนประกันเหมาจ่ายแพ็กเกจความคุ้มครอง 1,000,000 บาท จ่ายค่า เบี้ยประกันสุขภาพ เพียงปีละ 15,583 บาท ขึ้นอยู่กับเพศและอายุซึ่งจะได้รับความคุ้มครองชีวิตจำนวน 150,000 บาทเข้าไปด้วย เมื่อเทียบกับการต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแบบ IPD ต่อครั้งที่ค่าห้องมาตรฐานก็ไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคืน ไหนจะยังค่าแพทย์ ค่าพยาบาล ค่ารักษาต่อครั้งเป็นจำนวนหลายหมื่นก็ถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก

   สรุปก็คือไม่ว่าจะเป็นแบบผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยในก็มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตทั้งนั้น การที่ได้มีตัวช่วยอย่างแพ็กเกจประกันสุขภาพเหมาจ่ายไว้ในครอบครองถือว่าสามารถใช้เป็นหลักประกันในการใช้ชีวิตให้มีความสุขได้อย่างดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นภาระให้กับคนในครอบครัวที่จะต้องมาหาค่ารักษาพยาบาลให้เราหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

ชมเพิ่มเติมที่เว็บไซด์
https://online.scbprotect.co.th/e-health

45
   หากใครที่ได้ลิ้มลอง กาแฟสด ตามร้านทั่วไป เชื่อได้เลยว่าจะต้องสั่งแต่ เอสเพรสโซ่, คาปูชิโน และลาเต้ กันโดยส่วนใหญ่ ในขณะที่เมนูกาแฟมีให้ได้เลือกดื่มอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น CORTADO, FLAT WHITEและเมนูเย็นอีกหลายสูตร น้อยร้านมากที่จะมีรสชาติกาแฟที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเอง เพราะขั้นตอนและ วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ค่อนข้างยาก ต้องฝึกฝีมือและใช้ระยะเวลาฝึกฝนค่อนข้างนาน แต่ถ้ามี เครื่องชงกาแฟแคปซูล เป็นตัวช่วยก็จะทำให้สูตรการชงแบบบาริสต้ามืออาชีพนั้น จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

1.   Essenza Mini D30 Silver
   จิ๋วแต่แจ๋ว กับ เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก จาก Nespresso สามารถชงกาแฟได้ 2 แบบได้แก่ Espresso และ Lungo สะดวกและง่ายสำหรับเมนูพื้นฐานอย่าง Espresso, Americano, Latte และ Cappuccino เพียงแต่ในส่วนของกาแฟนมจะต้องซื้อเครื่องทำฟองนมแยกต่างหาก หรือจะจัดชุดที่มีเครื่องทำฟองนมมาในตัวได้ ตัวเครื่องมีขนาด (กxยxส)11.0 x 32.5 x 20.5 ซ.ม. หนักเพียง 2.3 กก. เคลื่อนย้ายสะดวก แม้ในพื้นที่แคบอย่างคอนโดมิเนียม จุน้ำได้ 0.6 ลิตร แรงดันน้ำ 19 บาร์ พร้อมเสิร์ฟกาแฟถ้วยโปรดให้คุณได้ตลอดเวลา
2.   Gran Lattissima
   ที่สุดสำหรับ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ขนาดกลาง ที่มาพร้อมเครื่องทำฟองนมในตัว มีเมนูพื้นฐานที่มากับตัวเครื่อง ได้แก่ Cappuccino, Latte, Latte Macchiato, Flat White, Lungo, Espresso, Ristretto และ นมร้อน ตัวเครื่องมีขนาด (กxยxส) 20.3 x 36.7 x 27.6 ซ.ม. หนัก 5.2 กก. แรงดันน้ำ 19 บาร์ ความจุน้ำ 1.3 ลิตร ระบบล้างอุปกรณ์ในตัว ใช้งานง่ายด้วยปุ่มฟังก์ชันเพียงปุ่มเดียว เหมาะสำหรับออฟฟิศขนาดเล็ก-ขนาดกลางและครอบครัวที่ต้องการปรุงแต่งเมนูใหม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อดื่มด่ำความหอมกรุ่นของ กาแฟสด
3.   Creatista Pro
   ขยับไปที่รุ่นใหญ่ Size Jumbo Creatista Pro ที่มีขนาด (กxยxส) 42.9 x 32.8 x 19.7 ซ.ม. หนัก 6.65 กก. ความจุน้ำ 2ลิตร เสิร์ฟกาแฟร้อน-เย็นได้อย่างต่อเนื่อง พิเศษสุดกับเครื่องทำฟองนม ที่สามารถสร้างความเนียนนุ่มในแบบที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบได้ แรงดันน้ำ 19 บาร์ วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ง่ายมาก สั่งงานผ่านหน้าจอทัชสกรีน มีระบบช่วยทำความสะอาดเครื่อง เหมาะสำหรับออฟฟิศขนาดกลาง-ใหญ่ หรือใครที่ต้องการฝึกชงกาแฟเทลาเต้อาร์ตสวย ๆ หรือเมนูอื่น ๆ ตามต้องการ ก่อนที่จะผันตัวไปเป็นบาริสต้ามืออาชีพ

   เครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso ทุกเครื่องรับประกัน 2 ปี ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานภายใน 9 นาที ซื้อ เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก วันนี้ ฟรี แคปซูลกาแฟ 1 ชุด และเมนูกาแฟ เพื่อให้คุณได้ไปสรรสร้างเมนูซิกเนเจอร์ในแบบที่คุณชอบ สามารถพลิกแพลงให้เป็นสูตรเฉพาะสำหรับตัวคุณเองได้


https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

46
   หากถามคนที่ ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ว่าเป็นกังวลเรื่องไหนมากที่สุด เชื่อว่าคำตอบส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นเป็นกังวลทุกเรื่อง เพราะนอกจากเอกสารมากมายที่ต้องเตรียมให้พร้อมในการเดินทางแล้ว ยังรู้สึกประหม่ากับขั้นตอนต่าง ๆ ที่ต้องจัดการในวันขึ้นเครื่อง รวมถึงการซื้อ ประกันเดินทาง ที่หลายคนยังลังเลว่าจำเป็นต้องซื้อหรือไม่ ดังนั้นเพื่อให้คนที่เดินทางขึ้นเครื่องเตรียมตัวได้ง่ายขึ้น วันนี้เรามีขั้นตอนการ เตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน มาฝาก แต่จะมีเรื่องไหนที่ต้องระวังบ้างนั้นมาดูกันเลย

เตรียมเอกสารให้พร้อมตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง
ถือเป็นขั้นตอนแรกที่ควรดำเนินการให้เรียบร้อยสำหรับการเตรียมเอกสารการเดินทาง ซึ่งการเดินทางภายในประเทศอาจไม่ใช่เรื่องยากเพราะเตรียมแค่บัตรประชาชนและตั๋วเครื่องบินเท่านั้น แต่เดินทางไปต่างประเทศจะต้องเตรียมทั้งตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต และวีซ่า (กรณีที่ประเทศปลายทางกำหนดให้ต้องขอวีซ่าก่อนเข้าประเทศ)

อย่าลืมซื้อประกันการเดินทาง
เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ด้วยเหตุนี้ ประกันเดินทาง ของ SCB Protect จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ เนื่องจากประกันการเดินทางจะให้ความคุ้มครองทั้งเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต อุบัติเหตุ บริการเคลื่อนย้ายรักษาพยาบาลฉุกเฉิน เงินชดเชยรายได้ การล่าช้าจากการเดินทาง ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกระเป๋าเดินทางและทรัพย์สิน สำหรับ ประกันเดินทางในประเทศ มีขายเฉพาะแบบรายทริป ส่วน ประกันเดินทางต่างประเทศ มีขายทั้งแบบรายทริปและรายปี อีกทั้งยังเพิ่มความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยในต่างประเทศด้วย

การจัดกระเป๋าเดินทาง
สำหรับการจัดกระเป๋าขึ้นเครื่องบินนอกจากเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวแล้ว อีกเรื่องที่ต้องตรวจสอบให้ดีคือ เงื่อนไขในการนำของขึ้นเครื่องบิน อย่างของเหลวสามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องได้รวมกันไม่เกิน 1 ลิตร แต่ต้องแบ่งออกเป็นขวดละไม่เกิน 100 มิลลิลิตร ขณะที่แบตเตอรี่สำรองขนาดความจุไม่เกิน 32,000 mAh ขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่อนุญาตให้ติดตัวขึ้นเครื่อง ส่วนของที่ห้ามนำขึ้นอย่างเด็ดขาดคือ อาวุธ ของมีคม สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด อาหารกลิ่นแรง สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย สารเคมี สารเสพติด เพราะฉะนั้นจึงต้องตรวจสอบให้ดีก่อนปิดกระเป๋าถ้าไม่อยากเสียเวลาตอบคำถามเจ้าหน้าที่สนามบิน

วันเดินทาง
ในวันเดินทางควรตรวจเช็กกระเป๋าสัมภาระ เอกสาร และ ประกันการเดินทางในประเทศ หรือ ประกันเดินทางต่างประเทศ ให้เรียบร้อย  จากนั้นให้เช็กอินผ่าน App หรือเว็บไซต์ของสายการบิน เพื่อปริ้นต์ Boarding Pass แต่หากไม่เคยทำมาก่อนแนะนำให้ไปเช็กอินผ่านตู้คีออสที่สนามบินหรือเคาน์เตอร์สายการบิน เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดจะได้สามารถแก้ไขได้ทัน หลังจากได้ Boarding Pass เรียบร้อยให้นำกระเป๋าเดินทางไปที่ด่านตรวจสัมภาระและเดินทางไปรอที่ Gate ตามที่ระบุไว้ใน Boarding Pass เพื่อรอขึ้นเครื่องตามเวลาที่กำหนด
   
จะเห็นได้ว่าการเดินทางขึ้นเครื่องครั้งแรกนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เข้าใจ แต่ไม่ว่าจะไปเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศก็อย่าลืมทำ ประกันเดินทาง รับประกันว่ามีไว้อุ่นใจกว่าแน่นอน

ชมรายละเอียดเพิ่ม
https://online.scbprotect.co.th/travel/international

47
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญของการเดินทางในทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะไปทำงานหรือท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อจุดประสงค์ใด ย่อมเสี่ยงต่อปัญหาและอุบัติเหตุที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดหรือไม่ เพื่อให้คุณมีความสบายใจและความปลอดภัยในการเดินทางต่างประเทศ การพิจารณาทำ ประกันเดินทางต่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรพิจารณา เพื่อปกป้องตัวคุณและทรัพย์สินของคุณในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด และนี่คือเหตุผลที่ควรทำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ เอาไว้ก่อนเดินทาง

