แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Jessicas

หน้า: 1 ... 249 250 [251] 252 253 ... 257
4501


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวมความคืบหน้า ทั้งการสมัคร จ่ายเงินสมทบ รวมถึงไทม์ไลน์การจ่ายเงิน "เยียวยาประกันสังคม" 5,000 บาทสำหรับผู้ประกันตน 40 และ มาตรา 39 รวมถึงความคืบหน้าของกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 รวมถึงรายละเอียดเพื่อไขข้อข้อใจว่าการเป็น "ผู้ประกันตนมาตรา 40" จะได้ประโยชน์อะไร แล้วจะเสียโอกาสใน "บัตรทอง" และ "บัตรคนจน" หรือไม่

ซึ่งในเรื่องนี้ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ชี้แจงถึงกรณีที่ผู้ถือบัตรทอง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน หรือสวัสดิการแห่งรัฐต่าง ๆ เมื่อสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 แล้ว ยืนยัน ไม่มีผลกระทบ และใช้สิทธิการรักษาพยาบาลร่วมกับบัตรทอง และสวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ ที่เคยได้รับได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ได้เพิ่ม เช่น มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย หรือสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท จากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย


ทั้งนี้ ใน 10 จังหวัดแรก ปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาแล้ว

แต่สำหรับ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา หากยังไม่ได้สมัคร หรือสมัครแล้วยังไม่ได้จ่ายเงินสมทบ ยังสามารถทำได้จนถึงวันที่ 24 ส.ค.64 (และจะไปได้เงินพร้อมกับ 16 จังหวัดที่ประกาศรอบล่าสุด) 

โดยผู้ประกันตนทั้งตามมาตรา 39 และ มาตรา 40 ใน 19 จังหวัด ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นผู้ประกันตน หรือสมัครแล้วยังไม่ได้จ่ายเงินสมทบ ซึ่งประกันสังคมขยายเวลาให้จ่ายเงินได้ถึงวันที่ 24 ส.ค.64 นั้น ในกลุ่มนี้ จะต้องรออัพเดทการโอนเงินอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็น "ผู้ประกันตนตามมาตรา 40" 

- ใช้บัตรประชาชนใบเดียว

- สมัครง่าย ๆ ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ www.sso.go.th 

- สมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11)

- เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

- เคาน์เตอร์บิ๊กซี (Big C)

เมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบได้ทันที หรือสมัครผ่านผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง 

ไทม์ไลน์จ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนกลุ่มต่างๆ ดังนี้  


ผู้ประกันตน ม.33 

16 จังหวัดหลัง ใน 9 กลุ่มอาชีพ โอนเงิน 20 ส.ค. 64 จำนวน 2,500

ผู้ประกันตน ม.39

10 จังหวัดแรก+3 จังหวัด โอนเงิน 23 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

ผู้ประกันตน ม.40 

10 จังหวัดแรก+3 จังหวัด โอนเงิน 24 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

ผู้ประกันตน ม.39-40 

16 จังหวัดหลัง โอนเงิน 24 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

4502


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในภูมิภาคยังสร้างความวิตกกังวลให้นักลงทุน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,442.51 จุด ลดลง 23.04 จุด หรือ -0.66%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,238.45 จุด ลดลง 42.72 จุด หรือ -0.16% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,241.32 จุด ลดลง 75.01 จุด หรือ -0.30%

ภาวะการซื้อขายในภูมิภาคยังคงถูกกดดันจากปัจจัยลบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อวานนี้ ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เมืองหลวงของรัฐบางแห่งยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในประเทศ

รายงานระบุว่า ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 754 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดมีจำนวนมากกว่า 41,000 ราย

ขณะที่เขตเมืองหลวงของออสเตรเลีย (ACT) ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ได้ขยายมาตรการดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 2 ก.ย. และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 16 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่ในกรุงแคนเบอร์ราขณะนี้อยู่ที่ 83 ราย มาตรการดังกล่าวส่งผลให้กรุงแคนเบอร์ราเป็นเมืองใหญ่อีกแห่งของออสเตรเลียที่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เช่นเดียวกับซิดนีย์ และเมลเบิร์น

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาควันนี้ นักลงทุนยังจับตาธนาคารกลางจีน (PBOC) เตรียมประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และประเภท 5 ปีในเช้าวันนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% และตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.65%

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) ของเกาหลีใต้และอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ก.ค.ในวันนี้ด้วย

4503


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร พัฒนาและยกระดับทำธุรกิจค้าขายสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยม เพื่อนำผลผลิตการเกษตรจากสมาชิกสหกรณ์หรือเกษตรกรทั่วไป                 ในพื้นที่ต่าง ๆ คัดเกรดคุณภาพมาบริการและจำหน่ายสู่ผู้บริโภค นอกเหนือจากธุรกิจปกติที่สหกรณ์รวบรวมผลผลิตและ                 ส่งจำหน่ายให้กับคู่ค้าประจำ ทั้งห้างโมเดินเทรดและพ่อค้าเอกชนเท่านั้น  
 

 ซึ่งกรมฯจะผลักดันให้สหกรณ์ยกระดับเป็น  ตลาดสินค้าเกษตรเกรดพรีเมี่ยม เป็นตลาดทางเลือกสำหรับให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและมีความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าจากสหกรณ์  โดยเฉพาะในยุคการค้าออนไลน์ที่ผู้ซื้อสามารถเข้าสั่งซื้อสินค้าได้  ทางอินเตอร์เน็ต คาดว่าแนวทางนี้จะช่วยส่งเสริมให้สหกรณ์การเกษตรเป็นตลาดสินค้าเกษตรกรคุณภาพที่แท้จริง                      สามารถคัดสรรสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตอบสนองผู้บริโภคซึ่งมีความต้องการสินค้าคุณภาพด้วยเช่นกัน


            “ ผมหวังว่าสหกรณ์จะเป็นตลาดสินค้าเกษตรพรีเมี่ยม ตลาดใหม่ และต้องดีกว่าทุกตลาดเพราะเป็นความร่วมมือของสหกรณ์และสมาชิกที่ต้องช่วยกันนำเสนอของดีให้กับผู้บริโภคที่ต้องได้ทานของดีเกรดส่งออก จากเดิมที่ประชาชนทั่วไปมักจะได้บริโภคสินค้าเกรดรอง  จนมีคำพูดที่ว่าคนไทยไม่ได้กินของดี ของเกรดส่งออกหากินยาก เป็นต้น “

            เดิมทีสหกรณ์การเกษตรได้มีการซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างกันในเครือข่ายสหกรณ์ หรือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกในช่วงฤดูผลไม้ราคาตกต่ำ  เป็นประจำเกือบทุกปี แต่นั่นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจากประสบการณ์เหล่านั้น ควรยกระดับมาทำเป็นธุรกิจปกติของสหกรณ์เลย สหกรณ์การเกษตรควรเข้าสู่การทำธุรกิจการค้าสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยมได้แล้ว  ภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริมสหกรณ์

  สินค้าเป้าหมายเบื้องต้น เช่น ข้าว  พืชผัก ผลไม้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือสินค้าเกษตรที่ผู้บริโภคสนใจจะสั่งซื้อจากสหกรณ์ทั่วประเทศ โดยกรมมีตัวอย่างสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จเช่น สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี  จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช  สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด และสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สามารถยกระดับการขายมังคุด เงาะ คัดเกรดคุณภาพ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ                 จนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ  และในปีที่ผ่านมาสหกรณ์การเกษตรสามารถรวบรวมผลไม้ได้กว่า 30,000 ตัน                   มูลค่ากว่า 789 ล้านบาท

 

 

            “กรมฯ พร้อมสนับสนุนสหกรณ์ที่ต้องการพัฒนาและยกระดับธุรกิจเข้าสู่รูปแบบดังกล่าวโดยสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ของกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.) นอกจากนั้น พร้อมที่จะประสานให้สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี จำกัด เป็นพี่เลี้ยงอบรมการทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ให้อีกทางหนึ่ง  “


อย่างไรก็ตามเป้าหมายสำคัญของโครงการนี้ก็เพื่อให้ขบวนการสหกรณ์เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสมาชิกตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับราคาสินค้าเกษตรของเกษตรกร ขณะที่สหกรณ์เหล่านั้นก็จะต้องเข้าไปช่วยส่งเสริมสมาชิกของท่านในการพัฒนาแปลง พัฒนาสวน พัฒนาไร่ เพื่อยกระดับเป็นแปลงการเกษตรที่ดีหรือจีเอพี  การยกระดับ    โรงคัดบรรจุหรือล้งเป็น GMP เพื่อคัดสรรนำผลผลิตคุณภาพสู่ผู้บริโภค

            ทั้งนี้ก่อนหน้ากรมส่งเสริมสหกรณ์ มีโครงการแก้ปัญหาระยะสั้นในช่วงราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ โดยการสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรภายในเครือข่ายสหกรณ์ด้วยกัน เช่น สหกรณ์การเกษตรที่ขายข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับสหกรณ์ที่จำหน่ายผลไม้ในภาคใต้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือโครงการแลกผลไม้กับข้าว                    เช่น สหกรณ์ในจังหวัดพะเยาและพิจิตร แลกข้าวกับมะม่วง สหกรณ์ในจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด แลกข้าวกับผลไม้                กับสหกรณ์ในภาคใต้ เป็นต้น  ช่วยกระตุ้นราคาสินค้าในพื้นที่ให้สูงขึ้น

 

  ผลจากการแลกเปลี่ยนระหว่างข้าวและผลไม้ ปริมาณกว่า 1,221.33 ตัน มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท สามารถดูดซับปริมาณและพยุงราคาผลผลิตของเกษตรกรผู้ผลิต   ไม่ให้ตกต่ำ ผู้บริโภคปลายทางได้บริโภคผลไม้ที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้จำหน่ายและผู้บริโภค

 

            ผลจากการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบัน ปริมาณผลผลิตมังคุดและเงาะของสมาชิกสหกรณ์และ                กลุ่มเกษตรกรในภาคใต้ ผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วกว่า 60 % ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด และคาดว่าปริมาณผลผลิตเงาะจะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ในส่วนของปริมาณผลผลิตมังคุดของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ยังคงเหลือปริมาณผลผลิตที่ต้องเก็บเกี่ยวอีกจำนวน 40 % คาดว่าจะสามารถจำหน่ายผลผลิตได้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งราคารับซื้อผลผลิตมังคุด ปรับตัวสู่ขึ้น จากช่วงเดือนกรกฎาคม ราคาอยู่ที่ 7-10 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 23 – 47 บาท ต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของมังคุด ทำให้สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่มีความพึงพอใจที่สามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เพิ่มสูงขึ้น

4504


นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อโรค โควิด-19 อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วย โควิด-19 ไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที ภาครัฐจึงได้นำแนวทางการรักษาแบบ Home Isolation หรือการรักษาตัวเองจากที่บ้านมาใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือผู้ป่วย โควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรง ได้เข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วขึ้น

ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ โควิด-19 ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวได้เข้าถึงการรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน สมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงได้มีแนวทางให้บริการกับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ โควิด-19 และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ให้เข้าถึงบริการ Telemedicine ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในเบื้องต้นได้รับความร่วมมือจากสมาคมนายหน้าประกันภัยไทยในการประสานงานกับผู้ให้บริการ Telemedicine พร้อมทั้งมอบหมายให้คณะทำงานของสมาคมฯ ประกอบด้วย นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการสมาคมฯ นายปิยะพัฒน์ วนอุกฤษฏ์ ประธานคณะกรรมการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และ นายวาสิต ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย เพื่อดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือกันระหว่าง สมาคมประกันวินาศภัยไทย ทรู ดิจิทัล และ Third Party Administration หรือ TPA ว่า เป็นบริการปรึกษาแพทย์ผ่านแอพพลิเคชัน True HEALTH สำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีกรมธรรม์ประกันภัย โควิด-19 ที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถเบิกค่าสินไหมทดแทนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมในบริการ Telemedicine สำหรับผู้เอาประกันภัย โควิด-19 มีจำนวน 16 บริษัท ได้แก่
1. บมจ.กรุงเทพประกันภัย
2. บมจ.เจมาร์ท ประกันภัย
3. บมจ.เดอะ วัน ประกันภัย
4. บมจ.ทิพยประกันภัย
5. บมจ.เทเวศประกันภัย
6. บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย
7. บมจ.ธนชาตประกันภัย
8. บมจ.นวกิจประกันภัย
9. บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์
10. บมจ.ฟอลคอนประกันภัย
11. บมจ.เมืองไทยประกันภัย
12. บมจ.วิริยะประกันภัย
13. บมจ.สินมั่นคงประกันภัย
14. บมจ.อาคเนย์ประกันภัย
15. บมจ.เอเชียประกันภัย 1950
16. บมจ.เอฟดับบลิวดีประกันภัย


ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ได้ง่าย ๆ จากทุกที่ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล พร้อมมอบประสบการณ์ดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบครบวงจร ทั้งพบหมอออนไลน์ รับยาที่บ้าน และ เคลมประกันได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยฟังก์ชันใหม่

ล่าสุด “เทเลเมดิเคลม” (TeleMediClaim+) ซึ่งความร่วมมือกับ สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ TPA ในครั้งนี้ ทรู เฮลท์ ต่อยอดฟังก์ชัน “เทเลเมดิเคลม” ไปอีกขั้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วย โควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่มีกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ของบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการ สามารถปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากชีวีบริรักษ์คลินิกเวชกรรม ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH ได้ทั้งในรูปแบบของการโทร แช็ต และวิดีโอคอล (VDO Call) พูดคุยกับแพทย์ได้จากทุกที่แบบเรียลไทม์

พร้อมมีบริการส่งยาตามใบสั่งแพทย์ถึงหน้าบ้านทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ และสามารถเคลมประกันเบิกค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ได้ทันที มั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งพลังในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรค โควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลและค่ายาด้วยความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย โควิด19

4505
ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้


ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70กู้ได้เต็ม
ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 กู้ได้สูง ก็ได้เต็ม เนื้อที่ 71 ตร.ว 6ห้องนอน 6 ห้องน้ำ หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้

ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์ 70 หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้

รายละเอียดบ้าน
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 71 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย277ตร.ม.
6ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ครัว 3ที่จอดรถ
ต่อเติมหลังคาที่จอดรถ หลังคาดาดฟ้า วิว360องศา
แอร์ 6 เครื่อง น้ำอุ่น 4 เครื่อง และเฟอร์นิเจอร์บางส่วน
พื้นบ้านปูกระเบื้องทั้งหลัง ประตูหน้าบ้านไม้แดง หน้าต่างไม้แดงมีกระจก
หน้าบ้านหันทิศเหนือ อากาศเย็น ร่มรื่น ไม่ร้อน
อยู่ซอยเทพารักษ์ 70 ใกล้ตลาดหนามแดง

สถานที่ทำเลใกล้เคียง
ใกล้รพ.สินแพทย์ ห่างสี่แยกศรีเทพา 2 กม.
สนามบินสุวรรณภูมิ
เมกาบางนา
บิ๊กซี บางพลี
โรงพยาบาลบางพลี โรงพยาบาลบางนา5
ตลาดป๋าเดช ตลาดร้อยชั่ง ตลาดสดบางพลี
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสุวรรณภูมิ โรงเรียนศรีดรุณ
วัดหนามแดง วัดหลวงพ่อโต

การเดินทาง
 ใกล้ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางด่วนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี ทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก
ใกล้รถไฟฟ้า BTS สำโรง รถไฟฟ้าสายสีเหลืองในอนาคต(กำลังสร้าง)
เข้าออกได้หลายทาง บางพลี ถ.เทพารักษ์ ถ.ศรีนครินทร์ ใกล้จุดทางขึ้นลง ทางด่วนกาญจนาภิเษก บางนา

ขายถูกกว่าทั่วไป สนใจติดต่อ ราคาขาย 3,990,000 บาท
สนใจติดต่อสอบถาม บริษัท เซ็นทรัล โฮม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
คุณ ปราณี แพงงาม (นี)
โทรศัพท์ : 096-0137052
Line : 0960137052
Phone : 02-968-7199
Office : 086-546-9741
Email :[email protected]

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://postasungha.com/ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารั/


คำค้น
ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70 กู้ได้เต็ม, บ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70กู้ได้สูง, บ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70, ขายบ้านเดี่ยวใกล้ตลาดหนามแดง, บ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70ขายถูกสุดในย่านนี้

4506


โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวนด์หลังคลายกังวลเฟดปรับลด QE ตัวเลขผู้ติดเชื้อไทยลดลง โดยวันนี้มองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้รับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณบวก

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้รีบาวนด์ฟื้นตัวขึ้นมาได้ หลังจากความกังวลการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มคลี่คลาย ซึ่งตลาดสหรัฐฯ และยุโรปได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้ว และให้จับตาการประชุมประจำปีของเฟดในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ว่าเฟดจะปรับลด QE หรือไม่

นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศวันนี้ต่ำกว่า 2 หมื่นรายในรอบ 10 วัน จากวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มีตัวเลขสูงสุดที่ 23,418 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบวก จะเป็นการสะท้อนมาตรการ lock down เห็นผล และเมื่อถึง 31 ส.ค.นี้รัฐบาลจะประเมินว่าจะผ่อนคลายได้หรือไม่

วันนี้มองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้รับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณบวก

ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดมา 6 วัน เข้าใกล้เขตรีบาวนด์ ทำให้อาจไม่กดดันกลุ่มพลังงานมาก

"ตลาดวันนี้เห็นการรีบาวนด์ และไม่หลุด 1,540 จุด และนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อวานนี้กว่า 500 ล้านบาท ตลาดน่าจะขึ้นทดสอบ 1,550 จุด"

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,540, 1,533 จุด แนวต้านที่ 1,550, 1,554 จุด

4507
แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แผนประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้า ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย


แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ แผนประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz  และ แผนประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่ายรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี

แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ แผนประกันสุขภาพ(ปลดล็อคอัลตร้า)
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า) ขยายวงเงินความคุ้มครอง ให้เลือกสูงถึง 15 ล้านบาทต่อปี
ขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ90 ปี
ขยายการดูแลด้านการรักษาสุขภาพ ด้วยวงเงินค่าฉีดวัคซีนและค่าตรวจสุขภาพประจำปี
ปลดล็อคค่ารักษาพยาบาลในห้อง ICU จ่ายให้ตามจริง
ปลดล็อคค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด จ่ายให้ตามจริง

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz, ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล) เพิ่มโอกาสรับเงินปันผลที่สูงขึ้น

มอบความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 115% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ครบกำหนดสัญญารับเงินคืน 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาท

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ถึง 10 ปี
ดูแลค่ารักษาเมื่อต้องพักรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุภายใน 24 ชม.
สามารถใช้บริการดูแลคุณยามพักฟื้น (Nursing Care) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Contact Mobile : 081-692-5514

Line ID : @life2insurance

Email : [email protected]

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://pantipmart.com/แผนประกันออมทรัพย์แบบม/


คำค้น

ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า), ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล), ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
 

4508


ความคืบหน้ามาตรการเยียวยาล็อกดาวน์ เยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ประกอบด้วย

กลุ่ม 10 จังหวัดแรก ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาสและ สงขลา

กลุ่ม 3 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา

กลุ่ม 16 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี   สมุทรสงคราม  สุพรรณบุรี   เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์  ราชบุรี  อ่างทอง  นครนายก  ปราจีนบุรี  ลพบุรี  ระยอง สิงห์บุรี   สระบุรี  นครราชสีมา  เพชรบูรณ์  ตาก 

ภายใต้เงื่อนไขผู้ประกันตนมาตรา 33 ลูกจ้างและ นายจ้าง ต้องประกอบอาชีพใน 9 กลุ่มกิจการที่รัฐบาลประกาศให้หยุด ปิดสถานที่ ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 และ ผู้ประกันตนมาตรา 40 ต้องประกอบอาชีพอิสระในพื้นที่ 29 จังหวัดและจ่ายเงินสมทบครบถ้วนตามเงื่อนเวลาที่กำหนด 


สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยไทม์ไลน์จ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนกลุ่มต่างๆ ดังนี้  


ผู้ประกันตน ม.33 

16 จังหวัดหลัง ใน 9 กลุ่มอาชีพ โอนเงิน 20 ส.ค. 64 จำนวน 2,500

ผู้ประกันตน ม.39

10 จังหวัดแรก+3 จังหวัด โอนเงิน 23 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

ผู้ประกันตน ม.40 

10 จังหวัดแรก+3 จังหวัด โอนเงิน 24 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

ผู้ประกันตน ม.39-40 

16 จังหวัดหลัง โอนเงิน 24 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

4509


สินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำดื่ม น้ำอัดลม ขนมบางหมวดฯ หายไปจากชั้นวางสินค้าหรือเชลฟ์ โดยเฉพาะเฉพาะนาทีทองช่วงเย็น ทำให้ผู้ผลิตออกมายอมรับ โรคโควิดระบาด กระทบสุขภาพพนักงาน ส่งผลต่อโรงงานและการผลิตสินค้า รวมถึงการขนส่งสะดุดบ้าง ฟาก “ปลากระป๋อง” แจงเหตุสินค้าขาดตลาด เกิดจากวัตถุดิบ “ปลาซาร์ดีน” ป้อนโรงงานไม่เพียงพอ เกิดทุกปีช่วงไตรมาส 3 คาดกลางไตรมาส 4 สถานการณ์ดีขึ้น 

แหล่งข่าวจากวงการสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า จากภาวะสินค้าจำเป็นหลายอย่างโดยเฉพาะ “ปลากระป๋อง” ขาดแคลนบนชั้นวางในห้างร้านต่างๆ  รวมถึงร้านสะดวกซื้อ เกิดจาก 2-3 ปัจจัยที่กระทบการผลิตสินค้า ประการแรก ตลาดปลากระป๋องในประเทศไทยเปลี่ยนแปลง เดิมปลาแมคเคอเรล เป็นสัดส่วนใหญ่สุด แต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา ปลาซาร์ดีน เข้ามากินสัดส่วนมากขึ้นเป็น 70-80% 

ทั้งนี้ วัตถุดิบปลาซาร์ดีนต้องนำเข้าจากต่างประเทศเกือบ 100% และไตรมาส 3 ของทุกปี ผู้ผลิตปลากระป๋องต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนัก จึงส่งผลต่อกำลังการผลิตและปริมาณสินค้าออกสู่ตลาด และ 2 ปีที่ผ่านมา การนำเข้า-ส่งออกต้องเจอวิกฤติขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิความเย็น ทำให้การส่งวัตถุดิบสะดุดหนักขึ้น 

นอกจากนี้ โรคโควิดที่ระบาดในไทย มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีโรงงานผลิตสินค้าใดมีพนักงานรอดพ้นการติดเชื้อไวรัส เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ต้องมีการปิดโรงงานเป็นเวลาหลายวัน และส่งผลให้กำลังการผลิตสินค้ารวมถึงปลากระป๋องลดลงเหลือ 60-70% บ้าง จากนั้นจึงฟื้นตัวกลับมา  เช่นเดียวกับการขนส่งและกระจายสินค้า เมื่อศูนย์กระจายสินค้าของร้านค้าพันธมิตรมีผู้ติดเชื้อไวรัส ทำให้การป้อนสินค้าเข้าร้านกระทบตามไปด้วย  


“วันนี้เป็น New Normal โรงงานมีพนักงานติดโควิด เพราะอุตสาหกรรมต้องใช้แรงงานผลิตสินค้า แต่บริษัทต้องบริหารจัดการให้กำลังผลิตกลับมา ขณะเดียวกันห้วงวิกฤติองค์กรต้องไม่ทอดทิ้ง ควรโฟกัสการดูแลพนักงานให้มากขึ้นเพื่อรอดและก้าวสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า เพราะอนาคตไม่รู้จะเจอบททดสอบอะไรที่หนักขึ้น”  