1.   การปกป้องสุขภาพระหว่างการเดินทาง การเดินทางไกลอาจสร้างปัญหาต่อร่างกายและสุขภาพของคุณ เมื่อคุณอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคย สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น หนาวจัด ร้อนจัด อากาศเปลี่ยนแปลง ร่างกายของคุณอาจไม่สามารถปรับตัวได้ทัน เพราะไม่คุ้นชิน เป็นไปได้ว่าอาจทำให้คุณป่วยได้ การเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงเป็นหนึ่งเรื่องที่ต้องทำเพื่อ เตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน นอกจากนี้ยังต้องซื้อ ประกันเดินทางต่างประเทศ เพื่อคุ้มครองหากเกิดเหตุขัดข้องหรืออุบัติเหตุด้วย
2.   คุ้มครองความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อคุณอยู่ในต่างประเทศ การรักษาทางการแพทย์ในต่างประเทศมักมีค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นพิเศษ หากคุณเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ การทำ ประกันเดินทาง จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายทางการเงินในกรณีเช่นนี้
3.   การช่วยเหลือฉุกเฉิน ในกรณีฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เช่น เอกสารสำคัญหรือทรัพย์สินหายระหว่างเดินทาง การทำ ประกันเดินทาง มักจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินที่คุณสามารถโทรและขอความช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจรวมถึงคำแนะนำ ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน ต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน การจัดหาทรัพย์สินทดแทนในกรณีสูญหาย หรือการส่งเอกสารที่สูญหายกลับมาให้คุณ เป็นต้น
4.   ได้รับความช่วยเหลือหรือชดเชยความเสียหาย ในกรณีที่เครื่องบินดีเลย์หรือมีการเลื่อนเที่ยวบินฉุกเฉิน โดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า
5.   ชดเชยค่าเสียหายในกรณีที่สัมภาระได้รับความเสียหาย คงไม่ดีแน่หากกระเป๋าเดินทางที่มีราคาจะได้รับความเสียหาย โดยปราศจากความรับผิดชอบและให้ความช่วยเหลือใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ถ้าเรา เตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน โดยทำประกันสำหรับการเดินทางไว้ ก็จะสามารถแจ้งเคลมกระเป๋าสัมภาระได้ในทันทีเมื่อตรวจพบความเสียหายหรือสูญหาย

หากจะเดินทางไปต่างประเทศ ให้เลือกซื้อ ประกันเดินทางต่างประเทศ ไว้อยู่เสมอ บางบริษัทมีทั้งแผนรายครั้งหรือแผนรายปีหากเดินทางบ่อย การทำประกันไว้ก่อนเป็นวิธีที่ดีในการปกป้องคุณตลอดการเดินทางที่อาจเกิดอันตรายหรือเหตุไม่คาดคิด ความคุ้มครอง ประกันเดินทาง อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแผนประกันที่คุณเลือก ก่อนทำประกันควรอ่านรายละเอียดแผนประกันให้รอบคอบและปรึกษากับผู้ให้บริการ ประกันการเดินทางต่างประเทศหรือ ประกันการเดินทางในประเทศ เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้องสำหรับความต้องการและสถานการณ์ของคุณเอง

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม
https://online.scbprotect.co.th/travel/domestic

48
ประกันสะสมทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยสร้างวินัยในการออม ลงทุนง่าย ไม่มีความเสี่ยง ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ในการคุ้มครองชีวิตด้วย โดยเมื่อครบกำหนดตามแผนประกันแล้วจะได้รับเงินก้อนพร้อมดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษี ทั้งยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
สำหรับคนที่อยากมีเงินเก็บ มีเป้าหมายในการเก็บเงิน คนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวอยากลงทุนแต่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของหุ้นหรือไม่อยากเสี่ยงกับคริปโต รวมไปถึงคนที่กำลัง วางแผนเกษียณ อายุด้วย ซึ่ง ประกันเงินออม ประเภทนี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี แม้ผลตอบแทนที่ได้รับอาจจะไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับการลงทุนอื่น ๆ เช่น หุ้น หรือ กองทุนต่าง ๆ แต่ก็ไม่มีความผันผวนให้ต้องเสี่ยง หากจำเป็นต้องใช้เงินแบบฉุกเฉินสามารถเบิกถอนเงินได้เหมือนบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปผ่านการทำเรื่องขอเวนคืนกรมธรรม์ซึ่งรายละเอียดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขข้อตกลง ระยะเวลาการส่งเบี้ยประกัน และระยะเวลาคุ้มครอง หากผู้ทำประกันเสียชีวิตระหว่างระยะเอาประกันเงินที่ลงทุนหรือเบี้ยประกันที่จ่ายไปนั้นจะกลายเป็นมรดกสำหรับคนข้างหลัง ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในการสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับอนาคต
ประกันสะสมทรัพย์ มีจุดสังเกตที่ทำให้เข้าใจง่าย นั่นคือหลังชื่อของประกันจะตามด้วยตัวเลขที่มีลักษณะ X/Y โดย X หมายถึงจำนวนปีที่คุ้มครอง และ Y หมายถึงจำนวนปีที่ชำระเบี้ยประกันภัย เช่น ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ Easy E-SAVE 10/5 นั่นแสดงว่ากรมธรรม์ฉบับนี้จ่ายเบี้ยประกันในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี แต่ให้ความคุ้มครองนานถึง 10 ปี
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ของ SCB Protect จะมีลักษณะคล้ายกับประกันบำนาญ นั่นคือผู้ทำประกันต้องชำระเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กำหนดในกรมธรรม์แต่จะมีเงินคืนระหว่างทางซึ่งต่างกับประกันบำนาญที่จะไม่มีการคืนเงินในส่วนนี้ ทั้งยังได้รับความคุ้มครองชีวิตและสิทธิลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกัน ดังนั้น ประกันเงินออม ประเภทนี้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการ วางแผนเกษียณ อายุ


Easy E-SAVE 10/5 หนึ่งในเครื่องมือวางแผนอนาคตทางการเงินจาก SCB PROTECT เป็น ประกันสะสมทรัพย์ ที่จ่ายเบี้ยระยะสั้นเพียง 5 ปี ให้ความคุ้มครองถึง 10 ปี ทั้งยังสามารถเลือกเบี้ยประกันต่อปีได้ตั้งแต่ 20,000 - 400,000 บาท โดยปีที่ 1 - 5 จะได้รับเงินคืน 4% ของทุนประกัน ปีที่ 6 - 9 เพิ่มเป็น 5%  และเมื่อครบสัญญาจะได้รับเงินก้อนคืน 350% ของทุนประกัน คุ้มครองชีวิตตลอดสัญญาเอาประกัน และสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
ออกแบบความมั่นคงให้กับอนาคตตัวคุณเองได้ตั้งแต่วันนี้ เช็กเบี้ยประกันและคำนวณผลตอบแทนที่จะได้รับด้วยตนเองที่ SCB PROTECT  หรือที่เว็บไซด์ https://online.scbprotect.co.th/life/saving

49
   หลาย ๆ คนซื้อรถยนต์เป็นของตนเองเพื่อให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สิ่งที่สำคัญที่มาคู่กับรถยนต์ก็คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ส่วนใหญ่เมื่อซื้อรถใหม่เรามักจะได้ประกันชั้น 1 จากศูนย์อยู่แล้ว และเรามักจะเข้าใจว่าเมื่อใช้รถไประยะหนึ่ง เราก็ต้องทำ ประกันชั้น 1 ไปตลอด โดยเฉพาะเป็นผู้หญิงขับด้วย จำเป็นอย่างมากที่ต้องทำประกันชั้น 1 เท่านั้น เรามาดูกันว่าความเข้าใจในเรื่องผู้หญิงขับรถกับการทำประกันชั้น  1 นั้นคือเรื่องเดียวกันหรือไม่

ประกันชั้น 1 คืออะไร
   ประกันรถยนต์ชั้น 1 คือ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ที่ให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมครบ 4 เรื่องหลัก ดังนี้
-   คุ้มครองความเสียหายรถยนต์ทั้งของเราที่เอาประกันและคุ้มครองรถยนต์ของคู่กรณีเวลาเกิดอุบัติเหตุ
-   คุ้มครองความเสียหายในชีวิตและการบาดเจ็บของผู้ขับขี่ ผู้โดยสารที่อยู่ในรถ ครอบคลุมทั้งชีวิต ร่างกาย อนามัยของบุคคลภายนอก ทั้งรถคู่กรณีและผู้ใช้รถใช้ถนนที่ได้รับความเสียหายจากการขับขี่ของรถที่เอาประกัน
-   คุ้มครองความเสียหายจากการถูกโจรกรรม ไฟไหม้และน้ำท่วม
-   บริการเสริมในกรณี เช่น มีรถใช้ระหว่างซ่อม ค่าพาหนะกรณีที่ต้องเข้าศูนย์ หรืออู่เพื่อซ่อมรถที่เอาประกัน
ซึ่งความคุ้มครองนี้ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ประกันรถยนต์ชั้น 3 มีความคุ้มครอง แต่มีความคุ้มครองน้อยกว่า หรือพูดง่าย ๆ คือไม่ครอบคลุมเท่ากับประกันชั้น 1

จริงไหม...ผู้หญิงขับรถต้องทำ ประกันชั้น 1 เท่านั้น ?
   ในเรื่องของการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ไม่ได้มีกฎหมายกำหนดแบบชัดเจนว่า เพศหญิงขับรถต้องทำประกันภัยประเภทไหน แต่มีข้อกำหนดที่เป็นเงื่อนไขของทางบริษัทประกันภัยแต่ละบริษัทที่จะระบุไว้ว่าประกันแต่ละประเภทรับรถยนต์อายุไม่เกินกี่ปี บางบริษัทประกันภัยชั้น 1 รับอายุรถยนต์ไม่เกิน 2 ปี บางบริษัทอาจยาวนานกว่านั้นเช่น 5-7 ปี เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริงแม้ว่ารถยนต์เราอายุไม่ได้เกินกว่าที่จะทำประกันชั้น 1 แต่เราสะดวกใจที่จะทำ ประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งนี้ความคุ้มครองก็จะลดลงตามเงื่อนไขของประเภทประกันที่เราซื้อ นั่นแปลว่าหากเกิดเหตุขึ้น แล้วมีค่าใช้จ่ายที่เกินจากความคุ้มครอง เราสามารถจ่ายส่วนที่เกินได้ เราไม่จำเป็นต้องซื้อประกันชั้น 1 ก็ได้แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงขับรถก็ตาม

ผู้หญิงขับรถควรต้องทำประกันอะไร ?
   ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายการซื้อประกันภัยรถยนต์ มีข้อควรพิจารณาหลายปัจจัย นอกจากปัจจัยในเรื่องของคนขับแล้วยังมีปัจจัยด้านอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ เช่น
1.   เรื่องสภาพเศรษฐกิจหรือความเป็นอยู่ของครอบครัว หรือของเจ้าของรถยนต์
2.   จุดประสงค์ของการใช้งาน เช่น ความบ่อยในการใช้ ขับไปทำงานทุกวัน ขับต่างจังหวัด ขับในเมือง หรือบรรทุกของ เป็นต้น
3.   นิสัยส่วนตัวของคนขับประจำ เช่น เป็นคนขับรถเร็ว-ช้า เป็นคนอารมณ์ร้อน เป็นคนขี้หงุดหงิด หรือเป็นคนขี้หลงขี้ลืม เป็นต้น
ซึ่งหากเราต้องการซื้อเพื่อความอุ่นใจในกรณีที่กังวล ซื้อเผื่อไว้ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีให้ใช้หรือไม่ครอบคลุม ไม่ติดเรื่องค่าเบี้ยประกันชั้น1 ที่ต้องจ่ายแพงกว่า ประกันชั้น 2  เราจะซื้อประกันชั้น 1 ก็ได้ แต่หากเราไม่ค่อยได้ใช้รถ และมีความสามารถถ้าต้องจ่ายค่าความเสียหายที่อยู่นอกเหนือเงื่อนไขของ ประกันรถยนต์ชั้น 2  จะตัดสินใจซื้อประกันชั้น 2 ก็ได้ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยในการใช้ตัดสินใจซื้อของคุณผู้หญิงแต่ละคนนั่นเอง