ส่วนด้านความต้องการของผู้บริโภคมีการปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากการซื้อปริมาณมากในแต่ละครั้งเพื่อเก็บไว้บริโภคช่วงอยู่บ้านมากขึ้น ยังมีหน่วยงานต่างๆซื้อไปบริจาคแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ผู้ป่วยกักตัวอยู่บ้านเช่นกัน 

“สินค้าที่ขาดบนเชลฟ์ เกิดจากทั้งซัพพลายเชนได้รับผลกระทบ แต่ปลากระป๋อง แตกต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงที่เผชิญกับการขาดแคลนวัตถุดิบปลาซาร์ดีนด้วย แม้ผู้ผลิตจะรู้สถานการณ์ทุกปีและวางแผนรับมือการผลิต แต่สภาพอากาศที่แปรปรวน มีผลต่อการจับปลา ปริมาณวัตถุดิบป้อนสู่ตลาดอยู่แล้ว จึงยืนยันว่าผู้ผลิตไม่มีการกัดตุนสินค้าแน่นอน เพราะการทำเช่นนั้นถือเป็นการฆ่าตัวเอง”  

ปัจจุบันปลากระป๋อง ยังเป็นสินค้าที่หายากในบางช่องทางจำหน่าย แต่แนวโน้มซัพพลายสินค้าจะเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าจะเป็นช่วงกลางไตรมาส 4 ภายใต้เงื่อนไม่มีเหตุการณ์โรคระบาดแทรกซ้อนอีกครัง   

“ภาพรวมปลากระป๋องไม่ขาดตลาด แต่อาจหาซื้อค่อนข้างยากทุกยี่ห้อ เพราะสินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้น แต่การผู้ผลิตไม่ได้ขายดีกว่าเดิม เนื่องจากวัตถุดิบหายาก”

4510
AllianzAyudhayaประกันสุขภาพแบบปลดล็อคอัลตร้า AllianzAyudhayaประกันสุขภาพแบบปลดล็อคข้อจำกัดขยายความคุ้มครองมากขึ้น

AllianzAyudhayaประกันสุขภาพแบบปลดล็อคอัลตร้า ประกันสุขภาพแบบปลดล็อคข้อจำกัดขยายความคุ้มครองมากขึ้น แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya และ แผนประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่ายรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี

แนะนำ AllianzAyudhayaประกันสุขภาพแบบปลดล็อคอัลตร้า แผนประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า)  AllianzAyudhayaประกันสุขภาพแบบปลดล็อคอัลตร้า ขยายวงเงินความคุ้มครอง ให้เลือกสูงถึง 15 ล้านบาทต่อปี
ขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ90 ปี
ขยายการดูแลด้านการรักษาสุขภาพ ด้วยวงเงินค่าฉีดวัคซีนและค่าตรวจสุขภาพประจำปี
ปลดล็อคค่ารักษาพยาบาลในห้อง ICU จ่ายให้ตามจริง
ปลดล็อคค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด จ่ายให้ตามจริง

ประกันสุขภาพแบบปลดล็อคข้อจำกัดขยายความคุ้มครองมากขึ้น
ประกันสุขภาพประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล)
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล) เพิ่มโอกาสรับเงินปันผลที่สูงขึ้น
มอบความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 115% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ครบกำหนดสัญญารับเงินคืน 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาท
ประกันสุขภาพแบบปลดล็อคข้อจำกัดขยายความคุ้มครองมากขึ้น

ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ถึง 10 ปี

ดูแลค่ารักษาเมื่อต้องพักรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี

คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุภายใน 24 ชม.

สามารถใช้บริการดูแลคุณยามพักฟื้น (Nursing Care) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Contact Mobile : 081-692-5514
Line ID : @life2insurance
Email : [email protected]


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.banforum.com/?p=14570

คำค้น
AllianzAyudhayaประกันสุขภาพแบบปลดล็อคอัลตร้า, ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า), ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล), ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
 

4511


ราคาทองถูกกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกว่า เฟดอาจทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และจะเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอีและเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นอกจากนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลดคิวอีดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลดคิวอีได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอี ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

“ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด” นายแคลริดากล่าว

“หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้” เขากล่าว

ทางด้านนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.

--------------------------------
'บิตคอยน์'บวกเคลื่อนไหวที่ 44,000 ดอลล์

ราคาบิตคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 06.10 น.ของวันนี้ (19ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 0.65% เคลื่อนไหวที่ 44,836.94 ดอลลาร์

4512


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 282.12 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 35,343.28 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 31.63 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 4,448.08 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 137.58 จุด หรือ 0.93% ปิดที่ 14,656.18 จุด


กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.1% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3%

ยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนก.ค. โดยรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมทั้งการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดอายุลง

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ดิ่งลง 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย.


ดัชนีดาวโจนส์ยังถูกกดดันจากการร่วงลงกว่า 4% ของราคาหุ้นโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ซึ่งแม้เปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทเปิดเผยว่า ลูกค้าที่เดินทางเข้าร้านเพื่อซื้อสินค้าประเภท DIY หรือ do-it-yourself มีจำนวนลดลงถึง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว


นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตก หลังสหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนส.ค.

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (เอ็นเอเอชบี) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 5 จุด สู่ระดับ 75 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563

การร่วงลงของดัชนีความเชื่อมั่นมีสาเหตุจากสต็อกบ้านที่มีจำกัด การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองทั่วไปที่เป็นบวก โดยดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้าทรงตัวที่ระดับ 81 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในปัจจุบันร่วงลงสู่ระดับ 60

ขณะเดียวกัน ตลาดกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และจะเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว

4513


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังว่า จากความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมในระดับที่มีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 นี้ จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า COVID-19 สายพันธ์เดลต้าที่กำลังระบาดในบางประเทศขณะนี้ อาจส่งผลให้แผนการเปิดประเทศล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนแต่แนะนำให้นักลงทุนทำการลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยแนะนำให้มีการกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์เพื่อเป็นการลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวม ด้วยการจัดพอร์ตการลงทุนในรูปแบบ Risk Target Fund ตามระดับความเสี่ยง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แนะนำกองทุนผสมจำนวน 3 กองทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์โดยคำนึงถึงระดับความเสี่ยงของตนเอง และสามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว กองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนในตราสารที่หลากหลาย อาทิ ตราสารหนี้ หุ้น เงินฝาก กองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ พร้อมทั้งกำหนดมูลค่าความเสี่ยง (VaR หรือ Value-at-Risk) ให้อยู่ในกรอบที่กำหนด โดยทั้ง 3 กองทุนนี้ ประกอบด้วย