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิง หรือคุณผู้ชายถ้าสามารถจ่ายเบี้ยในราคาของประกันชั้น 1 ได้ ก็ซื้อประกันชั้น 1 เพื่อความสบายใจในความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด หากอายุรถยนต์เกินจากที่บริษัทรับประกันกำหนด ในการรับทำประกันชั้น 1 หรือสะดวกจ่ายเบี้ยในการทำ ประกันชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 มากกว่าและยอมรับได้กับความคุ้มครองที่ลดลง ก็สามารถซื้อได้ตามความสะดวกใจเช่นกัน


ชมเพิ่มเติมได้ที่
https://online.scbprotect.co.th/motor/type-3

50
พ.ร.บ.รถยนต์ คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ กำหนดไว้ตามกฎหมายให้รถทุกคันที่จะต่อภาษีประจำปีต้องทำ พ.ร.บ. เพราะหากไม่ทำจะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้และถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดย พ.ร.บ. รถยนต์มีไว้เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มิได้สนใจว่าผู้นั้นจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด จะขับขี่หรือไม่ขับขี่ยานพาหนะก็ตาม ผู้เสียหายจะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายตามที่กำหนดไว้

พ.ร.บ. คุ้มครองอะไรบ้าง?
พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาล การบาดเจ็บ การสูญเสียอวัยวะ และการเสียชีวิต ของผู้ประสบเหตุทางรถยนต์เท่านั้น จะไม่ให้ความคุ้มครองในส่วนของทรัพย์สินและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์หรือยานพาหนะ เว้นเสียแต่ว่ารถยนต์หรือยานพาหนะคันดังกล่าวได้ทำประกันภัยประเภทสมัครใจเอาไว้จึงจะให้ความคุ้มครอง ซึ่งประกันภัยภาคสมัครใจแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
-   ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองดีที่สุดและครอบคลุมมากที่สุด แม้จะไม่มีคู่กรณีก็ตาม
-   ประกันชั้น 2 พลัส ให้ความคุ้มครองรองมาจาก ประกันชั้น 1 ต่างกันเพียงต้องเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบกด้วยกันเท่านั้น ถ้าคู่กรณีหนีหรือไม่สามารถตามตัวได้ก็จะไม่ให้ความคุ้มครอง
-   ประกันชั้น 2 ให้ความคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณีและผู้เอาประกัน รวมถึงคุ้มครองกรณีรถไฟไหม้ แต่ความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุจะให้ความคุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณีเท่านั้น ในกรณีที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด
-   ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส ให้ความคุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันแต่ต้องมีคู่กรณีเท่านั้น หากหนีหรือไม่มีหลักฐานในการเอาผิดก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง ในส่วนของรถคู่กรณีก็จะได้รับความคุ้มครองด้วย รวมถึงค่ารักษาพยาบาลทั้งคู่กรณีและผู้เอาประกัน
-   ประกันรถชั้น 3 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณีเท่านั้น ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลยังให้ความคุ้มครองทั้งคู่กรณีและผู้เอาประกันเช่นเดียวกับประกันภัยชั้นอื่น ๆ

จะเห็นว่าประกันภัยรถยนต์ในแต่ละระดับให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ซึ่งเจ้าของรถจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม โดยจะมีในส่วนของอายุรถเป็นเกณฑ์ โดยเฉพาะรถเก่าที่หลายคนมักจะมองข้ามในส่วนของ ประกันรถยนต์ชั้น 3 และเลือกที่จะทำประกันภัยภาคบังคับหรือ พ.ร.บ. เท่านั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาและตนเองเป็นฝ่ายผิดนอกจากจะไม่ได้ความคุ้มครองเพิ่มเติมแล้ว ซ้ำร้ายยังต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้รถเก่ายังเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพทั้งหลาย ดังนั้นการทำ ประกันรถชั้น 3 ให้กับรถเก่าที่มีอายุมากกว่า 10 ปี เอาไว้ยังดีกว่าไม่มี อย่างน้อยก็ช่วยลดความเสี่ยง ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ในขณะที่ พ.ร.บ. ให้ความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น

ชมรายละเอียดเพิ่ม
https://online.scbprotect.co.th/motor/type-2-plus

51
แป้งตลับหรือแป้งผสมรองพื้นถือเป็นไอเทมที่หลายคนขาดไม่ได้ เพราะแป้งตลับออกแบบมาเพื่อการปกปิดอำพรางจุดบกพร่องบนใบหน้า แถมยังทำให้หน้าเนียน แต่ถึงอย่างนั้นบางคนอาจเจอปัญหาหน้าดรอป หน้าลอย หรือใช้แป้งตลับแล้วหน้าเทา ซึ่งเกิดจากการเลือกแป้งตลับที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวและเลือกสีแป้งไม่แมทช์กับผิว และสำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อแป้งตลับใหม่ มาไขข้อข้องใจพร้อมกันว่า แป้ง ตลับ ยี่ห้อ ไหน ดี ที่เหมาะกับเรา พร้อมเทคนิค เทียบสีรองพื้น ให้เหมาะกับสีผิว ทาแล้วเนียนเป๊ะ

แป้งตลับยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับผิว ใช้ดีจนต้องบอกต่อ
1.   Bobbi Brown
Skin Weightless Powder Foundation
หากกำลังตามหา แป้งพัฟแบรนด์ไหนดี ที่บางเบา แนะนำไอเทมนี้เลย แป้งตลับเนื้อกึ่งครีม บางเบาแต่อำพรางรูขุมขนดีเยี่ยม ทาแล้วหน้าไม่ดรอป ไม่เทา ที่สำคัญทาแล้วเนียนกริบ เบาสบายผิวเหมือนไม่ได้ทา
2.   MAC
Studio Fix Powder Plus Foundation
แป้งผสมรองพื้นตลับสีดำที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดดเด่นที่เม็ดสีแน่น ปกปิดดีเยี่ยม ให้ลุคแมตต์แบบพอดี ใช้แล้วไม่เป็นคราบระหว่างวัน เหมาะกับสภาพผิวแห้ง เผยผิวเรียบเนียนได้อย่างมั่นใจ
3.   Fenty Beauty
Pro Filt'R Soft Matte Powder Foundation
แป้งที่ช่วยเบลอผิวให้เรียบเนียน บางเบา แต่กลบปัญหาผิวได้อย่างดีเยี่ยมจึงเป็นเจ้าของผิวเนียนได้แบบง่าย ๆ ตลับนี้ยังออกแบบมาให้คงความชุ่มชื้น ทาแล้วไม่เป็นคราบ ไม่ตกร่อง คนเป็นสิวใช้ได้เพราะไม่ทำให้อุดตัน

แนะ 3 วิธีเลือกสีรองพื้นให้เข้ากับผิว
-   เลือกตามโทนสีผิว
ก่อนตัดสินใจเลือกสีแป้งหรือสีรองพื้นควรรู้จักโทนสีผิวของตัวเองก่อน ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 โทนสีใหญ่ ๆ ได้แก่ ผิวโทนขาว ผิวกลาง และผิวโทนเข้มหรือผิวสองสี เมื่อรู้โทนสีของตัวเองก็สามารถเลือกเฉดสีรองพื้นหรือเฉดสีแป้งได้ง่ายขึ้น
-   เลือกตามอันเดอร์โทน
เพื่อการเลือกสีแป้งและสีรองพื้นอย่างแม่นยำ ควรทำความรู้จักอันเดอร์โทนของตัวเอง โดยอันเดอร์โทนผิวจะติดตัวตั้งแต่กำเนิดและไม่มีเปลี่ยน ซึ่งสังเกตได้จากสีเส้นเลือดใหญ่บริเวณข้อมือ หากเส้นเลือดเป็นสีน้ำเงินหรือสีม่วง นั่นหมายถึงอันเดอร์โทนชมพู หากเส้นเลือดเป็นสีเขียวอมน้ำเงิน หมายถึงอันเดอร์โทนธรรมชาติ และหากเส้นเลือดเป็นสีเขียว หมายถึงอันเดอร์โทนเหลืองนั่นเอง
-   เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว
นอกจากการเลือกสีให้เหมาะกับผิวแล้ว อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว หากเลือกไม่เหมาะอาจทำให้หน้าดรอปหรือหน้าตกร่อง สำหรับคนผิวแห้งควรเลือกแบบที่มีส่วนผสมของน้ำหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ หากเป็นคนผิวมันควรเลือกแบบที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เป็นต้น

เมื่อเห็นลิสต์นี้แล้วเชื่อว่าหลายคนน่าจะเลือกได้แล้วว่า แป้งผสมรองพื้นยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้า แถมยังสามารถ เทียบสีรองพื้น ได้แมทช์กับสีผิว ทาแล้วหน้าไม่ลอย ไม่เทา หน้าไม่ดรอประหว่างวัน แต่งหน้าอย่างมั่นใจ เมคอัปติดทนนานตลอดวัน