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 2 (SCBSMART2) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนดประมาณ -5% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 25% และลงทุนเฉพาะในประเทศไทย โดยกองทุนนี้ได้เปิดให้นักลงทุนได้ลงทุนได้เลือกลงทุนถึง 3 Share Class ได้แก่ 1) SCBSMART2 - ชนิดจ่ายเงินปันผล 2) SCBSMART2A - ชนิดสะสมมูลค่า และ 3) SCBSMART2-SSF – ชนิดกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุน ซึ่งรวมถึงการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากการลงทุน 

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 3 (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBSMART3) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ประมาณ -10% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 34% รวมทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 35% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBSMART3 จัดเป็นกองทุน 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Moderate Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564)

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 4 (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBSMART4) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ประมาณ -15% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 43% รวมทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 36% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBSMART4 จัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Moderate Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564) ทั้งนี้ กองทุน SMART3 และกองทุน SMART4 อาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงแรกความกังวลต่อการระบาดของ COVID-19 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจะมีอิทธิพลต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังคงทรงตัวในระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการติดเชื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นจนระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ ในขณะที่การกระจายการฉีดวัคซีนยังคงล่าช้าทำให้โอกาสการกลับมาเปิดประเทศในช่วงปลายปียังมีความท้าทายอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนก.ค.การฉีดวัคซีนจะมีการเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในเรื่องการลดวงเงินอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ สงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และเสถียรภาพของรัฐบาลจากการชุมนุมประท้วงที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับตราสารหนี้ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวได้ปรับลดลงมาค่อนข้างมาก โดยล่าสุดอยู่ในกรอบประมาณ 1.3 – 1.4% ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนระยะยาวอาจปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน FED เริ่มพิจารณาการลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ (QE) และแนวโน้มการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศหลัก ๆ มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นและยังคงเป็นปัจจัยบวกในระยะถัดไป

ในส่วนของตลาด REITs และ Infra จะสามารถกลับมา outperform ตลาดหุ้นโลกด้วยธีม recovery จากภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยหลัก ๆ อาทิเช่น การเปิดเมืองในบางประเทศที่มีแนวโน้มเป็นไปค่อนข้างเร็ว รวมถึงผลประกอบการของ REIT ทั่วโลกที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 ปี 2563 กำลังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากการปรับประมาณการ Earnings ของ REIT ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นหลังจากเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown เป็นต้น
 

4514



หากกำลังป่วยหรือรู้สึกไม่แข็งแรง การดูแลความสมดุลของร่างกายผ่านการออกกำลังกาย พักผ่อนและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์คือหนทางสู่การฟื้นฟูสุขภาพดี สำหรับผิวพรรณเองก็เช่นกัน ในช่วงที่ผิวดูพรรณอ่อนล้าไม่แข็งแรง หรือดูแก่ก่อนวัยไม่เหมือนเก่า เรายิ่งต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลแก่ผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและตรงจุด
 

ขอแนะนำ Vital Skin Strengthening Super Serum เซรั่มช่วยฟื้นฟูดูแลผิวอ่อนล้าจาก Kiehl’s ตัวช่วยกอบกู้ผิว มอบความชุ่มชื้นคืนสู่ผิวหน้า ช่วยกระชับรูขุมขน พร้อมความสามารถกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เน้นทวงคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวกลับมาเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดี  

ผสานพลังจากส่วนผสมหลัก 11KDA HYALURONIC ACID ซึ่งทำหน้าที่สร้างเกราะคุ้มกันแก่ผิวและสมุนไพรปรับสมดุลนานาชนิด (ADAPTOGENIC HERB) เซรั่มบำรุงผิว จาก Kiehl’s ขวดนี้มีประสิทธิภาพอันทรงพลังช่วยกอบกู้ผิวแย่ ผิวอ่อนล้า ให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ถึงร้อยละ 40 ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
  • สร้างเกราะคุ้มกันผิวด้วย 11KDA HYALURONIC ACID  (ไฮยาลูโรนิกแอซิด ขนาด 11 กิโลดัลตัน) —สูตรผสมสำคัญทางคลินิกในเซรั่ม Kiehl’s ที่มีขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเน้นการส่งต่อความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวเพื่อเสริมความแข็งแรงในการเตรียมผิวชั้นนอกให้พร้อมทำหน้าที่เป็นเกาะคุ้มกันต่อภัยคุกคามที่อาจเข้ามาทำร้ายชั้นผิวที่เปราะบาง 

  • สมุนไพรปรับสมดุล (ADAPTOGENIC HERB) — คือส่วนผสมจากสมุนไพรนานาชนิด อาทิ กลีเซอรีนจากปาล์ม rapeseed schisabdra berry หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมี holy basil เน้นช่วยเรื่องผิวกระชับสวย พร้อมด้วย red ginger ช่วยลดการอักเสบ เช่น ปัญหารอยแดงหรือหมองคล้ำ ทาง Kiehl’s ใช้ความพิถีพิถันคัดสรรส่วนผสมเหล่านี้ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารสกัดในตัวผลิตภัณฑ์กระตุ้นความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิวให้ทำงานได้ดีขึ้น เพื่อผลลัพธ์เป็นผิวชุ่มชื้นแข็งแรง มีความยืดหยุ่น อิ่มฟู พร้อมกระตุ้นการทำงานของผิวชั้นนอกในการปกป้องผิวชั้นในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวสุขภาพดีที่ดูชุ่มชื้น เรียบเนียน นุ่มเด้ง และเปล่งปลั่งอย่างที่ต้องการ ทาเซรั่มคีลส์ขวดแดงนี้ให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำในช่วงเช้าและก่อนนอน โดยทาหลังการล้างหน้าและปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์แล้ว ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัครจำนวน 58 คน หลังการใช้ผลิตภัณฑ์พบว่าผู้เข้าการทดสอบร้อยละ 90 มีผิวที่ดูเรียบเนียนขึ้น ร้อยละ 94 สัมผัสได้ถึงผิวเนียนนุ่มอ่อนโยน และอีกร้อยละ 80 ล้วนพึงพอใจกับผิวสวยดูอ่อนเยาว์

ผลิตภัณฑ์มาในรูปขวดปั๊ม ธีมสีขาวแดงทันสมัย เนื้อเซรั่มสีขาวขุ่น บางเบา ซึมซาบไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ ให้กลิ่นสมุนไพรหอมอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดความเหนื่อยล้า

4515


วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ภายนหลัง ผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย va.com]ผลรางวัลที่ 1 คือเลข 046750 เลขหน้า 3 ตัว คือ 421 และ 666 เลขท้าย 3 ตัว คือ 160 และ 355 ส่วนเลขท้าย 2 ตัว คือ 23

โดย แม่น้ำหนึ่ง ภิรดา ธนโชติจินดา กูรูเลขเด็ดชื่อดัง ที่ให้แนวทางเลขเด็ดแม่นยำต่อเนื่องมาหลายงวด ซึ่งในงวดนี้ก่อนการออกรางวัล แม่น้ำหนึ่งก็ได้ให้แนวทางไว้หลายครั้ง ล่าสุดคือไลฟ์ในคืนก่อนวันหวยออก โดยเลขที่แม่น้ำหนึ่งได้เขียนเลขใส่กระดาษ ขณะที่ก่อนหน้า เจ้าตัวก็ยังไลฟ์เล่าเรื่องความฝันที่เห็นพญานาคว่ายน้ำ รวมทั้งเหตุการณ์ที่ตนเองพบรายประหลาดบนตู้คอนเทนเนอร์หน้าองค์ปู่นาคาอนันตนาคราช มหาโภคทรัพย์ แต่หลังผลการออกรางวัลออกมา พบว่าเลขเด็ดที่ได้ให้แนวทางไว้ ไม่ตรงสักเลข

ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอโทษแฟนคลับสั้นๆ โดยระบุว่า "งวดนี้หลุด งวดหน้าเจอกันเด้อจ้า" ขณะที่เหล่าแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจแม่น้ำหนึ่งเป็นจำนวนมาก

4516


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยถือเป็นเหรียญทองแห่งความสุขและความภาคภูมิใจหนึ่งเดียวของประเทศไทยที่ได้จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ นับเป็นเหรียญทองเหรียญที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ และเป็นเหรียญทองเหรียญแรกที่ได้จากการแข่งขันกีฬาเทควันโดอีกด้วย ในวันนี้ (16 สิงหาคม 2564) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน จึงได้มอบเงินรางวัลพิเศษรวม 4,000,000 บาท ให้แก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอน ที่มุ่งมั่นทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักจนนำมาซึ่งความสำเร็จได้ในที่สุด โดยมีรายละเอียด ดังนี้​ 1.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 3,000,000 บาท ให้แก่ “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กก. หญิง


2.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ “น้องจูเนียร์” นายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 58 กก. ชาย

3.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ “โค้ชเช” ชเว ย็อง-ซ็อก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย

โดยหลังจากรับมอบเงินรางวัลแล้ว ทั้ง 3 คน ยังได้นำเงินรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ แบ่งไปเก็บออมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ด้วยการซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท โดยน้องเทนนิสซื้อสลากจำนวน 200 หน่วย หรือมูลค่า 1 ล้านบาท ขณะที่​ โค้ชเช และน้องจูเนียร์ ซื้อสลากคนละจำนวน 20 หน่วย หรือ 100,000 บาท ซึ่งทุกหน่วยจะได้สิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลสูงสุดมูลค่า 1 ล้านบาท/หมวด พร้อมด้วยรางวัลอื่น ๆ รวมถึงรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว รางวัลเลขสลับเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว ลุ้นรางวัลได้ต่อเนื่องนาน 24 เดือน และยังได้รับผลตอบแทนหน้าสลาก 0.40% ต่อปี นอกจากนี้ดอกเบี้ยและเงินรางวัลยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย

“ธอส. ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ได้ให้การสนับสนุนปีละ 17 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 260 ล้านบาท รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยพัฒนาวงการกีฬาเทควันโดให้โดดเด่น และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีการแข่งขันระดับโลกมากกว่า 160 รายการ รวมถึงการคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโด ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 มาได้สำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นการทำให้คนไทยมีความสุขท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะนี้ และ ธอส. ยืนยันว่าพร้อมให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโด แห่งประเทศไทยในการพัฒนาวงการกีฬาเทควันโดต่อไป เพื่อนำความภาคภูมิใจให้กับคนไทยให้ได้อย่างต่อเนื่อง”นายฉัตรชัย กล่าว

นอกจากการสนับสนุนทางด้านกีฬาให้กับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยแล้ว ธอส. ยังคงมุ่งมั่นตามภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ตลอดระยะเวลาเกือบ 68 ปี ธนาคารสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ทั้งทางด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์/ศาสนา/ศิลปวัฒนธรรม

4517


เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลพิเศษให้แก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่สำนักงานใหญ่ ธอส. โดยมี นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. และคณะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารฯ พร้อมด้วยทีมเทควันโดไทย

นำโดย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, "น้องเทนนิส" เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020 รุ่น 49 กก.หญิง, "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี จอมเตะรุ่น 58 กก.ชาย, "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอน และ "โค้ชชิต" นายวิชิต สิทธิกัณฑ์ ผู้ฝึกสอน ร่วมในพิธี

สำหรับพิธีมอบรางวัลพิเศษให้แก่ทีมเทควันโดไทยในครั้งนี้ คณะผู้บริหารของ ธอส. ได้มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 3 ล้านบาท ให้กับ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รวมทั้งมอบเงินรางวัลพิเศษ 5 แสนบาท ให้กับ รามณรงค์ เสวกวิหารี และ 3 มอบเงินรางวัลพิเศษ อีก 5 แสนบาท ให้กับ โค้ชเช ยอง ซอก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4 ล้านบาท