52
     โรคร้ายแรงเป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง เนื่องจากเป็นโรคที่รักษายากจำเป็นต้องใช้ความรู้และเทคนิคการรักษาเฉพาะจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้ค่ารักษาพยาบาลโรคในกลุ่มนี้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ กลุ่มโรคมะเร็ง, โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ, โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อ, โรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง และโรคเกี่ยวกับอวัยวะสำคัญ เช่น หอบหืดรุนแรง ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันผู้คนต้องเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จากสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป นั่นหมายถึงภาระที่จะต้องเตรียมค่ารักษาพยาบาลสำหรับการรักษาโรคร้ายแรงเหล่านี้ไว้ให้พร้อม
   ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโรคเหล่านี้ได้โดยเฉพาะ และให้ความคุ้มครองโรคในระยะเริ่มต้นไปจนถึงโรคระยะรุนแรงที่อาจส่งผลให้เกิดการเสียชีวิต สูญเสียการได้ยิน สูญเสียการมองเห็น หรือทุพพลภาพอย่างถาวร โดยปัจจุบันมี ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ ให้เลือกหลายรูปแบบและยังสามารถ ซื้อประกันออนไลน์ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะประกันโรคร้ายแรงจาก SCB Protect ที่มีจุดเด่นที่สำคัญคือ
-   ให้ความคุ้มครอง 3 กลุ่มโรคร้ายแรง ได้แก่ มะเร็ง, โรคเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท และโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
-   ได้รับเงินก้อนสูงสุดถึง 2 ล้านบาททันที เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น 1 ใน 3 กลุ่มโรคร้ายแรงดังกล่าวนี้ แม้ว่าจะอยู่ในระยะเริ่มต้นของโรคก็ตาม
-   ให้ความคุ้มครองต่อเนื่องถึง 5 ปี โดยการจ่ายเบี้ยประกันอัตราคงที่ตลอด 5 ปี
-   สมัครได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เพียงคลิกสมัครก็สามารถรับความคุ้มครองได้ทันทีที่ชำระเงินเสร็จ
แต่หากต้องการความคุ้มครองโรคร้ายแรงเฉพาะ เช่น โรคมะเร็ง ก็สามารถเลือกแบบ ประกันมะเร็ง ได้ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองที่มากขึ้น ได้แก่
-   การคุ้มครองมะเร็งทุกระยะ เมื่อตรวจพบครั้งแรกก็จะได้รับเงินก้อนทันทีและยังสามารถเลือกรับการรักษาได้ตามความต้องการ
-   เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามที่ต้องการ ทั้งแผนคุ้มครองแบบ 500,000 บาท, 1 ล้านบาท และ 2 ล้านบาท
-   เพิ่มความอุ่นใจว่ามีเงินสำรองไว้ใช้รักษาตัวหรือแบ่งมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
-   เพิ่มความคุ้มครองมะเร็งผิวหนัง โดยจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติม 50,000 บาท
   สำหรับ ประกันมะเร็ง ของ SCB Protect ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ เพียงแค่ตอบคำถามสั้น ๆ เท่านั้น ที่สำคัญเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 800 กว่าบาทต่อปีเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับเพศและอายุ
นอกจากนี้ ไม่ว่าจะทำ ประกันโรคร้ายแรง แบบรวม ๆ หรือเลือกเป็นประกันโรคร้ายแรงเฉพาะ เช่น มะเร็ง หรือโรคหลอดเลือด ก็ยังสามารถใช้เบี้ยประกันไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บางส่วนอีกด้วย  นั่นจึงทำให้ผู้คนต่างเลือกทำประกันโรคร้ายของ SCB Protect เพราะนอกจากจะได้เบี้ยประกันที่ถูกและได้รับความคุ้มครองสูงแล้ว ยังสามารถสมัครได้ง่าย ๆ ด้วยการ ซื้อประกันออนไลน์   

ชมข้อมูลเพิ่ม
https://online.scbprotect.co.th/
https://online.scbprotect.co.th/life/fwd-big3

53
   คนที่แต่งหน้าอยู่เป็นประจำน่าจะพอรู้ดีว่าการล้างหน้าสำคัญมาก เพราะหากล้างคราบเครื่องสำอางไม่หมดก็อาจจะทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนและเกิดเป็นปัญหาสิวขึ้นมาได้ เราจึงจำเป็นจะต้องล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ โฟมล้างเครื่องสำอาง โดยเฉพาะ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับโฟมล้างเครื่องสำอางว่าต่างจากโฟมทั่วไปและจำเป็นแค่ไหน
โฟมล้างเครื่องสำอางคืออะไร มีกี่แบบ
โฟมล้างเครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าที่ออกแบบมาเพื่อขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก หรือที่เรียกว่า deep cleansing foam มีประสิทธิภาพทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด ขจัดคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกฝังลึก ไม่ว่าจะเมคอัพแต่งหน้าหนักหรือแต่งหน้าเบาก็ทำความสะอาดได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดก่อน ซึ่งประสิทธิภาพในการทำความสะอาดอันล้ำลึกนี้ทำให้โฟมล้างเครื่องสำอางต่างจากโฟมล้างหน้าทั่วไป เพราะโฟมล้างหน้าทั่วไปนั้นทำความสะอาดได้ล้ำลึกไม่เท่า ไม่สามารถขจัดคราบเครื่องสำอางออกได้แบบเดียวกับโฟมล้างเครื่องสำอาง
โฟมล้างเครื่องสำอางนั้นก็มีหลากหลายแบบ บางแบรนด์เน้นทำความสะอาดพร้อมควบคุมความมัน บางแบรนด์ผสมส่วนผสมช่วยดูแลและลดปัญหาผิวเป็นโฟมล้างหน้าลดสิว โฟมล้างหน้าลดริ้วรอย โฟมล้างหน้าไวท์เทนนิ่ง ฯลฯ เรียกได้ว่า 2in1 ช่วยขจัดคราบเครื่องสำอางสิ่งสกปรกพร้อมบำรุงผิวไปด้วยในตัว
ประโยชน์ของโฟมล้างเครื่องสำอาง
ประโยชน์ของโฟมล้างเครื่องสำอางนั้นอย่างแรกเลยก็คือช่วยทำความสะอาดได้หมดจด สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งหรือเมคอัพรีมูฟเวอร์เช็ดก่อน เรียกได้ว่าครบจบในขั้นตอนเดียว เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการขั้นตอนอะไรมากมาย แนะนำให้เลือกใช้ โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน จะช่วยลดการระคายเครื่องผิว ช่วยให้ผิวสะอาดใสไร้สิว และลดการอุดตันรูขุมขน
ทริคและวิธีใช้โฟมล้างเครื่องสำอาง
   ใช้โฟมล้างเครื่องสำอางขณะที่ผิวหน้าเปียก บีบปริมาณโฟมเล็กน้อย ควรตีฟองก่อน เราจะไม่ใช้โฟมสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรงแต่จะใช้ฟองถูอย่างเบามือ เพื่อลดการเสียดสีผิวมากเกินไป โดยระหว่างที่นวดถูนั้นควรนวดตามแนวขนจะช่วยนวดกล้ามเนื้อเพื่อยกกระชับผิวไปด้วยในตัว ด้วยวนให้ทั่วทั้งหน้าแล้วค่อยล้างออกให้สะอาด จากนั้นให้ใช้กระดาษซับแทนการใช้ผ้าขนหนู เพราะผ้าอาจจะชื้นและกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ และทาสกินแคร์ เจลรักษาสิว เป็นอันจบขั้นตอนบำรุงผิว
   มาถึงตรงนี้คงจะพอเข้าใจถึงประโยชน์และข้อดีของ โฟมล้างเครื่องสำอาง กันบ้างแล้ว เอาเป็นว่าใครที่แต่งหน้าอยู่เป็นประจำควรที่จะมีโฟมล้างเครื่องสำอางติดบ้านไว้ใช้อย่างยิ่ง เพื่อดูแลผิวให้สะอาดหมดจดและมีสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ

54
   สำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้าออกจากบ้านทุกวัน การทำความสะอาดผิวหน้าต้องใช้ โฟมล้างเครื่องสำอาง ที่สะอาดกว่าปกติเพื่อล้างฝุ่นควันและมลภาวะออกไปให้หมดก่อน เพื่อความสะอาดของผิวพร้อมต่อการบำรุง การล้างหน้ายังช่วยลดการอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุของสิว มาดูกันว่าโฟมล้างหน้าแบบไหนเหมาะกับคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย
   1.ขั้นตอนการล้างหน้าเป็นเรื่องสำคัญ ช่วยลดปัญหาสิวให้ลดลงได้ แนะนำให้เลือกโฟมล้างหน้าขจัดคราบเครื่องสำอาง ความมัน และสิ่งสกปรกตกค้างให้หลุดไปจากผิวหน้า หากมีปัญหาสิวด้วยแนะนำให้ใช้ มาส์กโคลนลดสิว ของ ELCA ตาม โฟมล้างหน้ามีหลายแบบให้เลือกตามสภาพผิวของตนเอง ดังนี้
   -สูตรผิวแห้ง คืนความชุ่มชื่นให้กับผิว สร้างความชุ่มชื้นให้สมดุล ลดผิวลอกเป็นขุย
   -สูตรผิวมัน ช่วยควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน
   -สูตรผิวเป็นสิวหรือผิวแพ้ง่าย ช่วยลดสิวอักเสบ พร้อมปรับผิวหน้าขาวกระจ่างใส
   2.โฟมล้างหน้าลดปัญหาสิวอุดตัน โฟมล้างหน้าที่มีกรดอะมิโนเป็นไอเทมทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ทั้งยังมีกรดซาไลซิลิกช่วยทำความสะอาดลึกถึงรูขุมขน โดยมากเป็นโฟมสำหรับผิวมัน ผิวผสม หรือผิวเป็นสิวง่าย ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ทำให้ผิวหน้าสะอาด ลดโอกาสเกิดสิวซ้ำซ้อน สำหรับสูตรส่วนผสมที่มีสารสกัดจากอะโวคาโดช่วยควบคุมความมันยาวนาน ช่วยลดความมันส่วนเกินได้อย่างเหมาะสม และไม่อุดตันผิว เมื่อใช้กับ มาส์กโคลน ด้วยจะทำให้ลดสิวและรูขุมขนขนาดลดลงอย่างเห็นผล
   3.โฟมล้างหน้าลดริ้วรอย โฟมล้างหน้าที่อุดมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ มีสารบำรุงจากธรรมชาติ จึงอ่อนโยนต่อผิว ช่วยดูแลให้ผิวแข็งแรง ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง อ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย ทั้งอุดมด้วยวิตามินซีช่วยลดรอยดำ รอยแดงและรอยแผลเป็นจากสิว พร้อมขจัดแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของสิว
   4.โฟมสำหรับคนผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย มักจะเป็นโฟมทำความสะอาดผิวหน้าแบบไม่มีฟอง ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื่นและไม่ระคายเคืองผิว ใครมีผิวแห้งมากและแพ้ง่ายใช้แล้วเหมาะมาก โฟมล้างหน้าอุดมด้วยส่วนผสมจากวิตามินอีช่วยขจัดสิ่งสกปรกอย่างล้ำลึก ผิวชุ่มชื่น เนียนนุ่ม และผิวแข็งแรงขึ้นด้วย อุดมด้วยส่วนผสมจากวิตามินอีที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกอย่างล้ำลึก ผิวชุ่มชื่น เนียนนุ่ม และสุขภาพดี
   5.โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เป็นโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนต่อผิวระคายเคืองง่ายและผิวแพ้ง่าย หรือเซนซิทีฟกับสารเคมีเป็นพิเศษ ต้องเน้นดูส่วนผสมที่อ่อนโยนแต่ล้างสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางตกค้างได้อย่างหมดจด มีส่วนช่วยให้รูขุมขนไม่อุดตัน ปราศจากสารอันตรายจึงไม่ทำให้ผิวระคายเคือง ไม่ทำให้ผิวแพ้หนักกว่าเดิม
   โฟมล้างเครื่องสำอาง ที่อ่อนโยนก็ยังคงมีคุณสมบัติทำความสะอาดผิวหมดจด เลือกให้เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ผิวมัน และเป็นสิว ผสานสารบำรุงช่วยปลอบประโลมผิวให้สุขภาพดีขึ้น

ชมรายละเอียด
https://www.origins.co.th/product/15346/76224/skincare/treat/face-masks/20-off-charcoal-honey-mask-to-purify-nourish-30ml/clear-improvementtm

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7