นายยุทธนา หยิมการุณ กล่าวว่า "น้องเทนนิส" สามารถคว้าเหรียญทองเหรียญประวัติศาสตร์เหรียญแรกของกีฬาเทควันโด จากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ธอส. ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดฯ มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 16 ปี โดยให้การสนับสนุนปีละ 17 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 260 ล้านบาท รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาคมฯ พัฒนาวงการเทควันโดให้โดดเด่น สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในเวทีการแข่งขันระดับโลกมากกว่า 160 รายการ รวมถึงการคว้าเหรียญทอง "โตเกียวเกมส์" มาได้สำเร็จ ทำให้คนไทยมีความสุขท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ และยืนยันว่าเราพร้อมสนับสนุนสมาคมฯ ในการพัฒนาวงการเทควันโดต่อไป

"น้องเทนนิส" กล่าวว่า ขอขอบคุณ ธอส. ที่ได้สนับสนุนสมาคมฯ และนักกีฬาเทควันโดไทย มาอย่างยาวนาน จนประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองที่รอคอยร่วมกัน เงินรางวัลที่ได้รับตั้งใจจะมอบให้กับคุณพ่อสิริชัย เอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว โดยปีที่แล้วซื้อบ้านให้พ่อ จึงยังต้องผ่อนบ้านอยู่ ส่วนหนึ่งจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาในอนาคต ที่สำคัญจะเก็บเป็นเงินออมไว้ด้วยเพราะเชื่อว่าหากเรามีเงินเก็บไว้ นอกจากจะเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินแล้ว เงินออมยังมีผลตอบแทนด้วย ส่วนจะเอาไปลงทุนทำอะไรในอนาคตนั้นก็ต้องปรึกษากับพ่อก่อน

"หนูตั้งใจว่าจะเก็บเป็นเงินออมทรัพย์กับ ธอส. เพราะถือว่าเป็นวิธีการเก็บเงินที่ดีที่สุด โดยหนูตั้งใจว่าอยากจะซื้อสลาก ธอส. สัก 1 ล้านบาท อีกด้วย" น้องเทนนิส กล่าว

ขณะที่ "โค้ชเช" และ "จูเนียร์" ได้ซื้อสลากออมทรัพย์กับ ธอส. คนละ 1 แสนบาท อีกด้วย

ส่วน "บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ กล่าวว่า เป้าหมายต่อไปคือโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเราต้องเดินหน้าเตรียมแผนงานกันทันทีเพราะเหลือเวลาไม่มาก ขณะที่ "น้องเทนนิส" ยืนยันมีความพร้อมเต็มที่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือจะพยายามคว้าเหรียญทองมาให้ได้อีกสมัย.

4518


นิตยสาร Forbes เลือก“โลกา” สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแท็กซี่ผ่านแอพของลาว เข้าในทำเนียบ 100 บริษัทในเเอเชียที่ต้องจับตา เหตุสามารถสร้างรายได้เพิ่มแม้เจอวิกฤตโควิด-19

วันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์นิตยสาร Forbes ได้เผยแพร่ทำเนียบ 100 บริษัทในเอเซียที่ต้องจับตา โดย 1 ในนั้นมีบริษัทโลก้า ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของลาว ติดอยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วย ถือเป็นธุรกิจขนาดย่อมแห่งแรก ของลาวที่ได้ขึ้นมาติดทำเนียบระดับโลก

ทำเนียบ 100 บริษัทที่ต้องจับตาจัดทำโดยทีมงาน Forbes เอเซีย โดยคัดเลือกจากกิจการขนาดย่อมและบริษัทสตาร์ทอัพกว่า 900 บริษัทในเอเซีย ที่มีผลประกอบการเติบโตขึ้นท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย Forbes จะตีพิมพ์รายละเอียดของบริษัททั้งหมดในทำเนียบนี้ลงในนิตยสาร Forbes ฉบับเดือนสิงหาคม 2564

เหตุผลที่ Forbes เลือกโลกาเข้ามาในทำเนียบ 100 บริษัทในเอเชียที่ต้องจับตา

บริษัทโลกาทำธุรกิจให้บริการแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารโดยผ่านแอปพลิเคชั่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยนายสุลิโย วงดาลา นักธุรกิจหนุ่มที่เติบโตมาจากสายเทคโนโลยี่และการสื่อสารในลาว ปัจจุบันโลกามีให้บริการอยู่ใน 3 แขวง คือนครหลวงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง และจำปาสัก

เหตุผลที่ให้ Forbes เลือกโลกาเข้ามาอยู่ในทำเนียบนี้ เนื่องจากบริษัทสามารถปรับแผนการตลาดเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 โดยตัดสินใจเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จากเดิมที่ให้บริการแก่นักนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลักในช่วง 2 ปีแรก มาให้บริการแก่คนลาว โดยใช้จุดขายเรื่องความสะดวกและปลอดภัย และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

การตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศในลาวจะหายไปทั้ง 100% จากโควิด-19 นอกจากนี้ รายได้ของโลก้ายังเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงที่โควิด-19 ยังไม่ระบาด จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่

ปัจจุบัน นอกจากให้บริการแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชั่นโดยมีรถให้บริการอยู่ประมาณ 500 คัน ใน 3 พื้นที่แล้ว โลกายังขยายกิจการออกไปอีกหลายแขนง ได้แก่ ธุรกิจโฆษณาเคลื่อนที่ โดยใช้รถแท็กซี่เป็นสื่อ ธุรกิจซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์ ธุรกิจขนส่งสินค้า รวมถึงให้บริการรถรับส่งพนักงานแบบเหมาเป็นรายเดือนสำหรับองค์กร

ก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม 2562 นายสุลิโย วงดาลา เคยนำโมเดลธุรกิจของโลกา มาร่วมแข่งขันในรายการ Mekong Innovative Startups in Tourism ในกรุงเทพ ซึ่งมีธุรกิจสตาร์ทอัพจากหลายประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเข้าร่วม โดยบริษัทโลกาได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1

หน้า: 1 ... 249 250 [251] 252 253 ... 257